บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1383: ตระหนัก
ตอนที่ 1383: ตระหนัก
………………..
ตอนที่ 1383: ตระหนัก
หากซูอี้สามารถจัดการการศึกได้ด้วยตนเอง เขาจะไม่มีทางขอความช่วยเหลือจากผู้ใด
ในสายตาเขา การกระทำเช่นนั้นมีแต่ส่งผลเสียมากกว่าดี
เมื่อเขาต่อสู้กับศัตรูเพียงลำพังแล้วบาดเจ็บ เขาก็จะบาดเจ็บเพียงลำพัง หาส่งผลต่อผู้อื่นไม่
ทว่าขอเพียงมีผู้ช่วย ศัตรูก็จะเล็งไปที่ผู้ช่วยก่อน!
ศัตรูแค่ต้องขนาบโจมตีจากทุกทศทิศ ได้โอกาสโจมตีผู้ช่วย จูงจมูกเขาให้วิ่งพล่านไร้สมาธิสังหารศัตรูได้
เหมือนเช่นหนนี้ ดาบพุทธะสรรพสุญตาถูกโจมตีหนักหน่วงจนสถานการณ์ร่อแร่อันตราย ซูอี้หรือจะอยู่เฉยได้?
และเห็นได้ชัดว่าหงเฟยอวี่ใช้กลยุทธ์นี้เพื่อเอาชนะทุกผู้ให้ได้ก่อน เพื่อบีบให้เขาต้องสติเรรวนกลายเป็นฝ่ายตั้งรับ!
นี่คือเหตุที่ซูอี้มิชอบการต่อสู้เป็นกลุ่ม
หากชนะก็แล้วไป
แต่หากเผชิญอันตราย ผู้ช่วยรอบกายเขาก็จะกลายเป็นจุดอ่อนทันที!
“ฆ่า!”
หงเฟยอวี่ตวาดลั่นขณะพุ่งเข้าหาจอมภูติมู่หลิง
ขณะเดียวกัน สี่ศัตรูร้ายก็ฉวยโอกาสเข้าโจมตีดาบพุทธะสรรพสุญตาผู้บาดเจ็บสาหัส
และตัวซูอี้เองก็ยังอยู่ในวงล้อม
ในสถานการณ์เช่นนี้ หากเปลี่ยนซูอี้เป็นผู้อื่น เกรงว่าคงมือไม้เป็นระวิงเป็นแน่ มีหรือจะช่วยจอมภูตมู่หลิงและดาบพุทธะสรรพสุญตาได้?
จะให้เมินเฉยทุกอย่างและจัดการกับศัตรูรอบตัวก่อนหรือ?
ซูอี้หาสับสนไม่
สถานการณ์ศึกแปรเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว จะลังเลมิได้เด็ดขาด
ตู้ม!
นั่นคืออำนาจของดาบเก้าคุมขัง
ก่อนหน้านี้ ซูอี้วางแผนลับดาบ มิได้คิดใช้มัน
แต่ยามนี้ เขายังมัวพะวงได้หรือ?
ตู้ม!
เมื่อดาบของซูอี้ทะยานออก นิมิตแห่งแดนวัฏสงสารก็ปรากฏในภาวะดาบ ปกคลุมท้องนภากระจายออก
ในพริบตา วงล้อมของตัวตนในขอบเขตจุติมงคลสิบกว่าตนก็ถูกทะลวงสลายไปทันที!
คู่ต่อสู้บางผู้กระทั่งถูกโจมตีอย่างรุนแรงจนกระเด็นไปพร้อมเสียงแผดร้อง
วูบ!
ร่างของซูอี้วูบไหว ปรากฏขึ้นตรงหน้าดาบพุทธะสรรพสุญตา
สี่ยอดฝีมือในขอบเขตจุติมงคลล้วนทะยานเข้าโจมตี ใช้สมบัติตนเข้าเข่นฆ่าดาบพุทธะสรรพสุญตา
ทว่าเมื่อซูอี้มาถึง ดาบแห่งโลกาก็ปลดปล่อยปราณดาบร้ายกาจสลายการโจมตีร่วมของทั้งสี่ในทันใด
เปรี้ยง!
สุญญะปั่นป่วน สารพัดสมบัติปลิวว่อน
สี่ตัวตนในขอบเขตจุติมงคลโซเซถอยหลัง สีหน้าแต่ละผู้ล้วนแปรเปลี่ยน
ก่อนจะทันยืนตั้งหลักได้ ร่างของซูอี้ก็วูบไหว มือสะบัดขึ้นลงสี่หนติด ๆ กัน รวดเร็วเหลือเชื่อนัก
แดนวัฏสงสารแดนแล้วแดนเล่าทับซ้อนกันในฟ้าดิน ภาวะดาบร้ายกาจจมด้าวแดนแถบนั้นลงสิ้น
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ภายใต้สายตาตกตะลึงนับไม่ถ้วน ร่างของสี่ยอดฝีมือขอบเขตจุติมงคลล้วนแหลกระเบิด ถูกลบหายไปในแดนวัฏสงสาร
เสียงกรีดร้องอย่างขมขื่นสนั่นลั่นฟ้าดิน
เพียงพริบตา ซูอี้ก็ทะลวงวงล้อมมาช่วยดาบพุทธะสรรพสุญตาจากเหตุการณ์เสี่ยงตาย สะบั้นหัวสี่ศัตรูร้ายลงได้ติด ๆ กัน!
อำนาจฆ่าฟันอันร้ายกาจอหังการสะเทือนเหล่าผู้มองจนรู้สึกสิ้นกำลัง
“ซูอี้เขา… ไฉนจู่ ๆ จึงแข็งแกร่งได้เพียงนี้ หรือก่อนหน้านี้เขาออมมือมาตลอดกัน?”
บางผู้อุทานอย่างไม่อยากเชื่อ
ตัวตนในวิถีจุติสรวงนับพัน ๆ ตนที่นี่ล้วนแต่เป็นยอดฝีมือชั้นหนึ่งในโลกหล้าก่อนสิ้นใจ เผชิญศึกน้อยใหญ่มาเกินคณานับ
ก่อนหน้านี้ ยามซูอี้ถูกล้อมโจมตี ทุกผู้สังเกตเห็นว่าซูอี้ตกอยู่ในอันตราย พร้อมตายตกได้ทุกเมื่อ
และเพราะเหตุนั้น เซียนดาบชิงซื่อและสัตว์ประหลาดเฒ่าตนอื่น ๆ จึงลงมือ ซึ่งปลดภาระกดดันของซูอี้ลงได้อย่างมาก
เมื่อเห็นเช่นนั้น ผู้คนจึงคิดลบไม่กล้าคาดหวังใด ๆ จากซูอี้
เพราะหงเฟยอวี่นั้นทรงพลังร้ายกาจเกินไป และตัวตนยี่สิบกว่าผู้ในขอบเขตจุติมงคลที่มากับเขาก็ล้วนแต่เป็นตัวตนสูงสุดในกลุ่มเต๋าโบราณอีกด้วย
แต่ใครเล่าจะคิดว่าซูอี้จะทะลวงวงล้อมออกมาสังหารสี่ศัตรูร้ายในขอบเขตจุติมงคลด้วยอำนาจแข็งแกร่งถล่มโลกาสิ้นสูญไปได้ในพริบตาเยี่ยงนี้!
ยิ่งกว่านั้น เขายังหยุดหายนะถึงชีวิตให้กับดาบพุทธะสรรพสุญตาอีกด้วย!
ใครเล่าจะมิแปลกใจ?
“นี่… นี่เป็นอำนาจที่มีในขอบเขตไร้ขีดจำกัดจริง ๆ หรือ? ต่อให้มีอำนาจวัฏสงสารในมือ แต่นี่ก็ท้าทายสวรรค์มากเกินไปหรือไม่?”
ตัวตนในขอบเขตจุติสรวงบางผู้อดตะลึงอ้าปากค้างมิได้
เมื่อกาลก่อน ณ ศึกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ประกายทอง ตระกูลโบราณอารักษ์วิถีสกุลอวิ๋นเสียหายหนักหน่วง และประวัติการณ์ที่ซูอี้สังหารเว่ยฉางฝู่ ตัวตนในขอบเขตจุติมงคลนั้นก่อให้เกิดเสียงเลื่องลือทั่วโลกา ทำให้เหล่ากลุ่มเต๋าโบราณในโลกหล้าสั่นสะเทือน
และยามนั้นเองที่ผู้คนตระหนักว่าอำนาจต่อสู้ของซูอี้ท้าทายสวรรค์ยิ่ง เขาสามารถเผชิญหน้าขุมกำลังขอบเขตจุติมงคลได้แล้ว!
ทว่า คิดให้หัวแตกอย่างไร ก็ไร้ผู้ใดคาดได้ว่าในศึกล้อมสังหารร้ายกาจไร้สิ่งใดเทียบวันนี้ ความแข็งแกร่งที่ซูอี้แสดงจะทรงพลังเสียจนสามารถฆ่าตัวตนในขอบเขตจุติมงคลได้โดยง่าย!
สิ่งนี้เกินความคาดหมาย สะเทือนใจผู้คนอย่างหนักหน่วงโดยไร้กังขา
……
และเหล่าศัตรูร้ายในสนามรบเองก็ตื่นตระหนก สีหน้าแปรเปลี่ยนอย่างมหันต์ตาม ๆ กัน
ในพริบตา สี่สหายปลิดปลิวกะทันหัน!
ใครเล่าจะมิรู้สึกขนลุกขนพอง?
“รีบถอยเร็วเข้า ร่วมมือสังหารศัตรูกับข้า อย่าแยกกลุ่มอีก!”
หงเฟยอวี่ตวาด
เดิมเขาคิดลอบสังหารทีละคน ก่อนจะปิดบัญชีที่ซูอี้
ทว่ายามนี้ เขาต้องเปลี่ยนแผนการใหม่
ตู้ม!
สถานการณ์ศึกพลันแปรเปลี่ยน
ศัตรูทั้งหลายล้วนแปรขบวน รวมตัวรายล้อมหงเฟยอวี่เป็นกระจุกเดียว
ขณะเดียวกัน ซูอี้ก็เอ่ยปากกล่าว “ทุกท่าน โปรดถอยไปเถิด เรื่องยุ่งยากวันนี้ข้าจะจัดการเองคนเดียว พวกท่านมองจากไกล ๆ ก็พอ”
เซียนดาบชิงซื่อและดาบพุทธะสรรพสุญตามองหน้ากัน ทั้งสองต่างลังเล
“อยากสู้กับเราตามลำพัง? ข้าจะสนองให้!”
หงเฟยอวี่โบกมืออย่างเฉียบขาด หยุดทุกผู้มิให้โจมตีแล้วกล่าวด้วยแววตาเย็นชา “ให้โอกาสไอ้แก่พวกนั้นถอยไป จัดการคนแซ่ซูให้ได้ก่อน จากนั้นไปคิดบัญชีกับพวกมันทีหลัง!”
วาจานั้นดังชัด ทุกผู้ได้ยินถ้วนทั่ว
ศึกเองก็หยุดค้างลงเป็นชั่วกาลสั้น ๆ ณ ขณะนั้น
“ทุกท่าน ฟังสหายเต๋าซูแล้วไปจากที่นี่ก่อนเถอะ”
เซียนดาบชิงซื่อสูดหายใจลึก ๆ และตัดสินใจพาทุกคนจากไป
ทุกผู้ที่นี่แทบตะลึงทึ่มทื่อ
ณ ศึกยามนี้ ซูอี้เลือกรับมืออีกฝ่ายเพียงลำพัง เกินคาดไปอย่างสมบูรณ์
มิอาจคาดการณ์ได้เลยว่าเขาไปนำความมั่นใจกล้าทำเช่นนี้มาจากหนใด
“พี่ชายร่วมวิถีชิงซื่อ เราต้องถอยไปเช่นนี้จริง ๆ หรือ?”
จอมภูติมู่หลิงอดถามมิได้
เขาพร้อมสู้จนตัวตาย
“หากเราอยู่ต่อ ข้าเกรงว่าเราจะเป็นได้เพียงตัวถ่วงของสหายเต๋าซูน่ะสิ”
เซียนดาบชิงซื่อกล่าวด้วยสีหน้าซับซ้อน
ทุกผู้ “…”
ตัวตนในขอบเขตจุติมงคลถูกมองเป็นตัวถ่วง ทำให้พวกจอมภูติมู่หลิงล้วนทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะ
“ดูศึกนี้กันเถอะ หากสหายเต๋าซูตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย ก็ยังมิสายหากเราจะลงมือ”
เซียนดาบชิงซื่อกล่าวปลอบ
……
ซูอี้ยืดเส้นสายใต้ท้องนภา หัวใจไร้ปัญหาขุ่นข้องใด ๆ อีก
ขณะเดียวกัน เมื่อไม่มีพวกเซียนดาบชิงซื่อขวางทาง พวกหงเฟยอวี่ก็ล้วนมุ่งจิตสังหารหมายแตกหัก
หลังหยุดไปครู่สั้น ๆ ศึกก็ดำเนินต่อ
เพียงแค่ว่า เทียบกับเมื่อครู่ ศึกที่เพิ่งเริ่มนี้ก็เป็นสถานการณ์ดุเดือดกว่าหนใดแล้ว
ความตายอย่างน่าอนาถใจของสี่ยอดฝีมือขอบเขตจุติมงคลทำให้พวกหงเฟยอวี่มิกล้าออมแรงอีก ทันทีที่พวกเขาลงมือ พวกเขาก็ทุ่มวิชาสามารถ งัดไม้ตายก้นหีบของพวกตนออกมากันทันที
ชั่วขณะนั้น แสงสมบัติสาดส่องเจิดจรัส ปราณเซียนพลิ้วสะพัดเคลื่อนคล้อย
สารพัดเคล็ดวิชาสอดประสานเข้ากับสมบัติต่างๆ แปรเปลี่ยนเป็นคลื่นทำลายล้างยิ่งใหญ่ถาโถมเข้าใส่ซูอี้ผู้เดียว
โดยเฉพาะหงเฟยอวี่ อำนาจต่อสู้ของเขาร้ายกาจเป็นพิเศษ พัดหยกในมือโบกสะบัด ส่งธารดาราทมิฬเคลื่อนผ่านนภาสะเทือนแดนดิน
เปรี้ยง!
ท้องนภามืดครึ้ม ตะวันจันทราดับรัศมี
ดุจเทพออกสงคราม ทุกผู้ล้วนพรั่นพรึงขนลุกขนพอง
ซูอี้ถูกล้อมโจมตีเช่นนี้หาใช้อำนาจดาบเก้าคุมขังอีกหนไม่ เขากวัดแกว่งดาบแห่งโลกา ใช้ความแข็งแกร่งของตนเข้ารับมือตรง ๆ
ศัตรูร้ายยากพานพบ และผู้ที่ใช้พิสูจน์ความแข็งแกร่งของเขาได้นั้นยิ่งน้อยไปใหญ่
ซูอี้หรือจะยอมพลาดโอกาสงามเช่นนี้?
เพียงพริบตา เขาก็ถูกล้อมโจมตีอีกหน ถูกกระหน่ำโจมตีจากทุกทศทิศ ร้ายกาจรุนแรงยิ่งกว่าหนใด
ความอันตรายของสถานการณ์นี้ทำให้หัวใจทุกผู้จุกอยู่ในคอ
เซียนดาบชิงซื่อกระวนกระวายยิ่งกว่าหนใด
พวกเขาตระหนักชัดเจนว่าหากประมือตัวต่อตัวกับซูอี้ มีเพียงหงเฟยอวี่ผู้เดียวเท่านั้นที่ประชันกับซูอี้ได้
ส่วนผู้อื่นนั้นยังด้อยชั้นกว่าอยู่นิดหน่อย
ทว่ายามนี้ เมื่อซูอี้รับมือพวกหงเฟยอวี่เพียงลำพัง เขาก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด!
“ฆ่า!”
หงเฟยอวี่ตวาดลั่น ดวงตาของเขาฉายแววบ้าคลั่ง ปราณดุดันเปิดเผย
และท่ามกลางวงล้อมเช่นนี้ ซูอี้รู้สึกปรีดายิ่ง อารมณ์ของเขาทะยานสูงเยี่ยงจันทร์เพ็ญกลางฟ้าคราม เงียบงันสูงส่ง
เขาไตร่ตรองยืนยันระดับความแข็งแกร่งของตนอย่างละเอียด ใช้ศึกอันเสี่ยงตายยิ่งนี้ขัดเกลากระตุ้นการฝึกฝนที่เพิ่งเลื่อนขอบเขตไป
มีเพียงการนำตัวไปอยู่ในวงล้อมสังหารเท่านั้นที่พิสูจน์ได้ว่าวิถีของตนเคลื่อนไปไกลเพียงใด
มีเพียงการต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเท่านั้นที่จะตระหนักได้ว่าศักยภาพและขีดจำกัดตนเป็นเช่นไร!
“ว่าแล้วเชียว อำนาจของโอสถทิพย์จุติสรวงที่หลอมไว้ในช่วงเดือนนี้แทรกซึมซุกซ่อนอยู่ตามซอกหลืบต่าง ๆ ในร่างของเรา และยังไม่ถูกหล่อหลอมโดยสมบูรณ์”
“มีเพียงในศึกเช่นนี้เท่านั้นที่อำนาจซุกซ่อนเหล่านั้นจะถูกกระตุ้นให้ตื่นขึ้นได้ ก่อนจะหลอมรวมเป็นหนึ่งกับมหาวิถีโดยสมบูรณ์”
“โชคดีที่ถึงจะเคลื่อนขอบเขตสองขั้นในเดือนเดียว แต่จุดบกพร่องใด ๆ ในพื้นฐานก็หามีไม่ ยามฝึกฝนถึงขั้นสมบูรณ์แบบ ข้าก็ลองเลื่อนสู่วิถีจุติสรวงได้เลย”
…ความตระหนักรู้หนึ่งผุดขึ้นในใจของซูอี้ ทำให้เขาเข้าใจและควบคุมมหาวิถีกับศักยภาพตนได้มากขึ้น
ความเข้าใจเช่นนี้จะได้มาก็ต่อเมื่ออยู่ในสถานการณ์ศึกเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ไม่มีทางได้จากการเก็บตัวฝึกฝนอย่างแน่นอน
และเมื่อซูอี้พิสูจน์กำลังของตนต่อในศึก อำนาจต่อสู้ของเขาก็แปรเปลี่ยนไปอย่างเงียบงันเช่นกัน!
ดุจระดับนทีเพิ่มสูง แปรเปลี่ยนเงียบงัน!
นี่มิใช่การขัดเกลาการฝึกฝน แต่เป็นซูอี้ที่กระตุ้นขีดจำกัด พัฒนาศักยภาพของตนระหว่างศึกครั้งแล้วครั้งเล่า
ทุกผู้ได้เห็นเหตุทั้งหมดนี้ค่อย ๆ ตระหนักว่าซูอี้ผู้อยู่ในสถานการณ์อันตรายยิ่งมิเพียงไม่ตายตกในวงล้อม แต่ยังองอาจห้าวหาญขึ้นทุกขณะ และพลิกสถานการณ์ประชันศัตรูไปทีละน้อย!
ช่างน่าเหลือเชื่อนัก
“ไฉนความแข็งแกร่งของคนผู้นี้จึงยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเล่า?”
ขณะเดียวกัน เปลือกตาของหงเฟยอวี่ก็กระตุก ตระหนักแล้วว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล
จิตสังหารพลุ่งพล่านในดวงตาของเขาขณะตะโกนลั่น “เร็วเข้า สู้กับเขาให้จบโดยไว!”
………………..