บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1400: ฉวยโอกาสยามอ่อนแอ ฆ่าเขาซะ!
ตอนที่ 1400: ฉวยโอกาสยามอ่อนแอ ฆ่าเขาซะ!
………………..
ตอนที่ 1400: ฉวยโอกาสยามอ่อนแอ ฆ่าเขาซะ!
ทั่วฟ้าดินเงียบสงัดเยี่ยงแดนมรณะ ฝูงสกุณาเงียบสงบ
หงเฟยกวนตายแล้ว!
ทว่าเขาไม่ได้ตายในการดวล แต่เป็นการตายด้วยน้ำมือเจตจำนงเซียนตระกูลหงผู้หนึ่ง!
ผลลัพธ์นี้ผิดความคาดหมายโดยสิ้นเชิง
เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเข้าใจว่าเหตุใดตัวตนไร้เทียมทานอย่างหงเฟยกวนจึงให้ค่ากฎเกณฑ์มากกว่าชีวิตตน
แต่ไม่ว่าจะเป็นผู้ใด พวกเขาก็ล้วนตะลึง!
“น่าเสียดาย…”
ม่อหย่วนซานรำพึงเบา ๆ
แววตาของม่อชิงโฉวซับซ้อน
ยามนี้เอง นางจึงตระหนักได้ว่านางคิดผิด หงเฟยกวนองอาจห้าวหาญ ยอมตายพิทักษ์กฎ เขาย่อมไม่มีทางสมรู้ร่วมคิดกับพวกได้แก่ตระกูลหงได้!
“เฟยกวน!”
หงจิ่วจ้งแผดเสียงคร่ำครวญด้วยดวงตาเหลือกถลน
เหล่าผู้ทรงอำนาจตระกูลหงรอบกายเขาเองก็เปี่ยมด้วยความอาลัยมิพอใจ
ในตระกูลหงของพวกเขา หงเฟยกวนนั้นร้ายกาจมากสามารถ เป็นตัวตนชั้นนำในหมู่ทายาทเซียน มีฐานะสูงส่งยิ่งกว่าผู้เฒ่าบางคนในตระกูลเสียอีก
ผู้เฒ่าตระกูลหงบางคนกระทั่งถือหงเฟยกวนเป็นเจ้าตระกูลคนถัดไป!
ทว่ายามนี้…
หงเฟยกวนตายแล้ว!
ใครเล่าจะรับไหว?
“เฟยกวนตายเพราะเจ้า และเจ้าต้องถูกฝังไปกับเขา!”
เจตจำนงเซียนในชุดยาวสวมมงกุฎใต้ผืนนภากล่าวกับซูอี้จากไกล ๆ ด้วยสายตาเย็นชา
วจีนั้นสะเทือนทั่วฟ้าดิน แผ่ทั่วทศทิศ
“ใช่ ไอ้สัตว์ร้ายน้อยนี่ต้องตาย!”
หงจิ่วจ้งตวาดอย่างเดือดดาล ใบหน้าแดงก่ำ
เขาไร้ที่ให้ระบายโทสะเศร้าโศก จึงชี้นิ้วไปทางซูอี้
“เทียบกับหงเฟยกวนแล้ว ไอ้แก่อย่างพวกเจ้า… ก็แค่พวกสารเลวน่าขยะแขยงฝูงหนึ่ง”
ซูอี้กล่าว
กล่าวจบ เขาก็หันไปพูดกับม่อชิงโฉวซึ่งอยู่ไกลออกไป “อย่าลืมนะ อย่าเข้ามาพัวพัน”
ม่อชิงโฉว “…”
นางล่ะอยากถามนักว่าป่านนี้แล้ว ซูอี้ยังยึดติดเรื่องใดอยู่?
หรือเขาจะเป็นเหมือนหงเฟยกวน ยอมตายดีกว่ามิได้ฆ่าศัตรูลำพัง?
หรือเขาไม่อยากให้ตระกูลม่อเข้ามาติดร่างแหด้วยกันแน่?
แต่ท้ายที่สุด ม่อชิงโฉวก็รั้งตนไว้
“ฆ่า!”
จิตสังหารน่าสะพรึงกลัวถาโถมเยี่ยงคลื่น
เจตจำนงเซียนนั้นก้าวยาว ๆ บนอากาศ ออกหมัดชกใส่ซูอี้
หนึ่งหมัดนั้นเปลี่ยนแดนดินเป็นผุยผง หยินหยางพลิกกลับ!
เป็นอำนาจเหลือล้ำกว่าขอบเขตจุติมงคลไกลโพ้น เพียงหนึ่งหมัดนั้นสำแดงอำนาจสูงส่งแห่งวิถีเซียนอย่างชัดเจน
ซูอี้ดูสุขุม เขายกมือขึ้นใช้เตาเสริมสวรรค์
วูบ!
เตาเสริมสวรรค์ร้องคำรามขณะทะยานสู่อากาศ แสงเซียนสีม่วงพร่างพรายกระหวัดเกี่ยวเป็นอักขระเจิดจ้าป่นนภา ลบหมัดนั้นหายไปในทันที!
ทว่าซูอี้เองก็ยังได้รับผลกระทบ ร่างของเขาถูกหางเลขอำนาจร้ายกาจนี้กระแทกจนต้องถอยหลังไปหลายก้าวอย่างมิอาจควบคุม
ทุกผู้ล้วนตะลึง
เป็นเตาอันประหลาดนัก!
นี่เป็นสมบัติเซียนอันแปลกประหลาดยิ่งแน่ ๆ!
“ในศึกที่ภูเขาจันทร์กระจ่างเมื่อกาลก่อน เจ้าสัตว์ร้ายนี่ใช้สมบัตินี้ฆ่ามังกรเซียนดาวฤกษ์เขียว!”
บางผู้อุทาน
ทันใดนั้น ดวงตาของคนมากมายลุกโชน
ใครเล่าจะไม่รู้ว่าสมบัติเซียนมีมูลค่าสูงส่งสำคัญเพียงไร?
ณ ยุคสิ้นกฎเกณฑ์ มิเพียงร่างวิถีและจิตวิญญาณของเหล่าวิญญาณอาสัญถูกทำลาย แต่สมบัติอันร้ายกาจทรงพลังมากมายก็สูญสิ้นไปเช่นกัน
และสมบัติเซียนซึ่งอยู่รอดจนถึงยามนี้ได้ก็ล้วนเสียหายหนักหน่วง ถูกหายนะกัดกร่อนกันทั้งสิ้น
ทว่าเตาหลอมในมือซูอี้นั้นแตกต่างไปอย่างเห็นได้ชัด รูปลักษณ์ของมันสมบูรณ์ แม้จะมีสนิมเกาะก็ยังแผลงอำนาจเหนือธรรมดา!
“สมบัตินี้อยู่ในมือตัวตนเช่นเจ้า ช่างลบหลู่กันโดยแท้!”
เจตจำนงเซียนนั้นโจมตีเข้ามาอีกหนด้วยอำนาจสะเทือนสรวง
เพียงหนึ่งโบกมือ แสงเซียนสีดำก็ทะยานลงจากนภา แปรเปลี่ยนเป็นหัตถ์ใหญ่ปรกนภาคว้าเข้าใส่เตาเสริมสวรรค์อย่างรวดเร็ว
“ฆ่า!”
ขณะเดียวกัน หงจิ่วจ้งก็นำขบวนผู้เฒ่าตระกูลหงโจมตี ต่างฝ่ายต่างงัดสมบัติออกมาร่วมวงล้อมโจมตีซูอี้
ผู้เฒ่าเหล่านี้ล้วนแต่เป็นตัวตนสูงสุดในขอบเขตจุติมงคล เมื่อไร้กฎสวรรค์เหนี่ยวรั้ง พวกเขาก็สามารถเผยอำนาจที่แท้จริงออกมาได้
นอกจากนั้น พวกเขายังตระหนักถึงความน่าสะพรึงกลัวของซูอี้ ดังนั้นยามโจมตี พวกเขาจึงใช้สมบัติและท่าไม้ตายสูงสุดของตนเองแต่แรกโดยมิยั้งมือ!
เปรี้ยง!
ท้องนภามืดครึ้ม ตะวันจันทราไร้รัศมี
เมื่อเผชิญหน้าการล้อมโจมตีอย่างไร้ผู้ใดออมมือนี้ ซูอี้หาหลบเลี่ยงไม่
แม้แต่สีหน้าสุขุมไร้อารมณ์ยังมิเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย
“ไป!”
ร่างของซูอี้ทะยานไปเบื้องหน้า เตาเสริมสวรรค์ขนาดฝ่ามือขยายใหญ่ขึ้น ลวดลายเซียนสูงใหญ่เรื่อเรือง เพลิงแสงสีม่วงพลิ้วโปรย
ที่ตัวเตาปรากฏลวดลายประหลาดเกินเข้าใจ
สมบัตินี้ลอยอยู่เหนือร่างซูอี้ และเมื่อแสงเซียนสีม่วงวาดผ่าน หัตถ์ยักษ์จากเจตจำนงเซียนซึ่งฟาดเข้ามาก็แหลกสลายไปทันที!
พริบตาจากนั้น วจีดาบอันสะเทือนทั่วนภาก็ดังก้อง ซูอี้ฟาดฟันดาบแห่งโลกา โคจรเคล็ดวัฏสงสารเข้าโจมตีพวกหงจิ่วจ้ง
ดุจดาบอันคมกริบเข้ากลางทัพศัตรู
เสียงระเบิดสนั่นสะเทือนโลกา
เมื่อปราณดาบของซูอี้คลั่งเคลื่อนเยี่ยงกระแสธาร สมบัติมากมายก็ถูกสะบัดหลุด และผู้เฒ่าตระกูลหงบางคนก็ถูกฟาดกระเด็นไปด้วยสภาพทุลักทุเล
พวกเขาล้วนเปลี่ยนสีหน้าไปตาม ๆ กัน
เมื่อต่อสู้กับซูอี้ด้วยตนเอง พวกเขาก็ตระหนักชัดแจ้งว่าชายหนุ่มในขอบเขตไร้ขีดจำกัดขั้นสมบูรณ์ผู้นี้น่าสะพรึงกลัวเพียงไร!
“ฮึ!”
เจตจำนงเซียนขยับทะยานเข้ามาอย่างรวดเร็ว
เขาจับจ้องไปที่เตาเสริมสวรรค์ คิดอยากชิงสมบัตินี้ไป
และยังนำมาซึ่งแรงกดดันมหาศาลต่อซูอี้ด้วย!
กล่าวอีกนัยก็คือ การกวาดล้างพวกเจ้าเฒ่าตระกูลหงเหล่านี้ด้วยความแข็งแกร่งปัจจุบันของเขาหายากเย็นไม่
ทว่ายามเผชิญหน้าเจตจำนงเซียนนั้นร้ายแรงกว่ากันยิ่งนัก!
แม้เขาจะใช้สมบัติเซียนเยี่ยงเตาเสริมสวรรค์ เขาก็ทำได้เพียงต่อต้านขัดขืน
หากต้องการต่อสู้โต้กลับ เป็นไปมิได้โดยสิ้นเชิง
ยิ่งกว่านั้น ที่นี่หาใช่โลกภายนอกไม่ เจตจำนงเซียนนี้จึงมิได้อยู่ภายใต้กฎสวรรค์!
นี่ยังหมายความว่าซูอี้ทำได้เพียงยื้อชีวิตตนไว้จนกว่าเจตจำนงเซียนนี้จะสลายไปเอง
เปรี้ยง!
สงครามทวีความเข้มข้น
ภาพนี้ทำให้ผู้เฝ้ามองมากมายสะพรึงกลัว
“คนแซ่ซูผู้นั้นร้ายกาจเกินไปจริง ๆ เขารับมือเจตจำนงเซียนได้ด้วยหรือ!?”
บางผู้กล่าวเสียงสั่น
ขณะนี้ ซูอี้ดูสะบักสะบอม ทว่าอำนาจที่เขาแสดงก็ชวนให้ผู้คนขนหัวลุก
เพราะเขามิเพียงต่อกรกับเจตจำนงเซียน แต่ยังรับมือสัตว์ประหลาดเฒ่าตระกูลหงเช่นพวกหงจิ่วจงสิบกว่าคนพร้อม ๆ กัน!
ช่างร้ายกาจยิ่ง!
“แต่แล้วอย่างไร? ไม่เห็นหรือว่ายังมีขุมกำลังใหญ่หลายแห่งที่ยังมิลงมือ?”
“ซูอี้ผู้นี้ต้องตายตกวันนี้เป็นแน่แท้”
บางผู้รำพึง
นอกสนามรบ สัตว์ประหลาดเฒ่าจากตระกูลฝู โรงดาบเทพลี้ลับ หอเซียนดาบมายา สุขาวดีจรทักษิณและขุมกำลังใหญ่ต่างๆ ต่างยืนคุมเชิงกัน ยังไม่มีผู้ใดลงมือ!
“ตระกูลม่อดูทิ้งความคิด มิกล้าเข้าร่วมกับเรื่องนี้แล้วอย่างเห็นได้ชัด…”
บางผู้สังเกตเห็นว่ายอดฝีมือตระกูลม่อที่เดิมทีแจ้งว่าพวกตนมาอารักขาซูอี้หาลงมือกระทำการใด ณ ยามนี้ไม่
“เป็นเรื่องธรรมดา หากตระกูลม่อเข้าพัวพัน นอกจากจะช่วยซูอี้มิได้แล้วยังจะกลายเป็นศัตรูร่วมของเหล่าขุมกำลังใหญ่อีก!”
“เรื่องใหญ่เช่นนี้ ตระกูลม่อของพวกเขารับมิไหวหรอก!”
……
เคร้ง!!!
ในสมรภูมิ เตาเสริมสวรรค์ถูกโจมตีจนสะท้าน
ร่างของซูอี้เองก็ปลิวกระเด็นสะบักสะบอม
หงจิ่วจ้งและสัตว์ประหลาดเฒ่าอีกสิบกว่าคนฉวยโอกาสกระหน่ำรุมโจมตีซ้ำ ๆ
ขณะเดียวกัน เจตจำนงเซียนบนฟากฟ้าก็โจมตีเข้ามาอีกหน
ภาพนี้ทำให้หัวใจหลายคนจุกค้างในคอ
ไม่ว่าผู้ใดก็เห็นได้ว่าสถานการณ์ของซูอี้ร้ายแรงอย่างยิ่ง!
ทว่าภาพอันเกินคาดคิดภาพหนึ่งก็ปรากฏขึ้น
“ตาย!”
จู่ ๆ ซูอี้ก็กล่าวขึ้นอย่างเฉยเมย
ตู้ม!
ภาวะดาบเวียนวัฏปรากฏขึ้น ลึกล้ำมืดมิด เทียบกับกาลก่อนแล้ว แรงกดดันของมันร้ายกาจเกินบรรยายยิ่งกว่า
นั่นคือปราณดาบเก้าคุมขัง!
ซูอี้ไม่ได้ใช้มันกระทั่งในยามรับมือหงเฟยกวนก่อนหน้านี้
ทว่ายามนี้ เขาจะมิซ่อนมันอีกต่อไป
และภายใต้ดาบนี้….
สัตว์ประหลาดเฒ่าตระกูลหงหลายตนหลบมิพ้น ถูกสังหารลงทันที!
วิญญาณของพวกเขาแหลกสลาย สมบัติทั้งหลายในมือถูกฉีกกระชากเป็นผุยผง!
และฉวยโอกาสนี้ ซูอี้ก็กระโจนออกจากวงล้อม หลบการโจมตีหมายชีวิตจากเจตจำนงเซียนไปได้
เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในพริบตา
ขณะที่ซูอี้ใช้หนึ่งดาบฝ่าวงล้อม เขามิเพียงสังหารสัตว์ประหลาดเฒ่าตระกูลหงไปสามตนเท่านั้น ยังเลี่ยงการโจมตีหมายสังหารจากเจตจำนงเซียนได้อีกด้วย!
เหล่าผู้ชมล้วนผงะตะลึง
เหตุตาลปัตรนี้ลบล้างความคิดฝันของทุกผู้ไปโดยสิ้นเชิง
“สมควรตาย!”
“รีบขวางเขาไว้เร็ว!”
“ฆ่า!”
หงจิ่วจ้งและคณะล้วนสีหน้าเปลี่ยน พวกเขาแต่ละคนระเบิดจิตสังหารด้วยโทสะไร้สิ้นสุด
กระทั่งสีหน้าของเจตจำนงเซียนยังมิสู้ดี
เป็นเพียงตัวตนเล็กจ้อยในขอบเขตไร้ขีดจำกัด แต่กลับสังหารคนฝั่งพวกเขาใต้จมูกไปสามหนติด เป็นความอับอายอย่างใหญ่หลวงเป็นแน่แท้!
ตู้ม!
เจตจำนงเซียนนี้ก็ลงมือด้วยโทสะสุดขีดเช่นกัน
ร่างของเขาเปี่ยมด้วยรัศมีเซียน สะเทือนทั่วแดนฟ้าหล้าพิภพได้เพียงหายใจ และเมื่อเขาโจมตี กระบี่ยาวเล่มหนึ่งก็ก่อขึ้นจากแสงเซียนดำทมิฬ
ดุจกระบี่ทัณฑ์สวรรค์ ฟาดฟันเข้าใส่ซูอี้อย่างเกรี้ยวกราด
ท้ายที่สุด การโจมตีนี้ก็ถูกเตาเสริมสวรรค์ขวางไว้ได้อยู่ดี
ทว่าอำนาจร้ายกาจนั้นทำให้เตาเสริมสวรรค์สั่นสะเทือน ซูอี้อดกระอักเลือดออกมาคำโตมิได้ ใบหน้าซีดลงเป็นเท่าทวี
“ตาย!”
หงจิ่วจ้งและสัตว์ประหลาดเฒ่าทั้งหลายลงมือโจมตีอีกครั้ง คิดว่าพวกตนจะฉวยโอกาสยามอ่อนแอนี้ฆ่าซูอี้เสีย
มุมปากของซูอี้ยกยิ้มอย่างเย็นชา
จากนั้น ดาบแห่งโลกาก็วูบไหวในอากาศธาตุ
ฉัวะ! ฉับ!
สัตว์ประหลาดเฒ่าตระกูลหงตายตกอีกสอง!
หนึ่งถูกแยกร่างเป็นสองซีก อีกหนึ่งถูกสะบั้นคอเด็ดศีรษะ
ความตายนั้นน่าเวทนา
ภาพนี้ทำให้หงจิ่วจ้งแทบเป็นบ้า
เหล่าผู้สังเกตจากไกล ๆ ก็ต่างตกใจสิ้นสติ คิดให้หัวแตกก็มิอาจคิดตก ซูอี้บาดเจ็บสถานการณ์ย่ำแย่อยู่แท้ ๆ ทว่าเขากลับสามารถพลิกวิกฤติมาสังหารศัตรูได้ทันที!
ช่างประหลาดแท้
“ระวังด้วย คนผู้นี้ถือครองปราณดาบประหลาดอันร้ายกาจในมือ! ทรงอำนาจถึงตายยามจนมุม!”
สีหน้าของเจตจำนงเซียนคล้ำเขียว กล่าวอย่างเย็นชา “ทว่าก็ใช้แรงกายมหาศาลจนแทบทนมิไหวแล้ว!”
ผู้คนพลันตระหนักว่า ‘ปราณดาบประหลาดอันร้ายกาจ’ ที่ว่านั้นต้องเป็นไพ่ตายอีกชิ้นในมือซูอี้แน่นอน!
ว่าพลาง เจตจำนงเซียนนั้นก็โจมตีซูอี้อีกหน
หงจิ่วจ้งและคนอื่นเพิ่มความระวังตน ไม่กล้าโจมตีมั่วซั่วอีกต่อไป ทว่าล้อมวงรุกคืบทีละก้าว!
ทั้งหมดนี้ทำให้สถานการณ์ของซูอี้ยิ่งอันตราย
“ไปด้วยกันเถอะ ฉวยโอกาสยามอ่อนแอ ฆ่าเขาซะ!”
ทายาทเซียนฝูตงหลีผู้มองสถานการณ์ศึกนอกสนามรบมิอาจยั้งใจ ตัดสินทันที
และเขาก็พาผู้เฒ่าตระกูลฝูทะยานเข้าร่วมศึกทันที
ภาพนี้ยังทำให้ขุมกำลังปรปักษ์ทั้งหลายยั้งมือไม่อยู่อีกต่อไป!