บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1371: ช้าไปก้าวหนึ่ง?
ตอนที่ 1371: ช้าไปก้าวหนึ่ง?
ร่างของชายชุดดำเย็นยะเยือกดุจถูกแช่ในน้ำแข็ง
เขาอ้าปากจะพูด ทว่ากลับไม่อาจเอ่ยวาจาใดได้ สีหน้าจึงปรากฏความลนลานอย่างมิอาจช่วย
หลวงจีนกล่าวด้วยท่าทีเมตตา “อย่ากลัวไปเลย ประสกเอ๋ย อาตมาเป็นหลวงจีน โอบกอดความเมตตาในอ้อมแขน หลังสืบวิญญาณเสร็จ อาตมาจะปลดปล่อยชีวิตของประสกเป็นไทจากทะเลทุกข์แห่งโลกหล้านี้ให้เอง”
ในน้ำเสียงอบอุ่นเมตตานั้น ชายชุดดำรวดร้าวแสนสาหัส และทันใดนั้นดวงตาของเขาก็มืดบอดสิ้นสติไป
ครู่ต่อมา
หลวงจีนก็เก็บจิตหยั่งรู้กล่าวในใจ “เรื่องใหญ่ซ่อนในเมือง เรื่องเล็กซุกในป่า ปรากฏว่ารังของสวรรค์ปรีดานี้ตั้งอยู่ในบ่อนปุถุชน ช่างเกินคาดคิด”
เพลิงศักดิ์สิทธิ์อันบริสุทธิ์ปรากฏขึ้นบนปลายนิ้วของเขา และชายชุดดำก็สลายเป็นเถ้าไปทันที
กลางดึกคืนนั้น
บ้านเมืองสว่างไสว
หนึ่งหลวงจีนในจีวรผ้าลินิน สวมชุดคลุมเดินเท้าเปล่าสู่ถนนห่างไกลตัวเมืองสายหนึ่ง
ลึกเข้าไปในถนนสายนั้นมีบ่อนตั้งอยู่หนึ่งแห่ง แม้จะเป็นยามราตรีก็ยังครึกครื้นเปี่ยมชีวิตชีวา
เมื่อหลวงจีนเดินเข้าไปในบ่อน เจ้าหน้าที่ผู้หนึ่งก็กล่าวหยอกเย้า “หลวงจีน มาพนันหรือยืมเงินกันเล่า?”
หลวงจีนกล่าวยิ้ม ๆ “มาซื้อขายมีด*[1]”
ม่านตาของเจ้าหน้าที่หดตัว กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “เราไม่มีการซื้อขายใด ๆ นะ”
หลวงจีนว่า “ใช้ชีวิตเดิมพัน ขายได้ก็รามือ”
“รอสักครู่”
เจ้าหน้าที่หันหลังเดินเข้าไปในบ่อน
ไม่นานจากนั้น ชายชราผมขาวผู้หนึ่งก็เดินออกมาเพ่งพินิจหลวงจีนหัวจรดเท้า ก่อนจะขมวดคิ้ว “วิญญาณอาสัญ?”
หลวงจีนว่า “ยามสวรรค์ปรีดากระทำการ ต้องสืบหัวนอนปลายเท้าผู้จ้างวานด้วยหรือ?”
ชายชราผมขาวเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวว่า “เชิญ”
จากนั้น เขาก็หันหลังเดินเข้าบ่อนไป
หลวงจีนเดินตาม
ผ่านบ่อนอันเต็มไปด้วยควัน เดินตามทางเดินคดเคี้ยวไปจนถึงสวนอันเงียบเชียบแห่งหนึ่ง
ต้นหอมหมื่นลี้สะพรั่งในสวน จันทร์เสี้ยวแขวนเหนือนภาดำมืด ทอแสงเจิดจรัสเย็นยะเยือก
“ลูกค้าโปรดรอที่นี่”
ชายชราผมขาวหันหลังเตรียมจาก
หลวงจีนพลันกล่าวอย่างงุนงง “ขอบังอาจถาม ข้าสำแดงช่องโหว่ออกมาตรงไหนกัน?”
ชายชราผมขาวสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย ร่างของเขาพลันแปรเปลี่ยนเป็นกลุ่มควันสลายหายสู่อากาศ
ทว่าหลวงจีนยังคงเหนือชั้นกว่าเล็กน้อย
เปรี้ยง!
สุญญะระเบิดแหลก และร่างของชายชราผมขาวก็ร่วงลงชุ่มโลหิต
“ลงมือ!”
ชายชราชุดขาวตวาดลั่น
ตู้ม~
ต้นหอมหมื่นลี้ในสวนพริ้วไสว จันทร์เสี้ยวเหนือท้องนภาสะเทือนสั่นไหว สาดทอพิรุณแสงเยี่ยงภาพฝัน
ทั้งสวนพลันแปรเปลี่ยนเป็นโลกเร้นลับแห่งหนึ่ง!
ในโลกเร้นลับนี้ ทั่วฟ้าดินมืดครึ้ม เทือกเขาทอดตัวเป็นลูกคลื่น และเหนือยอดเขาลูกหนึ่งมีจันทร์เสี้ยวทอแสงจรัสฟ้า
ใต้จันทร์เสี้ยวนั้นมีตำหนักแห่งหนึ่งสว่าวไสวเจิดจรัสภายใต้แสงศักดิ์สิทธิ์
ก่อนที่หลวงจีนจะทันตั้งตัว
วูบ!
เงาร่างหลายสิบคนพลันกระโจนเข้ามาจากทุกทิศทางอย่างรวดเร็ว
เงาร่างเหล่านั้นรวดเร็วเยี่ยงอสนีบาต ปราณประหลาดดุดัน วูบไหวเยี่ยงภูตพรายในโลกหล้าอันมืดครึ้มนี้
หลวงจีนยืนนิ่ง สองมือประนม
ตู้ม!
บงกชพิสุทธิ์เจิดจรัสเบ่งบานรอบกายหลวงจีนนับมิถ้วน หนึ่งปราณดาบโปรยปรายจากบงกชท่ามกลางแสงเซียน
ดาบนี้สาดแสงส่องทั่วฟ้าดิน
และเหล่าตัวตนหลายสิบซึ่งพุ่งเข้ามาล้วนตายตกลงทันที!
ชายชราผมขาวซึ่งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกล่าวอย่างหวาดผวา “เจ้า… เจ้าเป็นวิญญาณอาสัญในขอบเขตจุติมงคล!!”
หลวงจีนพยักหน้า “ถูกต้อง”
สิ้นคำ หลวงจีนก็เดินไปยังภูเขาซึ่งอยู่ห่างออกไป
เพลิงพุทธะปรากฏขึ้นเบื้องหลังเขา แปรเปลี่ยนเป็นคมดาบฟาดฟันสลายร่างชายชราผมขาวในพริบตา
โลกนี้ปั่นป่วน ตัวตนอีกกลุ่มปรากฏขึ้นอีกหน
พวกเขาแต่ละคนล้วนแต่เป็นมือสังหารอันมากสามารถที่สุดของสวรรค์ปรีดา ตลอดกาลนานมา พวกเขาล่าตัวตนในขอบเขตราชันแห่งภูมิมามากมาย
ทว่าเมื่อเผชิญหลวงจีนผู้นี้ พวกเขากลับเหมือนแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ สูญสลายไปในพริบตา
เพียงไม่กี่อึดใจ หลวงจีนก็มาถึงยอดเขา
จันทร์เสี้ยวแขวนสูง เจิดจรัสเยี่ยงตะขอเงิน
ตำหนักโอ่อ่าตั้งเหนือบรรพต อาบไล้แสงจันทร์งดงาม
หือ?
ทันใดนั้นหลวงจีนก็ขมวดคิ้ว สัมผัสกลิ่นคาวเลือดพลิ้วโชยออกมาจากในตำหนัก
แทบจะในยามเดียวกันนั้น
ตู้ม!
หนึ่งร่างทะลวงออกมาฟาดฟัน
ม่านตาของหลวงจีนหดตัวเล็กน้อย เขาโบกชายแขนเสื้อจีวร หนึ่งดาบทะยานขึ้นสู่เวหา
เคร้ง!!!
ท่ามกลางเสียงระเบิดสะเทือนแดนดิน หลวงจีนถูกฟาดจนถอยไปทันที
และร่างนั้นก็กวาดมีดเข้าใส่อีกหน
รวดเร็วร้ายกาจ ทรงพลังน่ากลัว!
เมื่อมองดี ๆ ก็พบว่าเป็นชายผู้หนึ่งร่างสูงใหญ่เยี่ยงขุนเขา สวมชุดเกราะสำริดปกคลุมร่าง ถือมีดยาวสีดำอันเรืองแสงเซียนสีแดงฉานบนใบมีด
สิ่งที่ยิ่งน่ากลัวคือปราณบนร่างชายผู้นี้!
อำนาจกฎมหาวิถีพลุ่งพล่านบนร่างของเขาเยี่ยงคลื่นยักษ์ถาโถม แปรเปลี่ยนเป็นปราณหายนะประหลาดอย่างหนึ่ง
ยามฟาดฟันมีดออก อำนาจก็เทียบได้กับตัวตนในขอบเขตจุติมงคล!
ร่างของหลวงจีนเรืองประกายเจิดจรัส เพลิงทะยานสู่เวหา ปราณร้ายกาจทะยานคลั่ง
“ไป!”
หลวงจีนฟาดฟันดาบวิถีขอบตนประชันกับชายร่างสูงอย่างดุเดือด
“นี่คือผู้นำสวรรค์ปรีดา มือมีดสะบั้นอาวรณ์หรือ?”
หลวงจีนขมวดคิ้ว
เขาสัมผัสได้ว่าบางอย่างผิดปกติ
ปราณของอีกฝ่ายประหลาดพิลึกเกินไป ดูเหมือนคนเป็น ทว่าก็เหมือนซากศพโบราณ ปกคลุมด้วยบรรยากาศอลหม่านดุจหายนะพิบัติ
ทว่าก็ไม่อาจปฏิเสธว่าอำนาจต่อสู้ของอีกฝ่ายร้ายกาจยิ่ง!
ในโลกหล้าทุกวันนี้ เนื่องจากต้องคอยหลบกฎสวรรค์ วิญญาณอาสัญในขอบเขตจุติมงคลจึงใช้อำนาจได้เพียงราว ๆ สี่ส่วนจากอำนาจทั้งหมด
หลวงจีนได้สะบั้นคำสาปจากร่างไปแล้ว และแม้จะอยู่ภายใต้กฎสวรรค์เช่นกัน แต่ผลกระทบที่เขาได้รับนั้นน้อยกว่าปกติมาก เพียงพอให้ใช้อำนาจออกมาได้สูงสุดเจ็ดส่วน
ทว่าแม้จะเป็นเช่นนี้ ก็มิอาจเอาชนะอีกฝ่ายลงได้ในชั่วขณะสั้น ๆ!
“ช้ากว่านี้ไม่ได้แล้ว”
ดวงตาของหลวงจีนวูบไหว ใช้ไม้ตายก้นหีบออกมา
“มา!”
เขาพลิกฝ่ามือ ดาบวิถีกวาดผ่านนภา
ในพริบตา ปราณดาบเจิดจรัสสายหนึ่งก็กวาดทั่วฟ้า บทบริกรรมสันสกฤตขับขาน รัศมีพุทธะสาดแสงกล้า หนึ่งปราณดาบนี้ปรากฏนิมิตพันโลกภูมิ!
เปรี้ยง!
ฟ้าดินป่วนปั่น แสงศักดิ์สิทธิ์กู่คำราม
ชายร่างสูงถูกปราณดาบฟาดกระเด็น เกราะคุ้มกายบนร่างปริแตก เปล่งเสียงแผดลั่นดุจเสียงสัตว์ร้ายบาดเจ็บ
สิ่งที่ยิ่งน่าประหลาดใจคือ ร่างของชายร่างสูงซึ่งดูสมบูรณ์ใหญ่โตนั้น แท้จริงเป็นเหมือนใช้เศษกระเบื้องนับไม่ถ้วนเย็บติดกันด้วยด้ายไหมสีดำมั่วซั่วไปหมด!
“เกรงว่าคนผู้นี้คงไม่อาจมองได้ว่าเป็นกระทั่งวิญญาณอาสัญ เหมือนหุ่นเชิดซึ่งเกิดขึ้นด้วยเคล็ดวิชามากกว่า”
หลวงจีนสะเทือนใจ
เขาก้าวเข้ามา พยายามชิงความได้เปรียบรุกประชิดชิงชัย
ชายร่างสูงพลันเปล่งบทบริกรรมเกินเข้าใจบทหนึ่ง แล้วร่างสูงใหญ่ของเขาก็แปรเปลี่ยนเพลิงแสงประหลาดสีดำหายวับไปทันที
ตู้ม!
หลวงจีนฟาดฟันดาบของเขาเป็นแนวเฉียง
ไกลออกไปพันจั้ง แดนดินพลันระเบิดแหลก
เพลิงแสงสีดำซึ่งแปรมาจากชายร่างสูงแหลกกระจาย ทว่าพริบตาต่อมาพวกมันก็รวมตัวกันอีกครั้งก่อนจะหายวับไป
“ฆ่าไม่ตายหรือ?”
หลวงจีนประหลาดใจ
ดาบก่อนหน้านี้ของเขาสะบั้นร่างวิถีของอีกฝ่ายได้แล้วแท้ ๆ
ทว่าใครเล่าจะคิด ว่าร่างวิถีของอีกฝ่ายจะกลับมาหลอมรวมกันอีกครั้งในพริบตา ก่อนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“นี่ไม่ใช่หุ่นเชิดธรรมดา”
สีหน้าเคร่งเครียดปรากฏขึ้นบนใบหน้าหลวงจีน เขาเป็นผู้ทรงอำนาจสูงสุดในขอบเขตจุติมงคลผู้หนึ่งแห่งโบราณกาล แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบศัตรูแปลกประหลาดเช่นนี้!
เหมือนเช่นซากศพ ดุจหุ่นเชิด กระทั่งปราณบนร่างยังดูสับสนปนเป ประหลาดอย่างยิ่ง
หลวงจีนครุ่นคิดชั่วขณะ ก่อนจะทะยานสู่ตำหนักอันอยู่ห่างออกไป
ตำหนักแห่งนี้เจิดจรัสสว่างไสว ตกแต่งไว้อย่างวิจิตรตระการ
บนเก้าอี้ประธานกลางตำหนักมีหนึ่งร่างหลั่งโลหิตพรั่งพรู!
นางเป็นสตรีผู้มีรูปโฉมงดงาม ทว่าอกของนางถูกมีดเล่มหนึ่งฟันทะลวง เลือดเนื้อสาดกระจาย พลังชีวิตในร่างพรั่งพรูทะลักไหลรวดเร็ว
“ไฉนกัน… ไฉนจึงส่งองครักษ์เร้นเทพมาฆ่าข้า ท่านอาจารย์… ท่านช่างโหดร้ายนัก…”
ใบหน้าของสตรีผู้นั้นซีดขาว ปราณมรณะปกคลุมทั่วร่างหนาแน่น เสียงของนางดังกระท่อนกระแท่นอย่างอ่อนแรงในตำหนัก
หลวงจีนก้าวเข้ามาถาม “เจ้าคือมือมีดสะบั้นอาวรณ์หรือไม่?”
สตรีนางนั้นเงยหน้ามองหลวงจีนอย่างยากลำบาก ดวงตาของนางลึกโหล มุมปากยกขึ้นราวอยากจะกล่าวบางอย่าง ทว่าสุดท้ายก็สิ้นหวังต้องตายตก
หลวงจีนขมวดคิ้ว
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสตรีผู้นี้ถูกลอบสังหารก่อนที่เขาจะมาถึง!
“องครักษ์เร้นเทพ? หรือชายร่างสูงเมื่อครู่จะเป็นองครักษ์เร้นเทพที่สตรีผู้นี้ว่า?”
“หากสตรีผู้นี้คือผู้นำสวรรค์ปรีดา มือมีดสะบั้นอาวรณ์จริง อาจารย์ของนาง… ก็เกรงว่าจะเป็นช่างเสื้อ!”
เมื่อคิดเช่นนี้ หลวงจีนก็พอเข้าใจ
เหตุที่ช่างเสื้อส่งองครักษ์เร้นเทพมาสังหารศิษย์ตน ‘มือมีดสะบั้นอาวรณ์’ นั้นคือการฆ่าตัดตอน มิให้ซูอี้สืบสาวถึงที่ซ่อนตน!
หลวงจีนรำพึงเบา ๆ
ไม่ว่าอย่างไร เขาก็มาช้าไปก้าวหนึ่ง ทำให้หลวงจีนรับมิค่อยได้
……
ขณะเดียวกัน
ตระกูลเหวินโบราณอารักษ์วิถี
“จากเรื่องที่เกิดขึ้นกับตระกูลอวิ๋นโบราณอารักษ์วิถี ทุกผู้ต้องรู้เป็นแน่ว่าข้าได้รับมอบหมายจากสหายเต๋าซู ซูอี้เพื่อมาพบเหวินยงของตระกูลพวกเจ้า ขอเพียงเขาตอบคำถามข้าสองสามข้อ ข้าก็จะไปทันที”
เซียนดาบชิงซื่อในชุดคลุมยืนลำพังหน้าถิ่นพำนักตระกูลเหวิน
เหล่าผู้ทรงอำนาจตระกูลเหวินล้วนดูตกใจ
“ขอบังอาจถาม ผู้อาวุโสคือผู้ใดหรือ?”
ชายชราผู้หนึ่งถามเสียงลุ่มลึก
“ข้าหรือ?”
เซียนดาบชิงซื่อแย้มยิ้ม “นักดาบผู้หนึ่ง เกิดในโบราณกาล อยู่รอดตราบวันนี้”
กล่าวจบ เขาก็ดีดนิ้ว
ตู้ม!
ปราณดาบเจิดจรัสไร้คู่เปรียบสายหนึ่งทะยานออก เจิดจรัสสาดแสงทั่วแดนดิน กลบสิ้นรัตติกาลมืดมิด
อำนาจดาบน่าสะพรึงกลัวกดทับลงมายังเหล่าผู้ทรงอำนาจตระกูลเหวินจนเปลี่ยนสีหน้าไปตาม ๆ กัน
“ยอดฝีมือขอบเขตจุติมงคล!!”
บางผู้ร้องลั่น
“โปรดช่วยข้าด้วยเถิด อย่าให้ข้ามาเสียเที่ยวเลย”
เซียนดาบชิงซื่อก้มหัวลงน้อย ๆ
ในที่สุด ชายชราผู้หนึ่งก็สูดหายใจลึก ๆ กล่าวสั่งเสียงต่ำ “เจ้าตระกูล เจ้าไปเชิญเหวินยงมาด้วยตนเอง หากมีวาจาใดก็ กล่าวให้ชัดเจนต่อหน้าผู้อาวุโสท่านนี้”
“ได้!”
เจ้าตระกูลเหวินรับคำสั่ง
ทว่ายามนี้เอง เสียงตะโกนอย่างลนลานเสียงหนึ่งก็ดังออกมาจากในตระกูล “แย่แล้ว! บรรพชนเหวินยงตายแล้วขอรับ!!”
“อันใดนะ?!”
เหล่าผู้ทรงอำนาจของตระกูลเหวินทั้งมวลล้วนผงะตกใจ
หัวใจของเซียนดาบชิงซื่อร่วงลงสู่ตาตุ่ม เหวินยงตายแล้วหรือ?
หรือช่างเสื้อจะชิงลงมือสังหารเหวินยงก่อน?
[1] 赊 คำนี้นอกจากจะแปลว่าซื้อขายขาด ยังหมายถึงตัดใจปล่อยวางได้ โดยในต้นฉบับหลวงจีนใช้คำว่า “赊刀” (ซื้อขายมีด) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชื่อ 赊刀客 (มือมีดสะบั้นอาวรณ์)
………………..