บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1407: กระชับวงล้อม!
ตอนที่ 1407: กระชับวงล้อม!
ขุนเขาถล่มล่ม สุญญะสะเทือนสั่น
ซูอี้ยืนบนเวหา ปกป้องชิงถังไว้เบื้องหลัง
นัยน์ตาเย็นชาคมกริบเยี่ยงสายฟ้า จับจ้องศัตรูได้ทันที
เขาเป็นชายในชุดคลุมดำผู้หนึ่ง ปราณบนร่างแปลกประหลาด มีเค้าลางหายนะเกินเข้าใจพัวพันบนร่าง
ในมือชายชุดดำผู้นี้ถือคันธนูใหญ่ทำจากกระดูกสัตว์
เมื่อซูอี้มองมา ชายชุดดำได้เหนี่ยวคันยิงศรออกมาอีกดอกแล้ว
ตู้ม!
สนั่นลั่นเยี่ยงอัสนีบาตก้องนภา
ศรทองอันเปี่ยมรัศมีเซียนแผดเผาทะลวงเวหาทะยานเข้ามาอย่างรวดเร็วรุนแรง เผยอำนาจสะเทือนทั่วทศทิศ
ซูอี้หาผงะไม่ เขาพาชิงถังหลบศรนี้ ปล่อยแดนดินระเบิดแหลกเพลิงแสงปะทุคุโชน
“จับข้าให้แน่น”
ซูอี้แบกร่างชิงถังไว้บนหลัง ใช้ดาบแห่งโลกาไหวร่างเข้าโจมตีชายชุดดำไกลออกไป
ชายชุดดำดูเฉยเมย และสาดพิรุณศรเข้าใส่อย่างหนาแน่นในพริบตา เรื่อเรืองทอแสงสารพัน เผยอำนาจสะเทือนแดนดิน
ยามนี้ซูอี้หาหลบเลี่ยงไม่ เขาฟาดดาบลงอย่างรุนแรง
เปรี้ยง! เปรี้ยง!
เสียงระเบิดดังสนั่นระรัว และศรศักดิ์สิทธิ์สีทองซึ่งสามารถทะลวงวิญญาณอาสัญขอบเขตจุติมงคลได้โดยง่ายก็ล้วนพังทลายลงตาม ๆ กัน
ซูอี้ฆ่าฟันเยี่ยงหักไม้ไผ่ไปตลอดทาง ย่นระยะห่างเข้าหาชายชุดดำใกล้ขึ้นทุกขณะ
“ฆ่า!”
ทันใดนั้น ผืนปฐพีก็ปริแยก สองร่างพุ่งเข้ามาขวางซูอี้ไว้กลางทาง!
เป็นหนึ่งบุรุษหนึ่งสตรี
ร่างของบุรุษผู้นั้นสูงใหญ่เยี่ยงขุนเขา สวมชุดเกราะสีดำ ถือหอกศึกสีคราม
สตรีสวมชุดนักรบ สองมือถือง้าวเงินไว้ข้างละด้าม ร่างให้บรรยากาศดุดัน
ปราณบนร่างชายหญิงคู่นี้เหมือนเช่นชายชุดดำ ต่างผู้ต่างอลหม่านยากเข้าใจ เปี่ยมด้วยหายนะโกลาหล
ตู้ม!
ยามพวกเขาโจมตี ฟ้าดินแปรสีสัน อำนาจของพวกเขาทรงพลังเสียยิ่งกว่าวิญญาณอาสัญขอบเขตจุติมงคลในโลกหล้าเสียอีก!
ภาพนี้ทำให้หัวใจของชิงถังบีบตัว
ท่านอาจารย์บาดเจ็บสาหัสอยู่แล้ว กระทั่งการฝึกฝนก็แทบเหือดหาย นางหรือจะไม่ห่วงด้วยเหตุฉะนี้?
เคร้ง!!!
ซูอี้กวาดดาบขวางการโจมตีของคู่บุรุษสตรี ร่างของเขาอดซวนเซมิได้ ใบหน้าซีดขาว
โดยมิรีรอให้เขาตั้งหลัก ศรทองก็ระเบิดเปรี้ยงแหวกเวหา
การกะจังหวะนั้นแม่นยำพอดิบพอดี!
ท้ายที่สุด แม้ซูอี้จะหยุดศรนี้ได้ ไหล่ซ้ายของเขาก็ถูกทะลวง เลือดเนื้อสาดกระจาย กระดูกแหลกร้าว
เห็นได้ชัดว่าศัตรูไม่คิดให้โอกาสซูอี้ได้พักหายใจ คู่บุรุษสตรีลงมือโจมตีอีกหน
ต่างผู้ต่างดุร้ายมิยิ่งหย่อนไปกว่ากัน อำนาจแข็งแกร่งไร้ผู้เทียบ
การลอบสังหารนี้ตรงไปตรงมา ร้ายกาจไร้การพูดพร่ำทำเพลงใด ๆ มาแต่แรก!
นัยน์ตาของซูอี้ลึกล้ำไร้อารมณ์ จิตสังหารร้ายกาจเอ่อทะลัก
เขาหาถอยหลบไม่ ลงมือโจมตีอย่างสุดกำลัง
เปรี้ยง!
ฟ้าดินสะเทือนสั่น ตะวันจันทราดับรัศมี
ครู่ต่อมา ซูอี้ก็บิดข้อมือ คมดาบทะยานผ่านเผยเคล็ดวัฏสงสาร สังหารชายร่างสูงใหญ่ลงทันที
ฉับ! ฉัวะ!
ขณะเดียวกัน สตรีในชุดนักรบก็เหวี่ยงง้าวของนางสร้างรอยแผลชุ่มเลือดลึกถึงกระดูกสองรอยบนร่างของซูอี้ เกือบสะบั้นเขาเป็นสองท่อน
โลหิตหลั่งรินจากร่างของซูอี้ ชุ่มอาภรณ์ของเขาแดงฉาน
ทว่าซูอี้หายี่หระไม่ เขาก้าวเคลื่อนกายรวดเร็วดุจเคลื่อนย้ายพริบตา ฟาดฟันดาบลงสังหาร
สตรีในชุดนักรบเงื้อง้าวคู่ขวางดาบไว้ตรงหน้า
ทว่านางประเมินความน่ากลัวของดาบนี้ต่ำไปมาก
เคร้ง!! เปรี๊ยะ!!
ง้าวคู่แหลกสลายแปรเปลี่ยนเป็นอณูซาก
ภาวะดาบไร้ใดเทียบฟาดฟัน และร่างของสตรีชุดนักรบก็ถูกผ่าเป็นสองเสี่ยง ตายอนาถลงทันที
เพียงพริบตา สองศัตรูตายตก!
และซูอี้เองก็ต้องแลกมาด้วยเลือดเนื้อ บาดแผลของเขาร้ายแรงขึ้นทุกขณะ โลหิตหลั่งมิอาจหยุดยั้ง ชวนใจหายเป็นอย่างยิ่ง
เปรี้ยง!
หนึ่งศรศักดิ์สิทธิ์สีทองทะยานออก
หนนี้ ซูอี้มิได้เข้าปัดป้อง เขาหันหลังจากไป
ชายชุดดำถือธนูกระดูกสัตว์ไล่ตามไปโดยไร้ลังเล
ไม่นานนัก ร่างของพวกเขาก็หายลับไปไกล
“หรือคนผู้นี้จะทนมิไหวแล้วจริง ๆ กัน?”
ร่างผอมของหนึ่งบุคคลปรากฏขึ้นในสนามรบ
เขาสวมอาภรณ์ผ้า สวมหมวกกลมสีดำ ใบหน้าแก่ชรา
เขาคือช่างเสื้อ!
ดวงตาของเขามองไปยังทิศที่ซูอี้หนีไปแล้วย่นคิ้วเล็กน้อย
เขาต่อสู้กับทัศนาจารย์มาแสนนาน รู้กระจ่างถึงความประพฤติอุปนิสัยของทัศนาจารย์ แม้จะสิ้นหวังเพียงไร ขอเพียงมีความมั่นใจแม้เพียงเล็กน้อย ทัศนาจารย์จะไม่หลบหนี
ทว่ายามนี้ ทัศนาจารย์หนี!
ความจริงนี้ทำให้หัวใจของช่างเสื้อเอ่อล้นด้วยความรู้สึกเกินบรรยาย ราวได้พบเรื่องแปลกประหลาดหายาก
“ดูเหมือนข้าจะเดาถูก หลังศึกเขาพฤกษ์ระย้า เขาดูร้ายกาจทรงพลัง ทว่าแท้จริงเป็นศรสุดวิถีแล้ว”
ดวงตาของช่างเสื้อวูบไหว “และอำนาจร้ายกาจที่เคยสิงสู่เขาก็ย่อมสลายไปสิ้น หาไม่… ไฉนต้องหนี?”
“น่าเสียดายที่องครักษ์เร้นเทพรหัส 08 และ 09 ไม่อาจสังหารทัศนาจารย์ที่บาดเจ็บใกล้ตายลงได้…”
“ทว่าต่อให้ทัศนาจารย์เป็นศรสุดวิถี ก็ยังคงประมาทไม่ได้”
ขณะครุ่นคิด ร่างของช่างเสื้อก็เลือนหายไป
……
ภายใต้ท้องนภา
ซูอี้เคลื่อนกายบนอากาศอย่างสุดกำลัง
ชิงถังบนหลังเขาว้าวุ่นเป็นกังวล
เพราะนางกลัวว่าจะรบกวนหัวใจอาจารย์ตน นางจึงมีทีท่าอยากพูดบางอย่าง ทว่าก็มิอาจพูดออกมาได้หลายหน
“อย่าห่วงเลย”
ซูอี้พลันพูดขึ้น “ข้ารู้แล้วว่าคู่ต่อสู้คือใคร และไอ้แก่นั่นทำอันใดข้ามิได้หรอก”
ศึกก่อนหน้านี้ เขามองตัวตนอีกฝ่ายออกได้ตั้งแต่ปราดแรก
นั่นคือองครักษ์เร้นเทพของช่างเสื้อเฒ่า!
ตัวประหลาดพรรค์นี้เกิดขึ้นจากซากศพเซียนเป็นวัตถุดิบ และวิญญาณอาสัญขอบเขตจุติสรวงเป็นร่างวิญญาณ
แตกต่างจากหุ่นเชิดมาร ผีดิบหุ่นเชิด และหุ่นเชิดวิญญาณทั่วไป องครักษ์เร้นเทพทั้งหลายล้วนมีร่างวิญญาณเป็นวิญญาณอาสัญขอบเขตจุติสรวง แต่ละผู้เทียบอำนาจได้กับขอบเขตจุติมงคล และมีร่างวิถีอันแทบมิอาจสังหาร
ยิ่งกว่านั้น พวกเขายังมีความชาญฉลาดและเจนจัดศาสตร์ต่อสู้สารพัด
นอกจากไม่ใช่คนเป็น ก็ไม่มีส่วนอื่นแตกต่างไปจากผู้ฝึกตนขอบเขตจุติมงคลเลย แข็งแกร่งเหนือชั้นกว่าวิญญาณอาสัญขอบเขตจุติมงคลมากนัก
ทว่าอำนาจวัฏสงสารปราบตัวประหลาดเหล่านี้ได้
นับแต่กาลก่อนที่หอสี่สมุทร ซูอี้เคยได้สังหารองครักษ์เร้นเทพรหัส 07 มาก่อน และรู้รากฐานของสัตว์ประหลาดเหล่านี้ดี
ตู้ม!
ท้องนภาสั่นสะเทือน
หนึ่งศรทองทะลวงนภาจี้ตามมาติด ๆ
ชายชุดดำถือคันธนูกระดูกสัตว์กำลังประชิดเข้ามา!
ซูอี้พลิกตัวหันกลับ และขณะหลบศร เขาก็โจมตีชายชุดดำตรง ๆ
แม้ชายชุดดำจะไร้ชั่วกาลให้ขึ้นสายยิงธนู เขาก็มีปฏิกิริยาโต้ตอบรวดเร็วยิ่ง และยามร่างถอยหนี เขาก็ฟาดคันธนูกระดูกสัตว์ขนาดใหญ่ไปเบื้องหน้า
เปรี้ยง!!
ซูอี้ฟาดฟันดาบเข้าใส่ สายธนูบนคันศรกระดูกสัตว์ขนาดใหญ่สะบั้นขาด ตัวคันปริแยก ปราณดาบร้ายกาจพุ่งผ่านร่างของชายชุดดำจนซวนเซ
อึดใจต่อมา ร่างของซูอี้ก็เข้าประชิด หนึ่งดาบกวัดไหวแหวกเวหา
ตู้ม!
ปราณดาบอันทรงพลังพลันปรากฏ สังหารร่างของชายชุดดำระเบิดแหลกกลายเป็นสุญญะไปในพริบตา
เฉียบคมชัดเจน ทรงอำนาจยิ่งใหญ่
หลังทำเรื่องทั้งหมดนี้ ร่างของซูอี้ก็สั่นสะท้านรุนแรง ใบหน้าของเขาซีดเซียวลงอีก และหยาดโลหิตก็รินหลังจากมุมปากของเขาอีกหน
บาดแผลของเขาร้ายแรงขึ้นทุกขณะ กระทั่งพลังปราณยังใกล้แตกซ่าน
ทว่าซูอี้ดูจะมิได้สนใจอาการบาดเจ็บเหล่านี้ เขาหันหลังจากไปด้วยสีหน้าเรียบเฉยเช่นกาลก่อน
ไม่นานนัก ร่างของช่างเสื้อก็ปรากฏขึ้นจากอากาศธาตุ
“องครักษ์เร้นเทพรหัส 04 สิ้นแล้ว”
นัยน์ตาของช่างเสื้อเย็นชา รู้สึกรวดร้าวในกาย
“ทว่าดูเหมือนทัศนาจารย์ก็แทบทนไม่ไหวแล้วเช่นกัน…”
“ถึงกาลกระชับวงล้อมแล้ว!”
เมื่อคิดเช่นนี้ ช่างเสื้อก็ล้วงมือหยิบยันต์ลับชิ้นหนึ่งออกมาขยี้เบา ๆ
เป๊าะ!
ยันต์ลับแหลกร้าว เส้นแสงเกินเข้าใจสายหนึ่งทะยานสู่เวหา