บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1412: ฆ่าคน ไฉนต้องดูฤกษ์ยาม
ตอนที่ 1412: ฆ่าคน ไฉนต้องดูฤกษ์ยาม
สุนัขพื้นเมืองยกอุ้งเท้าขึ้น ปรากฏกล่องหยกขึ้นใบหนึ่ง
“เจ้านายข้าได้ยินว่าเจ้ากำลังจะเลื่อนวิถีจุติสรวง นางจึงขอให้ข้าส่งสมบัติมาช่วยเจ้าเลื่อนวิถีโดยเฉพาะ”
“รับไปสิ”
น้ำเสียงของสุนัขพื้นเมืองถือตัวทรงอำนาจอย่างยิ่ง
สายตาของม่อชิงโฉวแปรเปลี่ยน หัวใจป่วนปั่น ความสัมพันธ์ระหว่างเซียนหงอวิ๋นและซูอี้นั้นไม่ธรรมดา ปรากฏว่านางให้ใต้เท้าซิงเชวียมาส่งสมบัติด้วยตนเอง!
“คงจ้าว เจ้ารับไว้ก่อน”
ซูอี้เอ่ยสั่ง
หลวงจีนคงจ้าวก้าวเข้ามารับกล่องหยก
สุนัขพื้นเมืองเหลือบมองซูอี้อย่างไม่ชอบใจนัก ราวกับจะพูดว่าไอ้หนูนี่มากศักดานัก หยิบเองยังไม่ทำ กระทั่งขอบคุณสักคำก็ไม่มี!
แต่เมื่อนึกถึงอำนาจร้ายกาจซึ่งปรากฏบนร่างซูอี้ สุนัขพื้นเมืองก็มิคิดยิบย่อยกับเรื่องเล็กน้อยพวกนี้
“เจ้าอยากดื่มด้วยกันหรือไม่?”
ซูอี้ถาม
เขาจำได้ว่าสุนัขพื้นเมืองนี้ติดสุรายิ่งนัก
ทว่ากลับไม่คาดว่าสุนัขพื้นเมืองจะกล่าวปฏิเสธ “ข้าต้องกลับไปรายงานเจ้านายโดยไวที่สุด”
กล่าวจบ มันก็หันหลังจากไป
ซูอี้พลันกล่าวขึ้น “ช้าก่อน ข้ามีเรื่องอยากถามเจ้า”
สุนัขพื้นเมืองชะงักเท้าทันที “เกิดเรื่องอันใด?”
“สถานการณ์ ณ เขตหวงห้ามดาราหยกทุกวันนี้เป็นเช่นไรหรือ?”
ซูอี้ถาม
เขตหวงห้ามดาราหยก
หนึ่งในเขตหวงห้ามลือนามเจ็ดแห่งในส่วนลึกจักรวาลพร่างดาว
สถานการณ์ช่วงนี้ เขตหวงห้ามดาราหยกแปรเปลี่ยนอย่างมหันต์เช่นกัน เกิดอำนาจประหลาด ถมึงทึงร้ายกาจดุจหายนะปรากฏขึ้นมากมาย เข้าไปมีแต่วายวอด!
หลังจากหวนคืนสู่วัดสรรพสุญตา ซูอี้ก็ปรึกษากับดาบพุทธะสรรพสุญตาและเซียนดาบชิงซื่อมาเช่นกัน
แต่สองตัวตนสูงสุดแห่งขอบเขตจุติมงคลนี้เองก็มิทราบสถานการณ์ในเขตหวงห้ามดาราหยก
เรื่องนี้ทำให้ซูอี้ถูกกระตุ้นความใคร่รู้
เพราะช่างเสื้อเคยกล่าวไว้ว่าเมื่อหลายปีก่อน คนขายของเก่าติดอยู่ในส่วนลึกของเขตหวงห้ามดาราหยก กล่าวกันว่าเขาเข้าไปในวิหารอันปกคลุมด้วยหมอกแห่งหนึ่งแล้วมิได้กลับมาอีก
“เขตหวงห้ามดาราหยกหรือ? ข้าพอรู้อยู่บ้าง”
โดยไม่รีรอให้สุนัขพื้นเมืองเอ่ยวาจา ม่อชิงโฉวกล่าวขึ้นก่อน “ข้าได้ยินผู้เฒ่าในตระกูลพูดกันอยู่ว่าในยุคสิ้นกฎเกณฑ์ เขตหวงห้ามดาราหยกเป็นสนามรบหลักของ ‘ศึกประชันเซียน’!”
“กล่าวกันว่าขณะนั้น มี ‘ทางรอด’ หนึ่งอยู่ในเขตหวงห้ามดาราหยก ขอเพียงหาทางเข้าไปได้ ก็เพียงพอให้เหล่าเซียนรอดพ้นหายนะนั้นไปได้”
“ทว่าท้ายที่สุด… ดูเหมือนจะไม่มีผู้ใดพบทางรอดนั้นจริง ๆ ทำให้เซียนนับไม่ถ้วนต้องตายตกอย่างมิยินยอมในเขตหวงห้ามดาราหยก!”
สนามรบหลักของศึกประชันเซียน!
ทางรอดหลบหายนะ?
ซูอี้ประหลาดใจ “หมายความว่าในเขตหวงห้ามดาราหยกทุกวันนี้น่าจะมีวิญญาณอาสัญวิถีเซียนอยู่มากมายหรือ?”
ม่อชิงโฉวส่ายหน้า “เรื่องนี้มิกระจ่างชัด”
“ที่แห่งนั้นไร้วิญญาณอาสัญวิถีเซียน แต่มีผีร้ายที่อันตรายกว่าวิญญาณอาสัญอยู่ ยามนี้ไม่ใช่โอกาสดีในการไปที่นั่น ผู้ที่เข้าไปทั้งหมดจะต้องตายโดยมิละเว้น”
สุนัขพื้นเมืองกล่าวขึ้นด้วยแววตาลึกล้ำ “กระทั่งนายข้ายังเข้าพัวพันได้ไม่ง่าย”
ทุกผู้ล้วนประหลาดใจ
โดยเฉพาะม่อชิงโฉวซึ่งสูดหายใจเฮือกใหญ่
ทว่า กระทั่งเซียนหงอวิ๋นยังมิอยากเข้าไปที่นั่น จึงคาดเดาความอันตรายของเขตหวงห้ามดาราหยกได้เลย!
สุนัขพื้นเมืองถามอย่างงุนงง “เจ้าถามเช่นนี้เพื่ออันใดกัน?”
ซูอี้กล่าวอย่างสุขุม “สหายผู้หนึ่งของข้าเข้าไปที่นั่นเมื่อนานมาแล้ว และสงสัยว่าจะติดอยู่ในวิหารแห่งหนึ่งในนั้น”
หลวงจีนคงจ้าวอดถามมิได้ “ผู้ใดกัน?”
“คนขายของเก่า”
“ไม่สิ มิใช่ว่าเขาติดอยู่ในเหรียญหรือ?”
“ในนั้นมีอย่างอื่นอยู่”
ขณะที่ซูอี้สนทนากับหลวงจีนคงจ้าว สุนัขพื้นเมืองก็เข้าใจเจตนาของซูอี้แล้ว
มันกล่าวขึ้นทันที “ไม่ว่าสหายเจ้าจะยังอยู่หรือตาย ข้าก็แนะนำเจ้าอย่าไปเลย”
“อย่างน้อยก็ยามนี้!”
น้ำเสียงของมันหนักแน่นไร้กังขา
ซูอี้ถามอย่างฉงน “แล้วยามใดจึงไปได้?”
สุนัขพื้นเมืองกล่าวด้วยแววตาประหลาด “ไม่ใช่ว่านายข้าให้ป้ายสัญลักษณ์จักรดารากับเจ้าไว้หรือ? เมื่อถึงกาล เจ้ากับนายข้าไปด้วยกันได้”
ซูอี้ตะลึง พลันกล่าวขึ้นอย่างประหลาดใจ “ที่ที่นายเจ้าอยากไปสำรวจ…”
“ชู่!”
สุนัขพื้นเมืองรีบหยุดเขาไว้ “อย่าปากสว่างสิ!”
ซูอี้โบกมืออย่างเคือง ๆ “เอาล่ะ เจ้าไปได้แล้ว”
เขาเข้าใจแล้วว่าซากโบราณวิถีเซียนที่ปราชญ์หงอวิ๋นชวนเขาไปสำรวจนั้นอยู่ในเขตหวงห้ามดาราหยก!
สุนัขพื้นเมืองถ่มน้ำลายอย่างหยามเหยียด กล่าวปรามาสยกใหญ่ “ดูเจ้าสิ ยามต้องการให้ข้าผู้นี้ชี้แนะไขข้อข้องใจก็เอ่ยถามอย่างแสนถ่อมตัว แต่พอมิต้องการก็ถีบหัวเรือส่งเผาสะพาน ปลดสัมภาระแล้วฆ่าลา หน้าไม่อาย!”
ซูอี้ลุกขึ้น ขณะที่เขากำลังจะยีหัวสุนัขของมัน สุนัขพื้นเมืองก็หวาดผวาเผ่นหายไปอย่างลืมมาดทันที
ม่อชิงโฉวซึ่งเห็นเรื่องราวทั้งหมดมิอาจสงบใจได้อยู่เนิ่นนาน
ปรากฏว่าเซียนหงอวิ๋นชวนซูอี้ไปเขตหวงห้ามดาราหยกด้วยกันหรือ?
นี่เป็นข่าวใหญ่เป็นแน่แท้!
หลังงานเลี้ยงเลิกรา ม่อชิงโฉวและหลีจงก็กลับไป
ซูอี้พาชิงถังกลับเข้าห้อง
“ในภายหน้า หากเจ้าฝึกฝนที่เขาจันทร์กระจ่างได้ และข้าจะช่วยเจ้าหาเบาะแสการทำลายตระกูลเจียงของเจ้าเอง”
ซูอี้กระซิบเบา ๆ ในห้อง
ชิงถังแซ่เจียง และตระกูลเจียงนั้นแต่เดิมก็เป็นหนึ่งในตระกูลโบราณอารักษ์วิถี!
ทว่ายามชิงถังยังเล็ก ตระกูลเจียงกลับประสบอุบัติภัยพังทลายหายสาบสูญจากโลกหล้า
เหลือตระกูลโบราณอารักษ์วิถีในโลกหล้าเพียงหกตระกูล
กาลก่อน ทัศนาจารย์เองก็ค้นหาเบาะแสการล่มสลายของตระกูลเจียง ทว่าก็คว้าน้ำเหลว
“ท่านอาจารย์ ข้ารู้แล้วเจ้าค่ะว่าศัตรูตระกูลข้าคือผู้ใด”
ชิงถังกระซิบ
ซูอี้ประหลาดใจ “ผู้ใดกัน?”
ใบหน้าจิ้มลิ้มงดงามของชิงถังแปรเปลี่ยนเป็นเคียดแค้นอย่างมิอาจหลบซ่อน กล่าวเน้นชัดทีละคำ “ตระกูลโบราณอารักษ์วิถีตระกูลจง ตระกูลเหวิน ตระกูลซู! และ… ช่างเสื้อเฒ่า!”
คำตอบนี้ทำให้คิ้วของซูอี้ขมวดน้อย ๆ
สามตระกูลโบราณอารักษ์วิถีและช่างเสื้อร่วมมือกัน?
เป็นไปได้จริง ๆ!
“เจ้าพบได้เช่นไร?”
ซูอี้เอ่ยถาม
“ช่างเสื้อบอกข้าเองเจ้าค่ะ”
ชิงถังพลันกล่าวขึ้นด้วยสายตาซับซ้อน “หลังข้าถูกจับตัว ข้าก็คิดฆ่าตัวตาย แต่ช่างเสื้อบอกว่าขอเพียงข้ารับปากเขาเรื่องหนึ่ง เขาจะบอกความจริงเบื้องหลังการล่มสลายตระกูลข้าให้”
ซูอี้ครุ่นคิด “การที่เขาจะปล่อยเจ้าตายนั้นเป็นไปไม่ได้จริง ๆ หาไม่ ก็จะเท่ากับเสียไพ่ตายชิ้นหนึ่งในการข่มขู่ข้าไป”
“หรือเขาจะให้เจ้ารับปากเกี่ยวกับอันตรายแฝงในร่างเจ้า?”
อันตรายแฝงนั้นก็คือองครักษ์เร้นเทพนามรหัส ‘01’ ที่แฝงอยู่ในจิตวิญญาณของชิงถังเพื่อควบคุมนาง!
แน่นอนว่าอันตรายแฝงนี้ถูกซูอี้จัดการไปแล้ว
“ใช่เจ้าค่ะ”
ชิงถังพยักหน้า “และยามนั้นเองที่ข้าได้รู้ความลับการล่มสลายของตระกูลจากปากช่างเสื้อ”
จากวาจาของช่างเสื้อ ผู้ที่อยู่เบื้องหลัง คิดทำลายตระกูลเจียงจริง ๆ นั้นคือตระกูลโบราณอารักษ์วิถีตระกูลเหวิน!
เป็นตระกูลเหวินที่ร้อยเข็มนำด้าย ร่วมมือกับช่างเสื้อเฒ่าและตระกูลโบราณอารักษ์วิถีตระกูลจงกับตระกูลซูมาทำลายตระกูลเจียงในชั่วข้ามคืน!
เมื่อรู้เรื่องนี้ ซูอี้ก็อดขมวดคิ้วกล่าวมิได้ “เท่าที่ข้ารู้ ตระกูลเจียงของเจ้าและตระกูลเหวินไร้ความแค้นต่อกัน กระทั่งในอดีตกาล พวกเจ้าสองตระกูลยังเชื่อมโยงด้วยการแต่งงานมาหลายหน เป็นเช่นนี้ ไฉนตระกูลเหวินต้องคิดล้างบางพวกเจ้าแต่แรกด้วย?”
ล้างบาง!
นี่คือการล้างแค้นอันโหดเหี้ยมที่สุดโดยมิต้องสงสัย
หากไร้ความแค้นหนี้เลือดลึกล้ำ น้อยขุมกำลังนักจะทำเช่นนี้
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเดิมที ตระกูลเจียงก็เป็นหนึ่งในตระกูลโบราณอารักษ์วิถี มิง่ายเลยที่จะทำลายลงได้
ชิงถังถอนใจเบา ๆ “ช่างเสื้อบอกเพียงว่าเหตุผลนั้นเกี่ยวกับสมบัติที่ตระกูลเจียงของข้าได้รับ ทว่าข้าเก็บมาคิดก็มิอาจเข้าใจเจ้าค่ะ”
สายตาของซูอี้แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา รู้สึกช่างน่าขันสิ้นดี เพราะสมบัติชิ้นเดียวหรือจึงทำให้ตระกูลเจียงถูกทำลาย?
ตระกูลเหวินนี้คลั่งอำนาจเกินไปแล้ว!
“เช่นนั้นหรือ มิต้องสนใจเหตุผลหรอก ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง”
ซูอี้ตัดสินใจ
ยามทัศนาจารย์ค้นหาความจริงของการล่มสลายตระกูลเจียง เหตุผลที่เขามิอาจหาเบาะแสใดได้นั้นมีเหตุผลแสนง่าย
หนึ่ง เรื่องนี้เป็นแผนของช่างเสื้อ
สอง เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับตระกูลโบราณอารักษ์วิถีอีกสามแห่ง!
สาม เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้มีการวางแผนมาแสนนาน และตระกูลเจียงก็ล่มสลายสิ้นร่องรอยไปในชั่วข้ามคืน
ด้วยเหตุเช่นนี้ ทัศนาจารย์ย่อมคิดว่าตัวการทำลายสกุลเจียงย่อมมิใช่ตระกูลเหวินโบราณอารักษ์วิถี
นัยน์ตาของชิงถังร้อนผ่าว แดงก่ำขึ้นมาเล็กน้อย
นางเดียวดายในโลกา มีอาจารย์เป็นเพียงเครือญาติผู้เดียว และก่อนหน้านี้หลังถูกช่างเสื้อจับตัวได้ นางก็มีความคิดมากมายในหัว กระทั่งคิดฆ่าตัวตาย
แม้ยามที่นางรู้ความจริงเบื้องหลังการล่มสลายของตระกูล ในใจนางก็มีเพียงความสิ้นหวังไร้กำลัง
เพราะนางรู้ดีมากว่ามรดกและพลังของตระกูลโบราณอารักษ์วิถีตระกูลเหวิน ตระกูลจงและตระกูลซูร้ายกาจเพียงใด
กอปรกับมีผู้บงการหลังฉากอย่างช่างเสื้ออยู่ ใครเล่าจะมิสิ้นหวัง?
ทว่ายามนี้แตกต่างออกไปแล้ว
เพราะมีอาจารย์อยู่!
“ไป ข้าจะพาเจ้าไปคิดบัญชี”
ซูอี้ลุกขึ้น
“ยามนี้หรือเจ้าคะ?”
เห็นได้ชัดว่าชิงถังมิทันตั้งตัว
“ฆ่าคน ไฉนต้องดูฤกษ์ยาม?”
ซูอี้ลูบหัวชิงถัง กล่าวอย่างนุ่มนวล “อย่ากลัวไป อาจารย์ในวันนี้ไม่มีตระกูลโบราณอารักษ์วิถีเหล่านั้นในสายตาอีกต่อไปแล้ว”
วาจานั้นเรียบง่าย ทว่าดวงตากลับเปี่ยมความภาคภูมิ!
ยามทัศนาจารย์สมบูรณ์พร้อม อย่างมากเขาก็ทำได้เพียงถ่วงอำนาจกับตระกูลโบราณอารักษ์วิถีเหล่านั้น จะทำลายอีกฝ่ายเสียยังยาก
ทว่าเขาแตกต่างออกไป
นับแต่เวียนวัฏฝึกฝนใหม่ เขาได้ก้าวข้ามวิถีเต๋าของทัศนาจารย์เมื่อกาลก่อนไปแล้ว และในศึกเขาพฤกษ์ระย้า ต่อให้เขาไม่ยืมพลังจากชาติที่หก เขาก็ยังสามารถสังหารตัวตนสะท้านโลกาเช่นหงเฟยกวนได้!
ยามนี้ แค่กวาดล้างตระกูลโบราณอารักษ์วิถียิบย่อย ไร้ค่าให้ต้องสนใจ
……
คืนนั้น เรือสมบัติลำหนึ่งพาซูอี้และชิงถังจากเขาจันทร์กระจ่างละล่องสู่นภา
บนเรือสมบัติ
ซูอี้กำลังเรียบเรียงสินสงครามที่ม่อชิงโฉวส่งมา
สารพัดสมบัติขอบเขตจุติสรวงกองพะเนินดุจบรรพต วัตถุดิบศักดิ์สิทธิ์ โอสถ อาวุธวิเศษ คัมภีร์… มากมายก่ายกองไปหมด
ในหมู่พวกมันมีกระทั่งสมบัติเซียนแตกหักปะปนอยู่!
เช่นบาตรครอบจักรวาลที่ฝูตงหลีเคยใช้ก็รวมอยู่ด้วย
สินสงครามกองพะเนินนี้ล้วนมีมูลค่าเกินประมาณ เพียงพอให้ตัวตนใด ๆ ในโลกน้ำลายหกเอื้อมคว้าบ้าคลั่ง!
ข้างกายเขา เตาเสริมสวรรค์กำลังกู่คำราม หล่อหลอมทรัพยากรฝึกตนเหล่านี้อย่างสุขใจ
และซูอี้ก็เปิดกล่องหยกที่ปราชญ์หงอวิ๋นให้ซิงเชวียนำมาให้เขา
ทันทีที่กล่องหยกเปิดออก รัศมีเซียนจรัสจ้าเยี่ยงประกายดาราก็ฟุ้งออกเยี่ยงความฝัน สูงส่งงดงาม
เตาเสริมสวรรค์ซึ่งกำลังงานยุ่งดูจะสังเกตเห็นมัน มันสะท้านไหวอย่างรุนแรง ก่อนจะรีบร้อนกระเถิบเข้าหา
ดูตื่นเต้นใจร้อน!
………………..