บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1413: ผู้มาหาหยุดยั้งไม่
ตอนที่ 1413: ผู้มาหาหยุดยั้งไม่
ในกล่องหยกนั้นมีโสมสีขาวโพลนดุจหิมะอยู่ชิ้นหนึ่ง
มันมีขนาดเพียงหัวแม่มือ ทว่ากลับมีรัศมีเซียนสาดระยับเจิดจรัสเยี่ยงน้ำตก
สิ่งที่ยิ่งน่าอัศจรรย์คือแสงเซียนนั้นรัดพันกันเป็นผู้คนตัวน้อยสูงหนึ่งชุ่น บ้างส่ายหัวบริกรรม บางร่ายรำเฉิดฉาย บ้างแผลงอิทธิฤทธิ์ตีลังกา…
ดุจกลุ่มภูตพรายอันดูมีชีวิตชีวา
เมื่อเตาเสริมสวรรค์คืบเข้าใกล้ คนตัวน้อยเหล่านั้นดูตื่นตระหนกจนกลายเป็นแสงเซียนละลายหายเข้าไปในโสมขาว
จากนั้น กลิ่นโอสถชวนชื่นใจก็แผ่ออกมา
ซูอี้อดหัวใจสั่นสะท้านไม่ได้
นี่คือโอสถอันพบได้แต่มิอาจหาเป็นแน่แท้!
เป็นสมบัติเด่นนภาเลิศหล้าในวิถีเซียน!
เพียงดูจากความระริกระรี้ของเตาเสริมสวรรค์ก็ทราบได้แล้วว่าโสมชิ้นนี้ไม่มีทางธรรมดา
ขณะเดียวกัน แสงเซียนสีม่วงในเตาเสริมสวรรค์กระหวัดพันเป็นข้อความบรรทัดหนึ่ง
‘โสมเซียนนพคุณ โอสถวิญญาณวิถีเซียน สามารถสร้างรากฐานเซียน ขัดเกลาปัญญาเซียน เสริมสร้างจิตวิญญาณเซียนและหล่อหลอมร่างเซียนได้ โอสถนี้อุบัติขึ้นอย่างลึกลับแยบยล มิอาจเก็บเกี่ยวได้เว้นแต่ราชันย์เซียน’
‘ชิ้นเดียวเท่านี้ก็เพียงพอให้เซียนเหนือนภาน้ำลายหกได้แล้ว’
‘หากให้ข้าหลอมมันรวมกับโอสถทิพย์จุติสรวงอีกร้อยกว่าชนิด ข้าจะสามารถหลอม ‘เม็ดโอสถจิตสวรรค์นพคุณ’ ได้!’
…หลังอ่านจบ ซูอี้ก็รำพึง “ปราชญ์หงอวิ๋นช่างยิ่งใหญ่จริง ๆ”
นางมอบให้เขาได้กระทั่งสมบัติเด่นนภาเลิศหล้าที่มีเพียงราชันย์เซียนเท่านั้นที่เก็บเกี่ยวได้ มีหรือคนทั่วไปจะเทียบชั้นติด?
ท้ายที่สุด ซูอี้ก็ตัดสินใจส่งสินสงครามทั้งหมดรวมถึงโสมเซียนนพคุณชิ้นนี้ให้เตาเสริมสวรรค์นำไปหลอม
โอสถทิพย์ทำเม็ดโอสถได้
กระทั่งสมบัติเซียนเหล่านั้น เตาเสริมสวรรค์ยังหลอมไปตีอาวุธได้!
“ด้วยเหตุนี้ ยามข้าก้าวสู่วิถีจุติสรวง ข้าก็จะมีทรัพยากรฝึกฝนมากพอจะสร้างพื้นฐาน และตีดาบแห่งโลกาพัฒนาต่อได้…”
ซูอี้ใคร่ครวญในใจ
……
เกาะเทพหมื่นดารา
แดนบรรพชนของตระกูลโบราณอารักษ์วิถีตระกูลเหวิน
ดูเหมือนเกาะ ทว่าแท้จริงแล้วมันเป็นโลกเร้นลับโบราณแห่งหนึ่ง!
ตระกูลเหวินอาศัยอยู่บนเกาะนี้มาหลายชั่วอายุ
ในฐานะหนึ่งในขุมกำลังสูงสุดแห่งส่วนลึกจักรวาลพร่างดาว มรดกตระกูลเหวินนั้นโบราณยิ่ง มีทั้งความแข็งแกร่งและเกียรติภูมิสูงส่งพอจะผงาดได้ในโลกหล้า
ในหมู่ยอดฝีมือกลุ่มแรกที่ก้าวสู่วิถีจุติสรวง เพียงจากตระกูลเหวินก็ปาไปแล้วแปดคน!
นอกจากนั้น ตระกูลเหวินยังเป็นพันธมิตรกับขุมกำลังโบราณสำนักเต๋านครชาดอีกด้วย!
ครืน!
หนึ่งเรือสมบัติแหวกนภาปรากฏขึ้นบนอากาศ ไม่ห่างจากเกาะเทพหมื่นดารามากนัก
จากนั้น ซูอี้และชิงถังก็เดินออกมาจากเรือสมบัติ
เกาะเทพหมื่นดารามิได้ตั้งอยู่ในทะเล แต่ลอยอยู่ใต้ท้องนภา อาบสมุทรเมฆา รอบข้างเกาะเทพหมื่นดาราปกคลุมด้วยค่ายกลโบราณ
เมื่อเรือสมบัตินี้ปรากฏ มันก็ดึงความสนใจของเหล่ายอดฝีมือตระกูลเหวินได้ทันที
“หยุด! รีบขานชื่อมา!”
ร่างหนึ่งทะยานออกจากเกาะเทพหมื่นดาราและกล่าวด้วยเสียงกังวานก้อง
เห็นได้ชัดว่านี่คือผู้พิทักษ์พรมแดน เขาสวมอาภรณ์สีทอง การฝึกฝนดาษดื่นธรรมดา
ซูอี้เมินเขา โบกมือเก็บเรือสมบัติไป และกล่าวกับชิงถังว่า “ตามข้ามา และดูเฉย ๆ ก็พอ”
และซูอี้ก็เดินเข้าไปหาเกาะเทพหมื่นดาราทันที
เขาหาสนใจชายชุดทองแต่ต้นจนจบไม่
“กล้านัก!!”
ชายชุดทองเดือดดาล
นี่คือถิ่นตระกูลเหวินของพวกเขา ทว่ายามนี้กลับมีบางผู้คิดบุกรุกเข้ามา!
ทว่า ชายชุดทองมิได้ลงมือหยุดยั้ง
แดนดินนี้ในอาณาเขตหมื่นจั้งปกคลุมด้วยค่ายกลสังหารร้ายกาจ หนาแน่นถึงสามสิบหกชั้น เพียงพอถล่มราชันแห่งภูมิขอบเขตไร้ขีดจำกัดตายตกได้!
ยิ่งกว่านั้น ต่อให้ผู้มาจะเป็นตัวตนในวิถีจุติสรวง พวกเขาก็จะติดอยู่ในนั้น มิอาจออกมาได้ในชั่วขณะหนึ่ง!
จริงเช่นนั้น เมื่อซูอี้ก้าวผ่าน ค่ายกลรอบข้างเกาะเทพหมื่นดาราก็ร้องคำราม ส่งคลื่นทำลายล้างร้ายกาจออกมาทันที
ซูอี้หาชายตาแลไม่ เขาก้าวเดินตามอำเภอใจ
และยามเท้าก้าวลง
ตู้ม!
ฟ้าดินพลันสะเทือนไหว
อำนาจร้ายกาจทรงพลังแผ่ออกสลายค่ายกลลงทันที อักขระบนท้องฟ้าแตกสลายเยี่ยงฟองอากาศ
ชายชุดทองตกตะลึงราวกับถูกอสนีบาต แทบเชื่อสายตาตนไม่ลง
และเมื่อซูอี้ก้าวมาเบื้องหน้า ค่ายกลโบราณก็ถล่มลงตาม ๆ กัน ทั่วหล้าสนั่นหวั่นไหว
ท้องนภาร่วงถล่ม ค่ายกลพังทลาย
เขาเดินลอยชาย อาภรณ์กระเพื่อมพลิ้วดุจอยู่ในแดนไร้ผู้คน!
ชิงถังติดตามเบื้องหลังซูอี้ และเมื่อนางเห็นเช่นนี้ นัยน์ตาพร่างดาวก็อดตะลึงมิได้
แม้นางจะได้เห็นฝีมือของท่านอาจารย์มาก่อน ทว่ายามนี้ หัวใจของนางก็ยังตกตะลึง
ทรงพลังยิ่งนัก!
ค่ายกลโบราณเหล่านี้หาแตกต่างกับเครื่องประดับสถานที่ไม่!
จนเมื่อร่างของซูอี้ห่างจากเกาะเทพหมื่นดาราไปไม่ถึงพันจั้ง เสียงหนึ่งก็ดังลั่นขึ้น
“โอหัง!”
“ผู้ใดกันกล้าบุกรุกบ้านตระกูลเหวินของข้า?”
“ไปตรวจดูเร็ว!”
…พร้อมกันนั้น รุ้งทิพย์สายแล้วสายเล่าก็ทะยานออกมาจากในเกาะเทพหมื่นดารา ดูดุร้ายทรงพลัง
ผู้นำเป็นชายวัยกลางคนในอาภรณ์สีม่วงผู้หนึ่ง นัยน์ตาเปี่ยมอำนาจยิ่งใหญ่
เขาคือผู้นำตระกูลเหวิน เหวินป๋อหง!
เบื้องหลังเขามีตัวตนทรงพลังกลุ่มหนึ่งจากตระกูลเหวิน นับแล้วยี่สิบกว่าคน
นอกจากนั้นยังมีตัวตนอื่น ๆ เช่นผู้อาวุโสและผู้ดูแลที่ตามมาอย่างตกใจเช่นกัน
ทรงพลังเปี่ยมอำนาจ!
พวกเขาล้วนเดือดดาล ไม่อาจคาดคิดว่าจะมีผู้ใดกล้าบุกแดนเหย้าของพวกเขาในโลกหล้าทุกวันนี้
นี่ต่างอันใดกับรนหาที่ตาย?
ใครเล่าไม่รู้ว่าตระกูลเหวินของพวกเขาเป็นขุมกำลังสูงสุดในโลกหล้า?
ใครเล่ามิรู้ว่าตระกูลเหวินของพวกเขาร่วมมือกับสำนักเต๋านครชาดนานแล้ว?
ทว่าเมื่อเห็นร่างในชุดสีเขียวภายใต้ท้องนภา เสียงเดิมเซ็งแซ่พลันเงียบกริบ
บรรยากาศพลันเงียบดุจป่าช้า
ผู้ทรงอำนาจซึ่งนำโดยเหวินป๋อหงล้วนชะงักค้างกะทันหัน ดวงตาเบิกกว้างตาม ๆ กัน ใบหน้าเปี่ยมความไม่อยากเชื่อ
เงียบกริบ
บรรยากาศเหมือนติดลบเยี่ยงถูกแช่แข็ง ทำให้ผู้คนมิอาจหายใจคล่อง
“เจ้าตระกูล คนผู้นั้นขอรับที่อุกอาจบุกเข้าตระกูลเรา!”
ชายชุดทองตะโกน ดังลั่นเป็นพิเศษภายใต้ความเงียบดุจป่าช้านี้
เพียะ!
ผู้อาวุโสตระกูลเหวินผู้นี้ลงมือทันที เขาตบชายชุดทองจนร่างปลิวสลบไสลไปทันที
“พวกโง่งมดวงตาไร้แวว ไม่รู้จักกระทั่งใบหน้าอันทรงเกียรติของใต้เท้าทัศนาจารย์ สมควรตาย!”
ชายชราจากตระกูลเหวินกล่าวตำหนิด้วยสีหน้าเดือดดาล
ขณะเดียวกัน เจ้าตระกูลเหวินป๋อหงสูดหายใจลึก ๆ ก่อนจะประคองกำปั้นคารวะด้วยรอยยิ้ม “ใต้เท้าทัศนาจารย์มาเยือน ตระกูลเรามิได้ออกมาต้อนรับ ขอโปรดอย่าถือสา”
ผู้ทรงอำนาจคนอื่น ๆ ต่างก็คำนับเช่นกัน
ข่าวศึกที่เขาพฤกษ์ระย้าแพร่ไปทั่วจักรวาลพร่างดาวนานแล้ว
พวกเขาหรือจะล้าหลังมิรู้ความ?
ยามนี้ เมื่อพวกเขาเห็นซูอี้ปรากฏตัว แม้เหล่าผู้ทรงอำนาจตระกูลเหวินจะแสนเคลือบแคลง พวกเขาก็ยังต้องทิ้งความโอหังลดท่าทีลง
ไร้ผู้ใดกล้ากระทำการหมิ่นเกียรติ!
ซูอี้หันมองเหวินป๋อหงและกล่าวอย่างเฉยเมย “เราเข้าเรื่องกันดีกว่า ข้ามาที่นี่เพื่อล้างแค้นให้ตระกูลเจียง”
ทันทีที่วาจาถูกกล่าว พวกเหวินป๋อหงก็ขมวดคิ้ว
“ใต้เท้าทัศนาจารย์เข้าใจผิดแล้ว การล่มสลายของตระกูลเจียงหาเกี่ยวข้องกับเราตระกูลเหวินไม่”
ชายชราชุดขาวผู้หนึ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก
ซูอี้ถือไหสุราด้วยมือหนึ่ง ใช้อีกมือไพล่หลัง กล่าวขึ้นลอย ๆ “ข้าเพิ่งฆ่าช่างเสื้อไปเมื่อวานนี้ เจ้าแน่ใจหรือว่าจะมิยอมรับว่าทำลายตระกูลเจียง?”
ช่างเสื้อตายแล้ว!!
เหวินป๋อหงและคนอื่นล้วนเปลี่ยนสีหน้า มองหน้ากันไปมาอย่างตื่นตะลึง
“ใต้เท้าทัศนาจารย์ ไม่ว่าจะในอดีตหรือยามนี้ เราตระกูลเหวินมิเคยล่วงเกินท่าน เรางุนงงจริง ๆ ว่าไฉนท่านจึงมาหาเราถึงหน้าเรือนวันนี้โดยอ้างจะล้างแค้นให้ตระกูลเจียงที่ถูกทำลายไปนานแสนนานแล้ว”
ชายชราชุดขาวกล่าวขึ้นอีกครั้ง “ตาเฒ่าผู้น้อยผู้นี้ขอทำใจกล้าถามใต้เท้าหน่อยเถิด… ไฉนท่านจึงอยากทำเช่นนี้?”
ซูอี้ชี้ชิงถังข้างกายเขา “นางคือศิษย์ข้า มาจากตระกูลเจียง”
หนึ่งวาจา บรรยากาศรอบข้างพลันเงียบสงัด
เหวินป๋อหงและคนอื่นตระหนักแล้วชัดเจน สีหน้ายากอ่านออก
ชายชราชุดขาวกล่าวด้วยรอยยิ้มแห้ง ๆ “ใต้เท้าต้องเข้าใจผิดหรือถูกช่างเสื้อหลอกเอาเป็นแน่แท้ เพราะการล่มสลายตระกูลเจียงนั้นมิเกี่ยวข้องกับตระกูลข้าจริง ๆ เรื่องนี้ ตาเฒ่าไร้ค่าผู้นี้สาบานกับสวรรค์ได้เลย!”
ซูอี้กล่าวอย่างเฉยชา “ไม่ต้องสาบานต่อสวรรค์หรอก มาให้ข้าสืบวิญญาณเลยก็ได้”
หนึ่งวาจานั้นทำให้ชายชราชุดขาวดูผงะไป ฝืนยิ้มกล่าวว่า “ใต้เท้า เรื่องนี้ขำมิออกเลยจริง ๆ”
ซูอี้คร้านเกินกว่าจะต่อปากต่อคำ
มือของเขาคว้าไปบนอากาศ
เปรี้ยง!
ชายชราชุดขาวถูกคว้าคอมาอยู่เบื้องหน้าเขาเยี่ยงไก่บ้าน
“เจ้า…”
ชายชราชุดขาวเปลี่ยนสีหน้าอย่างตกตะลึง
“ใต้เท้าทัศนาจารย์! การกระทำเช่นนี้เป็นการแตกหักกับตระกูลเหวินของเราอย่างสมบูรณ์หรือไม่?”
เหวินป๋อหงเดือดดาล ใบหน้าคล้ำเขียว
“ก็แค่สืบวิญญาณ หากข้าพลาด ข้าจะชดใช้ให้ตระกูลเหวินของพวกเจ้า แต่หากข้ามิได้เข้าใจผิด…”
กล่าวถึงตรงนี้ นัยน์ตาลึกล้ำของซูอี้ก็ฉายเค้าจิตสังหาร “วันนี้ ตระกูลเหวินของเจ้าและเกาะเทพหมื่นดารานี้จะถูกฝังในโลกหล้าไปด้วยกัน”
วาจาเฉยเมยไร้อารมณ์นั้นเปรียบดั่งวายุเย็นเยียบพัดโชย ทำให้หัวใจของเหล่าผู้ทรงอำนาจตระกูลเหวินสั่นสะท้าน หนาวเยือกไปทั่วกาย
“จัดขบวน!”
ก่อนซูอี้จะทันได้สืบวิญญาณ เหวินป๋อหงก็คำรามลั่น
ยามนั้นเอง เหล่าผู้ทรงอำนาจรอบกายเหวินป๋อหงร่วมมือโจมตีโดยไร้ลังเล
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาลอบถ่ายทอดเสียงคุยกันอยู่แล้ว ความเข้าใจจึงตรงกันโดยมิต้องพูดจา
ตู้ม!
แสงศักดิ์สิทธิ์ปะทุขึ้นใกล้เคียงเกาะเทพหมื่นดารา แสงเซียนทะยานสู่นภา ค่ายกลสังหารร้ายกาจในวิถีจุติสรวงโคจรปกคลุมทั่วฟ้าดิน
เมื่อเห็นเช่นนี้ ซูอี้ก็เข้าใจแล้วว่าหัวใจของความพินาศตระกูลเจียงต้องเกี่ยวข้องกับตระกูลเหวินแน่นอน
หาไม่ ไฉนจึงไม่อยู่เฉยยามเห็นว่ากำลังจะถูกสืบวิญญาณกัน?
“ใต้เท้าทัศนาจารย์ โปรดหยุดลงที่นี่เถิด เราตระกูลเหวินมิอยากมีความแค้นกับตัวตนเช่นท่านเลย!”
เหวินป๋อหงกล่าวด้วยน้ำเสียงลึกล้ำ
ซูอี้ขยี้ร่างของชายชราชุดขาวแหลก ดึงจิตวิญญาณของเขาออกมาโดยหาสนใจเหวินป๋อหงไม่ อยากสืบวิญญาณเสียมากกว่า
เมื่อเห็นเช่นนี้ สีหน้าของเหวินป๋อหงก็มืดดำ นัยน์ตาระเบิดจิตสังหาร กล่าวโดยมิลังเลอีกต่อไป “ฆ่า!”
ตู้ม!
ค่ายกลกู่คำราม รุ้งทิพย์ทะยานชั้นฟ้าดุจหอกศึกไร้คู่เปรียบ ฟาดฟันสาดแสงเข้าหาซูอี้
ดวงตาของซูอี้เผยเค้าความรังเกียจ
คำตอบชัดเจนแล้ว!
ไม่จำเป็นต้องสืบวิญญาณกันอีก
ปลายนิ้วของเขาออกแรงกด แล้วจิตวิญญาณของชายชราชุดขาวก็หายไป
และด้วยหนึ่งโบกแขนเสื้อ
ตู้ม!
ปราณดาบอันเจิดจรัสยาวหมื่นจั้งทะยานเวหา ฟาดฟันลงอย่างกราดเกรี้ยว
ผืนนภาแดนนั้นดูราวกับถูกสะบั้นแยก
ยามปราณดาบทะยานลง ค่ายกลขอบเขตจุติสรวงอันถือเป็นไพ่ตายของตระกูลเหวินก็แหลกสลายเยี่ยงกระดาษเปื่อย
ท่ามกลางเพลิงแสงกระจัดกระจาย เหวินป๋อหงและตัวตนทรงอำนาจอื่น ๆ ล้วนถูกคลื่นอำนาจทำลายล้างซัดจนโซเซ
เกาะเทพหมื่นดาราสะเทือนไหวให้เห็นจากไกล ๆ
หนึ่งดาบทลายค่ายกล กวาดเป่าศัตรู!
………………..