บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1415: ล้างบัญชีแค้น ทลายความยึดติด
ตอนที่ 1415: ล้างบัญชีแค้น ทลายความยึดติด
ณ ภูเขาศักดิ์สิทธิ์แหนขาว
ถิ่นของตระกูลจงโบราณอารักษ์วิถี
“ไม่อาจลังเลได้อีกต่อไปแล้ว พวกเราจะต้องรีบถอยหนีไปโดยเร็ว!”
ในห้องโถงใหญ่ประจำตระกูล จงเทียนโฮ่วเจ้าตระกูลจงตัดสินใจเด็ดขาด
เมื่อวานนี้ หลังจากทราบข่าวการต่อสู้บนเขาพฤกษ์ระย้าแล้ว จงเทียนโฮ่วก็นอนไม่หลับทั้งคืน ราวกับนอนบนพรมตะปู
สาเหตุไม่ใช่อื่นใด
ในการต่อสู้ ณ แท่นนภาม่วง ซูอี้เคยกล่าวไว้ว่า ในระยะเวลาครึ่งปี จะลบชื่อตระกูลจงของพวกเขาออกจากจักรวาลพร่างดาว
นอกจากนี้แล้ว ระหว่างการต่อสู้บนภูเขาจันทร์กระจ่าง ซูอี้เคยพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอยู่หลายครั้ง
เดิมที ทุกคนในตระกูลจงต่างก็เข้าใจว่าในการประลองบนเขาพฤกษ์ระย้าครั้งนี้ ซูอี้ยากจะรอดพ้นภัยพิบัติใหญ่ได้
และตระกูลจงของพวกเขาก็ไม่ต้องสนใจคำขู่เช่นนี้อีก
ทว่าใครกันจะคาดคิดว่า ซูอี้จะเอาชนะการต่อสู้บนเขาพฤกษ์ระย้าได้!
เมื่อรู้ว่ากลุ่มเต๋าโบราณสิบกว่าคนที่มีตระกูลหงเป็นแกนนำ ล้วนถูกซูอี้สังหารจนเลือดไหลนองเป็นแม่น้ำแล้ว จงเทียนโฮ่วก็นั่งไม่ติดอีก
ด้วยเหตุนี้ พอรุ่งเช้าวันนี้จึงเรียกเหล่าผู้อาวุโสในตระกูลมาร่วมประชุมพร้อมกันเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว
แล้วพวกเขาจึงตัดสินใจว่าจะละทิ้งที่อยู่เดิมและพาทุกคนในตระกูลหนีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้!
ทว่าการตัดสินใจเช่นนี้ เหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายในตระกูลจงกลับไม่เห็นด้วยอย่างแรง
“เจ้าตระกูล ออกจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์แหนขาวไปแล้ว ตระกูลของพวกเราะสามารถไปที่ใดได้อีก? หรือว่าต้องไปขออยู่กับหอเซียนดาบมายา?”
“กำลังของหอเซียนดาบมายาโดนทัศนาจารย์เอาชนะไปตั้งหลายครั้ง คงไม่อาจปกป้องตระกูลของพวกเราได้”
“เพียงแค่คำข่มขู่เท่านั้น ข้าว่าไม่ต้องถือเป็นจริงเป็นจังหรอก”
…คนทั้งหลายต่างก็แสดงความคิดเห็น พากันทัดทาน
ศัตรูยังไม่ทันบุกมาถึงบ้านก็เตรียมเก็บข้าวของหนีแล้ว ใครจะยอมกัน?
“ข้าได้ตัดสินใจแล้ว ภายในหนึ่งชั่วยาม พาคนทั้งหมดในตระกูลหนี!”
จงเทียนโฮ่วกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด “ถึงแม้บ้านจะแตก แต่ขอเพียงมีชีวิตอยู่ วันข้างหน้ายังสามารถกลับมายิ่งใหญ่ได้ หากว่าไม่มีชีวิตแล้ว… ทุกอย่างก็จบสิ้น!”
เขารู้นิสัยของทัศนาจารย์เป็นอย่างดี พูดแล้วไม่คืนคำ ไม่เคยผิดคำพูด!
เป็นเพราะเหตุนี้ เขาจึงมั่นใจได้ว่าหากยังคงคิดเข้าข้างตัวเองอีก สิ่งที่จะมาสู่ตระกูลจงก็จะมีแต่อันตรายแห่งภัยพิบัติ!
ทุกคนเห็นเช่นนี้แล้วต่างก็พากันนิ่งเงียบ
“ทุกท่านจงวางใจ การต่อสู้บนเขาพฤกษ์ระย้าได้สร้างความแค้นอันยิ่งใหญ่ระหว่างทัศนาจารย์กับกลุ่มเต๋าโบราณทั้งหลาย เมื่อวิญญาณอาสัญวิถีเซียนปรากฏตัวขึ้นบนโลก ทัศนาจารย์จะต้องได้รับภัยพิบัติครั้งใหญ่อย่างแน่นอน!”
สายตาของจงเทียนโฮ่วลุกเป็นประกาย กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ถึงเวลานั้น ทัศนาจารย์ยังจะเอาอะไรมาหาเรื่องเดือดร้อนต่อตระกูลจงของพวกเราได้อีก?”
“รีบไปเตรียมตัวได้แล้ว” จงเทียนโฮ่วโบกมือ
ในเวลานี้เอง…
ครืน!!
เกิดเสียงดังสนั่นจากด้านนอก
ภูเขาศักดิ์สิทธิ์แหนขาวทั้งลูกสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
“เกิดเรื่องอันใดขึ้น?”
จงเทียนโฮ่วกับคนอื่น ๆ ต่างคนต่างหน้าถอดสี รีบออกจากห้องโถงใหญ่ทันที
…
ครืน!
ปราณดาบพุ่งไปทั่ว พังทลายค่ายกลมากมายที่ครอบคลุมไปทั่วภูเขาศักดิ์สิทธิ์แหนขาวจนยับเยิน
เพลิงแสงเปล่งประกายสว่างวาบไปทั่ว
ชั่วขณะนั้น ทุกคนในตระกูลจงต่างตื่นตระหนกตกใจ
“หรือว่ามีคนบุกเข้ามายังตระกูลจงของพวกเราแล้วเช่นนั้นหรือ?”
“ใครกันบังอาจนัก?”
“เร็ว! รีบออกไปดูกัน!”
…เสียงโหวกเหวกอึกทึกครึมโครมดังไปทั่วทุกซอกทุกมุมของจวนตระกูลจง
ครืน!
ปราณดาบเต็มนภาร่วงลงมาราวกับแสงดาวตกสว่างวาบ ทำลายพลังค่ายกลทั้งหมดรอบด้านภูเขาศักดิ์สิทธิ์แหนขาว
ไม่รู้ว่ามีคนมากมายเท่าใดที่รู้สึกหวาดกลัว สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
และในเวลานี้เช่นกัน ทุก ๆ สายตาก็มองเห็นร่างของคนสองคนเดินเรียงกันมาจากใต้ท้องฟ้าทางนั้น
คนที่เดินนำหน้าสวมชุดสีเขียว ร่างสูงโปร่ง งดงามประดุจเทพเซียนลงมาจากสวรรค์
คนที่เดินตามหลังมีใบหน้าสวยดุจภาพวาด ท่วงท่าสง่างาม
พวกเขาคือซูอี้กับชิงถัง
เพียงแต่ว่าทุก ๆ สายตาล้วนมองไปที่ซูอี้อย่างพร้อมเพรียงกัน
ทัศนาจารย์!!!
ชั่วขณะนั้น ผู้ใหญ่ทั้งหลายในตระกูลจงอย่างจงเทียนโฮ่วสั่นสะท้านไปทั้งตัวและหัวใจราวกับถูกสายฟ้าฟาด
จบกัน!
พวกเขาเพิ่งตัดสินใจได้ว่าจะพาคนในตระกูลรีบหนีไปก่อน ทัศนาจารย์กลับบุกมาหาถึงที่เสียแล้ว
ภายใต้ท้องฟ้า ซูอี้ยืนอยู่กลางอากาศ ลดสายตามองดูทุก ๆ คนในตระกูลจงพลางกล่าว “ข้ามาที่นี่ ประการที่หนึ่ง เพื่อแก้แค้นแทนตระกูลเจียง ประการที่สองเพื่อทำตามคำพูดที่เคยกล่าวไว้ ทุกท่านฟังกันชัดเจนแล้วใช่หรือไม่?”
คำกล่าวนี้ทำให้พวกของจงเทียนโฮ่วถึงกับสีหน้าเปลี่ยนอีกครั้ง
ยังจะแก้แค้นแทนตระกูลเจียงอีกเช่นนั้นหรือ?
หรือว่า…
คิดถึงตรงนี้แล้วจงเทียนโฮ่วทนไม่ไหวกล่าวขึ้นมา “ใต้เท้าทัศนาจารย์เข้าใจผิดไปแล้วกระมัง ตามที่ข้ารู้มา ตัวการใหญ่ที่ทำให้ตระกูลเจียงล่มจมคือตระกูลเหวิน…”
ซูอี้กล่าวน้ำเสียงราบเรียบ “ก่อนที่ข้าจะมาได้ทำลายตระกูลเหวินไปแล้ว”
ทุกคนต่างก็หน้าถอดสี
ตระกูลเหวินดับไปแล้วเช่นนั้นหรือ!?
ความรู้สึกหนาวสะท้านอย่างบอกไม่ถูกแผ่ซ่านไปถึงหัวใจของสมาชิกในตระกูลจง
“ใต้เท้าทัศนาจารย์ หากว่าตระกูลข้ายอมก้มหัวให้ในตอนนี้ สามารถ… ไว้ชีวิตคนในตระกูลข้าได้หรือไม่?”
เสียงของจงเทียนโฮ่วแหบแห้ง
ซูอี้หัวเราะ ไม่ต้องตอบคำถามอีก
ครืน!
แขนเสื้อของเขาโบกสะบัด วิถีดาบพุ่งฉวัดเฉวียนราวกับฝนสาด ราวกับคลื่นเดือดในมหาสมุทรที่ซัดกระหน่ำลงมาจากฟากฟ้า
“สู้!”
“สู้ตายกับเขา!”
“เร็วเข้า พวกเจ้าพาคนในตระกูลหนีไป…!!”
…เสียงร้องตวาด ตะโกนดังไปทั่ว
ใครจะนั่งรอความตายกัน?
จงเทียนโฮ่วกับผู้ใหญ่คนอื่น ๆ ต่างลงมือราวกับคนเสียสติ
ทว่าท่ามกลางปราณดาบที่ดาษดื่นมองไม่เห็นขอบเขต การต่อต้านเช่นนี้กลับแลดูไร้ซึ่งเรี่ยวแรงกำลังเสียเหลือเกิน
ปราณดาบฟาดฟันรุนแรงราวกับเคียวที่ไร้ตากำลังเก็บเกี่ยวดวงวิญญาณ
เลือดสาดกระเซ็น
เสียงร้องโอดครวญดังทะลุฟ้า
ภูเขาศักดิ์สิทธิ์แหนขาวถล่มทลายอย่างแรง
เพียงแค่ชั่วครู่เดียวเท่านั้น
ครืน…!
ท่ามกลางเสียงดังสนั่นหวั่นไหวเสียงหนึ่ง ภูเขาศักดิ์สิทธิ์แหนขาวโดนปราณดาบพังทลายจนเป็นผุยผง
ส่วนคนในตระกูลจงตายไม่เหลือ!
นับแต่นี้ตระกูลจง อีกหนึ่งตระกูลโบราณอารักษ์วิถีก็ถูกทำลายสิ้น!
“รังแกตัวตนอย่างพวกเจ้าเช่นนี้ ถึงแม้จะน่าเบื่อไปสักหน่อย แต่ก็ต้องทำ”
“อันดับถัดไป ก็ถึงคราวตระกูลซูแล้ว”
น้ำเสียงราบเรียบยังคงดังกึกก้อง ทว่าซูอี้กับชิงถังได้จากไปแล้ว
…
ณ ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ปีกกระยาหงัน
ซูอี้พาชิงถังบุกเข้าไป
ซูอี้ไม่พูดพล่าม ชักดาบถล่ม บุกเข้าไปฆ่าทุกคนในตระกูลซูเหมือนกับที่ฆ่าตระกูลเหวินกับตระกูลจงที่เป็นตระกูลโบราณอารักษ์วิถีทั้งสองตระกูล
เพียงแค่ชั่วครู่เดียว ทุกคนในตระกูลซูก็ได้รับบาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน เลือดไหลนองเป็นแม่น้ำ
ทว่าครั้งนี้ซูอี้เจอเรื่องเดือดร้อนเข้าแล้ว!
ในช่วงเวลาสำคัญ ผู้เฒ่าทั้งหลายในตระกูลซูเปิดใช้แท่นบวงสรวงโบราณ ใช้เคล็ดวิชาต้องห้ามบวงสรวงบรรพชน เรียกเงาเลือนรางน่ากลัวตนหนึ่งออกมา
เงาเลือนรางนั้นมีผมสีแดงราวกับไฟที่กำลังแผดเผา ดวงตาคมกริบประดุจคมมีด
นี่คือร่างวิญญาณร่างหนึ่งที่ ‘บรรพชนบุกเบิก’ ของตระกูลซูเก็บเอาไว้
ถูกขนานนามว่า ‘วิญญาณบรรพชน’!
ส่วนบรรพชนบุกเบิกของตระกูลซูว่ากันว่าเป็นเซียนในแดนมนุษย์ที่แท้จริง!
เมื่อวิญญาณบรรพชนลงมือ
ครืน!
แสงไฟดวงแล้วดวงเล่าลุกพรึบ นั่นคือการจู่โจมที่น่ากลัวยิ่งกว่าการจู่โจมของเซียนดาบ พุ่งทะลุท้องฟ้ามาอย่างพร้อมเพรียงกัน
แสงไฟมากมายนับหมื่นส่องสว่างไปทั่วทุกพื้นผิวแผ่นดินเพื่อสังหารซูอี้
สร้างปัญหายุ่งยากให้กับซูอี้ยิ่งนัก
ปราณบรรพชนแห่งตระกูลซูแข็งแกร่งยิ่งกว่าตัวตนขอบเขตจุติมงคล สามารถเปรียบได้กับเจตจำนงเซียนทีเดียว!
ทว่าซูอี้ไม่คิดจะเสียเวลากับฝ่ายตรงข้ามต่อไปอีก พอได้ลงมือก็ซัดกำลังอย่างเต็มที่
มือหนึ่งของเขาประคองเตาเสริมสวรรค์ อีกมือหนึ่งชักนำพลังจากดาบเก้าคุมขัง จากนั้นฟาดฟันโจมตีราวกับเทพผู้ไร้เทียมทานเยือนโลกมนุษย์ พอมาถึงก็บดขยี้ไม่เลือก!
เกิดเสียงดังครืนขึ้นมาทีหนึ่ง พลังดาบไร้ขอบเขตก็ฟาดฟันลงมา มันสร้างความสั่นสะเทือนอย่างแรงจนร่างของวิญญาณบรรพชนต้องถอยออกไป
การจู่โจมที่รุนแรงเช่นนั้นทำให้ทุกคนถึงกับสั่นสะท้านใจ
วิญญาณบรรพชนแห่งตระกูลซูร้องคำรามด้วยความโกรธ มันระเบิดร่างจนมีขนาดสูงใหญ่มหึมาราวกับยักษ์ เพลิงเทวะในตัวส่องแสงสว่างเจิดจ้าล้อมรอบตัว
ชั่วครู่เดียว รอบนอกร่างกายที่ยิ่งใหญ่มหึมา เพลิงเทวะกลายเป็นแสงดาวนับไม่ถ้วนส่องประกายเป็นทางช้างเผือก ตะวันจันทราเปล่งแสงบนท้องฟ้า วิญญาณบรรพชนแห่งตระกูลซูราวกับผู้ชี้ชะตาผู้ควบคุมหมู่ดารา!
เขาคีบหมู่ดารากลุ่มหนึ่ง แล้วซัดลงมาราวกับดาวตกเต็มท้องฟ้า
แต่เสียดาย ในการต่อสู้แบบตัวต่อตัว เจตจำนงเซียนก็ยังไม่อาจทำอะไรซูอี้ได้ นับประสาอะไรกับร่างวิญญาณที่ใช้เคล็ดวิชาเรียก?
ซูอี้พุ่งเข้ามา เตาเสริมสวรรค์ส่องแสงสว่างเจิดจ้า ปล่อยแสงสีม่วงอันยิ่งใหญ่ของเซียนออกมา ภายใต้การกดทับต่อสู้ ดาวตกเต็มท้องฟ้าแตกสลาย หมู่ดาราแห่งหนึ่งแตกระเบิด
ส่วนร่างใหญ่โตมหึมาสูงเสียดฟ้าของวิญญาณบรรพชนแห่งตระกูลซูกลับถูกกดทับจนระเบิดเป็นท่อน ๆ แสงวิญญาณประกายศักดิ์สิทธิ์มากมายสาดกระเซ็นราวกับเลือดที่กำลังไหลนอง!
ถัดจากนั้น ซูอี้กวัดแกว่งดาบแห่งโลกา สำแดงพลังวัฏสงสาร แทงดาบเข้าสู่ร่างของวิญญาณบรรพชน!
บรรพชนบุกเบิกของตระกูลซูดับสิ้นไปนานตั้งแต่ก่อนยุคบรรพกาลแล้ว
ร่างวิญญาณที่เขาทิ้งไว้ร่างนี้ก็เป็นเพียงแค่อดีตที่ผ่านไปแล้ว อย่างไรก็ต้องโดนพลังของวัฏสงสารควบคุมและสิ้นสุดลง!
วิญญาณบรรพชนส่งเสียงร้องคำรามอย่างเจ็บแค้นออกมาพร้อมกับเสียงดังสนั่นหวั่นไหว จากนั้นก็ระเบิดกลายเป็นสะเก็ดแสงเต็มท้องฟ้าแล้วก็เลือนหายไป
ส่วนคนทั้งหลายในตระกูลซูต่างก็สิ้นหวัง ตื่นตระหนก
เมื่อซูอี้พาชิงถังไปจากที่นี่ ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ปีกกระยาหงันก็พังถล่ม ทุกคนในตระกูลซูล้วนถูกสังหาร!
…
ในเวลาหนึ่งวัน ทำลายล้างตระกูลโบราณอารักษ์วิถีสามตระกูลใหญ่!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหลังจากที่ข่าวนี้แพร่สะพัดออกไป ทั่วจักรวาลพร่างดาวต้องสั่นคลอนอย่างแน่นอน
ในการแก้แค้นของซูอี้ครั้งนี้ เป็นเพราะเขาค้นพบสาเหตุแท้จริงของการล่มสลายของตระกูลเจียงแล้ว
พูดขึ้นมาแล้วก็ไม่น่าเชื่อว่า ทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกับสมบัติล้ำค่าที่ตระกูลเจียงได้รับเมื่อครั้งนั้น
ตอนที่แย่งชิงสมบัติล้ำค่าเหล่านี้ บรรพชนท่านหนึ่งของตระกูลเจียงสังหารศัตรูตัวฉกาจไปจำนวนหนึ่ง
ในบรรดาศัตรูตัวฉกาจเหล่านี้ มีทั้งบรรพชนของตระกูลเหวินหลายคน และก็มีผู้อาวุโสจากตระกูลจงกับตระกูลเหวินจำนวนหนึ่ง
จึงเกิดเป็นความแค้นขึ้นมานับแต่นั้น
ดังนั้นการล้างแค้นที่เจาะจงไปที่ตระกูลเหวินจึงได้เริ่มต้นขึ้น
ทว่าหากตระกูลเหวินเป็นตัวการ ถ้าเช่นนั้นช่างเสื้อก็ต้องเป็นคนที่ร้อยด้ายชักนำ วางแผน และร่วมมือกับสามตระกูลโบราณอารักษ์วิถี เข้าทำลายตระกูลเจียงจนล่มสลาย!
ส่วนจุดมุ่งหมายที่ช่างเสื้อวางแผน ก็เพื่อร่วมมีส่วนแบ่งในทรัพย์สมบัติและทรัพยากรการฝึกตนของตระกูลเจียง
…
“รู้สึกอย่างไรบ้าง?”
ระหว่างทางที่ย้อนกลับไปภูเขาจันทร์กระจ่าง ซูอี้ดื่มสุราไป ถามชิงถังไป
ชิงถังคิดสักครู่ ก่อนจะตอบว่า “ทีแรกข้าก็ตื่นเต้น ดีใจมาก เหมือนกับพังก้อนหินใหญ่ที่ทับอกให้แตกสลายไปได้ แต่ตอนนี้… กลับรู้สึกบอกไม่ถูก”
ซูอี้พยักหน้า “เป็นเรื่องธรรมดา ตัวเจ้าในอดีตคิดอยู่อย่างเดียวเท่านั้นคือแก้แค้นแทนตระกูล มันเหมือนกับความยึดติดที่เกาะกุมหัวใจของเจ้าเป็นเวลายาวนาน”
“แต่ตอนนี้เมื่อความยึดติดหายไป จึงรู้สึกไม่คุ้นเคย”
“วันข้างหน้า เจ้าจงสงบใจฝึกวิธี มีอาจารย์อยู่ ไม่มีทางให้เจ้าต้องผิดหวัง”
พูดจบ ซูอี้ก็หัวเราะพลางลูบศีรษะชิงถังเบา ๆ
“เจ้าค่ะ!” สาวน้อยหัวเราะขึ้นมา
ดวงตาใสกระจ่าง ใบหน้างดงามหยาดเยิ้ม
นั่นคือรอยยิ้มโล่งสบายหลังจากที่ปล่อยวางทุกสิ่งลงแล้ว
หลังจากที่กลับไปถึงภูเขาจันทร์กระจ่าง ซูอี้ก็ตัดสินใจเก็บตน
เพื่อเตรียมตัวผ่านหนทางวิถีจุติสรวง
แน่นอนว่าเขาต้องไปพบกับชาติที่หกเสียก่อน เพื่อขอความลับแห่งการพิสูจน์เต๋าแสวงวีถีที่สูงขึ้น!