บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1372: อารักษ์บัญชี
ตอนที่ 1372: อารักษ์บัญชี
………………..
ตอนที่ 1372: อารักษ์บัญชี
กลางดึก
ณ หอสี่สมุทร
ในห้องลับแห่งหนึ่ง อารักษ์บัญชีกำลังสอบบัญชี
ร่างของเขาผอมบาง ไว้เคราแพะ คู่เนตรลึกล้ำกระจ่างใส นิ้วเรียวขาวดีดลูกคิดพลิ้ว เสียงตอกแตกของลูกคิดกังวานใสเสนาะโสต
ในฐานะเถ้าแก่ที่อยู่เบื้องหลังหอสี่สมุทร ความรื่นรมย์สูงสุดของอารักษ์บัญชีคือการตรวจสอบรายการบัญชีที่มีอยู่กองพะเนินอย่างเงียบงันในกลางดึก
และยามนี้เองที่ตัวเขาสามารถผ่อนคลายไปกับความสงบอันเป็นของเขาผู้เดียว
เพียงแค่ว่าคืนนี้เขาเหม่อลอยไปนิดหน่อย มือชะงักเป็นครั้งคราว
“อารักษ์เฒ่า ข้ามาเยี่ยมเยือน”
เสียงอบอุ่นเสียงหนึ่งพลันดังขึ้นในห้อง
พร้อมกันนั้น ประตูหลักของห้องซึ่งปิดอยู่ก็ถูกผลักเปิด
ชายชราผมขาวผู้หนึ่งเดินเข้ามา
เขาคือบ่าวเฒ่านามชวีเหอผู้รับใช้ช่างเสื้อ
ดวงตาของอารักษ์บัญชีหรี่ลงเล็กน้อย แววตาคู่นั้นดูซับซ้อน “ข้าไม่คิดว่านายท่านจะส่งเจ้ามาเอง”
ชวีเหอประหลาดใจ “เจ้าคิดไว้แล้วหรือว่านายท่านจะส่งคนมาหา?”
อารักษ์บัญชีหาตอบไม่ ทว่าเขากลับหยิบพู่กันด้ามหนึ่งขึ้นเขียนต่อท้ายบัญชีหน้าสุดท้าย
‘บุญคุณความแค้น สะสางกระจ่าง’
ลายมือนั้นเปี่ยมชีวิตชีวา หมึกแดงฉานเยี่ยงเลือด
จากนั้นอารักษ์บัญชีก็วางพู่กันลงราวกับปล่อยวางโดยสมบูรณ์ นิ้วลูบไปบนลูกคิดเบา ๆ ขณะกล่าวว่า “การคิดบัญชีเป็นเรื่องเชี่ยวชาญที่สุดของข้า ไม่เพียงการคิดเงินซื้อขาย แต่ยังรวมการสะสางบุญคุณความแค้นด้วย”
เสียงของเขาราบเรียบเยี่ยงเสียงกระซิบ “ตลอดกาลนานมา บุญคุณของนายท่านที่มีต่อข้าถูกจดจำอยู่ในใจข้าอย่างเด่นชัด เพื่อทดแทนบุญคุณนั้น ข้าก็จำทุกสิ่งที่ข้าทำเพื่อนายท่านตลอดมาได้อย่างชัดเจนเช่นกัน”
กล่าวถึงตรงนั้น อารักษ์บัญชีก็กล่าวกับชวีเหอต่ออีกว่า “หากนายท่านไม่ส่งคนมาพบข้ายามนี้ ต่อให้ทัศนาจารย์ฆ่าข้า ข้าก็ยอมตายดีกว่าทรยศนายท่าน”
“น่าเสียดาย…”
อารักษ์บัญชีถอนหายใจ สีหน้าแสนหม่นหมอง “ท้ายที่สุดนายท่านก็ไม่อยู่เฉย ส่งเจ้ามาฆ่าข้าปิดปาก”
ชวีเหอผงะ ก่อนจะกล่าวด้วยสีหน้าสุขุม “ว่าแล้วว่าเจ้าคาดเดาได้ก่อน”
อารักษ์บัญชีแค่นยิ้ม “ตระกูลอวิ๋นโบราณอารักษ์วิถีพังทลาย กลุ่มเต๋าโบราณมากมายต่างออกมาประกาศตนช่วยเหลือทัศนาจารย์หาที่อยู่ของนายท่าน ด้วยเหตุนี้ ในฐานะคนสนิทนายท่าน คงโง่เขลาสิ้นดีหากไม่เข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันของนายท่าน”
น้ำเสียงของเขาประชดประชันโดยไร้ปิดบัง
ชวีเหอเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวว่า “เช่นนั้น ไยจึงมิหนีไปเสียเล่า?”
“ง่ายมาก ข้าอยากเห็นกับตาว่านายท่านที่ข้ารับใช้มาแสนนานจะกล้าลงมือกับข้าหรือไม่”
อารักษ์บัญชีกล่าวโดยมิหยุดคิด “ยามนี้ ข้าเข้าใจแล้ว”
ชวีเหออดยิ้มมิได้ “เหตุใดจึงเห็นเช่นนั้นเล่า?”
อารักษ์บัญชีกล่าวว่า “หากเจ้าอยู่กับนายท่านตลอดกาล เจ้าก็เป็นได้เพียงบ่าวชั่วชีวิต แต่ยามเจ้าจากนายท่านมายังภูมิดาราเทพนคร เจ้าก็กลายเป็นหมากที่ถูกทิ้งแล้ว”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ เขาก็กล่าวซ้ำเติมว่า “ข้าแน่ใจว่าด้วยอุปนิสัยของนายท่าน ยามตัดสินใจเช่นนี้ เขาก็ทิ้งเจ้าแล้วในใจ”
ชวีเหอพลันเงียบไป สีหน้าเข้าใจยาก
ครู่ต่อมา เขาก็กล่าวกับอารักษ์บัญชีด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “ฆ่าเจ้าเสีย ข้าก็จะกลับไปหานายท่านได้ มีหรือจะถูกทิ้ง?”
อารักษ์บัญชีกล่าวพร้อมกับยิ้ม “เพราะเจ้าฆ่าข้าไม่ได้อย่างไรเล่า”
ชวีเหอแค่นเสียงและปรบมือเบา ๆ
ทันใดนั้น ชายร่างผอมผู้หนึ่งก็ปรากฏขึ้นข้างกายชวีเหออย่างเงียบงัน
ชายผู้นั้นสวมชุดคลุมสีดำมิดชิด เผยให้เห็นเพียงดวงตาเย็นชา ปราณจากร่างนั้นประหลาดเกินเข้าใจดุจหนึ่งเงาเคลื่อนผ่านร่าง
ชวีเหอถามยิ้ม ๆ “ยามนี้เล่าเป็นเช่นไร?”
ม่านตาของอารักษ์บัญชีหดตัว สีหน้าแปรเปลี่ยน “องครักษ์เร้นเทพ!?”
“ถูกต้อง กระทั่งข้าก็ไม่คิดว่านายท่านจะเฉียบขาดเพียงนี้ ทั้งยังงัดไพ่ตายนี้ออกมาใช้โดยหาลังเลไม่”
ชวีเหอรำพันด้วยความทอดถอนใจ “และครานี้ นายท่านให้ข้าพาองครักษ์เร้นเทพสามคนมาที่นี่ หนึ่งไปตระกูลเหวินโบราณอารักษ์วิถี อีกคนมุ่งไปสวรรค์ปรีดาที่แคว้นหมิง ส่วนข้าก็พา ‘07’ มาหาเจ้าด้วยตัวเองนี่อย่างไร”
07 คือรหัสของชายร่างผอมในชุดดำข้างกายเขา!
นับแต่ปรากฏตัว เขาก็ยืนเงียบอยู่ที่เดิม ทว่าปราณบนร่างของเขาทำให้บรรยากาศในห้องตึงเครียด
อารักษ์บัญชีพลันเสสรวลและกล่าวว่า “กระทั่งเผยองครักษ์เร้นเทพออกมาโดยไม่ลังเล เห็นได้ชัดเลยว่านายท่านถูกทัศนาจารย์บีบจนหัวใจระส่ำระสายไปแล้ว หากข้าเดาถูก ยามนี้นายท่านคงกังวลว่าจะถูกทัศนาจารย์ตามจนเจอที่ซ่อนแน่”
ชวีเหอกล่าวอย่างเฉยเมย “ไม่ต้องรีรอต่อแล้ว เมื่อข้าและ 07 มาถึงที่นี่ เจ้าก็มีชะตาเป็นคนตายแล้ว”
ทว่าอารักษ์บัญชีกลับหัวเราะลั่น ก่อนจะลุกขึ้น “งั้นก็ลองดู!”
กล่าวจบ เขาก็โค้งตัวคำนับไปในห้องที่อยู่ลึกที่สุด “ขอใต้เท้าทัศนาจารย์โปรดปรากฏกายด้วยเถิด”
ภายในห้องที่อยู่ด้านในสุด ร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งเดินออกมา อาภรณ์เขียวเยี่ยงสีหยก บรรยากาศรอบกายดูเฉยเมยและไร้มลทิน ร่างสูงของเขาเปล่งประกายเยี่ยงภาพฝันท่ามกลางแสงในห้อง
เขาคือซูอี้
“เจ้า… ทรยศนายท่านไปแล้วหรือ!?”
ชวีเหอตวาดอย่างเดือดดาล
“เปล่าหรอก ใต้เท้าทัศนาจารย์เพิ่งมาถึงเมื่อไม่นานนี้เอง”
อารักษ์บัญชีกล่าวด้วยสีหน้าเลื่อนลอย “ก่อนหน้านี้ ข้าเดิมพันกับทัศนาจารย์ด้วยความตาย และหากนายท่านไม่ส่งคนมาฆ่าข้าในสามวัน ข้าจะตัดสินใจเองและมิเผยเรื่องราวใด ๆ เกี่ยวกับนายท่าน”
“แต่หากเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น ใต้เท้าทัศนาจารย์จะช่วยข้าสะสางวิกฤต ส่วนข้าจะบอกทุกสิ่งที่ใต้เท้าทัศนาจารย์ต้องการทราบ”
กล่าวจบ เขาก็มองชวีเหอขณะกล่าวเบา ๆ “ทั้งหมดนี้ นายท่านบีบข้าเองนะ”
สีหน้าของชวีเหอบิดเบี้ยวด้วยความกราดเกรี้ยว เนื่องจากตระหนักได้ถึงความรุนแรงของสถานการณ์แล้ว
“ผู้เฒ่า เจ้าน่ะถูกทิ้งไปแล้ว ควรหยุดเสียตรงนี้และร่วมมือกับข้าจะดีกว่านะ แล้วเจ้าจะได้รอดชีวิต”
ซูอี้กล่าวแนะนำเสียงแผ่ว
“ฝันไปเถอะ!”
สีหน้าของชวีเหอแน่วแน่ขณะยิ้มเยาะ ก่อนจะกล่าวอย่างเย็นชา “ชีวิตข้าเป็นของนายท่าน ตายก็แค่ตาย ข้าจะไม่มีวันทรยศขายนายเพื่อตนเอง!”
กล่าวจบ เขาก็โบกมือ “07 ลงมือได้!”
“รับทราบ!”
ชายร่างผอมสวมชุดคลุมสีดำพยักหน้ารับ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้งราวมิได้พูดเป็นเวลานาน
ตู้ม!
กระบี่ยาวอันอาบด้วยแสงเซียนสีแดงฉานปรากฏขึ้นในมือ
จากนั้นเขาก็ตวัดไปด้านข้าง
ทว่าหัวนั้นเป็นของชวีเหอ!
“เจ้า…”
ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ใบหน้าเปี่ยมความงุนงงระคนมิอยากเชื่อ
ก่อนหน้านี้ เขาสาบานจะตายเพื่อนายตน
ไม่คิดเลยว่าอึดใจต่อมา เขาจะถูกองครักษ์เร้นเทพข้างกายสะบั้นหัว!
เหตุการณ์นี้กะทันหันเกินกว่าจะคาดคิด
07 กล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “นายท่านบัญชามาว่าหากเจ้ายังไม่สิ้นใจยามทัศนาจารย์ปรากฏกาย ข้าต้องบั่นหัวเจ้าก่อนไม่ให้ตกถึงมือทัศนาจารย์”
ตุ้บ!
ศีรษะของชวีเหอร่วงลงพื้น และบังเอิญหันมาทางอารักษ์บัญชีพอดิบพอดี
สีหน้าตะลึงระคนละอายไม่เต็มใจปรากฏในสายตาของอารักษ์บัญชีอย่างชัดเจน
“เห็นหรือไม่ นี่คือจุดจบของผู้ถูกทอดทิ้ง”
อารักษ์บัญชีรำพึงเบา ๆ
ทิ้งธนูยามสิ้นปักษา ต้มสุนัขล่าเนื้อยามกระต่ายตาย!
นับแต่อดีตกาลจวบจนปัจจุบัน หากผู้ใดสิ้นค่าก็ล้วนถูกทอดทิ้ง!
ซูอี้มองภาพทั้งหมดนี้โดยไม่ยักประหลาดใจ เขาเข้าใจสันดานของช่างเสื้อเฒ่าผู้ทำทุกสิ่งเพื่อเป้าหมายดี
ตู้ม!
กระบี่คำรามดุจคลื่นวารี
จิตสังหารอัดแน่นไปทั่วทั้งห้อง
องครักษ์เร้นเทพนามแฝง 07 ฟาดกระบี่เข้าโจมตีอารักษ์บัญชี
ตู้ม!
ทั้งห้องสะเทือนเลือนลั่น หนึ่งค่ายกลปรากฏขึ้น แสงเซียนพลิ้วละล่องเยี่ยงแสงมหาตะวันเหนือสรวง เพลิงแสงเจิดจรัสสาดจ้าเข้าใส่องครักษ์ 07
“ใต้เท้าทัศนาจารย์หลบเร็ว!”
อารักษ์บัญชีตะโกนลั่นขณะพุ่งออกไปนอกห้องกับซูอี้
ตู้ม!
ทันทีที่พุ่งมาถึงโลกภายนอก ห้องทั้งห้องก็ถล่มลง คลื่นอำนาจค่ายกลอันร้ายกาจปกคลุมทั่วท้องนภาจนกระทั่งล้มพื้นที่ในบริเวณนั้นทันที
“เป็นค่ายกลที่ดี”
ซูอี้ออกความเห็น
“ตลอดช่วงนี้ ข้าสะสมสมบัติขอบเขตจุติสรวงไว้ในหอสี่สมุทรมาตลอดและค่ายกลนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น”
อารักษ์บัญชีกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ทว่าอาศัยเพียงอำนาจค่ายกลนี้อย่างเดียว ข้าเกรงว่าคงไม่อาจหยุดองครักษ์เร้นเทพได้เลย”
กล่าวจบ เขาก็บอกรายละเอียดขององครักษ์เร้นเทพแก่ซูอี้
ช่างเสื้อส่งกำลังไปยังเขตหวงห้ามเซียนละล่อง สมุทรมารไร้กำหนดและเขตหวงห้ามอื่น ๆ และได้รับโอกาสวาสนาจากโบราณกาลมากลุ่มหนึ่ง
ในหมู่พวกมันรวมไปถึงซากศพของเซียนจำนวนมาก รวมถึงวิญญาณอาสัญจุติสรวงมากมายที่ยังไม่ตื่นจากนิทรา!
ซากศพเซียนเหล่านั้นส่วนใหญ่ตกตายไปนานแล้ว
และวิญญาณอาสัญขอบเขตจุติสรวงเหล่านั้นก็เงียบงันเยี่ยงหนอนไหมในดักแด้
ทว่าช่างเสื้อคิดว่ามันเป็นสมบัติ และใช้เคล็ดวิชานาม ‘คัมภีร์เหง้ามารปล้นสวรรค์’ โดยใช้ซากศพเซียนเป็นวัตถุดิบศักดิ์สิทธิ์ วิญญาณอาสัญจุติสรวงเป็นร่างวิญญาณ สร้างหุ่นเชิดกลุ่มหนึ่งซึ่งไม่ใช่ทั้งคนและผีออกมา!
หุ่นเชิดเหล่านี้ต่างกับหุ่นเชิดมาร ผีดิบหุ่นเชิดกับหุ่นเชิดวิญญาณทั่วไป พวกมันถูกสร้างจากชิ้นส่วนซากศพเซียนมากมาย โดยบรรจุร่างวิญญาณของวิญญาณอาสัญขอบเขตจุติสรวงเอาไว้
ช่างเสื้อเรียกมันว่า ‘องครักษ์เร้นเทพ’
ความแข็งแกร่งขององครักษ์เร้นเทพนั้นเทียบได้กับขอบเขตจุติมงคลและมีร่างวิถีที่ไม่อาจสังหารได้
ยิ่งกว่านั้นพวกมันยังมีไหวพริบฉลาดเฉลียว เจนจัดสารพัดศาสตร์ต่อสู้
นอกจากจะไม่ใช่คนเป็นก็ไม่มีจุดไหนแตกต่างจากผู้ทรงอำนาจในขอบเขตจุติมงคลเลย
เมื่อรู้เช่นนี้ ซูอี้ก็อดเลิกคิ้วมิได้ ช่างเสื้อเฒ่าช่างสมกับเป็นช่างเสื้อ เขาใช้ซากศพเซียนและวิญญาณอาสัญจุติสรวงเป็นวัตถุดิบสำหรับตัดเย็บเพื่อสร้างสัตว์ประหลาดอันน่าสะพรึงยิ่งขึ้นมา
ตู้ม!
ทันใดนั้น ค่ายกลซึ่งอยู่ห่างออกไปก็ระเบิดแหลก
และร่างหนึ่งก็ทะยานออกมาท่ามกลางเพลิงแสง
เขาคือองครักษ์เร้นเทพรหัส 07!
เขาเต็มไปด้วยปราณหายนะประหลาดอันน่าขนลุก หาบาดเจ็บใด ๆ ไม่!
ตู้ม!
ทันทีที่เขาทะลวงค่ายกลออกมา องครักษ์ 07 ก็ฟาดฟันกระบี่เซียนสีเลือดเข้าใส่อารักษ์บัญชีทันที
คมกระบี่วูบไหวเยี่ยงสายฟ้า อำนาจร้ายกาจสะเทือนโลกา!
ชั่วขณะนั้น ซูอี้อดหรี่ตาลงมิได้
………………..