บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1364: ดาบนี้ดี ทว่ากลับอยู่ผิดมือ
………………..
ตอนที่ 1364: ดาบนี้ดี ทว่ากลับอยู่ผิดมือ
ค่ายกลดาบคำรามลั่น แสงเซียนสาดส่องตระการ
ทุกผู้ล้วนประหวั่นพรั่นพรึง
ใครเล่าจะคาดคิดว่าในถิ่นปกครองตระกูลอวิ๋นโบราณจะมีค่ายกลดาบวิถีเซียนร้ายกาจเช่นนี้อยู่?
“ตลอดกาลผ่านมา ตระกูลข้าไม่เคยเข้ายุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งในโลกหล้าและอยู่นิ่งเฉยมานานเกินไปจริง ๆ ยามนี้ การตายของเจ้าทัศนาจารย์จะสำแดงแสนยานุภาพของเราสู่โลกหล้า!”
อวิ๋นฮ่วนเทียนกล่าวเสียงเรียบ
สีหน้าของเขาดูภาคภูมิ
เขากล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มทันที “แน่นอน การที่วันนี้ข้าสามารถใช้ ‘ค่ายกลสามสิบหกดาบเซียนไร้เทียมทาน’ กักขังสังหารทัศนาจารย์ได้ก็ต้องขอบคุณความช่วยเหลือจากทั้งสองท่านนี้ หลังทัศนาจารย์ตายตก เคล็ดวัฏสงสารของเขาจะแบ่งปันกับโรงดาบเทพลี้ลับด้วยแน่นอน”
ข้างกายเขา เว่ยฉางฝู่และหร่วนไฉ่จือล้วนเสสรวล
ขณะนี้ เหล่ายอดฝีมือตระกูลอวิ๋นนั้นเดือดพล่านอย่างแสนตื่นเต้น
“ถึงเขาทัศนาจารย์จะแข็งแกร่งสะเทือนสวรรค์เพียงไร เขาก็จะตายอนาถในตระกูลข้าอยู่ดี!”
“ศึกแท่นนภาม่วงทำให้เขาเป็นดุจเทพสวรรค์ และวันนี้ก็ถึงกาลร่วงโรยแล้ว!”
“ข้าเดาได้เลยว่าคลื่นในโลกหล้าจะร้ายแรงเช่นไรเมื่อรู้ว่าทัศนาจารย์ตายด้วยน้ำมือตระกูลข้า”
คนสกุลอวิ๋นทั้งหลายระบายความในใจ เย้ยเยาะออกมาอย่างไร้สำรวม
กระทั่งอวิ๋นเฉาเฟิงยังอดหัวเราะลั่นนภามิได้ “เทพตราบนิรันดร์? ถุย! ตรงหน้าตระกูลอวิ๋นของพวกข้า สุดท้ายก็แค่ไก่กาหมาบ้าน จะเชือดยามใดก็ย่อมได้!”
เมื่อเหล่าแขกซึ่งอยู่ห่างออกไปได้เห็นเช่นนี้ พวกเขาก็เงียบไปอย่างอดไม่ได้
ก่อนหน้านี้ ทัศนาจารย์เลิศล้ำทรงพลังเพียงไร กระทำตนเยี่ยงสัญจรในแดนไร้ผู้คน
ทว่าเพียงพริบตา เขาก็ติดอยู่ในค่ายกลดาบวิถีเซียน กลายเป็นสัตว์ร้ายในกรงขัง
ความไร้จีรังแห่งโลกหล้าเป็นเช่นนั้นเอง
หลีจงแค่นเสียงอย่างเย็นชาสะท้อนทั่วผืนฟ้าแดนดิน
ทุกผู้ล้วนเงยหน้ามองอย่างเผลอตัว
อำนาจร้ายกาจในค่ายกลดาบวิถีเซียนทะลักไหล วิถีดาบเจิดจรัสสะเทือนขวัญทั้งสามสิบหกโบยบิน คมกริบเยี่ยงสายฟ้าฟาดฟันซูอี้อย่างต่อเนื่อง
ทุกการโจมตีล้วนน่าสะพรึงกลัว
ทว่าการล้อมโจมตีนี้ถูกซูอี้รับไว้ได้หมด!
ร่างของเขาดุจประกายแสงวูบไหวพริบตา ดาบแห่งโลกาฟาดฟันต่อเนื่อง หยุดการโจมตีอันตรายเกินคาดเดาหนแล้วหนเล่า
ดูเหมือนจะเป็นการหลบเลี่ยงต่อเนื่อง สภาพค่อนข้างทุลักทุเล ทว่ากลับไร้รอยขีดข่วนใด ๆ!
ภายนั้นทำให้ทุกผู้ผงะ
อวิ๋นฉางหง อวิ๋นฮ่วนเทียนและคนอื่น ๆ ขมวดคิ้ว
การจะสร้างค่ายกลดาบวิถีเซียนนี้ขึ้นมาได้ ตระกูลของพวกเขาต้องใช้วัตถุดิบจุติสรวงไม่อาจทราบจำนวน นอกจากนั้นยังมีสมบัติหายากในวิถีเซียนปนอยู่หลายอย่าง!
อำนาจเช่นนั้นอาจไม่สามารถเทียบค่ายกลเซียนซึ่งควบคุมโดยเซียนได้ แต่การสังหารตัวตนในขอบเขตจุติมงคลทั่วโลกหล้านั้นไร้ซึ่งปัญหา
ทว่ายามนี้ ซูอี้ผู้ถูกค่ายกลนี้กระหน่ำโจมตีกลับมิตายตก!
เกินความคาดหมายอย่างจริงแท้
“อย่าลืมเสียว่า ณ ศึกแท่นนภาม่วง บุคคลในขอบเขตจุติมงคลหลายสิบคนร่วมมือกับทายาทเซียนฝูตงหลี ทว่าก็ยังไม่อาจปราบคนแซ่ซูผู้นี้ลงได้ มิแปลกหรอกหากจะยื้อได้จนยามนี้”
เว่ยฉางฝู่เสสรวลกล่าว “บางทีคงจริงอยู่ที่ค่ายกลดาบวิถีเซียนครึ่ง ๆ กลาง ๆ นี้ลำพังอาจหยุดทัศนาจารย์มิได้ ทว่าข้าอยากให้เขาตาย… อย่างไม่ง่ายนักนี่?”
“วันนี้ ข้าจะให้ทัศนาจารย์ได้เห็นสมบัติเซียนคุ้มสำนักโรงดาบเทพลี้ลับของข้าหน่อย!”
กล่าวจบ เขาก็เก็บรอยยิ้ม เปลี่ยนสีหน้าเป็นเคร่งขรึมจริงจัง
“ขึ้นมา!”
เว่ยฉางฝู่ตะโกนอย่างเลือนลั่น
ทันใดนั้น กล่องดาบสีม่วงซึ่งเขาแบกไว้ก็สั่นสะเทือน เปล่งแสงเซียนเฉิดฉายสีม่วงย้อมทั่วฟ้าดิน
จากนั้น ดาบเซียนเล่มหนึ่งก็ทะยานสู่เวหา
ชั่วขณะนั้น ทุกผู้ราวกับได้เห็นดวงตะวันสีม่วงเคลื่อนสู่เวหา จรัสแสงเจิดจ้าทั่วโลกหล้าแดนสรวง
อำนาจดาบร้ายกาจบดขยี้ท้องนภา สั่นสะเทือนแดนดินทั่วทศทิศ
กระทั่งเขาศักดิ์สิทธิ์ประกายทองใต้เท้าเขายังสะเทือนเคลื่อนไหว
ทุกผู้รู้สึกหนังศีรษะชาวูบวาบ หัวใจกระตุกสั่น
อย่าว่าถึงตัวตนในขอบเขตราชันแห่งภูมิเลย กระทั่งตัวตนในวิถีจุติสรวงยามนี้ยังพากันอ้าปากค้าง สัมผัสถึงแรงกดดันปะทะหน้า ร่างเกร็งอย่างไม่รู้ตัว
“นี่คือดาบเซียนจื่ออิ่งของสำนักท่านหรือ?”
อวิ๋นฮ่วนเทียนดูตะลึง
ท่ามกลางแสงเซียนสีม่วงใต้ท้องนภา หนึ่งดาบลอยค้างดุจอสนีจรัสแสง โปรยปรายแสงเยี่ยงน้ำตกพากันตะลึงทั่วหล้า
ทุกผู้ล้วนตะลึงหัวใจสั่นคลอน
นี่คือสมบัติเซียนอย่างแท้จริง!
“ที่แท้ก็เป็นดาบนี่…”
ม่านตาของหลีจงหดตัว หัวใจจุกคอ
ดาบเซียนจื่ออิ่ง หนึ่งในดาบเซียนคุ้มสำนักของหอดาบเทพลี้ลับ ลือกันว่าเซียนหลายคนในสำนักร่วมมือกันตีขึ้น ในวันที่ดาบสำเร็จ วจีดาบสะท้อนทั่วเก้าชั้นสรวง แสงดาบสีม่วงพร่างพรมเยี่ยงพิรุณ ปกคลุมทั่วท้องนภาสามวันเต็ม ๆ!
นี่คือสมบัติเซียนโดยแท้จริง คมกริบทรงพลัง สังหารศัตรูทั้งมวลใต้ขอบเขตเซียนได้!
นับแต่โบราณกาล หอดาบเทพลี้ลับใช้ดาบนี้สังหารศัตรูร้ายทั่วโลกหล้ามามิอาจคณานับ ทำให้ดาบนี้ลือลั่นทั่วแดนดิน
หลังกาลผ่านแสนนาน ดาบนี้ก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง ณ ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ประกายทองของตระกูลอวิ๋น!
หลังจากชื่นชมสีหน้าตะลึงอึ้งของทุกผู้ เว่ยฉางฝู่ก็อดยิ้มน้อย ๆ ขณะลงมือมิได้
ตู้ม!
ดาบจื่ออิ่งทะยานพุ่งแสงเซียนโปรยอสนีบาตสีม่วง ปรากฏในมือเว่ยฉางฝู่ในทันที
“ทุกท่าน โปรดรับชมข้าหักกระดูกทัศนาจารย์ ให้เขาคุกเข่าร่ำไห้ขอขมา”
เว่ยฉางฝู่กล่าวอย่างเรียบเฉย
เขากล่าวจบก็ก้าวยาว ๆ สู่เวหา ทะยานเข้าไปในค่ายกลดาบวิถีเซียน
หัวใจทุกผู้รัดตัวแน่น ลมหายใจถูกกลั้นเก็บ เกรงจะพลาดรายละเอียดใด ๆ ไป
ทว่าทุกผู้ก็ต้องตะลึงเมื่อซูอี้ผู้ติดอยู่ในค่ายกลพลันพูดขึ้นว่า “ข้าแนะนำให้เจ้าเก็บดาบนี้ไป อย่าใช้มันจะดีกว่า”
เว่ยฉางฝู่อดเสสรวลกล่าวมิได้ว่า “ทัศนาจารย์กลัวหรือไร? ข้านึกว่าเจ้าจะไม่กลัวความตายจริง ๆ เสียอีก!”
เสียงของเขาเย้ยหยันกระแทกกระทั้น
ซูอี้ได้ยินเช่นนี้ก็ขมวดคิ้ว “ข้าเกรงว่าเจ้าจะไม่อาจรักษาดาบนี้ไว้ได้ หากถูกทำลายไปก็น่าเสียดายแย่น่ะ”
เว่ยฉางฝู่พลันรู้สึกขำขันราวกับได้ยินเรื่องตลกชวนจี้เส้น “ก็ลองทำลายดาบนี้ให้ข้าดูหน่อยประไร!”
ซูอี้ลอบถอนใจ ดาบนี้ดี ทว่ากลับอยู่ผิดมือ!
เขามิได้ปัดป้องใด ๆ
ในสายตาคนนอก การกระทำของซูอี้ดูสิ้นกำลังต่อต้าน ทำได้เพียงต้องอยู่เฉย
คนเช่นอวิ๋นฉางหง อวิ๋นฮ่วนเทียนและคนอื่น ๆ อดแสดงความเวทนาอย่างช่วยไม่ได้
ทว่ายามนี้เอง
เงามายาของดาบเล่มหนึ่งพุ่งออกมาจากร่างของซูอี้!
อำนาจดาบสูงสุดกวาดทะยาน
ดาบเก้าคุมขังออกล่าอีกหน!
โดยไม่ให้โอกาสผู้ใดไหวตัว เสียงระเบิดสนั่นหล้าก็ดังขึ้น ดาบวิถีทั้งสามสิบหกเล่มในค่ายกลสามสิบหกดาบเซียนไร้เทียมทานระเบิดแหลกพร้อมเพรียง เหลือเพียงเศษโลหะทองแดงปลิวว่อน
ต่อจากนั้นในทันที ค่ายกลดาบวิถีเซียนทั้งหมดก็พังทลายลงราวประสบการโจมตีอันมิอาจต้าน!
อำนาจค่ายกลร้ายกาจพร่างพรมเป็นพิรุณแสงขยายวงบ้าคลั่ง ค่ายกลดาบนี้เป็นดั่งธารดาราเหนือเก้าชั้นสรวงทะลวงทิ้งตัว ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ประกายทองถูกกระทบล่มแหลก อาคารบ้านเรือนถล่มสิ้น
เสียงอุทานและเสียงกรีดร้องดังขึ้นตามมา
คนสกุลอวิ๋นรวมถึงข้าทาสบริวารหลายคนไร้โอกาสหลบหนี ถูกคลื่นทำลายล้างกวาดล้างสิ้นใจอย่างน่าเวทนาทันที
และด้วยการแพร่วงคลื่นอำนาจ ทั้งตระกูลอวิ๋นก็ประสบความเสียหายร้ายแรง
เพราะถึงอย่างไร นี่ก็คือค่ายกลดาบวิถีเซียน เมื่อมันทลายลง อำนาจที่เกิดมีหรือจะธรรมดา?
ตัวตนในขอบเขตราชันแห่งภูมิบางผู้หลบไม่ทัน วิญญาณแหลกละล่องไปทันที เสียงกรีดร้องโหยหวนของพวกเขาระงมทั่วจักรวาล
ขณะเดียวกัน ณ จุดพังทลายของค่ายกลดาบวิถีเซียน ดาบจื่ออิ่งโอดครวญรุนแรง
สมบัติคุ้มสำนักประจำหอดาบเทพลี้ลับ ณ ขณะนี้เป็นเช่นหนูพบแมว มันสะบัดตัวหลุดจากมือเว่ยฉางฝู่และพยายามหนี
ทว่าเพียงพริบตา ดาบนี้ก็ถูกหยุดไว้!
เงามายาของดาบเก้าคุมขังทำเพียงกระดิกน้อย ๆ บนอากาศเท่านั้น
ทว่าดาบจื่ออิ่งกลับแหลกสลายทีละน้อย จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นพิรุณแสงถูกดูดกลืนโดยเงามายาของดาบเก้าคุมขังหายไป
ภาพอันคุ้นตานี้ ซูอี้ชาชินเสียแล้ว
เว่ยฉางฝู่กระอักเลือดคำโต ใบหน้าดำคล้ำตะโกนลั่น “ไฉนจึงเป็นเช่นนี้!”
ดาบจื่ออิ่งถูกทำลาย ทำให้เขารับผลค่อนข้างเคียงรุนแรง
“ข้าบอกแล้วว่าให้เจ้าเก็บดาบนี้ไป แต่เจ้าก็ไม่ฟัง”
ซูอี้ส่ายหน้า
เสียงยังมิทันสร่าง ร่างของเขาก็หายวับไป
อึดใจต่อมา เขาก็ปรากฏตัวตรงหน้าเว่ยฉางฝู่
ดาบแห่งโลกาฉาบนิมิตวัฏสงสารเหนือท้องนภาฟาดฟันลงอย่างดุเดือด
รวมถึงเสี้ยวปราณดาบเก้าคุมขังด้วย!
แน่นอน เรื่องสำคัญกว่านั้นคือเว่ยฉางฝู่เป็นยอดฝีมือในขอบเขตจุติมงคล แม้ยามนี้จะบาดเจ็บสาหัสจากผลกระทบดาบจื่ออิ่ง แต่ก็ยังห่างไกลกว่าวิญญาณอาสัญขอบเขตรวมวิถีใด ๆ จะเทียบได้
นับแต่ทำศึกแท่นนภาม่วง ซูอี้ก็ได้ประมือยอดฝีมือขอบเขตจุติมงคลมามากกว่าสิบ เขาย่อมรู้ว่าหากไม่ใช้ปราณดาบเก้าคุมขัง ก็คงยากจะฆ่าศัตรูในระดับนี้ลง!
ตู้ม!!!
ราวกับแดนวัฏสงสารสะท้อนในปราณดาบนี้ มันฟาดฟันลงหาเว่ยฉางฝู่
เห็นได้ชัดว่าตัวตนขอบเขตจุติมงคลนี้ตระหนักถึงอันตรายและทุ่มกำลังสกัดขวางสุดชีวิตทันที มิกล้าออมมือผ่อนแรงใด ๆ
ทว่าเพียงครู่เดียว ไม่เพียงการต่อต้านของเขาจะแหลกสลาย ทั่วร่างของเขายังจมในอำนาจวัฏสงสารเลือนหายไป
นับแต่ค่ายกลดาบวิถีเซียนพังทลาย รอบข้างก็ปั่นป่วนรวนเรแล้ว อวิ๋นฉางหง อวิ๋นฮ่วนเทียนและตัวตนสูงส่งคนอื่น ๆ ล้วนเดือดดาล
และเมื่อหนึ่งดาบของซูอี้สังหารเว่ยฉางฝู่ลงได้ ค่ายกลดาบก็เป็นดั่งอสนีบาตสู่หัวใจทุกผู้ยามกลางวันแสก ๆ
“นี่…”
“ดาบจื่ออิ่งถูกทำลาย?”
…เสียงอุทานอย่างตื่นตะลึงสนั่นก้องตาม ๆ กัน
หลายบุคคลขนลุกพรั่นพรึง
เหตุพลิกผันทั้งหมดนี้เกิดขึ้นรวดเร็วเกินไป นับแต่การทลายค่ายกลดาบวิถีเซียน ป่นดาบจื่ออิ่งไปจนถึงวาระสุดท้ายของเว่ยฉางฝู่ เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นในชั่วกาลเพียงไม่กี่พริบตา
ไร้ผู้ใดตั้งตัว!
จนเมื่อพวกเขาเห็นร่างสูงใหญ่ของซูอี้ปรากฏขึ้น ทุกผู้ก็รู้สึกเกินจริงราวฝันไป
เมื่อครู่เขายังเหมือนสัตว์ร้ายติดกับดักอยู่เลย
พริบตาต่อมา เขาก็ทะลวงการล้อมสังหารพลิกสถานการณ์ตาลปัตรได้!
“ข้าว่าแล้ว ทัศนาจารย์มิตายง่าย ๆ หรอก!”
หัวใจของหลีจงแสนตื่นเต้น เขาเองก็ตะลึงยามได้เห็นเช่นกัน ความรู้สึกที่ได้นั้นประหลาดราวได้เห็นปาฏิหาริย์บังเกิด
ยามนี้ ซูอี้ทะยานเวหาเยี่ยงมังกรรอดกับดัก ลงมือโจมตี
ตู้ม!
ทันทีที่เขาเหวี่ยงดาบ ปราณดาบจรัสจ้าก็กวาดออกไปสังหารกลุ่มยอดฝีมือตระกูลอวิ๋นโบราณซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด
ในหมู่พวกเขาก็รวมไปถึงอวิ๋นเฉาเฟิง บุตรของอวิ๋นฉางหงด้วย
ก่อนหน้านี้ เขาเอ่ยปากเหยียดเย้า เชื่อว่าทัศนาจารย์เป็นเช่นไก่กาหมาบ้าน จะเชือดยามใดก็ย่อมได้
ทว่ายามนี้ เขากลับเป็นเพียงกุ้ยฉ่ายน้อยไร้ความสลักสำคัญ ตายตกอย่างน่าอนาถคาที่ มิอาจดึงความสนใจใด ๆ จากซูอี้ได้
ท่ามกลางพิรุณโลหิต ร่างของซูอี้วูบไหวเยี่ยงสายฟ้าโจมตีเข้าใส่อวิ๋นฉางหง
ภาวะดาบเดือดพล่าน จิตสังหารชวนใจหาย!