บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1420: สังขารเช่นปุถุชน เย้ยสวรรค์เหนือเซียน
ตอนที่ 1420: สังขารเช่นปุถุชน เย้ยสวรรค์เหนือเซียน
………………..
ตอนที่ 1420: สังขารเช่นปุถุชน เย้ยสวรรค์เหนือเซียน
ขุนเขาถล่มล่ม ฝุ่นควันจางลง
เซียนดาบชิงซื่อและดาบพุทธะสรรพสุญตาล้วนบาดเจ็บ โลหิตหยาดหยดเปื้อนอาภรณ์
ทั้งสองเพิ่งรอดหายนะฉิวเฉียด รู้สึกถึงเรื่องราวในอดีตที่ไหลย้อนราวกับเป็นอดีตชาติ
และเมื่อพวกเขาพบว่าชุยเจิงจากสำนักเซียนฝังวิญญาณถูกสยบลงกองกับพื้น ทั้งคู่ก็ตกตะลึงไปตาม ๆ กัน
ไม่คิดเลยว่าสุนัขพื้นเมืองข้างกายปราชญ์หงอวิ๋นตัวนั้นจะสามารถสยบวิญญาณอาสัญวิถีเซียนได้ด้วยเพียงหนึ่งอุ้งเท้า!
หลวงจีนคงจ้าว เฒ่าเว่ยและคนอื่น ๆ เองก็โล่งใจ
สุนัขพื้นเมืองยืนอยู่บนอากาศ กล่าวด้วยแววตาเย็นชา “ไอ้ข้าก็คิดว่าเป็นผู้เก่งกาจเลิศเลอจากหนใด ที่แท้ก็ผีเซียนเล็กจ้อย”
น้ำเสียงนั้นเปี่ยมด้วยความดูแคลน
ชุยเจิงขมวดคิ้วลุกขึ้นจากพื้น “ผู้อาวุโสคือผู้ใด?”
“เจ้าไม่มีคุณสมบัติพอจะรู้”
สุนัขพื้นเมืองกล่าวเนิบ ๆ
กล่าวจบ มันก็พูดกับหลวงจีนคงจ้าวซึ่งอยู่ห่างออกไปว่า “เจ้าโล้น การปรากฏตัวของข้าคงมิทำให้เจ้ากลัวหรอกใช่ หรือไม่?”
หลวงจีนคงจ้าวเค้นยิ้มประจบประแจง กล่าวพร้อมความกังวลเปี่ยมหัวใจ “ผู้อาวุโสเป็นเช่นเทพเซียนฟ้าประทาน ผู้น้อยจะว่าดีใจยังกล่าวน้อยไป มีหรือจะกลัวขอรับ?”
กล่าวจบ เขาก็ชูนิ้วโป้งยกยอจากก้นบึ้งหัวใจ “ความยิ่งใหญ่ของผู้อาวุโส หนึ่งคำว่าบ้าคลั่งนี้มีหรือจะเทียบชั้น?”
ทุกผู้ “…”
พวกดาบพุทธะสรรพสุญตาล้วนยังจำได้ว่าหนก่อนที่หลวงจีนคงจ้าวพบสุนัขพื้นเมืองนี้ เขายังโพล่งออกมาอยู่เลยว่าสุนัขนี้เป็นภูตหรือไม่
ทว่ายามนี้ก็กลับเริ่มประจบสอพลอเสียแล้ว
สุนัขพื้นเมืองอดฉีกยิ้มมิได้ เจ้าโล้นนี่ดูน่ามองกว่ากาลก่อนเยอะ!
ขณะเดียวกัน ซูอี้ได้เดินมาทางนี้แล้ว
หือ?
สุนัขพื้นเมืองผงะ ดวงตาเบิกกว้าง จ้องมองร่างของซูอี้และกล่าวด้วยสีหน้างุนงง “ไฉนจึงไร้วิถีเต๋าในตัวเจ้ากัน?”
ขณะนั้น เซียนดาบชิงซื่อเองก็ตระหนักแล้วว่าหลังจากเก็บตัวไปหนึ่งเดือน ปรากฏว่าซูอี้ดูจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนโดยสมบูรณ์!
ในอดีต บรรยากาศของเขาดูเฉยเมย แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยังมีการฝึกฝนวิถีเต๋าในร่าง
ทว่ายามนี้เขาไร้เค้าการฝึกฝนใด ๆ ในร่าง หาต่างจากปุถุชนธรรมดาไม่!
สิ่งนี้ทำให้เกิดความรู้สึกผิดจากความจริงไปมาก
ราวกับเห็นเซียนผู้หนึ่งกลับกลายเป็นปุถุชนชั่วข้ามคืน!
ขณะเดียวกัน ชุยเจิงก็สังเกตเห็นซูอี้และประหลาดใจเช่นกัน ยากจะคาดเดาได้ว่านี่คือตัวตนไร้เทียมทานผู้เข่นฆ่าละเลงโลหิตของขุมกำลังใหญ่ ณ ศึกเขาพฤกษ์ระย้า
“ข้าหล่อหลอมร่างกายใหม่ และยามนี้ข้า… ก็ไร้ระดับฝึกฝนจริง ๆ”
ซูอี้กล่าวเนิบ ๆ
พวกเขาแทบไม่อยากเชื่อหูตน
หล่อหลอมร่างวิถี ไร้การฝึกฝน?
นี่ซูอี้บ้าไปแล้วหรือ!?
“หล่อหลอมร่างกายใหม่อันใด เกรงว่าเจ้าคงล้มเหลวในการเข้าสู่วิถีจุติสรวงมากกว่ากระมัง?”
ดวงตาของชุยเจิงวูบไหว ขณะกล่าวขึ้นอย่างเย็นชา
เขาเป็นตัวตนในวิถีเซียน มองปราดเดียวก็รู้ว่าปราณในร่างของซูอี้ผิดปกติ คาดว่าคงเป็นบ้า การฝึกฝนวิถีเต๋าสลายไปแล้วมากกว่า!
หัวใจทุกผู้บีบรัดแน่น ตกตะลึงถ้วนทั่ว
“แม้ร่างนี้จะเป็นปุถุชน แต่ก็เทียบได้กับเทพเซียน”
ซูอี้กล่าวเนิบ ๆ
เขากล่าวพลางเดินมาทางชุยเจิง “อย่าเข้ามาขวาง ให้ข้าลองหยั่งเชิงวิญญาณอาสัญวิถีเซียนที่ว่านี่หน่อย”
สุนัขพื้นเมืองอดกล่าวมิได้ “เจ้าแน่ใจหรือ?”
มันสงสัยจริงแท้ ยามนี้มันมองทะลุสภาพการณ์ของซูอี้ไม่ออกเลย
ซูอี้กล่าวกับสุนัขพื้นเมือง “เจ้าดูแล้วแล้วไม่รู้หรือ?”
สีหน้าของชุยเจิงเผยความปรีดาวูบหนึ่งจนมิอาจตรวจพบได้
เขาหวาดกลัวสุนัขพื้นเมืองที่มิอาจหยั่งก้นบึ้งนี้ได้ยิ่งนัก
ทว่าหากเผชิญหน้ากับซูอี้ เขาไร้ความกลัวโดยสิ้นเชิง!
นอกจากนั้น เขายังคิดฉวยโอกาสนี้จับตัวซูอี้เป็นตัวประกัน เพื่อหลุดพ้นจากสถานการณ์นี้ให้ได้ในทันทีด้วย!
ทว่าปากของชุยเจิงกล่าวอย่างเย็นชา “เจ้าแน่ใจหรือว่าต้องการประลองกับข้าตัวต่อตัว?”
ซูอี้เสสรวลพลางกล่าว “อย่าห่วงเลย ผู้อื่นจะไม่เข้ามาแทรกแซงหรอก รวมทั้งหมาตัวนั้นด้วย”
สุนัขพื้นเมือง “…”
ไฉนน้ำเสียงจึงให้ความรู้สึกเหมือนมันโดนดุชอบกล…
ชุยเจิงกลั้นยิ้มไว้ไม่ได้แล้ว ดวงตาของเขาเจิดจรัสด้วยแสงเซียน ยกนิ้วขึ้นกวักเรียกซูอี้ “มาสิ ข้าจะมอบความพ่ายแพ้ให้!”
น้ำเสียงนั้นกังวานชัด ฟังถนัดถ้วนทั่ว
สุนัขพื้นเมืองแยกเขี้ยว ไอ้หนูเฒ่านี่เสแสร้งเก่งเอาการ!
โดยมิรอให้มันคืนสติ ซูอี้ก็ลงมือก่อนแล้ว
เขาก้าวสู่อากาศช้า ๆ ใช้มือเปล่าชกออกเบา ๆ
ในสายตาทุกผู้ เขาเหมือนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ปุถุชนชกลมลอย ๆ หามีอำนาจใดแฝงไม่
ชุยเจิงอดหัวเราะมิได้
ทว่าด้วยสัญชาตญาณศึก เขาหาประมาทมันไม่และชกออกไปเช่นกัน
ตู้ม!
หมัดนี้สาดรัศมีเซียนเจิดจ้า ยิ่งใหญ่ดุจท้องนภา มีอำนาจสะเทือนสุญญะบดขยี้พสุธา
นี่เองที่เรียกกันว่าเซียนแผลงอิทธิฤทธิ์วิชายุทธ์!
แม้จะมองจากไกล ๆ ตัวตนอย่างเซียนดาบชิงซื่อและดาบพุทธะสรรพสุญตาก็ล้วนกลั้นหายใจ ถูกกดดันทั้งร่างและจิตอย่างช่วยมิได้!
มันเป็นอำนาจที่อยู่ในระดับวิถีเซียน แข็งแกร่งร้ายกาจเหนือวิถีจุติสรวง
ทว่าเกินคาด หมัดของซูอี้ซึ่งวูบไหวแผ่วเบาราวผู้ฝึกยุทธ์ปุถุชนกลับสามารถบดขยี้หมัดของชุยเจิงราวป่นให้แหลกสลาย
เปรี้ยง!!
ท้องนภาเต็มไปด้วยแสงเซียน
ร่างของชุยเจิงปลิวกระเด็นสะเทือนสั่นอยู่ชั่วขณะ รัศมีเซียนรอบกายปั่นป่วนกระเพื่อมรวน
ม่านตาของเขาหดตัวลง
หมัดของซูอี้ยามชกออกมานั้นให้ความรู้สึกเหมือนบรรพตศักดิ์สิทธิ์ถล่มทับ มีอำนาจร้ายกาจมิอาจทำลาย
ยามถูกหมัดนี้แผลงอำนาจใส่ ชุยเจิงกระทั่งเห็นภาพหลอนไปว่าตนไม่ได้เผชิญกับตัวตนดุจผู้ฝึกยุทธ์ปุถุชน แต่เป็นเทพยุทธ์ในร่างมนุษย์ผู้ทรงอำนาจเย้ยสวรรค์!
“นี่…”
สุนัขพื้นเมืองอดใช้อุ้งเท้าขยี้ตามิได้
มันให้ความสนใจกับศึกนี้มาโดยตลอด ทว่าก็ต้องประหลาดใจที่มิอาจเห็นอำนาจในหมัดของซูอี้ได้ตั้งแต่ต้นจนจบ!
เซียนดาบชิงซื่อและดาบพุทธะสรรพสุญตาเองก็ตกตะลึงเช่นกัน
เขาหลอมวิถีของตนจนสิ้น แต่เมื่อไร้ขอบเขตฝึกฝน เขายังสามารถเผชิญหน้ากับวิญญาณอาสัญวิถีเซียนได้อีกหรือ?
ยามนี้ ซูอี้พุ่งรุดหน้า ใช้มือเยี่ยงดาบฟาดฟันเข้าใส่คอของชุยเจิง
ชุยเจิงแค่นเสียงอย่างเย็นชา รีดเร้นอำนาจทั่วร่างประทับหมัดเยี่ยงค้อนยักษ์ฟาดลงมาในอากาศอย่างรุนแรง
ตู้ม!
ทันใดนั้น ฟ้าดินถิ่นนี้พลันกระเพื่อมเคลื่อน ผืนพิภพปริแยกจากกัน
อำนาจทำลายล้างร้ายกาจระเบิดออกระหว่างทั้งสอง แผ่ออกไปทั่วทศทิศ
ร่างของชุยเจิงถูกฟาดกระเด็นไปอีกหน
สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยน
นี่เป็นไปได้อย่างไร?
เห็นได้ชัดว่าแรงหมัดของอีกฝ่ายแผ่วเบาไร้น้ำหนัก สิ้นร่องรอยอำนาจใด ทว่ากลับยากจะสั่นคลอน ดุจประชันกับเทพยุทธ์
ความรู้สึกประหลาดนั้นทำให้หัวใจของชุยเจิงเต้นระส่ำระสาย ยากเข้าใจได้ชัดเจน
ตู้ม!
ซูอี้หาหยุดมือไม่ เขากระโจนเข้ามาออกหมัดโจมตี
เขาทำเพียงยกมือขึ้นเฉย ๆ หามีอำนาจใดแฝงให้เห็นไม่ ทว่าจากการโจมตีของเขา ทำให้ชุยเจิง วิญญาณอาสัญวิถีเซียนถูกโจมตีจนถอยร่นไปด้วยสภาพทุลักทุเล!
เพียงไม่กี่พริบตา ชุยเจิงก็ถูกรุกโจมตีจนต้องถอยไปหลายสิบจั้ง! อาภรณ์ทุกชิ้นวิ่นแหว่ง เส้นผมปล่อยรุงรัง สภาพดูไม่จืดพอตัว
ขณะเดียวกัน ซูอี้ยังคงผ่าเผยเยี่ยงสายรุ้ง
สังขารเช่นปุถุชน เย้ยสวรรค์เหนือเซียน!
ภาพนี้ดูเหลือเชื่อเกินบรรยาย และยังชวนตะลึงเหนือใดเทียบ
เซียนดาบชิงซื่อและดาบพุทธะสรรพสุญตาล้วนตะลึงงัน
เป็นไปมิได้เลยหากจะคาดคิดว่าซูอี้ใช้อำนาจใด ไฉนจึงแสนอัศจรรย์เพียงนี้
มีเพียงสุนัขพื้นเมืองที่พอเข้าใจเล็กน้อย และหัวใจของมันก็สะเทือนสั่นอย่างช่วยมิได้
ทำลายการฝึกฝนวิถีทั่วร่าง หล่อหลอมพลังทั้งหมดเข้ากับร่างกาย?
หากไม่ใช่เช่นนั้น ไฉนจึงไร้ร่องรอยการไหลแห่งพลังเล่า?
นี่เป็นวิถีแบบใดกัน?
มิกลัวมันจะเลือนหายจากร่างนี้หรือไร?
ต้องเข้าใจว่าสำหรับผู้ฝึกตนในโลกหล้า การทำลายวิถีเต๋าที่ฝึกฝนมากับการทำลายการฝึกฝนของตนเองจนสิ้นนั้นไร้ความแตกต่าง
ทว่าซูอี้แตกต่างออกไป เขาดูจะก้าวเดินไปบนวิถีอันพิเศษอย่างยิ่ง ทำลายการฝึกฝนที่มี ก้าวสู่วิถีปริศนาซึ่งมิอาจพบเห็นได้ในโลกหล้า!
ข่างน่าเหลือเชื่อโดยไร้กังขา
สุนัขพื้นเมืองติดตามปราชญ์หงอวิ๋นสัญจรทั่วโลกเซียน ได้พบเจอกับอำนาจอัศจรรย์มานับไม่ถ้วน ทว่ามันไม่เคยได้เห็นเลยว่าจะมีผู้ใดมีอำนาจพิเศษเยี่ยงซูอี้ยามทำลายการฝึกฝนหล่อหลอมเข้าร่างวิถี
“คนผู้นี้คงกำลังพยายามแสวงวิถีจุติสรวงที่มิเคยพบเห็นมาก่อนในอดีตเป็นแน่!”
สุนัขพื้นเมืองสูดหายใจเฮือก ร่างกายสั่นสะท้าน
แม้มันจะคาดเดาและเห็นเบาะแสได้บ้าง แต่มันก็ยังรู้สึกประหลาด และเต็มไปด้วยความงุนงงอยู่ดี
มันมิอาจหยั่งถึงปริศนาที่แท้จริงของเรื่องนี้ได้เลย!
ตู้ม!
ศึกในสนามดุเดือดเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ
เทียบกับสุนัขพื้นเมืองแล้ว ชุยเจิงก็ตกตะลึง สับสนงุนงงมิต่างกัน
เห็นกันชัด ๆ ว่าอีกฝ่ายไร้การฝึกฝนใด ๆ แต่ยามประชันกันกลับร้ายกาจจนแทบมิอาจตอบโต้!
เขาเป็นตัวตนในวิถีเซียนก่อนสิ้นใจ ทรงพลังเป็นหนึ่งในโลกหล้า ประสบมหาสงครามศึกนองเลือดมามากมาย
ทว่ากลับไม่เคยพบคู่ต่อสู้เช่นวันนี้มาก่อน
ไร้เวลาให้ครุ่นคิด
การถูกซูอี้กำราบหนแล้วหนเล่าทำให้หัวใจของเขาอึดอัดสุมทรวง มีหรือจะคิดมากได้อีก?
แต่ให้เขาตอบโต้ก็ยังไร้ผล!
ซูอี้อหังการเกินไป การโจมตีของเขาวูบไหวเยี่ยงวายุ รัวเร็วดุจพิรุณ ทะลวงการป้องกันของชุยเจิงแหลกสิ้น เพียงหนึ่งหมัดก็ส่งชุยเจิงกระเด็นไป กระอักเลือดกบปาก!
สีหน้าของชุยเจิงแปรเปลี่ยน เขาใช้สมบัติโดยมิกล้าลังเล
“ขึ้นมา!”
หอกสีเงินเล่มสั้นทะยานผ่านนภา รัศมีเซียนเจิดจ้าเสียดแทง เปี่ยมด้วยอำนาจทำลายล้าง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือสมบัติเซียนอันทรงพลังยิ่ง
“ไม่เอาไหนเลย”
สุนัขพื้นเมืองแค่นเสียงเยาะ
ซูอี้ยังคงใช้มือเปล่า ยืดร่างดัดเส้นสาย โจมตีด้วยมือเปล่ากดดันทีละก้าวเช่นกาลก่อน
ทุกหมัดระดมออกทำให้หอกสั้นสีเงินสะเทือนก้อง รัศมีเซียนพร่างพราวสะเทือนทั่วฟ้าดิน
ทุกผู้อดตะลึงมิได้
ผ่านไปเพียงหนึ่งเดือน ซูอี้ดูราวกับหล่นร่วงคืนสามัญชนอย่างชัดเจน ทว่ากลับแข็งแกร่งกว่ากาลก่อนอย่างเห็นได้ชัด
ต้องทราบว่าแม้ชุยเจิงจะตกอยู่ภายใต้กฎสวรรค์ ใช้อำนาจมหาวิถีได้เพียงสองส่วนเท่านั้น แต่อำนาจเช่นนั้นก็ร้ายกาจเกินกว่าที่เจตจำนงเซียนจะเทียบชั้นได้แล้ว!
ทว่ายามนี้ วิญญาณอาสัญวิถีเซียนซึ่งใช้สมบัติเซียนตนนี้ยังคงถูกซูอี้รุกคืบ หม่นรัศมีโดยสิ้นเชิงหากเทียบกัน!
ท้ายที่สุด ซูอี้ก็ฟาดหมัดหนึ่งชกหอกสั้นสีเงินของชุยเจิงกระเด็นไปพร้อมกับเสียงระเบิดสะเทือนแดนดิน
ข้อมือของเขาแตก โลหิตหลั่งริน
ร่างของเขากระเด็นถอยหลัง แทบระเบิดแหลก!
เปรี้ยง!!
เมื่อร่างของชุยเจิงกระแทกพื้น ซูอี้ก็เหยียบอกของเขา อาภรณ์สีเขียวสะบัดไหวในวายุ
ภาพนั้นเป็นดั่งเทพยุทธ์ในร่างมนุษย์ เหยียบย่ำร่างเซียนสวรรค์ในโลกโลกีย์!
ชวนให้หัวใจตะลึง
“ไอ้#! โหดจังวะ!?”
สุนัขพื้นเมืองอดโพล่งคำหยาบคายด้วยความตะลึงตกใจมิได้
………………..