บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1414: ภูผาถล่มล่ม ผู้คนแตกกระเจิง
ตอนที่ 1414: ภูผาถล่มล่ม ผู้คนแตกกระเจิง
ค่ายกลถูกทำลาย เกาะเทพหมื่นดาราสะเทือนสั่นรุนแรง ฟ้าดินป่วนปั่นรวนเร
เจ้าตระกูลเหวิน เหวินป๋อหงและตัวตนทรงอำนาจอื่น ๆ ล้วนตกตะลึง
พวกเขาเข้าใจแล้วว่าทัศนาจารย์ทุกวันนี้เป็นตัวตนร้ายกาจเพียงใด จึงมิคิดเข้าเผชิญหน้าแต่แรก
เดิมพวกเขาคิดว่าด้วยค่ายกลวิถีจุติสรวงที่พวกเขามี พวกเขาจะสามารถซื้อเวลาหนีได้สักพัก
แต่สัจธรรมนั้นโหดร้ายยิ่งโดยไร้กังขา
เพียงหนึ่งดาบ ค่ายกลที่พวกเขาถือเป็นไพ่ตายก็พังทลายลง!!
“ทัศนาจารย์! เจ้าจะเข่นฆ่ากันจริง ๆ หรือ?”
ชายชุดดำผู้หนึ่งคำราม
ซูอี้งอนิ้วเล็กน้อย
เปรี้ยง!
ร่างของชายชุดดำแหลกสลาย โลหิตสาดกระเซ็น
“หนี รีบหนีไปยังแดนบรรพชนเร็วเข้า!”
เหวินป๋อหงแผดเสียงร้อง
เหล่าคนในตระกูลที่ได้ยินล้วนลนลาน รีบร้อนเผ่นหนีโกลาหลไปหมด
เรื่องนี้ช่างดูน่าขัน
เพราะถึงอย่างไร ภายในจักรวาลพร่างดาว ตระกูลเหวินนั้นนับได้ว่าเป็นขุมกำลังสูงสุดแห่งหนึ่ง มีสำนักเต๋านครชาดหนุนหลัง แทบไม่มีผู้ใดกล้าล่วงเกิน!
ทว่ายามนี้ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับซูอี้ผู้มาเยือนถึงหน้าเหย้า การต่อต้านของตระกูลเหวินกล่าวได้เพียงหนึ่งคำ
ถล่มตั้งแต่นิ้วแตะ!
ดุจกองขยะ!
ทว่าผู้ที่เข้าใจความแข็งแกร่งของซูอี้รู้ดีที่สุดว่าเขาเพียงลำพังก็เพียงพอต่อการบดขยี้ขุมกำลังใด ๆ ในโลกหล้า
ไร้ข้อยกเว้น!
ฉัวะ!
ปราณดาบสายหนึ่งทะยานเวหา แปรเปลี่ยนเป็นพิรุณดาบเหนือฟากฟ้า กวาดทั่วทิศเหนือแดนดิน
ซูอี้ลงมือ ไม่คิดโอ้เอ้
การมาครั้งนี้ไม่ได้เพื่อเหยียบย่ำตระกูลเหวินเท่านั้น แต่ยังรวมถึงตระกูลจงและตระกูลซู!
เปรี้ยง!
แดนดินในละแวกเกาะเทพหมื่นดาราสะเทือนสั่น
ยอดฝีมือจากตระกูลเหวินตกตายตามกัน โลหิตแผ่เช่นหมึกย้อมนภาแดงฉาน
เสียงแผดร้อง สาปแช่งและร่ำไห้ดังระงม
ซูอี้ในวันนี้ ตัวตนในขอบเขตราชันแห่งภูมินั้นหาได้แตกต่างจากผักหญ้าไม่
ส่วนวิญญาณอาสัญขอบเขตจุติสรวงนั้น เว้นจะเป็นตัวตนท้าทายสวรรค์เช่นหงเฟยกวน หาไม่ พวกเขาก็หามีค่าในสายตาไม่
ด้วยเหตุนี้ การกวาดล้างขุมกำลังอย่างตระกูลโบราณอารักษ์วิถีจึงไม่ยากเย็นนัก
ตู้ม!
ปราณดาบคำรามทะยานว่อน
ฆ่าฟันสังหารละเลงเลือดอย่างไร้ปรานีเยี่ยงมีดในมือนักชำแหละเนื้อ ภาพการตายอันสะเทือนใจปรากฏขึ้นทุกแห่งหน
ซูอี้หาออมมือไม่
แม้เขาจะไม่ใช่ฆาตกรผู้สังหารมิละเว้น ยามล้างแค้นเขาก็มิปรานี
อย่าลืมว่าตระกูลเจียงถูกกวาดล้างสิ้น!
และซูอี้ก็แค่ช่วยชิงถังล้างแค้น ตาต่อตา ฟันต่อฟันเท่านั้น
“หยุดนะ!!”
หนึ่งเสียงตะโกนลั่น
ไกลออกไปบนเกาะเทพหมื่นดารา ตัวตนกลุ่มหนึ่งทะยานเข้ามา พวกเขาทั้งหลายล้วนแต่เป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าจากตระกูลเหวินโบราณในขอบเขตจิตทารก วิถีจุติสรวง
รวมแล้วมีทั้งสิ้นแปดคน
พวกเขาล้วนเดือดดาลเปี่ยมจิตสังหาร
ทว่า ยามพบกับซูอี้ที่อยู่ยืนอยู่ใต้ท้องนภา เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าก็สีหน้าเปลี่ยนวูบ หัวใจแต่ละคนร่วงวูบ ตระหนักถึงความผิดปกติแล้ว
“ใต้เท้าทัศนาจารย์!?”
บางผู้อุทานอย่างไม่อยากเชื่อ
สายตาของซูอี้เย็นชาไร้อารมณ์ คร้านเกินกว่าจะเอ่ยวจี ใช้มือเยี่ยงดาบฟาดฟันสังหารสัตว์ประหลาดเฒ่าขอบเขตจิตทารกกลางอากาศทันที
เฉียบคมง่ายดายดุจเชือดไก่ฆ่าสุนัข!
เหตุสะเทือนขวัญนี้ทำให้สัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่น ๆ หัวใจดิ่งวูบ ลนลานตาม ๆ กัน
“ทัศนาจารย์ เจ้าทำอันใดอยู่?”
“ทัศนาจารย์ เจ้าจะถูกล้างแค้นแน่นอน!!”
“เผ่นเร็ว!!!”
…เสียงคำรามสาปแช่งก้องกังวานทั่วโลกหล้า
ทว่าซูอี้หาสนใจไม่
เขาพาชิงถังเยื้องย่างบนเวหา ทุกทิศที่ผ่าน ปราณดาบโปรยปรายเยี่ยงน้ำตก กวาดสังหารเหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าขอบเขตจิตทารกตกตายทั่วทศทิศ
ดุจเทพยุรยาตร โลหิตเบ่งบานสองข้างทาง มีความตายเป็นสหายร่วมวิถี!
ชิงถังตามไปเบื้องหลังด้วยอารมณ์สับสน
ยามตระกูลสิ้นสลาย นางเป็นเพียงเด็กสามขวบผู้หนึ่ง ทุกสิ่งที่นางเห็นมีเพียงเปลวเพลิง ซากปรักหักพังและโลหิตนองพื้น
นางเที่ยวตามหา แต่ก็ไม่อาจพบเงาบุพการี ญาติพี่น้องคนใดอีก
ทุกที่ล้วนมีแต่ความวิบัตินองเลือด
มันเป็นภาพอันดำมืดสะเทือนขวัญ ประทับแนบแน่นดุจตราอันมิอาจลบเลือน แม้นางจะเติบโตขึ้นตามกาล แต่ทุกคราที่นางสะดุ้งตื่นกลางดึก เหงื่อกาฬก็จะโซมร่าง หวนระลึกภาพแห่งความตายละเลงเลือดนั้นขึ้นมา…
ยามนี้ เมื่อนางได้เห็นคนตระกูลเหวินเป็นฝ่ายนอนจมโลหิต และภาพเหตุโกลาหลละเลงเลือดนี้ หัวใจของชิงถังก็พลุ่งพล่านด้วยความรู้สึกอันมิอาจพรรณนา
ทั้งปลื้มปริ่ม ตื่นเต้น และรู้สึกราวถูกปลดปล่อยอย่างมิอาจบรรยาย
ตระกูลพินาศผู้คนล้มตาย โลหิตหลั่งเยี่ยงธารเป็นความแค้นลึกล้ำ เป็นเช่นศิลาใหญ่ถ่วงอยู่ภายในหัวใจของนางตลอดมา
ยามนี้ ศิลานั้นถูกผ่าแยก ทำให้นางมีโอกาสหายใจได้เสียที
“ท่านอาจารย์…”
ชิงถังเบนสายตามองร่างที่อยู่เบื้องหน้านาง
ตรงแหน็วเยี่ยงดาบ ดุจเสาหลักตรึงแดนดินค้ำสวรรค์ เยี่ยงขุนเขาอันยืนยงชั่วนิรันดร์แม้ฟ้าถล่มดินทลาย!
ชิงถังรู้สึกว่าการติดตามเบื้องหลังเขาทำให้นางรู้สึกผ่อนคลายยิ่งกว่าหนใด ราวกับ… นางหวนคืนสู่วัยเยาว์
ยามนั้นเมื่อตระกูลสิ้นสลาย นางในวัยสามขวบนอนอาบเลือดท่ามกลางซากพินาศ ถูกก้อนศิลาและเสาหินกระจัดกระจายทับร่างมิอาจขยับตน
นางในยามนั้นคิดว่าตายแน่
ทว่าเมื่อลืมตาขึ้น นางกลับพบร่างหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าซากหักพัง โน้มตัวลงมาอุ้มนางขึ้นในอ้อมแขนอย่างระมัดระวัง คู่เนตรลึกล้ำกระจ่างเรืองประกายสงสาร
ชายผู้นั้นบรรจงเช็ดคราบเลือดบนใบหน้านาง และกล่าวว่า “แม่หนูน้อย หลับให้สบายเถิด หากเจ้าไม่ตายก็นับเป็นโชควาสนา ในภายหน้า… ข้าจะเลี้ยงเจ้าให้เติบใหญ่เอง”
ชิงถังยังคงจำวาจานั้นได้จวบบัดนี้ ไม่ลืมแม้เพียงคำ
ตลอดกาลผ่านมา ไม่ว่านางจะระลึกถึงภาพนั้นขึ้นยามใด หัวใจของชิงถังก็จะถูกประโลมด้วยความอบอุ่นอันมิอาจพรรณนา
นั่นคืออาจารย์ของนาง
และผู้ช่วยชีวิตนาง
หนึ่งมือช่วยนางออกจากความมืดดำ และอีกมือค้ำจุนนางจนเติบใหญ่!
และยามนี้ ท่านอาจารย์ก็พานางมาล้างแค้น!
ยังคงปกป้องนางไว้เบื้องหลังเช่นกาลก่อน
หยาดน้ำตาใสดุจแก้วสองสายรินหลั่งจากคู่เนตรงามเป็นประกายของชิงถัง ดวงตาของนางแดงฉาน
ในโลกนี้ มีเพียงท่านอาจารย์ที่รักนางที่สุด
มีเพียงท่านอาจารย์ที่ใส่ใจนางที่สุด
ท่านอาจารย์นั้นเหมือนบิดา
ชิงถังไร้ญาติพี่น้อง ทว่าในใจนาง ท่านอาจารย์คือบิดา บุคคลที่นางใกล้ชิดที่สุดในชาตินี้
ไร้ผู้ใดแทนที่ได้
…
โลหิตแผ่รินทั่วฟ้าดิน ปั่นป่วนอลหม่าน
จนเมื่อซูอี้มาถึงเกาะเทพหมื่นดารา เจ้าตระกูลเหวิน เหวินป๋อหงและสมาชิกตระกูลที่เหลืออยู่ทั้งหมดล้วนซ่อนตัวอยู่ในเกาะเทพหมื่นดารา
พวกเขาอกสั่นขวัญแขวน
ทุกผู้รู้สึกสิ้นหวังแทบสิ้นสติ
ซูอี้ทรงพลังเกินไป ไม่ว่าจะต่อต้านขัดขืนเช่นไรก็มิต่างจากนำตั๊กแตนไปขวางเกวียนยามเผชิญหน้า
“ใครกล้ามาก่อเรื่องที่นี่กัน?”
ทันใดนั้น หนึ่งเสียงอันทรงอำนาจก็ตวาดลั่นท้องนภา
ตัวตนร้ายกาจกลุ่มหนึ่งทะยานมาจากไกล ๆ
ผู้นำเป็นชายชราชุดดำทรงพลังผู้หนึ่ง
เมื่อเห็นคนกลุ่มนี้ เหวินป๋อหงและคณะก็ราวกับได้พบผู้ช่วยชีวิต ต่างฝ่ายต่างร้องอย่างตื่นเต้น
“ผู้อาวุโส โปรดช่วยตระกูลของข้าด้วยเถิด!”
ผู้มาเยือนนั้นเป็นกลุ่มผู้ทรงอำนาจจากสำนักเต๋านครชาด
และยังเป็นผู้ค้ำจุนตระกูลเหวินด้วย!
ชายชราชุดดำซึ่งเป็นผู้นำคือผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักเต๋านครชาด เป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับสูงสุดในขอบเขตจุติมงคล
“อย่าห่วงไป มีข้าอยู่ ข้าย่อมมิละเว้นคนผิดง่าย ๆ!”
ชายชราชุดดำตวาด
พร้อมกันนั้น พวกเขาก็ทะยานนภาเข้ามา
“ข้ามาที่นี่เพื่อล้างแค้น เจ้ามีปัญหาหรือ?”
ซูอี้หันหน้าไปถามตาขวาง
ชายชราชุดดำผู้ทรงอำนาจและคณะล้วนผงะ พวกเขาชะงักฝีเท้าเยี่ยงปักษาตื่นธนู สภาพตะลึงอึ้ง
ซูอี้!!
ไฉนเป็นเจ้าคนร้ายกาจนี่ไปได้?
หยาดเหงื่อขนาดเมล็ดถั่วปรากฏขึ้นบนหน้าผากของชายชราชุดดำและคณะ พวกเขาซึ่งเดิมล้วนเปี่ยมจิตสังหารต่างร่างสั่น ความโอหังเมื่อครู่หายสิ้น!
“ข้ามีตาไร้แวว มิทราบเจตนาการมาของสหายเต๋าซู โปรดอย่าถือสากันเลย”
ชายชราชุดดำสูดหายใจเฮือก โค้งคำนับด้วยรอยยิ้มแข็งทื่อ
คนอื่น ๆ เองก็กล่าวขึ้นสนับสนุน
“พวกเจ้าจะเข้ามาพัวพันหรือไม่?”
ซูอี้ถาม
ชายชราชุดดำรีบส่ายหัว “มิบังอาจ!”
เสียงลั่นฟังชัด
นี่เรื่องตลกอันใด พวกเขาสำนักเต๋านครชาดหรือจะมาสร้างความแค้นกับตัวตนโหดเหี้ยมไร้ผู้เทียบอย่างซูอี้เพื่อตระกูลเหวิน?
ซูอี้แค่นเสียงหึ “งั้นพวกเจ้าก็ควรไปเสียมิใช่หรือ?”
ชายชราชุดดำโล่งใจที่ได้ยินเช่นนั้น เขาโบกมืออย่างรุนแรงและกล่าวว่า “ถอย!”
กล่าวจบ เขาก็พาทุกผู้ในคณะของเขาหันหลังจากไปทันที
มาเร็ว เผ่นเร็วกว่า!
สมาชิกตระกูลเหวินซึ่งเห็นเรื่องราวทั้งหมดบนเกาะเทพหมื่นดาราล้วนผงะตาม ๆ กัน
หนีไปแล้ว?
ไฉนไอ้แก่จากสำนักเต๋านครชาดเหลาะแหละกันเพียงนี้?!
เราเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกันมิใช่หรือ?
ไหนบอกว่ายินดีร่วมมือกับตระกูลเหวินครองโลกหล้า ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันไง?
“ยามฟ้าดินประสาทชะตา วีรชนหามีอิสรภาพไม่! สวรรค์ทอดทิ้งตระกูลเหวินของข้า สวรรค์ทอดทิ้งตระกูลเหวินของข้า!”
ชายชราผู้หนึ่งคร่ำครวญอย่างโศกเศร้า น้ำตาหยาดหยดลงบนอาภรณ์
สมาชิกตระกูลเหวินคนอื่น ๆ ล้วนไม่ต่างจากคนหมดอาลัยตายอยาก สีหน้าซีดขาวเยี่ยงกระดาษ
สายตาของซูอี้ฉายประกายเดียดฉันท์
ภูผาถล่มล่ม ผู้คนแตกกระเจิง!
ดังนั้น ผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงจึงเสาะหาอำนาจด้วยตนเอง รังเกียจเกินกว่าจะใช้อำนาจวัตถุภายนอกเข้าเสแสร้งอวดอานุภาพ!
เมื่อถึงยามนี้ สภาพตระกูลเหวินเมื่อกาลก่อนเป็นเช่นไร?
สำนักเต๋านครชาดแข็งแกร่งเพียงไหน?
แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าอำนาจอันสูงสุด ทุกอำนาจภายนอกล้วนมิอาจแตะต้องเข้าใจ!
ซูอี้หาแสดงความเมตตาไม่ ฝ่ามือพลิกสะบัด
ดาบแห่งโลกาปรากฏขึ้น
วจีดาบกังวานยาวเยี่ยงคลื่นวารี สะเทือนทั่วเก้าสวรรค์ทศทิศ
ราวสังหรณ์ไว้แล้วว่าสิ่งใดกำลังจะเกิดขึ้น ดวงตาของเหวินป๋อหงเหลือกถลน ขณะคำรามขบเขี้ยว “ทัศนาจารย์ เจ้าจะต้องถูกลงทัณฑ์แน่ เจ้าจะถูก…!”
ตู้ม!
ซูอี้ฟาดฟันดาบแห่งโลกาออกไป
ปราณดาบทะยานเยี่ยงธารดาราระเบิดเขื่อน ร่วงลงจากเหนือสรวง
เกาะเทพหมื่นดาราซึ่งลอยกลางอากาศระเบิดแหลกเป็นเสี่ยง
เหวินป๋อหงและคนตระกูลเหวินคนอื่น ๆ ล้วนจมในคลื่นปราณดาบไร้สิ้นสุด ถูกทำลายไปพร้อมกับเกาะเทพหมื่นดารา
จนกระทั่งเมื่อหมอกสลาย เพลิงแสงสิ้นประกาย
รอบด้านล้วนพังทลายมิเหลือซาก
เกาะเทพหมื่นดาราถูกทำลายสิ้น ลบหายไปจากโลกหล้า
ตระกูลเหวินโบราณซึ่งยืนหยัดค้ำโลกามาแต่อดีตจวบปัจจุบัน ถูกทำลายลงโดยซูอี้และดาบของเขาในวันนี้!
สายลมโหมกระโชก ปัดเป่าอาภรณ์เขียวของซูอี้พลิ้วกระพือ
ชิงถังที่อยู่เบื้องหลังเขายืนตะลึงราวไม่อาจเชื่อ
ในฟ้าดินถิ่นนี้ เหลือเพียงพวกเขาสองศิษย์อาจารย์
“ไป ไปบ้านตระกูลจงกัน”
ซูอี้ยกมือโยน ดาบแห่งโลกาแปรเปลี่ยนเป็นลำแสงทะยานเข้าไปในแขนเสื้อเขา
จากนั้นเขาก็พาชิงถังจากไปด้วยกัน
………………..