บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1369: ลงมือกระทำ
ตอนที่ 1369: ลงมือกระทำ
หนึ่งคนหนึ่งดาบล้างภูเขาศักดิ์สิทธิ์ประกายทองในวันสำคัญของตระกูลอวิ๋นโบราณอารักษ์วิถี!
เขามาเพียงลำพัง แต่กลับเหมือนเดินในแดนไร้ผู้คน ทำลายค่ายกลดาบวิถีเซียน สะบั้นดาบเซียนจื่ออิ่ง สังหารตัวตนในขอบเขตจุติมงคลเว่ยฉางฝู่และตัวตนในวิถีจุติสรวงต่าง ๆ จากตระกูลอวิ๋นโบราณ!
ท้ายที่สุด อวิ๋นฉางหงเจ้าตระกูลอวิ๋นกระทั่งต้องคุกเข่าลงขอแลกชีวิตตนกับคนในตระกูลเพื่อชดใช้!
หลังข่าวนี้แพร่ออกไป เหล่าผู้ฝึกตนทั่วโลกหล้าก็ตื่นตะลึง
เมื่อสามวันก่อน คลื่นยักษ์ร้ายแรงจากศึกแท่นนภาม่วงยังคงมิสร่างซาจากโลกหล้า
ทว่าในช่วงกาลเพียงสามวันถัดมา ทัศนาจารย์ก็ก่อพายุโลหิตขึ้นอีกที่ ใช้หนึ่งดาบสยบตระกูลอวิ๋นโบราณอารักษ์วิถี!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าแข็งกร้าวทรงพลัง ลบล้างความการคาดหยั่งใด ๆ ทั่วโลกหล้าเสียจมดิน
“นี่ทัศนาจารย์คิดจะคิดบัญชีครั้งใหญ่หรือไร?”
มิอาจทราบได้ว่ามีผู้ตะลึงสะท้านในใจมากมายเพียงไร
ในจักรดาราตงเสวียนทุกวันนี้ หกตระกูลโบราณอารักษ์วิถีนั้นถือได้ว่าเป็นตัวแทนขุมกำลังผู้ฝึกตนสูงสุดในโลกหล้า ราวตนเป็นนายเหนือจักรวาลพร่างดาวนี้
มรดกตระกูลอวิ๋นโบราณนั้นยิ่งลึกล้ำเกินหยั่งถึงยิ่งกว่าผู้ใด ลือกันว่ามันสามารถสืบสาวย้อนกลับไปจนถึงโบราณกาล และพวกเขาก็ถือตนเป็นทายาทเซียนอยู่เสมอ
อดีตกาลผ่านมา ยักษ์ใหญ่แห่งจักรวาลพร่างดาวเช่นโรงวาดฤทัยและลัทธิทางช้างเผือกนั้นนับว่าด้อยกว่ามรดกตกทอดของตระกูลอวิ๋นโบราณอยู่เล็กน้อย
ทว่ายามนี้ เพียงหนึ่งทัศนาจารย์ก็ละเลงโลหิตไหลเป็นธารทั่วตระกูลอวิ๋นได้!
“นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่มิเคยเกิดขึ้นมาก่อน หากตระกูลอวิ๋นรับผลกระทบจากหายนะนี้ไม่ได้ ก็เป็นไปได้สูงนักว่าจะล่มสลาย!”
นี่คือคำวิเคราะห์ของตัวตนอาวุโสทั้งหลาย
พฤกษาใหญ่หักโค่น สรรพสัตว์แตกกระเจิง กำแพงใหญ่เอนเอียง ผู้คนผลักเสริม
ในสถานการณ์ทุกวันนี้ เหตุแปรผันเกิดขึ้นทุกวัน ตระกูลอวิ๋นประสบหายนะร้ายแรงเพียงนี้ อย่าว่าแต่ฟื้นสู่ความรุ่งโรจน์เลย จะรอดถึงปีหน้าหรือไม่ยังเป็นปัญหาใหญ่!
ผู้ฝึกตนรุ่นหลังบางผู้เสสรวลเฮฮาอย่างตื่นเต้น
เทียบกันแล้ว ผู้ที่ตะลึงอึ้งที่สุดคือตระกูลโบราณอารักษ์วิถีอีกห้าแห่ง
เหตุที่ตระกูลอวิ๋นประสบทำให้พวกเขา ห้าตระกูลโบราณอารักษ์วิถีอดรู้สึกสลดใจมิได้ แต่พวกเขาก็สัมผัสภัยคุกคามรุนแรงได้เช่นกัน!
วันนั้น ตระกูลโบราณอารักษ์วิถีทุกแห่งมิอาจอยู่นิ่ง ต่างฝ่ายต่างเรียกประชุมตระกูลหารือเรื่องนี้กันในชั่วข้ามคืน
คงมิใช่การกล่าวเกินไปหากจะบอกว่าศึกที่วัดสรรพสุญตาและโรงหลอมเทวะนั้นเป็นการบอกให้โลกหล้ารับรู้ถึงอำนาจต่อสู้ท้าทายอำนาจสวรรค์ของทัศนาจารย์
และศึกแท่นนภาม่วงกับภูเขาศักดิ์สิทธิ์ประกายทองในช่วงท้ายทำให้โลกหล้าสะเทือน สัมผัสความน่ากลัวของทัศนาจารย์ได้อย่างสุดซึ้ง!
ไม่ว่าจะเป็นในอดีตกาลหรือปัจจุบัน หนึ่งคนหนึ่งดาบก็ยังปราบทั่วจักรวาลพร่างดาวได้!
……
เขตหวงห้ามเซียนละล่อง
เขตปกครองของโรงดาบเทพลี้ลับ
“ทุกผู้รู้ว่าโรงดาบเทพลี้ลับอยู่เบื้องหลังตระกูลอวิ๋น และยามนี้ ผู้อาวุโสสูงสุดเว่ยฉางฝู่และหร่วนไฉ่จือที่เราส่งไปก็ล้วนถูกซูอี้ผู้นั้นสังหารลงอย่างเหี้ยมโหด”
“กระทั่งดาบเซียนจื่ออิ่ง หนึ่งในสมบัติเซียนพิทักษ์สำนักของเราก็ถูกสัตว์ร้ายนี่ทำลาย!”
“หากความแค้นนี้ไม่ถูกชำระ เราทั้งหลายก็มิพ้นต้องขายหน้าสิ้นศักดิ์ศรีในสายตาผู้คนเป็นแน่แท้!”
ภายในตำหนักอันเต็มไปด้วยหมอกเซียนแห่งหนึ่งมีกลุ่มผู้ทรงอำนาจจากโรงดาบเทพลี้ลับประชุมกัน
ขณะนี้ ชายชุดแดงคนหนึ่งกำลังกล่าวอย่างไม่พอใจ เสียงของเขาแพร่กระจายทั่วตำหนัก ทำให้สีหน้าของคนทุกผู้ ณ ที่ประชุมหม่นหมองบูดบึ้งเล็กน้อย
ตระกูลอวิ๋นประสบหายนะหนักหนา ทำให้โรงดาบเทพลี้ลับเสียหน้า
และการตายของเว่ยฉางฝู่กับหร่วนไฉ่จือก็ทำให้ทุกผู้ในโรงดาบเทพลี้ลับเดือดดาลโดยสมบูรณ์!
“ใช่ เรื่องนี้จะปล่อยไว้ไม่ได้!”
บางผู้กล่าวอย่างคลั่งแค้น
“หนึ่งราชันแห่งภูมิขอบเขตไร้ขีดจำกัด มีเคล็ดวัฏสงสารเข้าหน่อยก็กล้าเชิดหน้ากร่างอำนาจ จะให้ทนก็เกินทนนัก!”
เมื่อเห็นโทสะของเหล่าสมาชิก ฮั่วชิงไห่ ประมุขโรงดาบเทพลี้ลับผู้เงียบมาตลอดก็อดขมวดคิ้วมิได้ เขากล่าวขัดทันที “จะส่งตัวเองไปตายหรือไร?”
หนึ่งวาจานั้นทำให้ทุกผู้ในตำหนักเงียบไป สีหน้าบูดบึ้งมืดทะมึน
“หากออกสู่โลกหล้าก็ต้องอยู่ใต้กฎสวรรค์ ผู้อยู่ในขอบเขตจุติมงคลใช้อำนาจได้มากสุดก็เพียงสี่ส่วน”
ฮั่วชิงไห่กล่าวอย่างเย็นชาด้วยสีหน้าขึงขัง “และซูอี้ผู้นั้น นอกจากจะถือเคล็ดวัฏสงสารซึ่งได้เปรียบเหนือเราโดยธรรมชาติไว้ในมือ ยังมีไพ่ตายอื่น ๆ อยู่ด้วย”
“หาไม่ มีหรือจะทำลายดาบจื่ออิ่ง ทะลวงค่ายกลสามสิบหกดาบเซียนไร้เทียมทานได้ง่าย ๆ?”
“เว่ยฉางฝู่กับหร่วนไฉ่จือหรือจะตายตก?”
ด้วยวาจาเหล่านี้ บรรยากาศในตำหนักก็มืดหมองหดหู่ หัวใจทุกผู้รวดร้าวอย่างไม่อาจบรรยาย
ถูกกดขี่เพียงนี้ พวกเขาทำได้เพียงอดทนจริง ๆ หรือ?
“รอก่อนเถอะ!”
ฮั่วชิงไห่สูดหายใจลึก ๆ และกล่าวเสียงเข้ม “ภายในสามเดือน กฎสวรรค์แห่งโลกหล้าจะสิ้นพันธนาการต่อตัวตนขอบเขตจุติมงคลขั้นต้น”
“ถึงยามนั้น นั่นจะเป็นโอกาสสมบูรณ์แบบในการจัดการกับซูอี้ผู้นั้น!”
“ข้าเชื่อว่าในโลกนี้นอกจากเรา ยังมีขุมกำลังโบราณอื่น ๆ ที่เลือกลงมือ ณ ยามนั้นเช่นกัน และเราก็จะถือโอกาสนั้นปิดฉากซูอี้อย่างรวดเร็ว!”
“ข้าพูดจบแล้ว มีผู้ใดมีความเห็นหรือไม่?”
สายตาของฮั่วชิงไห่กวาดมองคนทุกผู้
ต่างคนต่างสงบเงียบ ไร้เสียงค้านใด ๆ
ทันใดนั้น ยอดคนจุติสรวงผู้หนึ่งก็กล่าวขึ้น “เจ้าสำนัก ไม่ใช่ว่า ‘บรรพชนหงอวี่’ ตื่นขึ้นแล้วหรือ หากให้บรรพชนหงอวี่ลงมือ การสังหารซูอี้ผู้นั้นก็ง่าย ๆ เลยนะ!”
บรรพชนหงอวี่!
เซียนในแดนมนุษย์จากโรงดาบเทพลี้ลับผู้ตกตายจากมหาหายนะในยุคสิ้นกฎเกณฑ์ และหลงเหลือเพียงวิญญาณอาสัญเฉกเช่นทุกคนที่นี่
และเมื่อไม่นานผ่านมา บรรพชนหงอวี่ผู้หลับไหลแสนนานก็ฟื้นสติ!
ฮั่วชิงไห่รำพึงเบา ๆ “แม้วิญญาณอาสัญเซียนจะฟื้นสติในยามนี้ พวกเขาก็ยังไม่อาจปรากฏสู่โลกหล้าได้ ต้องใช้เวลาทั้งหมดที่มีฟื้นพลังกลับมา อย่าว่าแต่ปรากฏสู่โลกหล้า แค่ออกจากเขตหวงห้ามเซียนละล่องยังทำทำมิได้ด้วยซ้ำ”
กล่าวคือ หากต้องการจัดการทัศนาจารย์ อย่าได้หวังให้วิญญาณอาสัญเซียนอย่างบรรพชนหงอวี่มาช่วยในกาลอันสั้นนี้!
……
ขณะเดียวกัน
“เขา… ช่วยเจ้าปลดคำสาปให้แล้วหรือ?”
ม่อชิงโฉวประหลาดใจ นัยน์ตาพร่างประกายเบิกกว้าง
สตรีผู้นี้แต่งกายเยี่ยงบุรุษ ทายาทเซียนผู้สูงส่งเด่นล้ำตะลึงทึ่มทื่ออย่างหาได้ยาก
หลีจงก้มหน้าสะกดความปรีดาในใจ “เรียนคุณหนู จวบยามนี้… ตาเฒ่าไร้ค่าผู้นี้ยังเชื่อมิลงเลยขอรับ”
ม่อชิงโฉวกล่าวด้วยแววตาลึกซึ้ง “เจ้าไม่ต้องซ่อนความปรีดาหรอก นี่คือโชคของเจ้า และควรค่าให้ลิงโลดอย่างจริงแท้ และจากเหตุนี้ก็ยังทำให้ข้าตระหนักด้วยว่าการสานสัมพันธ์อันดีกับซูอี้หาได้ยากเย็น”
หลีจงกล่าวเสียงต่ำ “คุณหนู ตาเฒ่าไร้ค่าผู้นี้ว่า หากเราปฏิบัติด้วยความจริงใจและฉวยโอกาสแสดงความปรารถนาดี ข้าเชื่อว่าเราจะได้รับความช่วยเหลือจากสหายเต๋าซูแน่นอนขอรับ”
ม่อชิงโฉวยิ้มเศร้า ๆ “เจ้าอยากให้ข้าก้มหัวให้เขาหรือไร?”
หัวใจของหลีจงเต้นกระตุก สันหลังหนาววาบ รีบกล่าวว่า “คุณหนูโปรดอย่าเข้าใจผิด ตาเฒ่าไร้ค่าผู้นี้ไร้เจตนาเช่นนั้นขอรับ!”
ม่อชิงโฉวถอนใจเบา ๆ “ข้าก็ผิดเช่นกัน ยามแรกที่ข้าส่งเจ้าไปพบซูอี้ผู้นั้น ข้าพยายามให้เขามาฝึกฝนข้างกายข้า ยามนี้ดูเหมือนการดึงเขามาเป็นพวกจะเป็นไปมิได้ และเขาจะไม่มีวันเลือกพึ่งใบบุญข้าเพื่อหลบหายนะแน่”
กล่าวถึงตรงนี้ นางพลันแย้มยิ้มเล็กน้อย ดวงตาฉายประกายชื่นชม “เจ้าทำได้ดีมาก และยามนี้เจ้าก็ถือได้ว่าสร้างสัมพันธ์อันดีกับซูอี้ได้แล้ว ดังนั้นในภายหน้า ก็จะมีโอกาสที่เขาจะเปลี่ยนทัศนคติต่อข้าได้”
หลีจงรีบร้อนกล่าว “เหตุที่ตาเฒ่าไร้ค่าผู้นี้มีวันนี้ได้ก็เป็นเพราะคุณหนูคอยสนับสนุนช่วยเหลือ ไม่มีทางถือดีเข้าตนขอรับ”
ม่อชิงโฉวอดกล่าวไม่ได้ “พอแล้ว ในเมื่อซูอี้ไหว้วานธุระเจ้า เช่นนั้นก็ใช้กำลังเราช่วยเขาอย่างงามเถอะ!”
กล่าวถึงตรงนี้ สีหน้ามั่นใจก็ปรากฏบนใบหน้าจิ้มลิ้มของนาง “ภายในหนึ่งวัน ข้าจะให้ขุมกำลังโบราณทั่วโลกหล้านี้เข้าใจแจ่มแจ้ง ว่าหากหาเบาะแสเกี่ยวกับช่างเสื้อผู้นั้นได้ มิเพียงซูอี้จะมอบโอกาสปลดคำสาปบนร่างพวกเขาให้เท่านั้น”
หลีจงอ้าปากค้างอย่างแสนตกใจ
เขาหรือจะไม่รู้ว่าคุณหนูกำลังประกาศตนช่วยซูอี้ไล่ล่าหาที่อยู่ของช่างเสื้ออย่างชัดเจน?
การนำสมบัติเซียนหนึ่งชิ้นเพิ่มเข้าไปในค่าหัวเป็นเรื่องใหญ่มากนะ!
……
ยามโลกหล้าปั่นป่วน ซูอี้ได้หวนคืนสู่วัดสรรพสุญตาแล้ว
“เจ้าเว่ยน้อย ดูแลเฒ่าเว่ยให้ดีนะ”
ในห้องวิปัสสนากรรมฐานห้องหนึ่ง ซูอี้กระซิบ
เขาใช้เคล็ดวิชาปลดตรวนผนึกเทพในร่างเฒ่าเว่ยแล้ว
ทว่าเฒ่าเว่ยนั้นบาดเจ็บสาหัส พลังชีวิตของเขาใกล้สิ้นสุด ต้องใช้เวลาฟื้นตัวเนิ่นนาน
“นายน้อยวางใจเถิด ข้าจะดูแลพ่อบุญธรรมเอง!”
เว่ยซานตบอกรับคำ
เมื่อซูอี้ช่วยเหลือเฒ่าเว่ยมาได้สำเร็จ เว่ยซานเองก็แสนปรีดา ดวงตาแดงก่ำด้วยความตื่นเต้น
ซูอี้ออกจากห้องไปพบเซียนดาบชิงซื่อและดาบพุทธะสรรพสุญตา
“เหตุการณ์เร่งด่วน หากชักช้าจะเกิดความเปลี่ยนแปลงเกินควบคุม เรื่องนี้ต้องรบกวนท่านทั้งสองลงมือด้วย”
ซูอี้บอกแผนของเขาแก่ทั้งสอง หวังให้เซียนดาบชิงซื่อและดาบพุทธะสรรพสุญตาไปยังแคว้นหมิงซึ่งเป็นที่ตั้งของกลุ่มมือสังหารสวรรค์ปรีดากับตระกูลเหวินโบราณอารักษ์วิถี
ทั้งสองล้วนตอบรับอย่างยินดี
เนื่องด้วยอำนาจกฎสวรรค์ พวกเขาทั้งสองยังไม่อาจปรากฏตัวตามอำเภอใจในโลกหล้า
ต้องใช้เคล็ดวิชาและสมบัติบางประการจึงสามารถเลี่ยงการตอบโต้จากกฎสวรรค์ได้
เหมือนที่หลีจง เว่ยฉางฝู่ หร่วนไฉ่จือ และเหล่าผู้ทรงพลังในขอบเขตจุติมงคลต่าง ๆ ใช้วิธีนี้เพื่อปรากฏตัวในโลกหล้า
ก่อนหน้านี้ ซูอี้ล้างฐานที่มั่นตระกูลอวิ๋นโบราณ ได้รับสมบัติขอบเขตจุติสรวงมามากมาย บางส่วนนั้นเหมาะสมจะช่วยให้เซียนดาบชิงซื่อและดาบพุทธะสรรพสุญตาเลี่ยงการตอบโต้จากกฎสวรรค์ได้
ในขณะเดียวกัน ซูอี้จะไปหอสี่สมุทร!
“บรรพชน แล้วหากมีผู้โจมตีวัดสรรพสุญตาของเราเล่า?”
หลวงจีนคงจ้าวลนลานเล็กน้อยในใจ อดกล่าวมิได้ “ช่วงนี้ ข้าไม่อาจทราบว่ามีคนภายนอกมองการเคลื่อนไหวฝั่งเราเช่นไร หากพวกท่านไม่อยู่ ข้าหลวงจีนผู้นี้ลำพังคงมิอาจควบคุมวัดซอมซ่อนี้ได้นะขอรับ”
“ใช้ไม่ได้เลย!”
ดาบพุทธะสรรพสุญตาถลึงตาใส่คงจ้าว
ซูอี้กล่าวยิ้ม ๆ “ก็เก็บวัดนี้ไปกับข้าเลยสิ”
ด้วยความสามารถปัจจุบันของเขา แต่ใช้เคล็ดวิชาวิเศษเช่น ‘พุทธพาราในฝ่ามือ’ ‘จักรวาลในแขนเสื้อ’ และ ‘บงกชอุบัติภูมิ’ ก็เก็บวัดสรรพสุญตาทั้งวัดไปได้แล้ว
“ทำเช่นนั้นได้ก็ยอดเลย!”
หลวงจีนคงจ้าวฉีกยิ้ม “ยามนี้ในโลกหล้า ผู้ใดบ้างจะไม่รู้ว่าสหายทัศนาจารย์ของข้าพร้อมสังหารตัวตนใด ๆ ในขอบเขตจุติมงคลได้ทุกเมื่อ? หากวัดสรรพสุญตาอยู่ในมือสหายทัศนาจารย์ของข้าได้ ข้าก็ไร้กังวลแล้ว!”
ทันทีที่วาจานี้ถูกกล่าว ก็ไร้ผู้ใดกล่าวขัดโต้แย้ง
มิเห็นหรือว่าในศึกภูเขาศักดิ์สิทธิ์ประกายทอง เว่ยฉางฝู่แห่งโรงดาบเทพลี้ลับถูกสังหารคาที่?
ยามเรื่องนี้แพร่สู่โลกา มันจะมีบทบาทเยี่ยงเชือดไก่ให้ลิงดูต่อเหล่าตัวตนในขอบเขตจุติมงคลทั่วหล้า!
และวันเดียวกันนั้นเอง ซูอี้ เซียนดาบชิงซื่อ และดาบพุทธะสรรพสุญตาต่างก็ลงมือกระทำตามบทบาทของตน