บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1388: นัดประลอง
ตอนที่ 1388: นัดประลอง
ชายหนุ่มสวมชุดยาวสีขาวสะอาด สีหน้าหมองหม่น กล่าวโทษตัวเองอย่างแรง
เขามีนามว่าหงเฟยกวน
บุตรหลานสายตรงที่มีความโดดเด่นเป็นที่สุดของตระกูลหง
ตอนยุคสิ้นกฎเกณฑ์ เขาได้ทิ้งตำนานอันยิ่งใหญ่มากมายหลายเรื่องไว้ในจักรวาลพร่างดาว ถูกมองว่าเป็นตัวตนชั้นหนึ่งในกลุ่มคนรุ่นหลังทายาทเซียน
ส่วนหงเฟยอวี่ที่ตายด้วยฝีมือของซูอี้ก็คือน้องชายของหงเฟยกวน
“นายน้อย คุณชายรองตายเพราะโดนซูอี้ฆ่า ท่านอย่าได้ตำหนิตัวเองเลย”
ริมหน้าผาอีกด้าน ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่สวมชุดยาวสีดำกลิ่นอายพลังหนาแน่นปรากฏตัว
“ไม่ เจ้าพูดผิดแล้ว”
หงเฟยกวนส่ายหน้าพลางกล่าว “คนในโลกต่างก็เข้าใจว่า เฟยอวี่เป็นคนโหดเหี้ยมอำมะหิต ทว่าน้อยคนนักที่รู้ว่าเฟยอวี่เป็นคนลุ่มลึกยากจะเข้าใจ กล่าวได้ว่าเป็นคนที่มีความกล้าหาญและฉลาด”
“ครั้งนี้ที่เขาเดินทางไปภูเขาจันทร์กระจ่าง หลีกไม่พ้นจุดประสงค์สองข้อ”
“หนึ่ง พยายามอย่างที่สุดเพื่อเสาะหาวัฏสงสาร ด้วยเหตุนี้ ก็เท่ากับว่าเขาได้สร้างคุณูปการอันยิ่งใหญ่แก่วงศ์ตระกูล บารมีของวงศ์ตระกูลก็จะสูงส่งยิ่งขึ้น”
“สอง หากไม่เจอวัฏสงสาร ก็อาจจะได้โอกาสทลายคำสาปบนตัว!”
“ด้วยเหตุนี้ เขาก็สามารถสร้างร่างวิถีขึ้นมาได้ใหม่อีกครั้ง และกลับมาฝึกฝนหนทางวิถีใหม่ ได้รับความเอาใจใส่จากวงศ์ตระกูล ไม่เป็นรองข้า”
พูดถึงตรงนี้ หงเฟยกวนถอนใจด้วยความโศกเศร้าพลางกล่าว “พูดไปแล้ว เป็นเพราะเฟยอวี่ต้องการเอาชนะ ไม่อยากจะพ่ายแพ้ต่อข้าผู้เป็นพี่ชายที่คอยกดหัวเขาอยู่ตลอดเวลา”
ชายวัยกลางคนสวมชุดสีดำนิ่งเงียบไป
ทั้งวงศ์ตระกูลต่างก็รู้ดีว่าความสัมพันธ์ของพี่น้องคู่นี้เปรียบดั่งน้ำกับไฟ หงเฟยอวี่ไม่แม้แต่จะปิดบังความหยิ่งผยองในใจตัวเอง เคยตั้งสัตย์ปฏิญาณเอาไว้เมื่อนานมาแล้วว่าสักวันหนึ่งไม่ช้าก็เร็วจะต้องเอาชนะหงเฟยกวนผู้เป็นพี่ชายให้จงได้ จะทำให้พวกผู้อาวุโสในตระกูลได้เห็นความร้ายกาจของเขา
“ถึงแม้ว่า ข้าจะไม่ค่อยสนิทผูกพันกับเฟยอวี่มากนัก แต่อย่างไรเสียเขาก็เป็นน้องชายของข้า หากไม่แก้แค้นแทนเขา ข้าก็จะรู้สึกติดค้างภายในใจ จนต้องเสียใจไปตลอดชีวิต”
หงเฟยกวนกล่าวถึงตรงนี้ ใบหน้าหล่อเหลาก็เปลี่ยนไป มีแต่ความสงบราบเรียบ “ไม่ว่าทางตระกูลจะตัดสินใจเช่นใด ซูอี้คนนั้น…จะต้องตายสถานเดียว!”
ชายวัยกลางคนที่สวมชุดยาวสีดำสะดุ้งขึ้นมาในใจ รีบกล่าวขึ้นมา “นายน้อย บรรพชนเคยมีคำสั่งว่า ก่อนที่วิญญาณอาสัญวิถีเซียนจะปรากฏตัวขึ้นบนโลก ห้ามไม่ให้ท่านออกจากเขตหวงห้ามเซียนละล่อง!”
หงเฟยกวนกล่าวโดยไม่ต้องคิดมาก “ถ้าเช่นนั้นก็คิดหาวิธีทำให้ซูอี้มาเขตหวงห้ามเซียนละล่อง!”
พูดถึงตรงนี้ เขาเบนสายตามองไปที่ชายวัยกลางคนผู้สวมชุดยาวสีดำ “ยังติดต่อกับช่างเสื้อเฒ่าได้ใช่หรือไม่?”
ชายวัยกลางคนผู้สวมชุดยาวสีดำส่ายหน้า “การติดต่อทุกทางถูกตัดขาดหมดแล้วขอรับ”
หงเฟยกวนขมวดคิ้ว ถอนใจเบา ๆ พลางกล่าว “น่าเสียดาย หากว่ามีคนผู้นี้คอยช่วย อาจจะจับจุดอ่อนของซูอี้ได้ ทำให้เขาจำต้องมายังเขตหวงห้ามเซียนละล่อง”
เพิ่งพูดถึงตรงนี้ บ่าวเฒ่านายหนึ่งก็รีบเข้ามารายงาน “นายน้อยขอรับ มีคนส่งจดหมายลับฉบับหนึ่งมาให้ แจ้งว่าท่านต้องเปิดอ่านเอง เนื้อหาในนั้น… เกี่ยวข้องกับการชำระความแค้นให้แก่คุณชายรองขอรับ”
พูดจบก็ยื่นจดหมายลับไปให้
หงเฟยกวนหรี่ตามองพลางรับจดหมายลึกลับมา ใช้จิตสัมผัสอย่างละเอียดชั่วครู่ พบว่าไม่มีปัญหาจึงแกะจดหมายลับอย่างเบามือ
ในจดหมายลับมีเพียงแค่ประโยคเดียวเท่านั้น
‘กลางดึกยามเที่ยงคืน ณ ภูเขาดาวม่วง ช่างเสื้อคอยต้อนรับท่าน’
หงเฟยกวนถึงกับตื่นตะลึง “ช่างเสื้อสามารถเดาได้ว่าข้าจะต้องแก้แค้นแทนเฟยอวี่? ช่างน่าสนุกเสียจริง!”
——
ณ ภูเขาดาวม่วง
ภูเขาใหญ่ที่ตั้งอยู่ในเขตหวงห้ามเซียนละล่อง ห่างจากที่ตั้งของตระกูลหงไม่ไกลนัก
กลางดึกเวลาเที่ยงคืน
ขณะที่หงเฟยกวนในชุดสีขาวสะอาดมาถึง เห็นว่าบนยอดภูเขาดาวม่วงมีร่างผอมบางร่างหนึ่งนั่งอยู่
คนผู้นั้นสวมชุดสีเทา สวมหมวกสีดำทรงกลม แก้มตอบ กำลังนั่งต้มน้ำชาอยู่ริมก้อนหินใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง
กลิ่นหอมของชาแทรกซึมเข้าไปถึงหัวใจ
หงเฟยกวนถาม
“ถูกต้อง”
คนร่างผอมบางนั้นก็คือช่างเสื้อนั่นเอง
เขาไม่ได้ลุกขึ้น เพียงยิ้มแสดงท่าทีให้นั่งลง จากนั้นกล่าว “กล่าวให้ถูกต้อง ที่สหายเต๋าเห็นนี้ เป็นเพียงแค่ร่างจำแลงร่างหนึ่งของข้าเท่านั้น”
หงเฟยกวนร้องอ้อขึ้นมาทีหนึ่ง จากนั้นจึงกล่าวขึ้นมา “เข้าเรื่องเลยดีกว่า”
“ดี”
ช่างเสื้อกล่าว “ข้าได้ยินข่าวการต่อสู้บนภูเขาจันทร์กระจ่างแล้ว คาดไว้ในใจแล้วว่า ตระกูลหงจะต้องไม่รามือง่าย ๆ แน่ และสำหรับเรื่องนี้ ข้าสามารถช่วยได้!”
สายตาของหงเฟยกวนเป็นประกาย กล่าว “ช่วยอย่างไร?”
ช่างเสื้อตอบ “ข้ากับทัศนาจารย์ต่อสู้กันมาตลอดทั้งชีวิต เข้าใจนิสัยของฝ่ายตรงข้ามอย่างดีที่สุด หากว่าสหายเต๋าต้องการจะชำระแค้น ข้าสามารถช่วยออกความคิดและวางแผนได้”
หงเฟยกวนกล่าว “หากข้าบอกว่าต้องการให้ทัศนาจารย์มายังเขตหวงห้ามเซียนละล่อง สหายเต๋าสามารถทำได้หรือไม่?”
ช่างเสื้อครุ่นคิดสักครู่ จากนั้นยิ้มพลางกล่าว “เรื่องเล็กน้อย แต่สหายเต๋าบอกข้าได้หรือไม่ว่าจะจัดการกับทัศนาจารย์อย่างไร?”
หงเฟยกวนนิ่งเงียบไปชั่วครู่จึงกล่าว “ประมือประลองวิถีตัวต่อตัว ตัดสินผลแพ้ชนะด้วยความตาย!”
ช่างเสื้อขมวดคิ้วขึ้น กล่าว “เหตุใดต้องทำเช่นนี้?”
หงเฟยกวนกล่าวด้วยสีหน้าราบเรียบ “อยู่ภายนอก โดนกฎสวรรค์ควบคุม ระดับวิถีในตัวข้าสามารถแสดงพลังได้แค่สี่ส่วนเท่านั้น แต่อยู่ที่เขตหวงห้ามเซียนละล่อง ไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะโดนกฎสวรรค์ควบคุม”
“ข้าได้ทำความเข้าใจผลงานการต่อสู้ของซูอี้มาแล้ว ด้วยประสบการณ์การสู้รบของข้า สามารถตัดสินได้คร่าว ๆ ว่า หากอาศัยเพียงพลังวัฏสงสาร เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสามารถฆ่ามังกรเซียนดาวฤกษ์เขียวได้ และเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเจตจำนงเซียน”
“และด้วยระดับการฝึกตนขอบเขตไร้ขีดจำกัดขั้นปลายของเขา เวลาที่อยู่ในเขตหวงห้ามเซียนละล่องแห่งนี้ อาจสามารถทัดทานวิญญาณอาสัญขอบเขตจุติมงคลทั่วไปได้ แต่หากต่อสู้กับข้า…”
พูดถึงตรงนี้ ใบหน้าหล่อเหลาของหงเฟยกวนผุดประกายดูแคลนขึ้นมา “เขาต้องพ่ายแพ้อย่างยับเยิน!”
ช่างเสื้อนิ่งเงียบไป
นานมาก เขาถอนใจขึ้นมาครั้งหนึ่งแล้วกล่าว “ขอพูดแบบไม่เกรงใจ สำหรับข้าแล้ว การต่อสู้เช่นนี้เป็นเรื่องที่โง่เขลายิ่ง และแน่นอน ที่เจ้าวิเคราะห์มานั้นไม่ผิด แต่ในการประลองตัวต่อตัว ทัศนาจารย์มีความลึกล้ำยากจะคาดเดาและน่ากลัวกว่าที่เจ้าคาดคิดไว้มาก!”
พูดจบ เขาชายตามองไปที่หงเฟยกวน “ตามที่ข้ามอง สร้างกับดักพิฆาตศัตรูจะเป็นการเหมาะสมที่สุด สร้างกับดักด้วยพลังของตระกูลหง ขอเพียง…”
ไม่รอให้พูดจบ หงเฟยกวนกล่าวตัดบท “มหาวิถีที่ข้าฝึกนั้นเป็นมหาวิถีที่ยิ่งใหญ่ซื่อตรง กลอุบายทั้งหลายล้วนใช้ไม่ได้ผลเมื่อต้องเผชิญหน้ากับความสามารถที่ล้ำเลิศ!”
“ข้าเคยได้ยินเรื่องราวบางเรื่องของเจ้า รู้ว่าเมื่อในอดีต เจ้าถูกมองว่าเป็นผู้ชี้ชะตามืดมิดของแต่ละภูมิดารา แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใดเจ้าจึงสู้ทัศนาจารย์ไม่ได้?”
“ก็เพราะเจ้าชอบใช้วิธีการสกปรก ไม่แก้ปัญหาที่แก่น!”
“ต่อสู้กับตัวตนทั่วไป เจ้าอาจจะสามารถเอาชนะได้ง่าย แต่เมื่อเจอกับศัตรูร้ายกาจที่แท้จริง วิธีการทั้งหลายเหล่านั้นของเจ้า ล้วนใช้ไม่ได้ผล!”
หากว่าเป็นเมื่อก่อน เวลาที่ได้ฟังคำตอบโต้เช่นนี้ ช่างเสื้อจะต้องเดือดดาลเป็นแน่
ทว่าความพ่ายแพ้แต่ละครั้งในช่วงเวลาที่ผ่านมา สร้างความแข็งแกร่งให้แก่ภาวะจิตของเขา จึงสามารถทนรับแรงกระแทกได้
ด้วยเหตุนี้ เมื่อถูกหงเฟยกวนโต้แย้งต่อหน้าเช่นนี้ หน้าของเขาแข็งกระด้างขึ้นมา ช่างเสื้อรู้สึกราวกับโดนปลายมีดทิ่มแทงเข้าไปในหัวใจลึก ๆ อย่างแรง
ชั่วขณะนั้นเขาอยากจะสะบัดแขนเสื้อแล้วจากไป
หงเฟยกวนชายตามองช่างเสื้อ “ข้าขอถามเพียงแค่ว่า เรื่องนี้ เจ้าจะช่วยหรือไม่ช่วย?”
ช่างเสื้อนิ่งเงียบไปชั่วครู่จึงกล่าว “ช่วย!”
——-
สามวันให้หลัง
ซูอี้ตื่นจากสมาธิ
“อีกเพียงแค่นิดเดียวก็จะถึงขอบเขตไร้ขีดจำกัดขั้นสมบูรณ์แล้ว”
ซูอี้เอ่ยขึ้นเบา ๆ
ทัศนาจารย์ในชาติที่แล้ว ก็วนเวียนอยู่ในขอบเขตไร้ขีดจำกัดขั้นสมบูรณ์ด้วยเช่นกัน ถึงแม้จะรู้ว่าเหนือราชันย์แห่งภูมิ ยังมีหนทางแห่งจุติสรวง ทว่าสุดท้ายก็ยังไม่อาจย่างก้าวไปได้
แต่ตอนนี้ หนทางแห่งจุติสรวงได้ปรากฏขึ้นอีกครั้งบนโลก และเขาซูอี้ก็อยู่ห่างจากหนทางเส้นนี้ไม่ไกลแล้ว!
ในระยะเวลาสามวันนี้ เตาเสริมสวรรค์ได้นำสมบัติล้ำค่าที่ยึดมาได้ทั้งหมดหลอมเป็นโอสถหมดแล้ว
ในจำนวนนี้ ลำพังเพียงแค่โอสถทิพย์จุติสรวงที่แบ่งให้ซูอี้ก็มีมากถึงสิบสามชนิด แต่ละชนิดมีด้วยกันห้าเม็ด ฤทธิ์ล้ำเลิศล้วนเป็นสมบัติล้ำค่ามหาศาล!
ทว่า ซูอี้สังเกตเห็นว่า เทียบกับโอสถทิพย์เม็ดที่ได้มาจากการหลอมมังกรเซียนดาวฤกษ์เขียวตัวนั้น ฤทธิ์ของโอสถทิพย์เหล่านี้ยังด้อยกว่ามาก
“โอสถเหล่านี้ สามารถเก็บไว้กินตอนที่ข้าพิสูจน์เต๋าสู่ขอบเขตจิตทารกได้”
ซูอี้ทำท่าตัดสินใจ
เขาลุกขึ้นแล้วเดินไปเปิดประตู
เมื่อสามวันก่อน เขาเคยรับปากไว้ว่าในวันนี้จะช่วยวิญญาณอาสัญเหล่านั้นปลดคำสาปบนตัวออก เขาไม่อาจผิดคำสัญญาได้
ทว่าเกินกว่าที่ซูอี้คาดคิด ทุกอย่างล้วนเปลี่ยนแปลงไป!
“เมื่อวานนี้ ตระกูลหงแสดงท่าทีออกมาอย่างเปิดเผยว่าจะเป็นศัตรูกับเจ้าไปจนตลอดไม่เลิกรา!”
“ขณะเดียวกัน พวกเขายังประกาศว่า ไม่ว่าใครหน้าไหน ไม่ว่าขุมกำลังฝ่ายใด หากกล้าดีติดต่อกับเจ้าอีก ก็ต้องเป็นศัตรูของตระกูลหงไปด้วย!”
เซียนดาบชิงซื่อกล่าวด้วยสีหน้าคร่ำเคร่ง “เรื่องนี้ เป็นที่ตื่นตระหนกไปทั้งใต้หล้า กลุ่มเต๋าโบราณที่เคยแสดงท่าทีว่าจะช่วยเหลือเจ้าเมื่อก่อนหน้านี้ล้วนหดหัวไปหมดแล้ว ไม่กล้ามาที่ภูเขาจันทร์กระจ่างอีก”
ซูอี้กล่าวด้วยความตระหนก “ข้าเพียงช่วยพวกเขากำจัดคำสาปบนตัวเท่านั้น ไม่ได้คิดจะให้พวกเขาตอบแทนบุญคุณเลย แต่พวกเขากลับไม่กล้ามาเช่นนี้หรือ?”
เซียนดาบชิงซื่อกล่าว “จะพูดไป เป็นเพราะพวกเขาไม่กล้าผิดใจต่อตระกูลหง”
ดาบพุทธะสรรพสุญตาที่อยู่ข้าง ๆ กล่าว “ตระกูลหงประกาศต่อทุกคน หลังจากที่สังหารเจ้าแล้ว ตระกูลหงของพวกเขาก็จะครอบครองวัฏสงสาร จะช่วยวิญญาณอาสัญในใต้หล้าขจัดคำสาปบนตัว”
ซูอี้ถึงกับหัวเราะขึ้นมา กล่าวพลางส่ายหน้า “ตระกูลหงทำเช่นนี้ มีแต่จะทำให้กลุ่มเต๋าโบราณเหล่านั้นรู้สึกเคียดแค้นชิงชัง”
“เพราะอย่างไรเสียคำสัญญาของพวกเขาก็ไม่เห็นจะเป็นจริงได้ แต่ขอเพียงมาหาข้า รับรองว่าจะช่วยปลดคำสาปให้ในทันที”
“เมื่อเทียบกันแล้ว ใครบ้างที่จะไม่เคียดแค้นชิงชัง?”
เซียนดาบชิงซื่ออึ้งไปชั่วครู่ กล่าว “สหายเต๋าไม่โกรธหรือ?”
ซูอี้ส่ายหน้าพลางตอบ “ที่ข้าช่วยพวกเขา เพื่อให้พวกเขาช่วยข้าตามหาช่างเสื้อเฒ่าก็เท่านั้น ไม่ได้คาดหวังเลยสักนิดว่าจะให้พวกเขาขึ้นมายืนบนเรือลำเดียวกับข้า”
ดาบพุทธะสรรพสุญตากล่าว “ถ้าเช่นนั้น….วันข้างหน้าหากมีโอกาส พวกเขามาหาสหายเต๋าเพื่อให้ช่วยขจัดคำสาปอีก สหายเต๋าจะปฏิเสธหรือไม่?”
ซูอี้ยิ้มพลางตอบ “ก็ต้องดูว่าพวกเขาจะยอม ‘แสดงความจริงใจ’ มากเพียงใดสำหรับเรื่องนี้”
ความจริงใจ!
เพียงแค่สองคำ แต่ความหมายลึกซึ้ง
เซียนดาบชิงซื่อกับดาบพุทธะสรรพสุญตาต่างก็หัวเราะขึ้นมา
ควรจะเป็นเช่นนี้!
“ทัศนาจารย์ หลีจงมาแล้ว บอกว่ามีเรื่องใหญ่จะคุยกับเจ้า ตอนนี้รออยู่นอกวัด”
หลวงจีนคงจ้าวสาวเท้าก้าวเดินมา
หลีจง?
“สหายเต๋าซู ข้ามาครั้งนี้ตามคำสั่ง มาเพื่อแจ้งเรื่องหนึ่งต่อสหายเต๋า”
เมื่อเห็นร่างของซูอี้ปรากฏ หลีจงที่รออยู่นอกวัดมาโดยตลอดก็รีบเดินเข้าไปหา
“เรื่องอันใด?”
ซูอี้ถาม
หลีจงกล่าวด้วยความกลัดกลุ้มใจ “หลังจากนี้ครึ่งเดือนหงเฟยกวน นายน้อยของตระกูลหง ต้องการจะประลองแพ้ชนะกับสหายเต๋าบน ‘เขาพฤกษ์ระย้า’ ในเขตหวงห้ามเซียนละล่อง”
พูดจบ เขาก็แนะนำสถานะของหงเฟยกวนอย่างละเอียด
ซูอี้อดสงสัยไม่ได้ “เขาต้องการจะนัดประลองกับข้า เหตุใดเจ้าจึงมาได้?”
“หงเฟยกวนเกรงว่าสหายเต๋าจะไม่กล้าไปตามคำนัดหมาย จึงไปพบคุณหนูของพวกเรา บอกว่ามีคุณหนูของพวกเรารับรอง สหายเต๋าซูอาจจะวางใจ”
หลีจงรีบอธิบาย “คุณหนูของพวกเราไม่อาจปฏิเสธได้ จึงให้ข้ามาถึงที่นี่ด้วยตนเอง เพื่อบอกเรื่องนี้แก่สหายเต๋าซู”
………………..