บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1376: เตาเสริมสวรรค์
ตอนที่ 1376: เตาเสริมสวรรค์
‘เตาเสริมสวรรค์? ชื่อยิ่งใหญ่ดีแท้’
ซูอี้คิด
ระหว่างตรวจสอบ เขาก็ได้รับรู้ความลับบางอย่างของเตาหลอมนี้
คุณสมบัติสูงสุดของเตานี้คือสามารถดึงจิตวิญญาณและพลังของสรรพสิ่ง หลอมแก่นต้นกำเนิดของสารพัดโอสถทิพย์และสิ่งต่าง ๆ เข้าด้วยกันได้
นอกจากนั้น ยังใช้หล่อหลอมวัตถุศักดิ์สิทธิ์และตีอาวุธวิเศษได้อีกด้วย
กระทั่งยามต่อสู้กับศัตรู มันก็ยังเผยอำนาจน่าสะพรึงกลัว แผดเผาศัตรูเป็นเถ้าธุลีได้โดยง่าย!
หรือก็คือ มันหลอมได้ทุกอย่าง!
น่าเสียดายที่ซูอี้ไม่อาจตรวจพบที่มาของเตานี้ อำนาจดั้งเดิมของมันเสียหายหนักหน่วง แม้จะเปี่ยมด้วยจิตวิญญาณ ทว่านี่ก็ไม่ใช่รูปลักษณ์สมบูรณ์
“พบปราชญ์หงอวิ๋นหนหน้า ข้าคงถามนางได้ว่ารู้ที่มาของเตาเสริมสวรรค์หรือไม่”
ซูอี้กล่าวกับตน
ในยุคอวสานเซียน ปราชญ์หงอวิ๋นและเหล่ายอดฝีมือในตระกูลนางเองก็จากโลกเซียนมาหลบภัยในโลกมนุษย์ก่อนล่วงหน้า
กล่าวคือ ทั้งปราชญ์หงอวิ๋นและเตาเสริมสวรรค์นี้ล้วนมาจากยุคอวสานเซียน
ต่อมา ซูอี้ก็นำโอสถทิพย์ขอบเขตราชันแห่งภูมิออกมาส่วนหนึ่งโดยไม่คิดมาก และครุ่นคิดว่าจะใช้มันทดสอบสรรพคุณของเตาเสริมสวรรค์
สมบัติเซียนอันไม่อาจหยั่งประเมินจะสามารถหล่อหลอมโอสถหายากคุณภาพเลอเลิศได้จริงหรือ?
เตาเสริมสวรรค์มีขนาดเพียงฝ่ามือ ทว่าภายในกลับกว้างใหญ่เยี่ยงจักรวาล
เมื่อซูอี้โยนโอสถทิพย์ขอบเขตราชันแห่งภูมิเข้าไปเป็นร้อยชิ้น แสงเซียนสีม่วงในเตาก็คลั่งคำราม สารพัดอักขระเซียนประหลาดเกินเข้าใจม้วนเคลื่อนออกมานับไม่ถ้วน
เพียงพริบตา โอสถทิพย์นับร้อยก็หลอมละลาย
สุคนธ์โอสถลอยขึ้นปะทะหน้า
ฟิ้ว!
ภายในเตาเสริมสวรรค์ แสงเซียนสีม่วงพลันแปรเปลี่ยนเป็นนิ้ว ดีดเข้าใส่เม็ดโอสถสี่ในเก้า
จากนั้น โอสถทั้งสี่ก็สลายหาย
เม็ดโอสถซึ่งเหลือห้าเม็ดทะยานออกมาจากเตาเสริมสวรรค์ ลอยอยู่ตรงหน้าซูอี้
ซูอี้ผงะไป เห็นได้ชัดว่าเตาเสริมสวรรค์นี้ไร้จิตวิญญาณ แต่กลับเปี่ยมความฉลาด รู้กระทั่งคิดขอ ‘ค่าแรง’!
ทว่า ค่าแรงแค่นี้ ซูอี้หาสนใจไม่
เขารู้อยู่แล้วว่าเตาเสริมสวรรค์เสียหายหนักจากยุคอวสานเซียนแต่โบราณ อำนาจดั้งเดิมหดหายไปหนักหน่วง การขอ ‘ค่าแรง’ พวกนี้เห็นได้ชัดว่าเพื่อซ่อมแซมบาดแผลของตน
และยิ่งสมบัตินี้ชาญฉลาด ซูอี้ก็ยิ่งพึงพอใจ
จ่ายค่าแรงแลกกับโอสถจำนวนหนึ่ง คุ้มค่า!
ครู่ต่อมา ซูอี้ก็สะท้านใจยิ่ง
โอสถนี้ช่างยอดเยี่ยม พบได้แต่มิอาจควานหา!
ก่อนหน้านี้ โอสถทิพย์ขอบเขตราชันแห่งภูมินับร้อยที่เขานำออกมา ต่อให้ส่งให้นักหลอมโอสถผู้เก่งกาจสูงสุดในโลกหล้า พวกเขาก็มิอาจหลอมโอสถคุณภาพเช่นนี้ออกมาได้แน่!
ยิ่งมิต้องพูดถึงว่าทำออกมาได้ถึงเก้าเม็ด!
จากการประมาณของซูอี้ เพียงโอสถวิญญาณเช่นนี้หนึ่งเม็ดก็เพียงพอซื้อโอสถทิพย์ขอบเขตราชันแห่งภูมินับร้อย ๆ ที่เขาเพิ่งเสียไปได้แล้ว
และความเร็วในการหลอมโอสถของเตาเสริมสวรรค์ยิ่งน่าชื่นชมกว่าอื่นใด มันทำสำเร็จได้ในพริบตา มิเพียงคุณภาพโอสถเลิศล้ำ ยังไร้ซึ่งความผิดพลาดใด ๆ
นี่หมายความว่าเป็นตัวตนสุดโกงซึ่งสามารถทำให้นักหลอมโอสถทั่วโลกหล้าแสนละอายจนเงยหน้ามิขึ้น!
“สมบัติดี!”
ซูอี้ประหลาดใจอย่างแท้จริง
เขาเก็บโอสถเหล่านั้นไป ก่อนจะนำโอสถทิพย์ขอบเขตจุติสรวงออกมาอีกหลายสิบ ส่งลงไปในเตาเสริมสวรรค์พร้อม ๆ กัน
ตู้ม!
สมบัติชิ้นนี้ส่งวจีคำราม แสงเซียนสีม่วงเดือดพล่าน อักขระวูบไหว ดูดีใจเอาการ
‘ดูเหมือนสมบัตินี้ก็รู้เช่นกันว่าโอสถทิพย์ขอบเขตจุติสรวงนั้นเหนือธรรมดา และพอใจกับมันมาก…’
ซูอี้ครุ่นคิด
ภายใต้สายตาของเขา ครึ่งเสี้ยวชั่วยามต่อมา เพลิงแสงในเตาเสริมสวรรค์พลุ่งพล่าน เก้าโอสถวิญญาณปรากฏขึ้น แต่ละเม็ดเจิดจรัสด้วยรัศมีเยี่ยงรุ่งอรุณ สะท้อนพิรุณแสงศักดิ์สิทธิ์พร่างพรม บังเกิดนิมิตแตกต่าง ห่างไกลเกินจะเทียบได้กับโอสถขอบเขตราชันแห่งภูมิ
เพียงสุคนธ์โอสถก็ทำให้ซูอี้หัวใจชื่นบาน ร่างเปี่ยมกำลังวังชา จิตวิญญาณอิ่มเอิบสดชื่น
หนนี้ แสงสีม่วงในเตาแปรเปลี่ยนเป็นนิ้วมือ ดีดเข้าใส่โอสถวิญญาณสี่เม็ดอีกครั้ง
ทว่าทันใดนั้น นิ้วมือนั้นก็ดูลังเล ก่อนที่สุดท้ายจะขอค่าแรงไปเพียงสามเม็ด ส่งอีกหกเม็ดออกนอกเตามาปรากฏตรงหน้าซูอี้
นัยน์ตาของซูอี้ฉายแววประหลาดใจ นี่มันแถมโอสถให้เขาหนึ่งเม็ดหรือ?
ภาพหนึ่งปรากฏในใจเขาอย่างไม่ตั้งใจ เป็นภาพเตาเสริมสวรรค์โยนหนึ่งเม็ดโอสถเยี่ยงป๋าใหญ่ และกล่าวว่า “รางวัล!”
เมื่อคิดขึ้นมา ซูอี้ก็ยิ้มทึ่มทื่อ ส่ายหน้านำโอสถวิญญาณออกมาตรวจสอบ
และครู่ต่อมา เขาก็สูดหายใจเฮือก
อำนาจโอสถเหล่านี้เพียงพอเทียบเท่ากับโอสถทิพย์จุติสรวงซึ่งเป็นวัตถุดิบเมื่อครู่ได้ และสิ่งที่หาได้ยากที่สุดคือคุณภาพของมันประหลาด บริสุทธิ์อย่างยิ่ง ไร้ตำหนิใด ๆ ทั้งปวง!
ยามนี้ ซูอี้อดตะลึงมิได้ ตระหนักลึกซึ้งว่าเตาเสริมสวรรค์นี้เป็นสมบัติเซียนอันร้ายกาจท้าทายสวรรค์เพียงไร
มันดูราวกับวัวตัวหนึ่ง อ้าปากกินหญ้าเข้าไป แต่กลับสามารถรีดนมออกมาได้!
ดุจคำกล่าว ‘เปลี่ยนศิลาเป็นทองคำ’!
‘น่าเสียดายที่ข้าไม่มีโอสถเซียนในมือ หาไม่ ก็มิอาจทราบได้ว่าจะหลอมโอสถล้ำเลิศใดได้…’
ซูอี้ครุ่นคิด
ไร้การโอ้เอ้ ซูอี้ตัดสินใจหลอมโอสถต่อ!
ทุนของเขา ณ ขณะนี้มั่งคั่งอย่างยิ่ง สูงส่งเพียงพอให้ขุมกำลังสูงสุดในโลกหล้าละอายได้
ศึกที่แท่นนภาม่วง เขาสังหารตัวตนมากมายในขอบเขตจุติสรวง สะสมสินสงครามมากมาย
ศึกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ประกายทอง แดนเหย้าของตระกูลอวิ๋นโบราณซึ่งเป็นดั่งนายเหนือแห่งจักรวาลพร่างดาว เขาก็กวาดสมบัติเสียเกลี้ยง บรรจุอัดเต็มสมบัติสัมภาระสิบหกชิ้น
นอกจากนั้น ตลอดกาลนานมา เมื่อรวมกับสินสงครามจากศึกน้อยใหญ่เข้าด้วยกัน ซูอี้ก็สามารถกล่าวได้ว่า ‘มั่งมีล้นพ้นค้ำนภา’!
ยิ่งมิต้องพูดถึงว่าอารักษ์บัญชีแห่งหอสี่สมุทรจะส่งโอสถทิพย์จุติสรวงอันล้ำค่าสูงสุดมาให้เขาอีกกองหนึ่งในวันพรุ่ง…
ดั่งคำกล่าวว่าหากม้าไม่กินหญ้ายามวิกาลก็จะไม่อ้วน บุคคลไร้ทรัพย์ไม่ร่ำรวย
ในอดีตกาล ซูอี้เป็นกังวลเกี่ยวกับทรัพยากรฝึกฝน
มายามนี้ เขากังวลว่าจะใช้สมบัติทั้งหมดนี้อย่างเต็มที่ได้เช่นไร…
ทว่าเมื่อมีเตาเสริมสวรรค์อยู่ ทุกสิ่งก็มิใช่ปัญหาอีกต่อไป!
……
อำนาจของเขาร้ายกาจทรงพลังเกินไป
กระทั่งโอสถล้ำเลิศไร้คู่เปรียบในขอบเขตราชันแห่งภูมิซึ่งหลอมโดยเตาเสริมสวรรค์ยังมีคุณค่าต่อการฝึกฝนของซูอี้เพียงน้อยนิด
ทว่าซูอี้จะไม่ปล่อยมันเสียเปล่า
เขาวางแผนจะให้โอสถวิญญาณขอบเขตราชันแห่งภูมิที่เตาเสริมสวรรค์หลอมออกมาแก่ญาติสนิทมิตรสหายของเขาในภายหน้า
เช่น เฒ่าเว่ย เจ้าเว่ยน้อย คงจ้าว เมิ่งฉางอวิ๋นเป็นต้น
ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่ได้ลำบาก และเตาเสริมสวรรค์ก็เก็บ ‘ค่าแรง’ ยามหลอมยาไปแล้ว กล่าวได้ว่าทุกผู้ล้วนปรีดา ยิงปักษามากมายด้วยศิลาก้อนเดียว
มีเพียงเม็ดโอสถจุติสรวงซึ่งซูอี้ต้องการจริง ๆ!
น่าเสียดายที่แม้เขาจะมั่งมีล้นฟ้า ทว่าทรัพย์เก้าส่วนจากสิบส่วนของเขาล้วนแต่เป็นทรัพยากรฝึกตนในขอบเขตราชันแห่งภูมิ มีเพียงหนึ่งส่วนเท่านั้นที่เป็นสมบัติขอบเขตจุติสรวง
แน่นอน เพียงหนึ่งส่วนที่ว่าก็ทำให้เหล่ากลุ่มเต๋าโบราณทั่วโลกหล้าตาแดงฉานได้แล้ว เพราะถึงอย่างไร จำนวนของมันก็มหาศาลยิ่ง!
ในกาลต่อมา เตาเสริมสวรรค์ก็คำรามต่อเนื่อง เพลิงแสงพรั่งพรู และโอสถก็จะปรากฏขึ้นเป็นพัก ๆ สุคนธ์โอสถคละคลุ้งพุ่งทะยานเยี่ยงหมอกหนา
มิผิดพลาดแม้เพียงครั้ง!
คุณภาพของโอสถแต่ละเม็ดล้วนเป็นสมบัติเลอค่า!
หัวใจของซูอี้ชื่นบาน
และเตาเสริมสวรรค์ซึ่งเก็บ ‘ค่าแรง’ ไปเรื่อย ๆ ก็ยินดีเช่นกัน
……
สามวันต่อมา
“สหายทัศนาจารย์”
หลวงจีนมาเรียกที่หน้าห้องซูอี้
เสียงของซูอี้ดังขึ้น
ทันทีที่เขาผลักประตูเข้ามา หลวงจีนคงจ้าวก็อดชะงักมิได้ สุคนธ์โอสถหนาแน่นเยี่ยงหมอก ทำให้ทุกอณูในร่างเขาแสนชื่นบานสดชื่น
“เจ้าหลอมโอสถอยู่หรือ?”
หลวงจีนคงจ้าวประหลาดใจ เห็นซูอี้นั่งขัดสมาธิอยู่โดยมีขวดโอสถมากมายเรียงรายตรงหน้า
ซูอี้โบกแขนเสื้อ และขวดโอสถทั่วพื้นก็หายวับไป
จากนั้น เขาก็ยืนขึ้นกล่าว “มีเรื่องใดต้องคุยกับข้าหรือ?”
“อารักษ์บัญชีเฒ่าส่งสมบัติจุติสรวงมาอีกกองแล้ว”
หลวงจีนคงจ้าวว่าพลางส่งถุงสัมภาระให้หนึ่งถุง
ซูอี้รับมันมา ก่อนจะนำโอสถที่เพิ่งหลอมได้ใหม่ ๆ ให้หลวงจีนคงจ้าวไปส่วนหนึ่ง “เอาไปแบ่งให้เฒ่าเว่ยกับเจ้าเว่ยน้อย เจ้าเก็บไว้ส่วนหนึ่งด้วย”
สีหน้าของหลวงจีนคงจ้าวแสนปรีดา รีบรับมันไว้ในมือ
ขณะนั้นเอง เซียนดาบชิงซื่อก็ปรากฏตัวขึ้น กล่าวเสียงต่ำอย่างลังเลเล็กน้อย “สหายเต๋าซู ข้ามีคำขอรบกวนหน่อย”
ซูอี้นิ่งไป และกล่าวว่า “ลองว่ามาเถิด”
เซียนดาบชิงซื่อถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้มขมขื่น “เมื่อสองวันก่อน สหายเก่าบางผู้ของข้ามาเยี่ยมเยียน หวังว่าข้าจะช่วยเป็นคนกลางขอให้สหายเต๋าช่วยพวกเขาปลดคำสาปในร่าง…”
โดยมิรอให้เขาพูดจบ ซูอี้ก็กล่าวยิ้ม ๆ “เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เอง ให้ข้าจัดการเถอะ”
ตัวตนที่สามารถวอนให้เซียนดาบชิงซื่อขอความช่วยเหลือจากเขาได้ไม่มีทางธรรมดาแน่แท้
และด้วยตัวตนของเซียนดาบชิงซื่อยังยากปฏิเสธคำขอช่วยเหลือ แสดงให้เห็นว่ามิตรภาพระหว่างเซียนดาบชิงซื่อและสหายเก่าเหล่านั้นหาธรรมดาไม่
ด้วยเหตุเช่นนี้ ซูอี้ย่อมไม่ปฏิเสธ
เซียนดาบชิงซื่อนิ่งไป เดิมเขาละอายอยู่เล็กน้อย เป็นกังวลว่าการเอ่ยขอเช่นนี้จะทำให้ซูอี้นึกรังเกียจ ใครเล่าจะคาดว่าซูอี้ตอบตกลงโดยมิรอให้เขาพูดจบด้วยซ้ำ!
เซียนดาบชิงซื่อชื่นบานขึ้นในทันใด กล่าวอย่างซาบซึ้ง “สหายเต๋าวางใจเถิด สหายเก่าเหล่านั้นของข้าจะมิให้สหายเต๋าช่วยเปล่า ๆ แน่!”
ซูอี้กล่าวยิ้ม ๆ อย่างไม่คิดใส่ใจ “สำหรับข้า มันก็แค่ยื่นมือช่วยเหลือเล็กน้อยเท่านั้น หากคิดขอบคุณจริง ๆ พวกเขาก็ควรนับเป็นบุญคุณของสหายเต๋าต่างหาก”
วาจานั้นทำให้หัวใจของเซียนดาบชิงซื่ออุ่นวาบ คนผู้นี้ยกประโยชน์ให้ตนสูงยิ่ง ทั้งช่วยเหลือเขา ไว้หน้าเขาอย่างเหมาะสม ฝีมือและจิตใจเช่นนี้ช่างน่าอัศจรรย์!
ซูอี้กล่าวเสียงต่ำ “เช่นนี้ประไร ข้าอยากรบกวนให้สหายเต๋าประกาศข่าวสู่โลกภายนอกหน่อย ว่ากลุ่มเต๋าที่อาสามาช่วยข้าหาตัวช่างเสื้อเฒ่า สามารถส่งคนในสำนักขอบเขตรวมวิถีลงไปมาหาข้าที่ภูเขาจันทร์กระจ่างได้ในหนึ่งเดือนจากนี้”
เซียนดาบชิงซื่อพลันผงะและกล่าวว่า “สหายเต๋า นี่เจ้าจะทำอันใด?”
ซูอี้ว่า “พวกเขาเองก็ประกาศเจตนาดีต่อข้า ข้าก็ควรใช้ใจแลกใจ”
เซียนดาบชิงซื่อครุ่นคิดสักพักและเข้าใจทันที เขากล่าวชม “การกระทำนี้น่าอัศจรรย์ยิ่ง สหายเต๋าช่วยกลุ่มเต๋าโบราณเหล่านั้น พวกเขาหรือจะหน้าด้านหน้าทนเป็นศัตรูกับสหายเต๋าในภายหน้า?”
“นอกจากนั้น คงเป็นการฉลาดสุดหากจะช่วยปลดคำสาปเพียงตัวตนภายใต้ขอบเขตรวมวิถี ทุกวันนี้ยอดฝีมือระดับนี้มิอาจเป็นภัยต่อสหายเต๋าได้แล้ว”
ซูอี้กล่าวยิ้ม ๆ “ข้ามิได้คิดอันใดมากหรอก แค่ตอบแทนน้ำใจและให้พวกเขาเต็มใจช่วยข้าหาตัวช่างเสื้อเท่านั้น”
“ได้ ให้ข้าจัดการเถอะ”
เซียนดาบชิงซื่อรับเรื่องไว้ “นอกจากนั้น ข้าจะบอกสหายเก่าเหล่านั้นของข้าให้มาที่ภูเขาจันทร์กระจ่างในอีกหนึ่งเดือนด้วย”
วันเดียวกันนั้น หลังเซียนดาบชิงซื่อจากไป ซูอี้ก็เริ่มเก็บตัว
สามวันมานี้ เขาหลอมโอสถวิญญาณจุติสรวงจากเตาเสริมสวรรค์ได้ส่วนหนึ่ง และเขาก็แสนคันไม้คันมืออยากฝึกฝนใจแทบขาดแล้ว
และวันเดียวกันนั้น เซียนดาบชิงซื่อก็ถ่ายทอดการตัดสินใจของซูอี้ต่อโลกภายนอก
ชั่วขณะนั้น มันทำให้กลุ่มเต๋าโบราณทั่วโลกหล้าสะเทือนสั่น!
………………..