บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1365: กดดัน
ตอนที่ 1365: กดดัน
ในบริเวณสนามเต๋าประกายทองเกิดเป็นภาพอันอลหม่าน
เดิมที วันนี้เป็นวันสำคัญของตระกูลอวิ๋นโบราณ แสงสว่างเจิดจรัสทุกที่ เปี่ยมด้วยบรรยากาศชื่นมื่นคลาคล่ำด้วยแขกเหรื่อ
ทว่ายามนี้ เมื่อซูอี้ทลายวงล้อมออกมา เขาก็ใช้ดาบฟาดฟันผู้ทรงอำนาจแห่งโรงดาบเทพลี้ลับเว่ยฉางฝู่ ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ประกายทองทั้งลูกปั่นป่วนโกลาหล
เสียงกรีดร้องอุทานอื้ออึงไม่ขาดสาย
เหล่าสักขีผู้มองศึกจากไกล ๆ ล้วนถอยกรูดด้วยตกใจ เกรงจะถูกลูกหลงไปด้วย
คนสกุลอวิ๋นโบราณทั่วไปเองก็ล้วนลนลานหนีอลหม่านเยี่ยงฝูงแมลงวัน
ซูอี้เมินพวกเขาไป
เขาทะยานกวาดดาบแห่งโลกาโจมตีเข้าใส่อวิ๋นฉางหง
ตู้ม!!
เกิดเสียงปะทะสนั่นหล้า
อาวุธคุ้มกายของอวิ๋นฉางหงระเบิดแหลกกลางหาว
ปราณดาบกรุ่นคลั่งฟาดฟันอวิ๋นฉางหงกระเด็นไป ดาบเดียวนี้ทำให้เขาบาดเจ็บหนัก โลหิตโซมกาย
“สะบั้น!”
หร่วนไฉ่จือทะยานเข้าโจมตี ใช้ดาบวิถีตระการแสงเข้าขัดขวางซูอี้
สตรีผู้นี้สวมอาภรณ์ตระการสี งดงามตรึงตา รูปลักษณ์หญิงสาว ทว่าแท้จริงแล้วเป็นตัวตนร้ายกาจในขอบเขตจุติมงคล
เมื่อนางโจมตี ปราณดาบก็คำรามลั่นทั่วฟ้าดิน แสงเซียนเกินใดเทียบทะยานพลุ่งพล่าน ดุดันไร้เทียบเทียม
“เปิด!”
ซูอี้แค่นเสียงอย่างเย็นชา ดาบแห่งโลกาบังเกิดเค้าลางแดนวัฏสงสาร ภาวะดาบแผ่ทะยานปรกฟ้า และพลันกั้นการเข้าขัดของหร่วนไฉ่จือ ฟาดร่างของสตรีผู้นี้สะท้านไหว
คิ้วของหร่วนไฉ่จือขมวดน้อย ๆ ใบหน้างดงามของนางจริงจังยิ่ง
ทว่านางหาก้าวถอยไม่ ดาบในมือนางฟาดฟันหมายสังหาร การโจมตีดุดันขึ้นทุกขณะ
ตู้ม!
สุญญะทลายสูญ ปราณดาบพุ่งทะยานเยี่ยงคลื่น
สตรีผู้นี้ร้ายกาจจริงแท้ ความสำเร็จวิถีดาบของนางสะเทือนแดนดิน เลิศล้ำเกินกว่าที่วิญญาณอาสัญในขอบเขตรวมวิถีทั่วโลกหล้าจะเปรียบเทียบได้
ทว่าในศึกแท่นนภาม่วง ซูอี้ได้รับมือผู้อาวุโสขอบเขตจุติมงคลมาหลายสิบ เขาย่อมรู้ข้อมูลคนเหล่านั้น
ปฏิเสธไม่ได้ว่าวิญญาณอาสัญในขอบเขตจุติมงคลนั้นแข็งแกร่งเสียจนน่าขัน
ทว่าตัวตนเหล่านั้นไม่อาจลงมือสุดกำลังได้
พวกเขาไม่อาจรับอำนาจกฎสวรรค์ได้ ทำได้เพียงพึ่งพาสมบัติลับบางอย่างเพื่อปรากฏตัวสู่แดนดิน
ทว่าเช่นนั้น ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็ลดทอนลงเช่นกัน
อีกประการคือ อำนาจวัฏสงสารยังคงเป็นภัยถึงชีวิตต่อวิญญาณอาสัญขอบเขตจุติมงคล แม้จะไม่ถึงตาย แต่ก็ยังทำให้พวกเขามือไม้สั่นระวิงได้อยู่!
ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นยามที่เขาสังหารเว่ยฉางฝู่เมื่อครู่หรือรับมือหร่วนไฉ่จือยามนี้ ซูอี้ก็หาออมมือไม่ ใช้ปราณดาบเก้าคุมขังโคจรอำนาจวัฏสงสารทันที!
เพียงไม่กี่อึดใจ หร่วนไฉ่จือก็ถูกโจมตีจนร่นถอย แทบไม่อาจต้านอำนาจได้
นางทั้งตกใจและกรุ่นโกรธ หัวใจคับข้องแทบไม่อาจหายใจ
หากไม่ใช่เพราะต้องคอยระวังกฎสวรรค์จนนางใช้อำนาจวิถีเต๋าได้เพียงราว ๆ สี่ส่วน มีหรือนางจะถูกราชันแห่งภูมิขอบเขตไร้ขีดจำกัดอย่างซูอี้บีบจนทุกลักทุเลได้เช่นนี้?
สิ่งที่ยิ่งน่าคับแค้นก็คือ อำนาจวัฏสงสารนั้นน่าสะพรึงกลัวสุดขั้ว ยามนางรับมือจึงไม่กล้าเข้าเสี่ยงเผชิญหน้า มือเท้าระทวยพรั่นพรึง
ความรู้สึกนั้นราวกับว่านางคือหนึ่งก้อนน้ำแข็ง ในขณะที่อำนาจวัฏสงสารในมือซูอี้เป็นดั่งเตาหลอมขนาดใหญ่ หากถูกสัมผัสนางก็ย่อมละลาย
“ฉางหง พาคนในตระกูลหนีไปที่แดนหวงห้ามหลังภูเขาเร็วเข้า!”
เสียงของอวิ๋นฮ่วนเทียนเลือนลั่นทั่วฟ้าดิน
ยามเสียงนั้นดังขึ้น อวิ๋นฮ่วนเทียนได้พายอดฝีมือวิถีจุติสรวงหลายสิบคนเข้าโรมรันแล้ว เผยอำนาจกดดันรุนแรง พวกเขาแต่ละผู้ต่างงัดไม้ตายอันแข็งแกร่งที่สุดออกมาร่วมมือกับหร่วนไฉ่จือรุมโจมตีซูอี้
ตู้ม!
ศึกทวีความเข้มข้นสะเทือนทั่วนภา
ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ประกายทองอันเป็นแดนบรรพชนตระกูลอวิ๋นโบราณนั้นเปี่ยมด้วยอำนาจค่ายกลมากมายเกินหยั่งถึง
ทว่ายามนี้ ค่ายกลเหล่านั้นต่างพากันพังทลายไประหว่างมหาศึกดำเนิน
จนกระทั่งภูเขาศักดิ์สิทธิ์ประกายทองเสียหายตั้งแต่ยอดจรดตีน ขุนเขาถล่ม อาคารพากันทลายล้ม
ไม่ว่าจะมองไปหนใดก็พบแต่ซากปรักหักพังเละเทะเกลื่อนไปหมด!
ภายใต้ท้องนภา ซูอี้ประมือดุเดือดกับกลุ่มตัวตนวิถีจุติสรวงด้วยตัวลำพังและหนึ่งดาบ
แทนที่จะเป็นฝ่ายถูกต้อน เมื่อกาลผ่านไป เหล่าศัตรูก็ถูกอำนาจต่อสู้ของเขาต้อนสยบให้ถอยไป
“ตาย!”
ดาบของซูอี้ฟาดฟันดุเดือด ปราณดาบไร้คู่เปรียบทะยานดุจธารดาราพร่างพรม
เพียงพริบตา ที่ใดที่ปราณดาบวาดผ่าน สารพัดสมบัติล้วนสะเทือนกระจาย กระทั่งห้าตัวตนสกุลอวิ๋นในขอบเขตจุติสรวงยังมิอาจหนีทัน ถูกสังหารตายตกคาที่
โลหิตพรั่งพรู!
“แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”
เหล่าสักขีผู้มองศึกจากไกล ๆ ล้วนตัวสั่นราวร่วงลงสู่ถ้ำน้ำแข็ง
หนึ่งตัวตนวิถีจุติมงคลและยอดฝีมือจุติสรวงมากกว่าสิบคนร่วมมือกัน แต่ละคนแสดงท่าทีไม่อาจทานทนไหว ถูกโจมตีจนร่นถอย!
“ข้าคิดว่ามีค่ายกลดาบวิถีเซียนจะสามารถผนึกทัศนาจารย์ได้ คิดว่าดาบจื่ออิ่งเป็นยอดสมบัติสังหาร ฆ่าเขาได้อย่างง่ายดาย ทว่าท้ายที่สุดก็เป็นเพียงศึกไร้ความหมาย”
หลีจงลอบรำพัน
เขาได้เห็นกับตามาแล้วว่าซูอี้ประมือกับเหล่าผู้ทรงอำนาจวิถีจุติมงคลหลายสิบผู้มาเช่นไร
มีหรือจะไม่กระจ่าง ว่านอกจากความแข็งแกร่งของเขาจะเลิศล้ำค้ำฟ้า มีอำนาจวัฏสงสารในกำมือ ซูอี้ยังมีไพ่ตายอันน่าสะพรึงกลัวยิ่งอยู่ในมืออีก?
หาไม่ มีหรือเขาจะทำลายดาบจื่ออิ่งลงง่าย ๆ?
กระทั่งค่ายกลดาบวิถีเซียนนั้นยังไม่อาจทานทน?
ตู้ม!
ในสนามรบ อำนาจวัฏสงสารแปรเปลี่ยนเป็นเงาลวงตาหกสายปกคลุมทั่วหล้า และตัวตนในขอบเขตจุติสรวงก็ตายตกไปอีกหลายคน
บางผู้ร่างแหลกสลาย จิตวิญญาณมอดมลาย
บ้างถูกทะลวงคอสิ้นชีพ
ยามบางผู้เผ่นหนี พวกเขาก็ถูกปราณดาบไพศาลกวาดทำลาย ระเบิดแหลกกลางอากาศสิ้นใจอย่างทรมาน
เหตุนองเลือดนี้เป็นเช่นนรกบนดิน!
“ถอย! ถอยเร็วเข้า!!”
อวิ๋นฮ่วนเทียนคำราม
โลหิตหลั่งโซมกายเขา ตนกับหร่วนไฉ่จือก็เผ่นหายไปยังแดนหวงห้ามหลังภูเขาพร้อมกับยอดฝีมือจุติสรวงที่เหลืออยู่ทันที
ซูอี้ย่อมไม่หยุดเพียงเท่านี้ และทะยานร่างติดตาม
แสงเซียนเรืองขึ้นจากแดนหวงห้ามหลังตระกูลอวิ๋น
ตู้ม!!
ยามซูอี้ไล่ตามมา เพลิงแสงอันน่าสะพรึงกลัวสายหนึ่งก็ทะยานออก แปรเปลี่ยนเป็นอักขระวิถีเซียนประทับสลายสุญญะยามปรากฏ
อำนาจทำลายล้างน่าสะพรึงกลัวทำให้ม่านตาของซูอี้หดตัวอย่างช่วยไม่ได้ และหลบเลี่ยงจากมัน
ทันใดนั้น จุดที่เขายืนอยู่เดิมและสุญญะในระยะพันจั้งระเบิดสู่เปลวเพลิง แดนดินรอบข้างหลอมละลายเยี่ยงกระดาษถูกเผา
ฉวยโอกาสนี้ อวิ๋นฮ่วนเทียน หร่วนไฉ่จือและคนอื่น ๆ ต่างหนีเข้าไปในแดนหวงห้ามหลังภูเขา
เหล่าสักขีล้วนตะลึงอี้ง
ทัศนาจารย์บุกเดี่ยวล้างตระกูลอวิ๋นในแดนปกครองของพวกเขาจนกระทั่งต้องหนีไปซ่อนในแดนหวงห้ามหลังตระกูล!
หากเรื่องนี้แพร่ออกไป ใครเล่าจะเชื่อ?
แดนดินพังทลายเละเทะ
นอกจากแดนหวงห้ามหลังภูเขา ‘ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ประกายทอง’ ส่วนใหญ่ซึ่งถูกถือเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาลือนามชั้นหนึ่งในโลกหล้าก็ถล่มเละกลายเป็นซาก!
วายุโหยหวนคละคลุ้งด้วยกลิ่นเลือดฉุนนาสิก
ซูอี้ไร้รอยขีดข่วน อาภรณ์เขียวกระพือพัด ภาวะดาบบนร่างสูงส่งเยี่ยงสวรรค์!
เขากวัดไกวดาบโจมตีเข้าสู่แดนหวงห้ามหลังภูเขา
หนึ่งเสียงลั่นออกมาอย่างเดือดดาล
“ทัศนาจารย์! เจ้าไม่อยากให้ไอ้แก่พิการนี่มีชีวิตอยู่แล้วจริง ๆ หรือ?”
แดนหวงห้ามหลังตระกูลอวิ๋นนั้นปกคลุมด้วยค่ายกลแน่นหนา แสงเซียนจรัสจ้าพร่างพรมเยี่ยงน้ำตก
และภายในค่ายกล อวิ๋นฉางหงเจ้าตระกูลหงยกร่างชายชราร่างผอมผู้หนึ่งขึ้นสูงด้วยสีหน้าเดือดดาล
เส้นผมของชายชราเป็นสีเทาขาวยุ่งเหยิง ใบหน้าซูบตอบ เลือดเนื้อถูกตรวนสีเลือดหนาราวนิ้วโป้งปักตรึง บาดแผลทั่วร่างชวนใจหาย
เฒ่าเว่ยขาเดี้ยง!
นับแต่ยามทัศนาจารย์ยังเยาว์ บ่าวเฒ่าผู้นี้ก็ติดตามข้างกายจวบจนเติบใหญ่เป็นตำนานหนึ่งดาบปราบทั่วจักรวาลพร่างดาว!
ขณะเดียวกัน เขาก็เป็นบิดาบุญธรรมของเว่ยซานด้วย!
ขณะนี้ ดวงตามืดมัวของเขาเบิกขึ้น เงยหน้าอย่างยากลำบาก
เมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ยืนตระหง่านใต้นภาเบื้องนอก ดวงตาของเฒ่าเว่ยก็เบิกกว้าง
เขาแย้มยิ้ม ตะโกนเสียงสั่นทันที “นายน้อย”
เสียงนั้นอ่อนระโหยโรยแรง
เห็นได้ชัดเจนว่าเขาบาดเจ็บสาหัส สภาพแสนอิดโรยพร้อมตายตกทุกเมื่อ ทว่าใบหน้าซูบตอบนั้นกลับเปี่ยมปรีดาโล่งใจ
และเสียงเรียกนี้ทำให้หัวใจของซูอี้กระเพื่อมไหว จมูกรู้สึกแสบร้อนขึ้นมา
ทัศนาจารย์มีนิสัยใจกว้าง ใช้ชีวิตลอยชาย ไม่สนใจความสำเร็จผิดพลาด มิกลัวความเป็นความตาย ทว่าก่อนเวียนวัฏ เขาก็ยังมีผู้ที่ตนห่วงใยอยู่
เช่นเฒ่าเว่ย เว่ยซาน และชิงถังเป็นต้น
โดยเฉพาะเฒ่าเว่ย แม้เขาจะเป็นบ่าวเฒ่ารับใช้ทัศนาจารย์ แต่เขายังมีฐานะเหนือธรรมดาในใจทัศนาจารย์ด้วย มิต่างจากเป็นญาติผู้ใหญ่ของเขาเลย
กระทั่งก่อนที่อำนาจวิถีของทัศนาจารย์จะถูกหลอมรวมกับร่างเขา อีกฝ่ายยังบอกให้ซูอี้ดูแลเฒ่าเว่ยเป็นพิเศษในอนาคตอีกด้วย
ยามนี้เมื่อเห็นสภาพหม่นหมองสะบักสะบอมของเฒ่าเว่ย หัวใจของซูอี้จึงมิค่อยอภิรมย์นัก สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยียบ
เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวว่า “ปล่อยเฒ่าเว่ยเสีย แล้วเรื่องวันนี้จะจบที่นี่”
หนึ่งวาจาสะท้อนก้องทั่วฟ้าดิน เผยอำนาจไร้กังขา
เหล่ายอดฝีมือสกุลอวิ๋นล้วนถอนหายใจโล่งอกในแดนหวงห้ามหลังภูเขาอย่างชัดเจน ไม่ว่าผู้ใดก็สัมผัสได้ว่าทัศนาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่เลือกถอยให้หนึ่งก้าว ณ ขณะนี้!
สิ่งนี้ทำให้พวกเขาล้วนตระหนักว่าเฒ่าเว่ยผู้เป็นตัวประกันนั้นเพียงพอกดดันทัศนาจารย์ได้
“ปล่อยคนน่ะได้ แต่เจ้าก็ต้องชดใช้เรื่องวันนี้ด้วย!”
สีหน้าของอวิ๋นฉางหงเดือดดาล กล่าวขึ้นอย่างเย็นชา
“ใช่แล้ว เจ้าอยากได้คนโดยไม่จ่ายอันใดได้หรือ? ฝันไปเถอะ!”
อวิ๋นฮ่วนเทียนกล่าวอย่างมาดร้าย
ศึกในวันนี้ ตระกูลของพวกเขาเสียสมาชิกตระกูลไปมากมายไม่อาจนับ กระทั่งแดนบรรพชนอย่างภูเขาศักดิ์สิทธิ์ประกายทองยังถล่มไปครึ่งลูก ความเสียหายหนักหนาสาหัส
เรื่องนี้เคยเกิด ณ กาลก่อนด้วยหรือ?
ทุกผู้จากตระกูลอวิ๋นล้วนร้อนรุมไฟสุมทรวง!
“ทุกท่าน สหายเต๋าซูกล่าวแสดงความปรานีแล้ว เป็นโอกาสรอมชอมอันหาได้ยาก ข้าขอแนะนำให้หยุดเรื่องเพียงเท่านี้เถิด!”
ขณะนี้ หลีจงก็กล่าวขึ้นเสียงเย็น
หร่วนไฉ่จือแค่นเสียงขำ “รอมชอมหยุดเรื่อง? หลีจง อย่าคิดว่ามีเซียนม่อชิงโฉวอยู่เบื้องหลัง เจ้าจะเข้าพัวพันกับเรื่องวันนี้ได้นะ! บอกให้ว่าเรื่องวันนี้ หากคนแซ่ซูมิยอมชดใช้ โรงดาบเทพลี้ลับของข้าจะเป็นที่แรกที่ไม่ยอมทน!”
หลีจงขมวดคิ้ว ขณะที่เขากำลังจะกล่าวโต้นั้นเอง ซูอี้ก็โบกมือขวางเขาไว้
หลีจงสงบวาจาทันที
ทันใดนั้น เฒ่าเว่ยก็กล่าวขึ้น “นายน้อย ใครบ้างในโลกนี้จะมิทราบว่าท่านมิเคยก้มหัวให้คำขู่ใด ๆ?”
เขามองซูอี้จากห่าง ๆ ด้วยใบหน้าชราโทรม ๆ อันสุขุม กล่าวชัดถ้อยทีละคำ
“หากนายน้อยเลือกยอมถอยเพราะบ่าวเฒ่าผู้นี้ บ่าวเฒ่ายอมตายดีกว่าอยู่!”
วาจานั้นกังวานชัดถ้อย
จิตใจมุ่งมั่นนั้นสะเทือนถึงใจเหล่าสักขีหลายคน
หัวใจของสกุลอวิ๋นกระตุกบีบ พลันเดือดดาลขึ้นมา
เพียะ!
อวิ๋นฉางหงตบหน้าเฒ่าเว่ย กล่าวเสียงเขียวขึ้นทันที “ไอ้แก่ เจ้าหรือจะพูดอันใดได้? หุบปากไปเสีย!”
เขากล่าวพลางขยับมือผนึกหกสัมผัสของเฒ่าเว่ยไว้ทันที ทำให้เขาสิ้นแรงมิอาจเอื้อนเอ่ยวจีใด
และตบนี้ทำให้ดวงตาของซูอี้เย็นเยียบอย่างยิ่งในเฉียบพลัน โทสะในใจระเบิดออกโดยสมบูรณ์ ทั่วร่างแผ่จิตสังหารน่าสะพรึงกลัว
………………..