บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1395: พายุฝนตั้งเค้า ส่อลางอารัมภบท
ตอนที่ 1395: พายุฝนตั้งเค้า ส่อลางอารัมภบท
ม่อหย่วนซานนั่งคุกเข่า ใบหน้าเรียบเฉย ทั้งละอายและไม่พอใจ
ห่อเหี่ยวเยี่ยงมะเขือยาวแช่แข็ง
หัวใจคนทุกผู้รวนเร เงียบสงัดไร้วาจา
ตกใจยิ่ง
แต่ก็ละอายเช่นกัน
ในตระกูลม่อของพวกเขา ลำดับอาวุโสของม่อหย่วนซานสูงส่งยิ่ง และผู้ทรงอำนาจส่วนใหญ่ที่นี่ต่างก็เป็นผู้น้อยสำหรับเขา
ทว่าไร้ผู้ใดคาดคิดว่าบรรพชนจะออกมาสั่งม่อหย่วนซานให้คุกเข่าเพื่อคนนอกเช่นซูอี้อย่างไร้พิธีรีตอง!
ทั้งยังใช้ความตายมาขู่โดยมิลังเล!
เกินความคาดหมายไปโดยสิ้นเชิง
หลีจงกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก หัวใจสะท้านสั่นอย่างไม่อาจควบคุม
เขาตัดสินได้เลยว่าเสียงที่สั่งม่อหย่วนซานให้คุกเข่าคือผู้ใด
ม่อซิงหลิน!
เซียนในแดนมนุษย์ตระกูลม่อ!!
“เรื่องทั้งหมดนี้ต้องมีความลับซุกซ่อนที่ข้าไม่รู้อยู่เป็นแน่แท้ หาไม่ในฐานะเซียน ไฉนต้องมาให้ความสนใจสหายเต๋าซูเช่นนี้ด้วย?”
หลีจงพึมพำในใจ สีหน้าตะลึงพรึงเพริด
ม่อชิงโฉวดูโล่งใจอย่างเห็นได้ชัด มีเพียงนางที่รู้ว่าไฉนบรรพชนซิงหลินจึงเดือดดาลเพียงนี้
ซูอี้…มิใช่ผู้ที่ตระกูลม่อของพวกนางล่วงเกินได้จริง ๆ!
“สหายเต๋าซู หากคนในตระกูลข้าเลินเล่อล่วงเกินหมิ่นเกียรติไป ขอให้รามืออย่าถือสากันเลย”
เสียงทรงอำนาจของม่อซิงหลินดังขึ้นอีกครั้งอย่างเจือความสำนึกผิด “ตาเฒ่าผู้นี้ยังไม่อาจออกจากแดนบรรพชนได้ในยามนี้ หาไม่ข้าจะออกมาขอขมาสหายเต๋าด้วยตนเองแน่นอน”
ทุกผู้ในโถงตะลึงยิ่งทวีคูณ
บรรพชนซิงหลินกำลังขอโทษอยู่หรือ!?
และม่อหย่วนซานผู้กำลังคุกเข่ากับพื้นก็ตะลึงไปเช่นกัน เขาตระหนักแล้วว่าบางอย่างผิดปกติ ไฉนตัวตนเช่นบรรพชนซิงหลินจึงต้องทำเช่นนี้ด้วย?
ซูอี้ครุ่นคิดสักพักก็กล่าวว่า “วิวาทเล็กน้อยเท่านั้น ข้ามิใส่ใจหรอก”
“ฮ่า ๆ เช่นนั้นก็ดีแล้ว ข้าก็สบายใจได้”
เสียงเสสรวลอย่างโล่งใจของม่อซิงหลินดังขึ้น
ม่อชิงโฉวเองก็ลอบถอนหายใจโล่งอก ก้าวเข้ามากล่าวยิ้ม ๆ “สหายเต๋าซู ข้าจัดเตรียมที่พักไว้ให้เจ้าแล้ว ก่อนเจ้ากับหงเฟยกวนจะประชันกัน พักผ่อนฝึกฝนในตระกูลข้าก่อนเถิด ข้ารับปากว่าจะไม่มีผู้ใดรบกวนสหายเต๋าอีก”
ซูอี้พยักหน้า “ขอบคุณ”
และม่อชิงโฉวกับซูอี้ก็ออกจากโถงไปทันที
จนเมื่อร่างของทั้งสองลับตาไป คนทุกผู้จึงถอนหายใจยาวราวเพิ่งตื่นจากฝัน
จากนั้น สีหน้าของพวกเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นคลุมเครือ
เพราะจนยามนี้ พวกเขาก็ยังไม่เข้าใจว่าไฉนบรรพชนซิงหลินของพวกเขาจึงให้ความสำคัญกับซูอี้มากเพียงนี้ ช่าง…น่าเหลือเชื่อยิ่งนัก!
“อย่าแพร่งพรายเรื่องวันนี้”
ม่อซิงหลินออกคำสั่ง “หย่วนซาน ลุกขึ้นแล้วมาพบข้าด้วย”
……
บรรพตเซียนกลั่นหยกขจี
ณ ศาลาอันสง่างามเรียบง่ายแห่งหนึ่งบนไหล่เขา
นี่คือสถานพำนักที่ม่อชิงโฉวจัดเตรียมไว้ให้ซูอี้
“สหายเต๋าซูพอใจกับที่นี่หรือไม่?”
ม่อชิงโฉวกล่าวด้วยรอยยิ้มบาง
ซูอี้ส่ายหน้าน้อย ๆ
เขานั่งลงบนฟูกนุ่มที่ระเบียง นำไหสุราขึ้นยกจิบ ก่อนจะกล่าวว่า “หัวใจข้างุนงงเอาการ ด้วยฐานะตระกูลม่อของพวกเจ้า การปฏิบัติกับข้าเช่นนี้ดูสูงไปมาก บอกเหตุผลกับข้าได้หรือไม่?”
ริมฝีปากปากของม่อชิงโฉวเม้มเข้าหากันเล็กน้อย แววตาของนางลุ่มลึกขึ้น “สหายเต๋าต้องการฟังความจริงหรือ?”
ซูอี้กล่าวยิ้ม ๆ “ย่อมเป็นเช่นนั้น”
ม่อชิงโฉวมิปิดบังอีก “นี่คือคำสั่งของบรรพชนซิงหลินของตระกูลข้า ท่านได้รู้บางอย่างเกี่ยวกับท่านเซียนหงอวิ๋นมาก่อน…”
โดยมิรอให้นางพูดจบ ซูอี้ก็เลิกคิ้วขึ้น “เรื่องนี้เกี่ยวกับปราชญ์หงอวิ๋นหรือ?”
หนึ่งผู้เรียกท่านเซียน
อีกผู้เรียกปราชญ์
ทว่าทั้งสองต่างรู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังพูดถึงคน ๆ เดียวกัน
“ถูกต้อง”
นัยน์ตาของม่อชิงโฉวเรืองประกาย เสสรวลกล่าวขึ้น “ในอดีต ข้ามิคาดเลยว่าที่มาของท่านเซียนหงอวิ๋นจะแสนพิเศษลึกลับ ข้ามองว่านางก็เป็นเพียงทายาทเซียนผู้มาหลบหายนะยังโลกมนุษย์เช่นเดียวกับข้า”
“ทว่ายามนี้ ข้ารู้แล้วว่าตัวตนของนางห่างไกลเกินกว่าตัวข้าจะเทียบได้ กระทั่ง…บรรพชนบางท่านในตระกูลข้า เกรงว่าคงยากจะเทียบชั้นนาง”
ฐานะบุคคลผู้ถูกเชิญสู่โถงหลักงานเลี้ยงของศาลเซียนรวมศูนย์ในงานเลี้ยงลูกท้อ มีหรือจะธรรมดา?
ต้องทราบว่าบรรพชนตระกูลม่อของนางไร้คุณสมบัติเข้าสู่งานเลี้ยงในโถงหลักศาลเซียนรวมศูนย์!
ซูอี้ผงะไป
ไม่คาดเลยว่าเหตุที่ตระกูลม่อให้เกียรติเขาสูงยิ่งจะเกี่ยวเนื่องกับปราชญ์หงอวิ๋น!
ผิดคาดไปจริง ๆ
ตระกูลม่อเป็นตระกูลเซียนชั้นนำในโลกเซียน ทว่าจากวาจาของม่อชิงโฉว กระทั่งบรรพชนตระกูลม่อบางผู้ยังมิอาจเทียบชั้นปราชญ์หงอวิ๋นได้ในด้านตัวตน ทำให้ซูอี้อดประหลาดใจมิได้ และตระหนักขึ้นว่าตนยังคงประเมินปราชญ์หงอวิ๋นต่ำเกินไปอยู่ดี!
“สหายเต๋าเล่า มีสัมพันธ์เช่นไรกับท่านเซียนหงอวิ๋นหรือ?”
ม่อชิงโฉวถาม นัยน์ตาพร่างดาวของนางเจือความสงสัยอย่างมิอาจควบคุม
ซูอี้ว่า “ข้าและนาง…แค่บังเอิญพานพบกัน”
บังเอิญพานพบ?
ม่อชิงโฉวผงะ “พวกเจ้ามิรู้จักกันมาก่อนหรือ?”
ซูอี้พยักหน้า “ถูกต้อง”
ม่อชิงโฉวดูไม่เชื่ออย่างเห็นได้ชัด “ยามเกิดศึกที่แท่นนภาม่วง นางมาช่วยสหายเต๋าด้วยตนเอง คนรู้จักทั่วไปหรือจะทำให้นางมาด้วยตนเองเช่นนี้ได้?”
ซูอี้กล่าวอย่างเฉยเมย “นางปรากฏตัวขึ้นเอง ข้าหาขอให้นางช่วยไม่”
ม่อชิงโฉว “…”
นางยิ่งมึนงงเข้าไปใหญ่จนสมองแทบหยุดทำงาน
ตัวตนเช่นเซียนหงอวิ๋นออกมาช่วยเขาโดยไร้ลังเล?
ไฉนกัน?
หรือซูอี้ผู้นี้จะมีความลับบางอย่างที่มิอาจรู้ได้ ทำให้ท่านเซียนหงอวิ๋นชอบเขากัน?
ต้องเป็นเช่นนั้นแน่!
เมื่อคิดเช่นนี้ สายตาของม่อชิงโฉวต่อซูอี้ก็ยิ่งทวีความลุ่มลึก
ยามนางแรกทราบถึงการมีอยู่ของซูอี้ นางก็อยากจะดึงเขามาเข้าพวก ใช้เขาเพื่อตัวนาง
ยามนี้เมื่อคิดดูแล้ว นางก็พบว่าตนคิดตื้นเกินไปนัก เกือบทำผิดร้ายแรงเข้าเสียแล้ว!
ทันใดนั้น ซูอี้ก็กล่าวว่า “หากทำได้ ข้าหวังให้ตระกูลม่อของเจ้าช่วยข้าอย่างหนึ่ง”
ม่อชิงโฉวพลันฟื้นสติ กล่าวด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ทันที “สหายเต๋าว่ามาเถิด”
“ข้าแน่ใจว่าช่างเสื้ออยู่ในเขตหวงห้ามเซียนละล่อง ณ ขณะนี้”
ซูอี้ว่า “ไม่ว่าตระกูลม่อของเจ้าจะพบที่อยู่ของเขาหรือไม่ ก่อนที่ข้าจะเผชิญหน้าหงเฟยกวน ข้าจะช่วยตระกูลม่อของเจ้าปลดคำสาปในร่างให้”
คืนนั้น ม่อชิงโฉวลงมือทันที
……
ในแดนหวงห้ามตระกูลม่อ
ร่างของม่อซิงหลินนั่งอยู่ในชิ้นหยกบนแท่นเต๋า
ม่อหย่วนซานคุกเข่าอยู่บนพื้นหน้าแท่น หัวใจรู้สึกกระวนกระวาย
เขาสูดหายใจลึก ๆ และเป็นฝ่ายชิงอธิบายก่อน “ท่านลุงทวด หนนี้ข้าหาเล็งเล่นงานซูอี้ไม่ แต่เป็นการทำเพื่อตระกูลนะขอรับ ข้าเกรงว่าหากเขาตายตกในศึกดวลกับหงเฟยกวน การลงทุนลงแรงของเราตระกูลม่อจะเสียเปล่าเป็นแน่แท้…”
โดยมิรีรอให้พูดจบ ม่อซิงหลินก็กล่าวขัดขึ้น “เจ้าผิดมาแต่แรกแล้ว!”
ม่อหย่วนซานชะงักตะลึงไป
“สหายเต๋าซูมิเคยติดค้างอันใดกับเรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรับประกันการดวลระหว่างเขาและหงเฟยกวนในครานี้ หรือการที่ข้าออกคำสั่งให้แสดงความปรารถนาดี ทั้งหมดนี้เป็นเราออกหน้าเอง”
น้ำเสียงของม่อซิงหลินทรงอำนาจ “ต่อให้เขามิช่วยเราตระกูลม่อปลดคำสาป เราก็โทษอันใดเขามิได้”
ม่อหย่วนซานกล่าวเสียงเบาด้วยสีหน้าหดหู่ “ท่านลุงทวด มิใช่ว่าเราทำทั้งหมดนี้เพื่อให้เขาช่วยเราหรือ?”
ม่อซิงหลินแค่นเสียงหึ “ข้าเห็นแล้วว่าแม้จะคุกเข่าขอขมา แต่เจ้าก็ยังผูกใจเจ็บ!”
ม่อหย่วนซานเงียบไป
ม่อซิงหลินกล่าวอย่างเย็นชา “ข้าให้เจ้ามาที่นี่เพื่อบอกเจ้าว่าเบื้องหลังซูอี้ผู้นี้มีท่านเซียนหงอวิ๋นอยู่!”
“ที่มาของท่านเซียนหงอวิ๋นผู้นี้พิเศษและลึกลับอย่างยิ่ง กล่าวได้ว่ามิอาจคาดหยั่งใด ๆ แต่ข้าบอกเจ้าได้ชัด ๆ ว่าตัวตนเช่นนี้มิใช่ผู้ที่เราตระกูลม่อจะล่วงเกินได้!”
วาจาเหล่านี้ทำให้ม่อหย่วนซานรู้สึกราวถูกฟ้าผ่า ร่างของเขาตะลึงทึ่มทื่อ
ปรากฏว่าเรื่องทั้งหมดนี้เกี่ยวกับท่านเซียนหงอวิ๋น!!
เขาเข้าใจแล้ว
มิน่าเล่า ท่านลุงทวดจึงออกปากบีบให้เขาคุกเข่าด้วยตนเอง ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพราะซูอี้ แต่เป็นเพราะเบื้องหลังซูอี้มีท่านเซียนหงอวิ๋นอยู่!
ม่อซิงหลินว่า “ยามนั้นจะมีไอ้แก่มากมายที่หน้ามืดตามัว พวกมันอาจมิเข้าพัวพันระหว่างประลอง แต่เมื่อจบศึก… พายุจะเกิดขึ้นแน่!”
ม่อหย่วนซานรีบร้อนกล่าว “ท่านบรรพชนหมายความว่าเมื่อถึงกาลนั้น เราตระกูลม่อจะทุ่มกำลังสุดตัวเพื่อปกป้องสหายเต๋าซูหรือขอรับ?”
ม่อซิงหลินพยักหน้ากล่าว “เจ้าต้องทำให้ดีที่สุด! ต่อให้เราจะถูกขุมกำลังอื่นหมายหัว แต่จุดยืนเราตระกูลม่อต้องอยู่ฝั่งสหายเต๋าซูอย่างเหนียวแน่น!”
ม่อหย่วนซานกล่าวอย่างเคร่งขรึม “เข้าใจแล้วขอรับ!”
“ถึงยามนั้น เจ้าและชิงโฉวจะไปด้วยกัน และเจ้าก็ควรชดเชยความผิดด้วย”
ม่อซิงหลินว่า “ต่อให้เป็นสงครามใหญ่ เราก็จะไม่ลังเล!”
……
คืนนั้น
ข่าวการมาถึงของซูอี้แพร่ไปทั่วเขตหวงห้ามเซียนละล่อง ดึงความสนใจของกลุ่มเต๋าโบราณและขุมกำลังวิถีเซียนมากมาย
“ในที่สุดก็มาแล้วหรือ? ดี!”
ทายาทเซียนฝูตงหลีระเบิดแสงเซียนเจิดจรัสในดวงตาอย่างมาดร้าย
“หนนี้ ทำให้แน่ใจว่าเขาจะมิได้กลับไป!”
เสียงของเจ้าโถงดาบเทพลี้ลับฮั่วชิงไห่สนั่นลั่นอย่างตรงไปตรงมา
ณ ศึกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ประกายทอง ซูอี้สังหารเว่ยฉางฝู่และหร่วนไฉ่จือจากสำนักพวกเขา และถือว่าเป็นศัตรูที่มิอาจอยู่ร่วมโลกกันได้ไปแล้ว
เหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันนี้ก็เกิดขึ้นในขุมกำลังโบราณอย่างพรรคเซียนเร้นราตรี หอเซียนดาบมายาและบรรพตมารธารปรภพด้วยเช่นกัน
ขุมกำลังใหญ่ซึ่งเกลียดชังซูอี้เหล่านี้เสียหายอย่างหนักหน่วงระหว่างศึกแท่นนภาม่วงและภูเขาศักดิ์สิทธิ์ประกายทอง เคียดแค้นซูอี้เข้ากระดูก
แน่นอน ที่สำคัญกว่านั้น ทุกผู้ยังรู้ว่านี่เป็นโอกาสงามในการล่าซูอี้ ชิงอำนาจวัฏสงสาร!
ขณะเดียวกัน ข่าวที่หงเฟยกวนนำสัตว์ประหลาดเฒ่ากลุ่มหนึ่งออกสังหารยอดฝีมือจากบรรพตมารธารปรภพก็ดังสะพัดไปทั่วราตรีนั้นเช่นกัน
เหตุนี้ทำให้ขุมกำลังใหญ่ทั้งหลายตระหนักว่าหงเฟยกวนจริงจัง มิอาจทนให้ผู้อื่นลงมือกับซูอี้ก่อนเผชิญศึกได้!
นี่คือการเขย่าภูขู่พยัคฆ์
และเพราะเหตุนี้เอง เหล่าขุมกำลังที่เตรียมพร้อมลงมือจึงทำได้เพียงเลือกอดทน มิกล้ากระทำการบุ่มบ่าม
อย่างน้อยก็ก่อนหงเฟยกวนและซูอี้ประลอง ก็ไร้ผู้ใดกล้าหาเรื่องซูอี้อีก
และคืนนั้น
กำลังตระกูลม่อก็ถูกส่งออกไปสั่งการกลุ่มเต๋าโบราณที่เกี่ยวโยงกับตระกูลพวกตนให้เริ่มเสาะหาที่อยู่ของช่างเสื้อเฒ่าอย่างสุดกำลัง
พายุฝนตั้งเค้า ส่อลางอารัมภบท
ซูอี้ร่ำสุราราวมิรู้ร้อนหนาวจนหลับไป
ชีวิตคนเป็นเช่นนี้เสมอ ความเมามายอยู่ยงชั่วนิรันดร์
………………..