บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1402: ละเลงเลือด!
ตอนที่ 1402: ละเลงเลือด!
ร่างของซูอี้แหว่งวิ่นชุ่มเลือด ไร้อาวุธ ร่อแร่ใกล้สิ้นใจ!
รูปลักษณ์เช่นนั้น ในสายตาเหล่าผู้ทรงอำนาจจากขุมกำลังอักษะแล้วหาแตกต่างจากผลไม้ในเอื้อมมือไม่
“หลบให้พ้นทาง!”
“ฆ่า!”
ทุกผู้ล้วนบ้าคลั่ง ดวงตาแดงฉาน มิห่วงข้อตกลงใด ๆ พวกเขาอยากล่าซูอี้แล้วยึดพลังไว้ผู้เดียวทั้งสิ้น
วัฏสงสาร!
ขอเพียงได้ครอบครองอำนาจร้ายกาจเช่นนี้ มิเพียงพวกเขาจะทำลายคำสาปในร่างได้ แต่ยังถือเป็นไพ่ตายกำราบวิญญาณอาสัญทั่วโลกหล้าได้อีกด้วย
ถึงยามนั้น ผู้ใดในโลกหล้าจะกล้ามิเชื่อฟังคำสั่งพวกเขาอีกเล่า?
สิ่งที่ยั่วยวนใจที่สุดคือด้วยอำนาจวัฏสงสาร การเวียนวัฏเกิดใหม่นั้นเป็นไปได้!
นี่เป็นความเย้ายวนที่มิอาจปฏิเสธได้สำหรับพวกเขาที่จะได้ก้าวต่อในวิถีของตน
“เปิด!”
ขณะที่สถานการณ์วุ่นวายโกลาหล ฝูตงหลีตีระฆังทองใหญ่อันเต็มไปด้วยแสงเซียนบนอากาศ
หง่าง!!!
คลื่นเสียงสีทองแผ่ออก กระแทกร่างผู้คนใกล้เคียงถอยออกไป
ฝูตงหลีฉวยโอกาสนี้พุ่งเข้าโจมตีใส่ซูอี้ทันที
“ซูอี้ ท้ายที่สุดเจ้าก็คู่ควรตายด้วยมือข้า!”
ฝูตงหลีซ่อนความตื่นเต้นไว้ไม่มิด คู่เนตรเปี่ยมความโหยหาตื่นเต้น
เขาจะไม่ลืมยามที่ตนพ่ายแพ้ย่อยยับยามเผชิญหน้ากับซูอี้
ว่าพลาง มือของเขาก็ขยับ บาตรหยกเขียวใบหนึ่งปรากฏขึ้นในมือของเขา พิรุณแรงเจิดจรัสพร่างพรมออกมาจากปากบาตร
บาตรครอบจักรวาล!
มันมีขนาดเพียงฝ่ามือ แต่กลับกว้างใหญ่พอบรรจุโลกใบน้อยทั้งใบ!
นี่คือสมบัติเซียนอย่างแท้จริง และยามใช้ต่อสู้ก็ปราบศัตรูลงได้อย่างง่ายดาย
โชคร้ายที่บาตรครอบจักรวาลนี้มีรอยแยกชวนตะลึงอยู่ ซึ่งทำให้มันเสียหายหนัก จึงมิอาจเทียบกับระดับเตาเสริมสวรรค์ได้
ทว่าถึงเช่นนั้น อำนาจของสมบัตินี้ก็ยังน่าสะพรึงกลัว
“ย้าก!”
ฝูตงหลีตวาดลั่น
บาตรครอบจักรวาลเรืองพิรุณแสงปกคลุมร่างซูอี้
ยามนี้เอง…
คู่เนตรของซูอี้พลันแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาดุดัน รอยยิ้มหยันปรากฏบนริมฝีปาก อำนาจอันร้ายกาจที่ไม่อาจบรรยายปรากฏขึ้นบนร่างของเขาอย่างเงียบ ๆ
เปรี้ยง!
พิรุณแสงระเบิดออก
ดุจอสรพิษที่ถูกโจมตีจุดตาย บาตรครอบจักรวาลพลิ้วเข้าไปอยู่ในมือซูอี้ จากนั้นก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรง
หาใช่การดิ้นรนหนีไม่
แต่เป็นความกลัว!
มันกำลังสั่นสะท้าน!
รอยยิ้มตื่นเต้นแข็งค้างอยู่บนใบหน้าของฝูตงหลี ม่านตาของเขาหดตัวและร้องเสียงหลง “เจ้า…”
เปรี้ยง!!!
บาตรครอบจักรวาลแหลกคามือของซูอี้ แปรเปลี่ยนเป็นเศษซากปลิวหาย
“ชามผุ ๆ คิดจัดการข้าผู้นี้หรือ?”
สายตาของซูอี้เปี่ยมด้วยความเย้ยหยัน มิซุกซ่อนความดูแคลน
อั้ก!
ฝูตงหลีได้รับผลกระทบจนกระอักเลือดคำโต สีหน้าของเขาดูตกใจ
ตัวตนทรงอำนาจคนอื่นในบริเวณนั้นมิทันตั้งตัว เมื่อเห็นฝูตงหลีได้รับบาดเจ็บ พวกเขาก็ล้วนปรีดาโจมตีสุดกำลัง
“ตาย!”
“กำราบ!”
“ฆ่า!”
ดวงตาของเขาแดงฉานแทบบ้าคลั่ง
เมื่อเห็นเช่นนี้ ซูอี้ก็อดยิ้มเผยซี่ฟันขาวเรียงรายมิได้
ภายในคู่เนตรอันลึกล้ำเช่นกาลก่อนมีจิตสังหารร้ายกาจพลุ่งพล่าน กระทั่งบรรยากาศรอบร่างยังเปลี่ยนเป็นคนละคน
หยิ่งผยอง โอหัง อหังการ!
แทบจะในขณะเดียวกัน อำนาจน่าสะพรึงกลัวอันสะเทือนทั่วนภาก็ถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสของซูอี้
ตู้ม!!!
สุญญะใกล้เคียงแหลกสลาย หมื่นวิถีมอดมลาย
สมบัติของเหล่าศัตรูร้ายล้วนปลิวกระเด็น ครวญวจีสะเทือนเวหา และมีหลายชิ้นที่แหลกสลายไปทันที
ส่วนเหล่าตัวตนอันร้ายกาจนั้นต่างถูกสังหารทีละคนเยี่ยงพายุถล่ม ร่างกระเด็นกระดอนออกไป
ในพริบตานั้น เสียงกรีดร้องอุทานก็ดังระงมไม่หยุด
“นี่คือดาบของข้า”
ซูอี้ยกมือคว้า
ตู้ม!
ดาบแห่งโลกาซึ่งเดิมถูกฝูตงหลีกำราบไว้ในมือทะยานสู่อากาศ ร่วงลงในมือซูอี้
เขาดีดนิ้ว
ดาบเล่มนั้นคำรามเยี่ยงอสนีบาตจากเก้าชั้นสรวง สะเทือนฟ้าดินถ้วนทั่วแดน
“หาได้ยากจริง ๆ ที่จะตีดาบระดับนี้ได้”
ซูอี้พยักหน้า
เขากล่าวพลางสะบัดข้อมือฟาดดาบออกไปอย่างเรียบง่าย
ตู้ม!!
หนึ่งปราณดาบแหวกเวหา ยาวพันจั้ง และตัวตนในขอบเขตจุติมงคลเจ็ดแปดตนที่อยู่ไกลออกไปพลันแหลกละเอียดเยี่ยงกระดาษเปื่อย วิญญาณสลายล่องลอย
ฟ้าดินในแถบนั้นถูกแยกเป็นทางยาวประหนึ่งรอยแยกหลังจากแผ่นดินไหว
ดาบนี้บริสุทธิ์และทรงพลังอย่างยิ่ง แม้จะมิได้ใช้อำนาจวัฏสงสารก็มีอำนาจทำลายล้างสูงส่ง เผยอำนาจฆ่าฟันอย่างรุนแรง!
เหล่าผู้ชมล้วนตะลึงอึ้ง
“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร!?”
บางคนแผดเสียงร้องขึ้นมา
ก่อนหน้านี้ ในสายตาผู้คน ซูอี้นั้นบาดเจ็บสาหัสใกล้สิ้นใจ มิต่างจากลูกแกะรอถูกเชือด
ใครเล่าจะคิดว่าเพียงพริบตา ซูอี้ก็ดูราวเปลี่ยนเป็นคนละคน เพียงอำนาจในร่างก็สยบศัตรูร้ายได้เป็นโขยง!
“นี่…”
ม่อชิงโฉว ม่อหย่วนซานและคนอื่น ๆ เองก็ตกใจเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ พวกเขาเห็นว่าซูอี้กำลังจะตาย จึงกังวลจนหัวใจแล่นมาจุกที่ลำคอ ทว่าพวกเขามิคาดคิดเลยว่าซูอี้มิเพียงไม่ตาย และยังหยุดการล้อมโจมตีของศัตรูได้ในทันที!
“มิตายหรือ!?”
เหล่าผู้เฝ้ามองจากระยะไกลล้วนตะลึงจนกรามแทบร่วง
“มีบางอย่างไม่ถูกต้อง ไฉนอำนาจในร่างเขา… จึงแข็งแกร่งได้เพียงนั้น?”
บางผู้อ้าปากค้าง น้ำเสียงตะกุกตะกักเล็กน้อย
เหล่าผู้ชมล้วนแตกตื่น ตัวตนในขอบเขตจุติมงคลจากขุมกำลังใหญ่ทั้งหลายดูตะลึง ชั่วขณะนั้นไร้ผู้ใดกล้าพุ่งเข้ามา!
เพราะซูอี้ในขณะนี้แตกต่างออกไปจริง ๆ
อาภรณ์สีเขียวของเขาเปรอะโลหิต ร่างบาดเจ็บสาหัสดูร่อแร่ ทว่าในร่างเขากลับมีอำนาจสยบฟ้าค้ำแดนดิน
ปฐพีรอบข้างสะเทือนสั่นโอนเอนราวมิอาจทนรับแรงกดดันเช่นนี้ได้!
หากมองจากไกล ๆ พวกเขาจะไม่เห็นว่าเป็นหนึ่งผู้ฝึกตนไร้ความหวัง แต่เป็นราชันผู้ยิ่งใหญ่ไร้เทียบปรากฏตัวสู่หล้า!
เพียงบรรยากาศอย่างเดียวก็ทำให้ผู้คนสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่ปะทะหน้า ซึ่งชวนหนาวเยือกทั้งใจและกาย
“ระวังด้วย เกรงว่าเจ้านี่จะถูกอำนาจร้ายกาจบางอย่างสิงสู่!”
ทางฝั่งตระกูลหง เจตจำนงเซียนกล่าวเตือนอย่างจริงจัง
ทันทีที่วาจาถูกกล่าวออกมา เปลือกตาคนมากมายก็กระตุก หรือนี่จะเป็นไพ่ตายจริง ๆ ของซูอี้?
ซูอี้ใช้หนึ่งมือไพล่หลัง อีกมือถือดาบ คู่เนตรคมกริบเยี่ยงดาบอันอหังการกวาดมองไปถ้วนทั่ว ความหยิ่งผยองดูแคลนปรากฏบนใบหน้าอย่างไร้ปิดบัง
มีกระทั่งความผิดหวังมาก
“กระทั่งเซียนแท้… ก็ไม่มีเลยหรือ?”
ซูอี้ขมวดคิ้ว
ทุกผู้ “…”
บรรยากาศนี้สะเทือนหล้าแท้ ๆ!
ดูเหมือนว่าตรงหน้าเขา กระทั่งเซียนยังไม่มีสิทธิ์อยู่ในสายตา!
“ทำอวดดี!”
เจตจำนงเซียนจากตระกูลหงแค่นเสียงอย่างเย็นชา “ทุกคน รีบใช้สมบัติสูงสุดทำลายสัตว์ร้ายนี่เสีย!”
“ได้!”
ตัวตนจากขุมกำลังใหญ่ในขอบเขตจุติมงคลล้วนทรงพลังและชาญฉลาด มิกล้าหวงไพ่ตายไว้แม้แต่น้อย
“ขึ้นมา!”
ทางฝั่งหอเซียนดาบมายา เซี่ยเวิ่นหลิ่วโยนฝักดาบโบราณชิ้นหนึ่งขึ้นฟ้า
ฝักดาบร้องคำราม เงาร่างเซียนดาบผู้หนึ่งปรากฏขึ้น
นี่คือเจตจำนงเซียนผู้ทรงอำนาจจรดฟ้า!
“ขอรบกวนท่านบรรพชนลงมือด้วย!”
ประมุขโรงดาบเทพลี้ลับฮั่วชิงไห่นำหยกเซียนชิ้นหนึ่งขึ้นถือด้วยสองมือ สีหน้าท่าทางดูเคร่งขรึม
ครืน!
ทั่วฟ้าดินสั่นสะเทือน แล้วหยกเซียนชิ้นนั้นก็แหลกสลาย สะท้อนภาพหนึ่งบุคคลผู้มีกิริยาสง่างามสูงส่ง
เป็นเจตจำนงเซียนอีกแล้ว!
แทบจะในยามเดียวกัน ขุมกำลังใหญ่เช่นพรรคเซียนเร้นราตรี สุขาวดีจรทักษิณและตระกูลฝูล้วนปรากฏเจตจำนงเซียนขึ้นตาม ๆ กัน
เพียงพริบตา เมื่อรวมเจตจำนงเซียนจากตระกูลหง เจตจำนงเซียนก็ปรากฏขึ้นในสนามรบถึงสิบหกตน!!
ผู้มองศึกจากไกล ๆ ล้วนผงะไป
จะรับมือได้อย่างไร?
มิต้องสงสัยเลยว่าหนนี้ กลุ่มเต๋าโบราณทั้งหลายได้เตรียมตัวมาพร้อมสรรพเพื่อสังหารซูอี้ให้ได้ พวกเขามิเพียงส่งกลุ่มตัวตนในวิถีจุติมงคลมาเท่านั้น ทว่ายังถือไพ่ตายเยี่ยงเจตจำนงเซียนมากันด้วย!
“ไอ้แก่พวกนี้เหี้ยมโหดจริง!”
หัวใจของม่อชิงโฉวบีบรัดแน่น
เหล่าผู้ทรงอำนาจตระกูลม่อรอบกายนางก็ล้วนครั่นคร้าม
ใครเล่าจะคาดคิดว่าขุมกำลังใหญ่เหล่านี้จะเตรียมการเสียยิ่งใหญ่แค่เพื่อจัดการกับซูอี้!
ทว่าเมื่อเห็นภาพทั้งหมดนี้ ซูอี้กลับดูไม่พอใจอย่างยิ่ง เขาขมวดคิ้วถาม “แค่… เนี้ยน่ะหรือ?”
“มากพอจะฆ่าเจ้าก็แล้วกัน!”
เซียนตระกูลหงกล่าวอย่างเย็นชา
ตู้ม!
เขาร่วมมือกับเจตจำนงเซียนอีกสิบห้าตนสร้างคลื่นอำนาจทะลวงสวรรค์ดุจเทพเซียนออกศึก
โลกหล้าพลิกกลับด้าน ทศทิศป่วนปั่น
เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าขอบเขตจุติมงคลมิอาจทนรับแรงกดดันนี้ได้ จึงต้องถอยร่นไปให้ไกล หาไม่พวกเขาคงถูกลูกหลงเข้าจนได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วยเช่นกัน
นี่คือความน่ากลัวของเจตจำนงเซียน แม้จะมิใช่เซียนแท้จริง แต่ก็มีอำนาจเหนือชั้นกว่าผู้ฝึกตนในวิถีจุติสรวง!
ซูอี้เดือดดาล
หรือพูดให้ถูกก็คือ ชาติที่หกต่างหากที่เดือดดาล
ใครเล่าจะคิดว่าจะมาเจอแต่พวกไม่เข้าตา!
“สะบั้น!”
‘เงาเซียนดาบ’ จากหอเซียนดาบมายาลงมือเป็นคนแรก และด้วยฝ่ามือของเขา พิรุณดาบหนาหนักก็กระหน่ำโปรยดุจธารดาราเก้าสวรรค์คล้อย
“ก็แค่ตั๊กแตนตัวหนึ่ง!”
ชาติที่หกลงมือ
ตู้ม!
เขาไม่แม้แต่จะมอง ขณะก้าวเท้าสู่อากาศ และฟาดฟันหนึ่งดาบออกไป
หนึ่งปราณดาบปรากฏขึ้น มันดูเรียบง่ายและเฉยชา ทว่ากลับมีพลังสยบสรวงทะลวงโลกา
ตู้ม!!!
พิรุณดาบระเบิดแหลกกลางเวหา
เงาเซียนดาบนั้นลงมือเร็ว ทว่าตายเร็วยิ่งกว่า เขาถูกดาบของซูอี้แยกเป็นเสี่ยง ๆ และระเบิดหายไป
หัวใจของคนทุกผู้ราวถูกหัตถ์ใหญ่บีบคั้น ตื่นกลัวขวัญหนี
หนึ่งดาบสังหารเจตจำนงเซียน!?
และนั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้น!
ในสายตาทุกผู้ ซูอี้ ณ ขณะนี้ดูราวเทพดาบจุติสู่โลกหล้า สะเทือนสั่นทศทิศเพียงหายใจ
และเมื่อเขาโจมตี ทุกดาบที่ฟาดฟันก็ล้วนจบที่หนึ่งเจตจำนงเซียนแหลกสลาย
น่ากลัวยิ่งนัก!
ทุกดาบนั้นเรียบง่ายจนแทบไร้ฝีมือ ทว่ากลับดุดันร้ายกาจสุดขั้ว ละเลงเลือดฆ่าฟัน มิอาจถูกทำลาย!
ไม่ว่าเจตจำนงเซียนเหล่านั้นจะแข็งแกร่งเพียงใดหรือใช้เคล็ดวิชาใด พวกเขาก็ล้วนมิครณามือซูอี้ทั้งสิ้น
ดุจหนึ่งตั๊กแตนเขย่าพฤกษา แมลงเม่าบินเข้ากองไฟ!
ตู้ม!
ซูอี้ฟาดฟันปราณดาบเปี่ยมอำนาจหนแล้วหนเล่า ทุกคราที่มันทะยานผ่าน หนึ่งเจตจำนงเซียนก็สลายหายเยี่ยงดอกไม้ไฟ
เหล่าผู้เฝ้ามองจากไกล ๆ ตะลึงเสียจนหัวใจว่างเปล่า
ราวได้เห็นปาฏิหาริย์เหลือเชื่อ!
ไม่สิ
ควรเรียกว่าเป็นการละเลงเลือดฝ่ายเดียวมากกว่า!
ผู้ถูกละเลงเลือดก็คือเจตจำนงเซียนเหนือขอบเขตจุติมงคลทั้งหลาย!
เหตุการณ์ละเลงเลือดอันบริสุทธิ์เช่นนี้ชวนตะลึงโดยมิต้องสงสัย
เพียงอึดใจ เจตจำนงเซียนก็สิ้นสลายไปถึงเก้าตน!
………………..