บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1373: เสนอสมบัติ
ตอนที่ 1373: เสนอสมบัติ
ตู้ม!
กระบี่นั้นทะลวงผ่านนภา ฟาดฟันเข้าใส่อารักษ์บัญชีอย่างทรงอำนาจ
ในยามคับขันนั้นเอง หนึ่งคมดาบทะยานสู่อากาศ
เปรี๊ยะ!
ปราณกระบี่แหลกสลาย โปรยปรายประกายพิรุณแสง
แน่นอนว่าผู้ลงมือคือซูอี้ ร่างของเขาวูบไหวก่อนจะฟาดฟันดาบเข้าโจมตีองครักษ์เร้นเทพรหัส องครักษ์เร้นเทพรหัส 07
ทว่าพริบตาต่อมา ซูอี้ก็ถูกฟาดกระเด็นไปจนอวัยวะภายในปั่นป่วน
“ความแข็งแกร่งของคนผู้นี้ร้ายกาจเสียยิ่งกว่าหร่วนไฉ่จือเสียอีก!”
ซูอี้ประหลาดใจ
องครักษ์เร้นเทพรหัส 07 หาได้สนใจเขาไม่ มันยังคงโจมตีอารักษ์บัญชีต่อไป
สิ่งนี้ทำให้อารักษ์บัญชีเดือดดาล เขาหรือจะไม่เข้าใจว่านี่คือคำสั่งตายของช่างเสื้อ ให้องครักษ์เร้นเทพผู้นี้สังหารเขาเพื่อปิดปาก!
ซูอี้เข้าขวางร่างนั้นกลางเวหา ดาบแห่งโลกาครวญวจีก่อนจะเรืองนิมิตวัฏสงสารออกมา
ยามนี้ เขาเค้นปราณดาบเก้าคุมขัง โคจรเคล็ดวัฏสงสาร มิกล้าออมมืออีกต่อไป
เคร้ง!!!
ร่างขององครักษ์เร้นเทพรหัส 07 ถูกผลักถอยไปหลายก้าวพร้อมเรื่องสั่นสะท้านปฐพี
อำนาจวัฏสงสารในปราณดาบเล่มนี้ส่งผลกระทบต่อองครักษ์เร้นเทพรหัส 07 มากเป็นพิเศษจนร่างของเขาปรากฏรอยร้าว!
ก่อนที่เขาจะยืนตั้งหลักได้ ซูอี้ก็ฟาดฟันดาบเข้าใส่อีกหน
ปราณดาบนับพันถูกสาดออกมาในพริบตา แต่ละสายล้วนอัดแน่นด้วยปราณดาบเก้าคุมขัง จนเกิดเป็นเงานิมิตแดนวัฏสงสาร
องครักษ์เร้นเทพรหัส 07 มิได้หลบเลี่ยง ทว่ามันกลับตวัดกระบี่โจมตีอย่างหนักหน่วง
เปรี้ยง!
แดนดินบริเวณนั้นแหลกสลาย เพลิงแสงปกคลุมทั่วผืนฟ้า
ความแข็งแกร่งขององครักษ์เร้นเทพผู้นี้ร้ายกาจยิ่ง เขาแข็งแกร่งกว่าเว่ยฉางฝู่ หร่วนไฉ่จือและวิญญาณอาสัญขอบเขตจุติมงคลตนอื่น ๆ มากโข
สิ่งที่ทำให้ซูอี้ขมวดคิ้วยิ่งกว่าเก่าก็คือ แม้องครักษ์เร้นเทพรหัส 07 จะบาดเจ็บอย่างต่อเนื่อง ทว่าบาดแผลบนร่างของเขาจะฟื้นคืนในเวลาไม่นาน ราวกับมิอาจถูกฆ่าได้เลย
“หุ่นเชิดจากซากศพเซียนทรงพลังได้เพียงนี้เลยหรือ?”
ซูอี้รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
มิน่าเล่า องครักษ์เร้นเทพจึงถือเป็นไพ่ตายก้นหีบของช่างเสื้อ สัตว์ประหลาดเช่นนี้เป็นคนก็ไม่ ผีก็มิเชิง ดูร้ายกาจและประหลาดเกินไป
ทว่าเมื่อศึกดำเนินไป ซูอี้ก็ค้นพบในไม่ช้าว่าบาดแผลขององครักษ์เร้นเทพ 07 ร้ายแรงขึ้นเรื่อย ๆ และฟื้นตัวช้าลงตามกาล
แก่นของมันอยู่ที่ปราณ ‘จุดจบ’ ที่เต็มไปด้วยอำนาจวัฏสงสารที่สามารถสร้างความเสียหายให้แก่ร่างกายของอีกฝ่ายได้อย่างมหาศาล!
“เปิด!”
องครักษ์เร้นเทพรหัส 07 ตวาดลั่น
ร่างของเขาเปล่งแสงสีเลือดเจิดจ้า อำนาจพลันหลั่งไหลเข้าสู่ร่างอย่างกะทันหัน
และเขาก็ฟาดฟันใส่ซูอี้จนกระเด็นไปด้วยดาบเดียว!
จากนั้นองครักษ์เร้นเทพรหัส 07 ก็วูบไหวราวมลายเป็นอากาศธาตุ ก่อนจะทะยานเข้าหาอารักษ์บัญชีอีกครั้ง
รักษาชีวิตตนและสังหารอารักษ์บัญชีในคราเดียว!
ซูอี้ขมวดคิ้ว เดิมทีเขาต้องการหยั่งฝีมือขององครักษ์เร้นเทพรหัส 07 ต่อด้วยอยากเข้าใจเกี่ยวกับรายละเอียดของสัตว์ประหลาดตนนี้ให้ถ่องแท้
ทว่ายามนี้ เขาทำเช่นนั้นไม่ได้แล้ว
“มา!”
ซูอี้ตวาดเบา ๆ ขณะยกดาบขึ้นสู่เวหา
ตู้ม!
ฟ้าดินพลันหม่นแสง แดนวัฏสงสารปรากฏขึ้นราวเป็นสสาร ครอบร่างองครักษ์เร้นเทพ 07 ไว้ทันที
“สะบั้น!”
เมื่อคมดาบของซูอี้ฟันลง ภาพอันยิ่งใหญ่ก็ปรากฏขึ้นภายในแดนวัฏสงสาร
แท่นเกิดใหม่อันโอ่อ่า สระเวียนวัฏเดือดพล่าน ทะเลทุกข์ไร้ประมาณ เส้นทางสุดวิถีที่ทอดยาวในความมืดชั่วนิรันดร์ ดินแดนแห่งจุดจบท่ามกลางบรรยากาศอัสดง…
ดุจแดนวัฏสงสารแท้จริงปรากฏขึ้น ณ ขณะนี้!
องครักษ์เร้นเทพรหัส 07 ผู้ถูกครอบจองจำไว้ภายในสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามถึงตายอย่างชัดเจน ร่างของเขาระเบิดปราณทำลายล้างที่สะเทือนขวัญ มือกระชับกระบี่เซียนสีเลือดทะยานตรงไปเบื้องหน้า
เขาบดขยี้แท่นเกิดใหม่ ทะลวงสระเวียนวัฏ ผ่าเส้นทางสุดวิถีและทะเลทุกข์สิ้นในอึดใจ!
ทรงพลังไร้ผู้ใดเทียบ
ความกล้าหาญไร้พรั่นพรึง เมินสิ้นความเป็นความตายนี้ทำให้ซูอี้ขมวดคิ้ว
ทว่าด้วยการกระทำเช่นนี้ อำนาจมหาวิถีขององครักษ์เร้นเทพรหัส 07 เองก็เสียหายอย่างหนัก ร่างของเขาแหลกเละ เลือดเนื้อสาดกระจายหนแล้วหนเล่า
แม้เขาจะกลับมาประกอบร่างฟื้นชีวิตใหม่ได้หนแล้วหนเล่า แต่บาดแผลบนร่างของเขาก็ร้ายแรงขึ้นทุกขณะ แตกร้าวจนน่าตกใจเยี่ยงกระเบื้องเคลือบแตก
ท้ายที่สุด ยามองครักษ์เร้นเทพรหัส 07 หลุดเข้าไปในดินแดนแห่งจุดจบท่ามกลางบรรยากาศอาทิตย์อัสดง ในที่สุดร่างของเขาก็ทนไม่ไหวจนกระทั่งถูกม่านแสงอัสดงลากผ่านแหลกระเบิดทันใด
เศษซากนับไม่ถ้วนพุ่งกระจายเยี่ยงอุกกาบาต และเมื่อมองใกล้ ๆ จะพบกับเส้นด้ายสีดำพันรอบเศษซากเหล่านี้ เพื่อพยายามเชื่อมต่อพวกมันเข้าด้วยกันอีกครั้ง
ทว่าเมื่อแสงอัสดงสาดส่องลงมา เศษเลือดเนื้อและเส้นด้ายสีดำเหล่านั้นก็ล้วนถูกชะสิ้น!
ไม่เหลือแม้เพียงเศษซาก
ซูอี้เก็บดาบแห่งโลกา
เปรี้ยง!
แดนวัฏสงสารสะเทือนสั่นมลายหายไป
ซูอี้ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าองครักษ์เร้นเทพผู้นี้ประหลาดยิ่งนัก หากเป็นคนจริง ๆ ในโลกหล้า เกรงว่าเขาคงมิอาจสังหารอีกฝ่ายลงได้เลย!
มีเพียงอำนาจวัฏสงสารเท่านั้นที่ปราบวิญญาณอาสัญในร่างองครักษ์เร้นเทพได้อยู่หมัด และเมื่อมีปราณดาบเก้าคุมขังเข้าเสริม มันจึงสามารถสังหารองครักษ์เร้นเทพนี้ได้อย่างราบรื่น
ตุ้บ!
ไกลออกไป อารักษ์บัญชีเข่าอ่อนทรุดลงหอบหายใจ ทั่วร่างของเขาอาบด้วยเหงื่อกาฬเย็นเฉียบ
ในศึกก่อนหน้านี้ เขาถูกพลังปราณขององครักษ์เร้นเทพ 07 หมายหัวอยู่หลายหน ทำให้หัวใจของเขารู้สึกตระหนกอย่างรุนแรง
ตราบจนยามนี้ เขาจึงโล่งใจและมิอาจทนได้อีกต่อไป
เมื่อเห็นซูอี้เดินเข้ามาหาจากไกล ๆ อารักษ์บัญชีก็อดหัวเราะเยาะตนมิได้ “ทำให้ใต้เท้าทัศนาจารย์ขบขันเสียแล้ว เรื่องนี้หาใช่ความลับไม่ ข้าเองก็ได้ประจักษ์ฝีมือขององครักษ์เร้นเทพเป็นหนแรกเช่นกัน ไม่คิดเลยว่าสัตว์ประหลาดพรรค์นี้จะร้ายกาจเพียงนี้”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ สายตาของเขาก็คลุมเครือขึ้นอีกหน
องครักษ์เร้นเทพร้ายกาจเพียงไร?
แต่ท้ายที่สุดอีกฝ่ายก็ถูกใต้เท้าทัศนาจารย์ฆ่าตายอยู่ดีมิใช่หรือ?
“สิ่งที่ข้าต้องการเล่า?”
ซูอี้ถาม
อารักษ์บัญชีสงบจิตใจ ก่อนจะนำม้วนหยกออกมาจากแขนเสื้อม้วนหนึ่งและกล่าวว่า “ในม้วนหยกนี้มีพิกัดมิติที่เชื่อมโยงถึงแดนเร้นเทพ หากไร้อุบัติเหตุใด ๆ ช่างเสื้อจะซ่อนตัวอยู่ที่นี่ โปรดรับไปเถิด”
เขาว่าพลางส่งม้วนหยกแก่ซูอี้
ซูอี้รับม้วนหยกมา ทว่าหาตรวจสอบมันไม่ เขาขยี้มันทิ้งทันทีขณะกล่าว “กระต่ายเจ้าเล่ห์ขุดทางออกโพรงสามแห่ง ในเมื่อช่างเสื้อฆ่าไก่หลังเก็บไข่เช่นนี้ เขาย่อมมิได้ซ่อนตัวอยู่ในที่ลับพวกนี้แล้วล่ะ”
อารักษ์บัญชีเงียบไปสักพัก ก่อนจะถอนหายใจ “นั่นสินะ”
ไม่ว่าจะเป็นเขาหรือซูอี้ต่างก็รู้สันดานของช่างเสื้อดีเกินไป และในเมื่อเขาส่งชวีเหอมากับองครักษ์เร้นเทพทั้งสามคนในยามนี้ อีกฝ่ายคงไม่มีทางอยู่ในแดนเร้นเทพต่อไปแล้ว
หากทำเช่นนี้ ทุกสิ่งก็ไร้ข้อผิดพลาด
“ทว่าใต้เท้าทัศนาจารย์โปรดวางใจ ช่างเสื้อย่อมคิดไว้แล้วว่าใต้เท้าจะคาดการณ์เช่นนี้ มีหรือเขาจะยอมออกจากแดนเร้นเทพ?”
อารักษ์บัญชีกล่าว
ซูอี้เอ่ย “เขาเป็นไอ้แก่ชั่วช้า กระทำการไร้ร่องรอย ไม่มีทางยอมเดิมพันง่าย ๆ และนี่แหละสาเหตุที่ทำให้อายุยืนจวบจนยามนี้ได้”
อารักษ์บัญชีกล่าวอย่างเคลือบแคลง “หากเป็นเช่นนั้น ไฉนใต้เท้าทัศนาจารย์จึงลงมือเองในหนนี้เล่า? เพราะถึงอย่างไร การกระทำของชวีเหอหนนี้คือสังหารข้า เหวินยงและมือมีดสะบั้นอาวรณ์ หาได้เป็นแผนร้ายต่อใต้เท้าไม่”
ซูอี้กล่าวโดยไม่คิด “หากเป็นเช่นนั้น ช่างเสื้อเฒ่าจะมิรวดร้าวปวดใจใด ๆ และคิดเพียงว่าทุกสิ่งอยู่ในควบคุมของเขาน่ะสิ”
อารักษ์บัญชีเข้าใจทันที
ช่างเสื้อกลัวว่าตนจะถูกทัศนาจารย์ฆ่า จึงลงทุนทำทุกสิ่ง ทั้งส่งชวีเหอ เหวินยงและมือมีดสะบั้นอาวรณ์มาพยายามฆ่าเขา
หากทัศนาจารย์ไม่กระทำการใด ชวีเหอจะไม่ตาย และองครักษ์เร้นเทพ 07 ก็จะมิดับสูญ ทุกสิ่งอยู่ในการควบคุมของช่างเสื้อ
ทว่าทัศนาจารย์ไม่เพียงช่วยชีวิตเขา ณ ยามนี้ แต่ยังสังหารชวีเหอและองครักษ์เร้นเทพรหัส 07 และเมื่อช่างเสื้อรู้เรื่องนี้เข้า อีกฝ่ายย่อมมิอาจนิ่งเฉยได้อีก!
“จากนี้ไป ช่างเสื้อจะสิ้นทุกการควบคุมในโลกภายนอก ไม่ว่าเขาจะต้องการข้อมูลข่าวสารใด ๆ ในโลกหล้า เขาก็ต้องติดต่อกับโลกภายนอกเอาเอง”
ซูอี้กล่าวกับตนเอง “กำแพงมีหูประตูมีช่อง ขอเพียงภายหน้าเขาคิดอุบายใด ย่อมต้องเผยร่องรอยของตัวเองเป็นแน่!”
เหวินยงจากตระกูลเหวินโบราณคือกระบอกเสียงของช่างเสื้อ
อารักษ์บัญชีแห่งหอสี่สมุทรคือหูตาและมือเท้าของช่างเสื้อ
ในขณะที่กลุ่มมือสังหารสวรรค์ปรีดาคือตัวหมากที่ช่างเสื้อส่งไปซุกซ่อนอยู่ทั่วโลกหล้า
วันนี้สายลับทั้งสามนี้ถูกทำลายไปแทบสิ้น
ด้วยเหตุนี้ ช่างเสื้อเฒ่าผู้เร้นกายจะไม่อาจส่งอิทธิพลใดมาสร้างผลกระทบต่อเหตุการณ์ในโลกหล้าได้อีก!
ดังนั้นจึงหมายความว่าช่างเสื้อจะมิอาจเล่นอุบายใดได้อีก
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ามีกลุ่มเต๋าโบราณมากมายในโลกหล้าที่กำลังตามล่าช่างเสื้ออยู่ ขอเพียงช่างเสื้อกล้าปรากฏตัว ร่องรอยของเขาก็ย่อมถูกเปิดเผย!
นี่คือการตอบโต้ของซูอี้
ฆ่างูต้องตีจุดตาย
บีบช่างเสื้อให้จิ้มตาตัดแขนตน จากนั้นก็ยืมกำลังกลุ่มเต๋าโบราณเปลี่ยนช่างเสื้อเป็นเป้าหมายร่วมของคนทุกผู้!
ด้วยเหตุนี้ แม้ช่างเสื้อจะซุกซ่อนไพ่ตายไว้มากมาย ทว่าก็มิอาจก่อเรื่องได้มากมายในสายตาซูอี้อีกต่อไป!
“ใต้เท้า โปรดช้าก่อน”
เมื่อเห็นซูอี้กำลังจะจากไป อารักษ์บัญชีก็รีบพูดขึ้น
“มีเรื่องใดหรือ?”
ซูอี้ชะงักฝีเท้า
อารักษ์บัญชีสูดหายใจลึก ๆ ก่อนจะคุกเข่าลงกับพื้นและกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ผู้น้อยมีเรื่องหนึ่งต้องวอนขอ หวังว่าใต้เท้าจะสงเคราะห์ให้ได้ขอรับ!”
ซูอี้หันกลับมากล่าวกับอารักษ์บัญชี “เจ้าอยากได้การคุ้มครองจากข้าล่ะสิ?”
“ถูกต้อง!”
อารักษ์บัญชีกล่าว “ข้ารับใช้ช่างเสื้อมานานจึงรู้ลักษณะนิสัยของเขาดีที่สุด ไม่ต้องคิดข้าก็รู้ว่า ภายหน้าเฒ่าชั่วผู้นั้นจะหาโอกาสล้างแค้นข้าอีกแน่นอน!”
“และทุกวันนี้ มีเพียงใต้เท้าเท่านั้นที่พอจะต้านทานแรงกดดันของช่างเสื้อได้ขอรับ”
กล่าวจบ เขาก็นำกล่องหยกใบหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ ยื่นให้และกล่าวว่า “ในกล่องหยกนี้มีสมบัติเซียนลึกลับชิ้นหนึ่งซึ่งหอสี่สมุทรของข้าได้รับมาเมื่อนานนี้ ขอใต้เท้ารับไว้อย่างสบายใจด้วยเถิด!”
ซูอี้รับกล่องหยกมาและกล่าวอย่างฉงน “สมบัติเซียนหรือ? ดูเหมือนว่าในช่วงนี้ หอสี่สมุทรของเจ้าจะได้สมบัติดี ๆ มาเยอะเลยนะ”
หอสี่สมุทรนั้นเป็นที่รู้จักในนามหอการค้าอันดับหนึ่งซึ่งมีกำลังกระจายอยู่ทั่วจักรวาลพร่างดาว
และในฐานะเถ้าแก่ผู้อยู่เบื้องหลังหอสี่สมุทร อารักษ์บัญชียังมีสมญานามว่า ‘ท่านเทพมั่งมี’ ผู้ร่ำรวยล้นฟ้า!
“ข้ารับประกันได้ว่าไม่มีสมบัติใดในหอสี่สมุทรสามารถเทียบได้กับสมบัติเซียนในกล่องหยกนี้ขอรับ!”
อารักษ์บัญชีกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “นอกจากนั้น ข้ายังมีสมบัติในขอบเขตจุติสรวงอยู่อีกส่วนหนึ่ง นับได้เป็นพัน ๆ ชิ้น เดิมพวกมันจะถูกส่งไปหาช่างเสื้อ ทว่ายามนี้ข้าเต็มใจส่งทุกสิ่งให้ท่าน วอนขอเพียงให้ใต้เท้าคุ้มครองข้าด้วย!”
เขากล่าวด้วยความรู้สึกรวดร้าวใจ ฟังดูเจ็บปวดเสียจนมิอาจหายใจ
สมบัติที่ถูกเสนอออกมาเหล่านี้แทบจะเป็นสิ่งล้ำค่าที่สุดในมือของเขา พวกมันมีมูลค่าสูงลิ่วจนไม่อาจประมาณได้
โดยเฉพาะสมบัติเซียนในกล่องหยกนี้ ที่มาของมันพิเศษลึกลับจึงไม่อาจประเมินค่าเป็นตัวเลขได้ ทั้งยังเลอเลิศพอที่จะกวนกระแสให้กลุ่มเต๋าโบราณใด ๆ ทั่วโลกหล้าคลั่งไคล้หลงใหลได้
ทว่าอารักษ์บัญชีเสนอมันเพื่อขอชีวิตรอด!
………………..