บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1386: น้ำค้างแข็งโปรยจากสรวงกลางสารทฤดูแห่งโลกหล้า
- Home
- บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ]
- ตอนที่ 1386: น้ำค้างแข็งโปรยจากสรวงกลางสารทฤดูแห่งโลกหล้า
ตอนที่ 1386: น้ำค้างแข็งโปรยจากสรวงกลางสารทฤดูแห่งโลกหล้า
………………..
ตอนที่ 1386: น้ำค้างแข็งโปรยจากสรวงกลางสารทฤดูแห่งโลกหล้า
เปรี้ยง!
เมื่อประทับฝ่ามือของชายชุดดำเคลื่อนไปในเวหา มันก็ดูราวแหวกฟ้าดินเปิด สลายทุกสิ่งแหลกสิ้น
มีเพียงแสงสว่างเจิดจรัสหลงเหลือตรงหน้าทุกสายตา
ไม่มีสิ่งใดที่สามารถบรรยายการระเบิดอำนาจในระดับนี้ได้ ดุจวันสิ้นโลกาเคลื่อนลงมาอย่างกะทันหัน ซึ่งจมฟ้าดินทุกสิ่งสรรพในบริเวณที่ซูอี้ยืนอยู่โดยสมบูรณ์
หลังจากนั้นเนิ่นนาน แสงสว่างเหนือนภาก็ค่อย ๆ เลือนราง คลื่นพลังปราณที่ดุดันเริ่มสลายไป
“จบแล้วหรือ?”
ทุกคนตัวสั่น
ในการประชันสลายโลกภูมินี้ กระทั่งตัวตนในขอบเขตจุติมงคลโดยแท้จริงยังบาดเจ็บสาหัสล้มตายได้ นับประสาอันใดกับซูอี้?
“เจตจำนงเซียนสลายไปแล้ว…”
มีผู้สังเกตเห็นว่าชายชุดดำผู้แปรเปลี่ยนจากเจตจำนงเซียนได้แหลกสลายหายไปหลังโจมตีครั้งก่อน
“น่าเสียดายที่สหายเต๋าฝั่งข้าตายไปมากมายในศึก แต่ฆ่าซูอี้ได้ก็คุ้มแล้ว! ข้าจะมาเก็บซากอนุสรณ์ไปกลั่นเคล็ดวัฏสงสารในภายหลัง!”
หงเฟยอวี่ยิ้มอย่างร้ายกาจบนเรือเซียนล่องนภา
ทว่าก่อนจะทันพูดจบ รอยยิ้มของเขาก็แข็งค้าง ดวงตาเบิกกว้างราวเห็นผี
เขาพบว่ามีคนผู้หนึ่งยืนตระหง่านกลางหาวในหมู่เมฆา เหนือศีรษะมีเตาสำริดใบหนึ่งลอยเด่น แสงเซียนสีม่วงพร่างพรมลงปกป้องคนผู้นั้นไว้
แม้ว่าคนผู้นั้นจะเต็มไปด้วยบาดแผล อาภรณ์ขาดวิ่น ทว่ายังคงยืนตรงเยี่ยงดาบ เหมือนเทพเซียนเหนือโลกหล้า!
ทันทีที่เห็นชายผู้นี้
ทุกผู้ทั่วโลกหล้าก็สิ้นวจี นิ่งงันเยี่ยงรูปสลัก
แม้ท้องนภาจะถล่มลง ข้าก็จะไม่ตาย!
ซูอี้
เขายังมีชีวิตอยู่!
เส้นผมยาวสีดำของเขาสยายออก สองมือไพล่หลัง ยืนกลางอากาศ ร่างสูงแดงฉานด้วยโลหิตย้อม คู่เนตรเจิดจรัส ปราณหาลดทอนอำนาจลงไม่
ทุกผู้ล้วนตะลึงมองซูอี้อย่างไม่อยากเชื่อ
หนึ่งเจตจำนงเซียนระเบิดพลังโจมตีสุดกำลัง อำนาจน่าสะพรึงกลัวเช่นนั้นทำลายวิญญาณอาสัญขอบเขตจุติสรวงทุกผู้ที่นี่ได้ในพริบตา
ทว่าซูอี้กลับรอดจากมันมาได้!
“นี่…”
ผู้คนนับไม่ถ้วนร่างสั่นสะท้านราวได้พบเห็นปาฏิหาริย์บังเกิดตรงหน้า
“ยังอยู่ ฮ่า ๆๆ ดี! ดี! ดี!”
เซียนดาบชิงซื่อตื่นเต้นจนสิ้นอาการ และดาบพุทธะสรรพสุญตา จอมภูตมู่หลิง และคนอื่น ๆ รอบข้างเขาก็ล้วนมีอาการไม่ต่างกัน สีหน้าแข็งทื่อ หัวใจตื่นเต้นระทึก
“เหตุใดเขาจึงยังมีชีวิตอยู่ได้!?”
บนเรือเซียนล่องนภา หงเฟยอวี่และคณะล้วนแข็งค้าง รู้สึกราวสติสูญ
เจตจำนงเซียนทำลายราชันแห่งภูมิขอบเขตไร้ขีดจำกัดคนเดียวมิได้หรือ?
“หากข้าไม่ฆ่าพวกเจ้าให้ไปรอก่อน จะตายได้เช่นไร?”
อาภรณ์ซูอี้สะบัดโบก ดวงตาเย็นเยียบ
เขาเก็บเตาเสริมสวรรค์ไป ร่างเจิดจรัสด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์สาดจ้าทะยานเวหา ดาบแห่งโลกาในมือฟาดฟันตรงเข้าหาเรือเซียนล่องนภา
แม้เขาจะบาดเจ็บสาหัส ทว่าปราณของซูอี้กลับมิลดถอย กระทั่งเพิ่มพูนขึ้นอีก จิตต่อสู้ของเขาเดือดพล่านดุจโทสะคลั่งโลหิตทะยานแผดเผาท้องนภา
หงเฟยอวี่มีกิริยาอหังการเอาแต่ใจ ทว่ายามนี้เขาอดรู้สึกสิ้นสติหมดหวังมิได้ ไม่กล้าต่อสู้ต่อ เขาสิ้นจิตต่อสู้ไปหมดแล้ว ทุ่มกำลังเคลื่อนเรือเซียนล่องนภาเพื่อหลบหนีดุจสุนัขสิ้นนาย
“ฆ่า!”
ซูอี้ก้าวเดินบนท้องฟ้า ภาวะดาบวัฏสงสารมืดทะมึนรอบกายเขาถูกย้อมแดงด้วยโลหิต เขาเป็นดั่งเทพสวรรค์ผู้กลับออกจากวัฏสงสารซึ่งดูไร้เทียมทานยิ่ง
ตู้ม!
เมื่อดาบถูกชี้ สุญญะก็แหลกระเบิด เรือเซียนล่องนภาร่วงลงสู่พื้นเยี่ยงอุกกาบาต
ยอดฝีมือขอบเขตจุติมงคลบางผู้หนีมาได้ก่อน กรีดร้องราวคนเสียสติ
“ยอมแพ้ ข้ายอมแพ้แล้ว!”
“ขอสหายเต๋าเมตตาด้วย!”
“ม่ายยยย!”
เสียงแผดร้องลั่นดังตามมา ซูอี้กวัดแกว่งดาบสังหารตัวตนขอบเขตจุติมงคลเหล่านั้นทีละคนโดยไม่ได้สนใจ
“ซูอี้! ข้าตายไป ตระกูลหงกับเจ้าจะมิอยู่ร่วมโลกกันแน่!”
เส้นผมของหงเฟยอวี่กระเซอะกระเซิง สีหน้าเปี่ยมความตื่นกลัวลนลานอยู่ภายในเรือเซียนล่องนภา
เขาตะโกนลั่น “เจตจำนงเซียนฆ่าเจ้ามิได้ แต่หากเซียนที่แท้จริงลงมือ เจ้าจะเอาอันใดมาสู้?”
ตู้ม!
หนึ่งปราณดาบกระแทกใส่ รอยร้าวปรากฏขึ้นบนเรือเซียนล่องนภา
และหงเฟยอวี่ซึ่งอยู่ภายในยิ่งถูกโจมตีหนักยิ่งกว่า ร่างของเขาแหลกชุ่มโลหิต สภาพดูไม่ได้อย่างยิ่ง
เขากรีดร้องอย่างสิ้นหวัง “ซูอี้ ข้าสาบานต่อหัวใจวิถีได้ว่าจะไม่เป็นศัตรูกับเจ้าอีกแล้ว ข้าชดใช้ให้เจ้าเป็นสิบเท่าร้อยเท่าเลยก็ได้นะ…”
ตู้ม!
เรือเซียนล่องนภาถูกปราณดาบกวาดเข้าใส่อีกหน กะเทาะให้เกิดช่องโหว่มากมาย ลวดลายวิถีเซียนซึ่งสลักอยู่บนเรือเซียนมลายสิ้น
วิญญาณของหงเฟยอวี่ปะทุเป็นเพลิง คำรามอย่างเดือดดาล “ไฉนจึงปักใจฆ่ากันนัก?!”
ขณะนี้ ซูอี้ได้กระโดดขึ้นมาบนเรือเซียน เงื้อดาบในมือขึ้น
ฉับ!
หงเฟยอวี่ตายในทันใด ร่างของเขาถูกสลายไปด้วยอำนาจวัฏสงสาร
มีเพียงเสียงคำรามอันเปี่ยมความมิยินยอมพร้อมใจสะท้อนทั่วฟ้าดิน
“ไก่อ่อน”
ซูอี้กล่าวสองพยางค์ออกมาเบา ๆ
ยามนี้ ยอดฝีมือขอบเขตจุติมงคลยี่สิบกว่าคนที่นำโดยหงเฟยอวี่ล้วนถูกสังหารสิ้น!
ทั่วฟ้าดินเงียบสงัด ทั่วแดนดินในบริเวณโดยรอบถูกถล่มจนเหลือเพียงซากผุพังไปตั้งนานแล้ว
สักขีพยานทุกคนชะงัก มิอาจคืนสติได้เนิ่นนาน
ซูอี้ชนะแล้ว!
เขาสังหารศัตรูร้ายทั้งหมดได้โดยลำพัง!
ในศึกนี้ เขายังปราบมังกรเซียนดาวฤกษ์เขียวหนึ่งตน ทั้งยังขัดขวางการโจมตีสุดกำลังของเจตจำนงเซียนได้โดยมิปราชัย!!
ไร้วาจาใดบรรยายความตกตะลึงในใจผู้คนได้
ทุกวจีมลายสิ้นราวบังเกิดปาฏิหาริย์ตรงหน้า
…
เฮ้อ~
ซูอี้ผ่อนหายใจยาว ก่อนจะเก็บดาบแห่งโลกาไป
เขายกไหสุราขึ้นดื่มรวดเดียว
ทุกสายตามองชายหนุ่มในอาภรณ์สีเขียวเปื้อนเลือดด้วยสีหน้าตื่นตะลึง เหม่อลอย และหวาดหวั่นลึกซึ้ง
ในฐานะวิญญาณอาสัญขอบเขตจุติสรวงจากกลุ่มเต๋าโบราณ หลังจากลืมตาตื่นสู่โลกหล้า พวกเขาหามีผู้ฝึกตนในโลกหล้าทุกวันนี้ในสายตาไม่
ทว่าการปรากฏตัวของซูอี้ได้ทำลายความรู้ความเข้าใจของพวกเขาหนแล้วหนเล่า
จวบจนยามนี้ กระทั่งผู้อยู่ในขอบเขตจุติมงคลยังอดตัวสั่นด้วยความตกใจกับอำนาจต่อสู้ร้ายกาจของซูอี้มิได้!
ชายหนุ่มผู้นี้คืออันใดกัน?
ฝึกฝนถึงขอบเขตไร้ขีดจำกัดขั้นปลายเท่านั้น แต่กลับครองครองวัฏสงสาร แข็งแกร่งเหนือผู้ใด เย้ยสวรรค์ท้าทายแดนดิน
หนึ่งคนหนึ่งดาบไร้เทียมทาน!
มิอาจหาผู้ใดเทียบได้แม้ในโบราณกาล!
“ทุกท่านโปรดกลับเถิด”
เซียนดาบชิงซื่อเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบงัน
ทุกผู้ราวตื่นจากฝัน หัวใจปั่นป่วนรวนเร
หลายผู้มิกล้าอยู่ต่อ รีบร้อนจากไปทันที
พวกเขาล้วนสังหรณ์ว่ายามข่าวศึกวันนี้แพร่ออกไป พายุใหญ่จะปรากฏขึ้นทั่วสรวงเป็นแน่!
ตระกูลหงจะมีปฏิกิริยาเช่นไร?
กลุ่มเต๋าโบราณที่อยู่เบื้องหลังตัวตนในขอบเขตจุติมงคลที่ตายอย่างอนาถด้วยมือซูอี้จะรู้สึกเช่นไร?
ไม่มีผู้ใดรู้แน่ชัด
และยังมีอีกหลายคนที่ยังนิ่งกับที่มิไปไหน ดูสับสนลังเลอย่างมาก
ท้ายที่สุด ผู้เฒ่าผู้หนึ่งก็ดูจะรวบรวมความกล้ามากพอ ก่อนจะถามขึ้นด้วยเสียงสั่น “สหายเต๋าซู ขอข้าบังอาจถามเถิดว่าภายหน้าเราจะยังได้รับความช่วยเหลือจากท่านหรือไม่?”
ขวับ!
ผู้ที่ยังมิได้ปลดคำสาปในร่างล้วนหันมองซูอี้
สิ่งนี้ทำให้สีหน้าของเซียนดาบชิงซื่อ ดาบพุทธะสรรพสุญตาและคนอื่น ๆ ดูไม่สู้ดี
ไยเจ้าพวกนี้ยังคิดเรื่องนี้อยู่กัน?
มิเห็นหรือว่าซูอี้ผู้เพิ่งผ่านศึกหนักมาบาดเจ็บอยู่?
ซูอี้กล่าวยิ้ม ๆ โดยมิใส่ใจ “ข้าคนแซ่ซูกล่าวแล้วมิตระบัดสัตย์ ทุกคนมาใหม่ได้ในอีกสามวัน”
“ขอบคุณสหายเต๋าซู!”
“ขอบคุณสหายเต๋าซู!”
เหล่ายอดฝีมือในวิถีจุติสรวงล้วนซาบซึ้งปรีดา
ก่อนจาก บางผู้กระทั่งทิ้งโอสถเยียวยาไว้เพื่อแสดงความขอบคุณแก่ซูอี้ด้วย
“สหายเต๋าซู เราควรจัดการคนผู้นี้เช่นไร?”
จอมภูตมู่หลิงก้าวเข้ามา ในมือแบกคนผู้หนึ่งไว้
เขาคือจงว่านหลี่จากตระกูลจงโบราณ!
ก่อนหน้านี้ คนผู้นี้มากับพวกหงเฟยอวี่ ประกาศอย่างภาคภูมิว่าตระกูลจงของพวกตนร่วมมือกับหงเฟยอวี่ ขู่จะจัดการกับซูอี้
ทว่าในเมื่อจงว่านหลี่เป็นเพียงผู้ฝึกตนในขอบเขตจิตทารก เขาอาจเป็นตัวตนสูงสุดในโลกหล้าได้ ทว่าในศึกเมื่อครู่ เขามิอาจแทรกเข้าไปได้เลย จึงทำได้เพียงต่อสู้อย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ
“คนผู้นี้ไร้สันหลังและแสนกลนัก ยามหงเฟยอวี่ยังอยู่ เขาก็ปะปนกับผู้คนพยายามลอบหลบหนี ทว่าข้าจับเขาไว้ได้”
จอมภูตมู่หลิงกล่าวอย่างเดียดฉันท์
ชั่วขณะนี้ จงว่านหลี่ร่างสะท้าน ใบหน้าซีดขาวอย่างตื่นตระหนก ดูสิ้นหวังจนปัญญา
เมื่อเห็นซูอี้มองมา เขาก็กล่าวอย่างละล่ำละลัก “ใต้เท้าทัศนาจารย์ ข้า…”
ซูอี้โบกมือขัดวาจา “มิต้องวอนขอความเมตตาหรอก ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า”
จงว่านหลี่ตะลึงราวมิอาจเชื่อลง
ซูอี้กล่าวเบา ๆ “ในศึกแท่นนภาม่วง ข้ารับปากจงเทียนเฉวียนไว้ว่าในครึ่งปี ข้าจะลบตระกูลจงของเจ้าจากโลกหล้า กลับไปบอกทุกคนในตระกูลเจ้าเสียว่าหลังข้าเยียวยาบาดแผลเสร็จ ข้าจะไปเป็นแขกเยือนตระกูลจงของเจ้า”
ตู้ม!
จงว่านหลี่ตะลึงราวถูกสายฟ้าฟาด ใบหน้าซีดขาวเยี่ยงกระดาษ
จริงอยู่ที่ยามนี้ซูอี้รับปากว่าจะไว้ชีวิตเขา ทว่าท้ายที่สุด ตระกูลจงของพวกเขาจะต้องถูกลบหายจากโลกหล้าอยู่ดี!!
“ไปให้พ้นเสีย”
จอมภูตมู่หลิงเหวี่ยงร่างจงว่านหลี่ออกไปทันที
ร่างของจงว่านหลี่กลิ้งขลุก ๆ ไปกับพื้น
เขาลุกขึ้นด้วยใบหน้าซีดขาว กล่าวอย่างหมดอาลัย “ใต้เท้าทัศนาจารย์ หากตระกูลข้ายินยอมก้มหัวจำนน เราจะยังมีโอกาสรอดหรือไม่?”
ซูอี้กล่าวยิ้ม ๆ “ข้าจำได้ว่าเบื้องหลังตระกูลจงของพวกเจ้ามีหอเซียนดาบมายาอยู่ ซึ่งอ้างว่าเป็นหนึ่งในสี่สำนักดาบเซียนอันแข็งแกร่งที่สุดแห่งโบราณกาล และยามนี้ยังร่วมมือกับตระกูลหงแห่งโลกเซียนด้วยนี่ เจ้าจะก้มหัวให้ข้าได้เช่นไร?”
มารดาบสกุลหวงกล่าวประชดประชัน “ตระกูลจงของเจ้าอยากเป็นตระกูลทาสรับใช้สามสกุลหรือไร? ต่ำตมสิ้นดี!”
ทุกผู้อดขำมิได้
ตระกูลทาสรับใช้สามสกุล?
ต่ำตมเกินไปจริง ๆ
“นี่ยามใดแล้ว?”
ซูอี้ถามขึ้นอย่างกะทันหัน
เซียนดาบชิงซื่อกล่าวว่า “ประจวบยามลูกเห็บตก น้ำค้างแข็งโปรยจากสรวงกลางสารทฤดูแห่งโลกหล้า”
ซูอี้พยักหน้าว่า “ตรงตามเวลา”
กล่าวจบ เขาก็ไพล่มือไว้เบื้องหลัง หันหลังเดินกลับไปยังภูเขาจันทร์กระจ่าง
เซียนดาบชิงซื่อ ดาบพุทธะสรรพสุญตาและคนอื่น ๆ รีบร้อนตามเขาไป
ณ วันนั้น ตรงหน้าภูเขาจันทร์กระจ่าง ซูอี้สังหารหงเฟยอวี่ผู้เป็นทายาทแห่งเซียน รวมถึงยอดฝีมือขอบเขตจุติมงคลอีกยี่สิบเอ็ดคน ปราบมังกรเซียนดาวฤกษ์เขียว และปะทะปัดป้องการโจมตีสุดกำลังของเจตจำนงเซียน!
ทันทีที่ข่าวนี้แพร่ออกไป ทั่วโลกหล้าก็ตะลึงสั่นสะเทือนทั่ว!