บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1381: ประชัน!
ตอนที่ 1381: ประชัน!
หงเฟยอวี่ทักทายซูอี้อย่างสง่างามจนทำให้ผู้ที่มองอยู่ลอบรำพึงอย่างช่วยมิได้
เกรงว่าในโลกหล้าทุกวันนี้ ซูอี้ผู้ถือครองอำนาจวัฏสงสารจะเป็นผู้เดียวที่สามารถทำให้เทพมารน้อยตระกูลหงผู้นี้แสนสุภาพได้ดังที่เห็น
ซูอี้จิบสุราขณะกล่าว “ในเมื่อเจ้ามาที่นี่เพื่อหาเรื่อง ไฉนต้องสุภาพนักเล่า?”
“หาเรื่อง?”
หงเฟยอวี่เสสรวล “ยามคนแซ่หงมาในครานี้ ผู้เฒ่าในตระกูลได้บอกให้ข้าทำตัวสุภาพอย่าก่อเรื่องแล้ว โปรดอย่าได้เข้าใจผิดกัน”
กล่าวจบ เขาก็โบกพัดหยกในมือ
ชายชราผมขาวร่างผอมข้างกายเขานำหีบสำริดออกมาใบหนึ่ง วางลงบนพื้นและเปิดมันต่อหน้าจักษุทุกคู่ในทันที
แสงสมบัติเรื่อเรืองเจิดจ้าจากกล่องสำริด สาดส่องทั่วผืนหล้ารอบข้างพร่างพราว
ทุกผู้ล้วนมองไปอย่างอดสงสัยไม่ได้
และพบว่าในหีบสำริดนั้นมีสารพัดสมบัติหายากทอประกายเรื่อเรืองอัดแน่น มองปราดแรกก็เห็นได้ถึงความไม่ธรรมดา!
หงเฟยอวี่กล่าวยิ้ม ๆ “เมื่อพบสหายเต๋าซูหนแรกยามนี้ ข้าคัดของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ มาเป็นการพิเศษด้วย ถือเป็นการแสดงความปรารถนาดี ขอสหายเต๋าซูรับไว้อย่างสบายใจด้วย”
ทุกผู้ที่นี่อดสูดหายใจเฮือกมิได้
ไม่คาดเลยว่าทายาทตระกูลหงผู้ทรงอำนาจนี้จะยอมกรีดเลือดเนื้อตนมอบของขวัญมากมายเพียงนี้ให้!
ตัวตนอาวุโสบางผู้มองซูอี้ด้วยสายตาคลุมเครือละเอียดอ่อน เมื่อหงเฟยอวี่กระทำการอย่างมีมารยาทเช่นนี้ ซูอี้จะเลือกเช่นไร?
ทว่าซูอี้กลับกล่าวอย่างเฉยเมย ไม่แม้แต่จะมองหีบสำริดนั้น “หากเจ้ามิได้มาหาเรื่อง ก็จงไปโดยเร็วที่สุดเถิด อย่าขวางทางกันเลย”
ทุกผู้ “…”
หงเฟยอวี่เองก็ผงะไป ราวกับมิอยากเชื่อว่าซูอี้จะกระทำการเรียบง่ายเพียงนี้ และหากเขาไม่ตอบรับอีกฝ่ายก็ให้ไปเสีย
ชายชราผมขาวร่างผอมแค่นเสียงอย่างเย็นชา “ไอ้หนู คุณชายตระกูลข้าปฏิบัติกับเจ้าอย่างให้เกียรติ การวางตนของเจ้านี่… มิเกินไปหรือ?”
ซูอี้ทำหูทวนลม คร้านเกินกว่าจะสนใจคำขู่เช่นนี้
เซียนดาบชิงซื่อกล่าวอย่างเย็นชา “เห็นชัดว่าการชุมนุมวันนี้เป็นของเหล่าสหายเต๋าที่ประกาศจุดยืนช่วยเหลือสหายเต๋าซู ส่วนพวกเจ้า… มิได้รับเชิญ แต่ก็ยังอยากดึงดันหรือ?”
วาจาขวานผ่าซากนั้นทำให้บรรยากาศรอบข้างตึงเครียดลง
หงเฟยอวี่อดขำมิได้ เขากล่าวกับซูอี้ว่า “สหายเต๋าซู ไม่ใช่ว่าการกระทำเช่นนี้ทำไปเพื่อผ่อนคลายความสัมพันธ์กับกลุ่มเต๋าโบราณในโลกหล้าหรือไร? หากคิดกระชับมิตร ไฉนต้องปฏิเสธข้าด้วยเล่า?”
กล่าวถึงจุดนี้ นัยน์ตาสีน้ำเงินของเขาก็กวาดตามองคนทุกผู้เยี่ยงคมดาบขณะกล่าวลอย ๆ
“หรือในสายตาเจ้า ตระกูลหงของข้ามิอาจสู้ขุมกำลังโบราณที่นี่ได้กัน?”
น้ำเสียงนั้นเปลี่ยนเป็นดุร้ายเย็นชา
ชั่วขณะนั้น หงเฟยอวี่เผยนิสัยดุร้ายของเขาออกมา
ทั่วฟ้าดินเปี่ยมจิตสังหาร เงียบงันไร้วจี
หัวใจของทุกผู้ที่นี่เองก็ตึงเครียด
ก่อนที่ซูอี้จะทันได้พูด หงเฟยอวี่ก็กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ไว้หน้ากันแล้วผูกมิตรดีกว่าหรือไม่?”
กล่าวจบ เขาก็มองไปรอบ ๆ อีกหน “ข้ากล้าพูดว่าแม้เจ้าจะช่วยสหายเต๋าจากกลุ่มเต๋าโบราณเหล่านี้ที่นี่ พวกเขาก็มิอาจช่วยเจ้ายามคับขันก็ได้!”
ทุกผู้ล้วนสีหน้ามืดมนสงบวาจา
กระทั่งหลายคนที่รับความช่วยเหลือปลดคำสาปจากร่างไปแล้วยังมิกล้าสบตาซูอี้ ณ ขณะนี้
ทั้งหมดนี้ทำให้อำนาจของหงเฟยอวี่ยิ่งทรงพลัง!
ซูอี้แย้มยิ้ม กล่าวอย่างหาสนใจไม่ “เจ้าผิดแล้ว ที่ข้าช่วยพวกเขา ไม่ใช่เพราะเพื่อให้พวกเขาทำงานให้ข้า”
หงเฟยอวี่กล่าวยิ้ม ๆ “เรื่องนี้ไม่สำคัญ ข้าขอเพียงให้เจ้าไว้หน้ากันได้หรือไม่?”
วาจาดูราบเรียบ ทว่าแท้จริงก้าวร้าวสำแดงอำนาจยิ่ง
“หงเฟยอวี่ เจ้าทำมากเกินไปแล้วหรือไม่?”
หลีจงกล่าวเสียงลุ่มลึก
หงเฟยอวี่แคะหู ชี้พัดหยกในมือไปยังหลีจงขณะกล่าว “ไอ้แก่ อย่าคิดนะว่าม่อชิงโฉวหนุนหลังแล้วจะกล้าทำตัวบังอาจตรงหน้าข้าได้ หากพูดอีกคำเดียวข้าจะฆ่าเจ้าซะ!”
สีหน้าของหลีจงแปรเปลี่ยนเป็นถมึงทึง
หงเฟยอวี่เบนสายตามามองซูอี้อีกครั้ง “ว่ามาเถอะ ขอเพียงเจ้าช่วยข้า ข้าหงเฟยอวี่ผู้นี้ไม่ถือสาที่จะปกป้องเจ้า! ในภายหน้า ไม่ว่าผู้ใดในโลกหล้าที่กล้ามีเรื่องกับเจ้าก็จะเป็นศัตรูกับข้า หงเฟยอวี่ด้วย!”
วาจานั้นสนั่นลั่น
และยังทำให้บรรยากาศในบริเวณหดหู่ตึงเครียดถึงขีดสุด ทุกผู้ล้วนสงบวจี
เห็นได้ชัดว่าอำนาจตระกูลหงร้ายกาจยิ่งนัก ทำให้กลุ่มเต๋าโบราณสิบกว่าแห่งที่นี่ไม่กล้าเข้ามาพัวพัน!
สีหน้าของเซียนดาบชิงซื่อและดาบพุทธะสรรพสุญตามืดทะมึน
ทั้งสองกำลังจะพูดบางอย่าง ทว่าซูอี้โบกมือขัดก่อน “จากนี้ไป พวกเจ้ารอดูจากด้านข้างเถิด ทุกอย่างให้ข้าจัดการเอง”
“ถูกต้อง”
หงเฟยอวี่ปรบมือยิ้ม ๆ “เจ้าและข้าคุยกัน ผู้อื่นควรเข้าพัวพันด้วยหรือ? หากกล้าพูดมากกว่านี้ เช่นนั้นก็เรียกได้ว่าไม่รู้กาลเทศะ วอนหาที่ตาย!”
นี่ทำให้พวกเขาทั้งสองเดือดดาล แววตาแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา
หงเฟยอวี่ผู้นี้เย่อหยิ่งเอาแต่ใจเกินไปจริง ๆ!
“พูดจบแล้วหรือไม่?”
ซูอี้จิบสุราพลางถาม
หงเฟยอวี่ครุ่นคิดสักพักและกล่าวว่า “หนนี้ข้าก็พาสหายเต๋าจากขุมกำลังอื่นมาด้วย พวกเขายืนอยู่ข้างหลังข้า ให้เจ้าช่วยพวกเขาปลดคำสาปด้วย”
พวกผู้เฒ่าเบื้องหลังเขาล้วนแต่มาจากขุมกำลังปรปักษ์ของซูอี้
และตลอดมานี้ พวกเขาก็มองซูอี้ด้วยแววตาเยาะเย้ามาตลอด
“สหายเต๋าซู รบกวนแล้ว!”
ชายชราผมขาวผู้หนึ่งในชุดสีเทาและใบหน้าแย้มยิ้ม
“ผู้รู้กาลเทศะคือคนฉลาด ในความเห็นข้า สหายเต๋าซูมิได้โง่ ต้องรู้ว่าควรทำเช่นไรเป็นแน่”
หญิงงามชุดแดงนางหนึ่งแย้มยิ้มเช่นกัน
เมื่อทุกผู้เห็นเช่นนี้ พวกเขาก็อดลอบรำพึงมิได้ ว่าแล้วเชียว พวกหงเฟยอวี่หามาดีไม่!
ขณะที่ซูอี้กำลังจะกล่าวบางอย่างนั้นเอง
จงว่านหลี่จากตระกูลจงโบราณก็กล่าวยิ้ม ๆ “ทัศนาจารย์ เจ้าเคยขู่จะล้างตระกุลจงของข้าจากโลกหล้าในครึ่งปี ข้าว่าเจ้าควรเก็บประโยคนั้นทิ้งไปจะดีกว่า ยามนี้ตระกูลจงของข้าร่วมมือกับคุณชายหงแล้วนะ!”
สีหน้าแววตาของเขาเปี่ยมด้วยรอยยิ้มเยาะ
เมื่อเห็นเช่นนั้น ซูอี้ก็อดมองหงเฟยอวี่ยิ้ม ๆ มิได้ และกล่าวว่า “ถามหน่อยได้หรือไม่?”
หงเฟยอวี่ยิ้มกว้าง “เชิญได้เลย”
ซูอี้ว่า “เจ้ามาที่นี่โดยถูกผู้อื่นยุยงหรือไม่?”
หงเฟยอวี่งุนงง “ไฉนจึงพูดเช่นนั้นหรือ?”
ซูอี้ว่า “ง่ายมาก ข้ายังไม่เข้าใจเลยว่าไฉนถึงมีคนพาตัวเองมาตายถึงที่ด้วย”
หงเฟยอวี่ “…”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาชะงักค้างก่อนจะเลือนหายไปทีละน้อย นัยน์ตาสีน้ำเงินฉายแววร้ายกาจ
ทว่าหลังเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็แย้มยิ้มอีกหน “บุพการีข้าบอกให้สุภาพกับเจ้า ต่อให้เจ้าปฏิเสธน้ำใจก็มิควรรังแกเจ้าง่าย ๆ แต่นั่นแหละ เรื่องวันนี้จบแล้ว”
กล่าวจบ เขาก็หันหลังจากไป “ลุงซง เก็บของ กลับบ้านกัน”
ตู้ม~
ทุกผู้เบื้องหลังเขาจากไปพร้อมกัน
ภาพนี้ยังทำให้เหล่าผู้ชมล้วนผงะตะลึง
เมื่อครู่พวกเขาวางท่าใหญ่โตแสนอหังการ ทว่าพริบตาต่อมาก็คิดจะกลับหรือ?
นี่มันเหตุใดกัน?
หรือเทพมารน้อยตระกูลหงจะเปลี่ยนนิสัย รู้จักอดทนรู้เลี่ยงรู้ถอยแล้ว?
เซียนดาบชิงซื่อและดาบพุทธะสรรพสุญตาอดตะลึงมิได้ มิคาดว่าหงเฟยอวี่จะเลือกจากไปอย่างเฉียบขาด
“หยุดก่อน”
ซูอี้ขมวดคิ้วกล่าว
หินลับดาบกองหนึ่งมาส่งถึงหน้าบ้าน แต่จู่ ๆ ก็คิดจากไป ซูอี้จึงมิอยากรามือเล็กน้อย
“สหายเต๋าซูมีเหตุใดหรือ?”
หงเฟยอวี่ชะงักเท้า หันกลับมาถาม
เขาแย้มยิ้มกว้าง ไร้ความเย่อหยิ่งที่มีก่อนหน้านี้
ซูอี้กล่าวอย่างเฉยเมย “คิดจะมาก็มา คิดจะไปก็ไป เจ้าคิดว่าถิ่นของข้าคนแซ่ซูเป็นเช่นไรกัน?”
ทุกผู้ล้วนเดาะปาก สมองงุนงง หงเฟยอวี่ที่กลืนโทสะหันหลังกลับนั้นเกินคาด เมื่อเห็นว่าเรื่องขัดแย้งกำลังจะคลี่คลาย ใครเล่าจะคิดว่าซูอี้หายอมถอยไม่!
นี่มันอันใดกัน?
หงเฟยอวี่เองก็ผงะไป รอยยิ้มบนใบหน้าเลือนหายอย่างสมบูรณ์ “เจ้ากำลังพยายามหาเรื่องวิวาทกับข้าอยู่หรือ?”
สีหน้าของทุกผู้รอบกายเขาเองก็ถมึงทึง
ซูอี้ยกไหสุราขึ้นดื่มขณะกล่าว “ก็คิดทะเลาะจริง ๆ แหละ”
ทันทีที่วาจาถูกกล่าว บรรยากาศก็กลับมาตึงเครียดอีกหน
“คนแซ่ซู อย่าให้เกินไปนัก! นายน้อยตระกูลข้าละเว้นไว้หน้าเจ้าแล้ว หากเจ้ายังกล้าไม่ไว้หน้ากัน ระวังเล่นกับไฟเผาตัวเองเสียเล่า!”
ชายชราผมขาวร่างผอมกล่าวปรามาส
ซูอี้เดินเข้ามาหายิ้ม ๆ “หากข้าเล่นกับไฟ พวกเจ้าก็เหมือนแมลงเม่าสู้ไฟ”
หนังศีรษะทุกผู้ชายิบ ใครเล่าจะมิเห็นว่าซูอี้กำลังจะเริ่มคิดบัญชี?
การกระทำนี้ไม่เพียงแข็งแกร่ง แต่ยังอหังการฝังกระดูก!
กระทั่งตระกูลหงก็ไร้ที่ในสายตา!
หงเฟยอวี่ถูแก้วถอนใจเบา ๆ “หากรู้แต่แรก ข้าก็มิควรสุภาพกับเจ้าเลย พวกผู้เฒ่าตระกูลข้าผิดที่บอกให้ข้าทำตัวเงียบ ๆ ไว้ ปฏิบัติต่ออีกฝ่ายอย่างให้เกียรติ ยามนี้พอแล้ว ความอดทนของข้าไม่สูงพอให้ผู้อื่นมาตบหน้ากันตรง ๆ เช่นนี้!”
เขากล่าวจบ บรรยากาศรอบกายของเขาก็แปรเปลี่ยน
ตู้ม!
อาภรณ์หยกกระเพื่อมพริ้ว จิตสังหารร้ายกาจทรงพลังแผ่ออกจากร่างของหงเฟยอวี่ ทำให้หลายผู้สีหน้าแปรเปลี่ยน
ใบหน้าหล่อเหลาของหงเฟยอวี่เปี่ยมความดุร้ายแข็งกร้าว กล่าวยิ้ม ๆ “ทุกผู้ อยากเล่นกับคนแซ่ซูนั่นด้วยกันหรือไม่?”
แม้เขาจะกำลังยิ้ม ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับเยียบเย็น
“ได้!”
เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าในวิถีจุติมงคลล้วนตอบรับ
ทั่วโลกหล้าสะเทือนสั่น ทุกผู้ล้วนตระหนักว่าเรื่องชักไม่ชอบมาพากล พากันอพยพย้ายไปไกล
หลีจงหลั่งเหงื่อแทนซูอี้ แย้มยิ้มอย่างขมขื่น มิคาดว่าซูอี้มิคิดรามือ
ทว่าเมื่อคิดดี ๆ ก่อนหน้านี้พวกหงเฟยอวี่เองก็ก้าวร้าวอหังการเกินไปจริง ๆ ด้วยนิสัยของซูอี้ มีหรือจะปล่อยพวกเขาไปมาได้ตามใจ?
ยามนี้ ซูอี้ได้ก้าวเข้ามาอยู่ห่างออกไปหลายสิบจั้ง และยังคงเดินเข้ามาอย่างไม่รีบร้อน
ทอดน่องฉุยฉาย ดูไร้ความพิเศษ
“นายน้อยโปรดใจเย็นก่อน อย่าหุนหันวู่วาม ให้ตาเฒ่าไร้ค่าผู้นี้หยั่งเชิงไอ้หนูนั่นก่อนเถิด!”
และยามนั้นเอง ชายชราผมขาวร่างผอมก็ก้าวเข้ามา ร่างของเขาวูบไหวเข้าโจมตีซูอี้
………………..