บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1424: เหล่าเซียนรวมหมู่
ตอนที่ 1424: เหล่าเซียนรวมหมู่
เขตหวงห้ามเซียนละล่อง สำนักเซียนฝังวิญญาณ
เมื่อได้รับรู้คำแถลงของซูอี้ เฟิงจิ้งไห่ก็อดผงะไปมิได้
สามวันจากนี้ ซูอี้จะมายังเขตหวงห้ามเซียนละล่อง?
เฟิงจิ้งไห่หาคาดการณ์เรื่องนี้ไว้ไม่
แต่เทียบกันแล้ว ทัศนคติของซูอี้ทำให้เฟิงจิ้งไห่ยิ่งเชื่อไม่ลง
“หากมิยอมจำนน ก็… ตาย!?”
“บ้าสิ้นดี!”
เฟิงจิ้งไห่อดหัวเราะไม่ได้
ก่อนเขาตายตก เขาเป็นผู้ฝึกตนวิญญาณผู้บรรลุเซียน ยืนยงทรงอำนาจในโลกมนุษย์
แม้ยามนี้เขาจะเป็นเพียงวิญญาณอาสัญ ในเขตหวงห้ามเซียนละล่องนี้ แต่ในหมู่วิญญาณอาสัญวิถีเซียนผู้ตื่นจากนิทรา ผู้ที่เทียบเขาได้ก็มีไม่มาก!
และยามนี้ หนึ่งราชันแห่งภูมิขอบเขตไร้ขีดจำกัดกล้าประกาศละเลงเลือดในเขตหวงห้ามเซียนละล่องแค่เพราะถือครองอำนาจวัฏสงสารหากศัตรูทั้งหลายมิยอมจำนน ช่างน่าขันเสียนี่กระไร?
“ซูอี้ผู้นั้น… เกรงว่าคงบ้าไปแล้วกระมัง?”
“บางทีเขาอาจจะมีสิ่งอื่นให้พึ่งพาก็ได้ และเราต้องระวังให้ดี”
“ไม่ว่าเขาจะพึ่งพาสิ่งใด ขอเพียงเขากล้ามายังเขตหวงห้ามเซียนละล่อง เขาก็มีแต่ต้องตาย!”
…เหล่าผู้ทรงอำนาจในเขตหวงห้ามเซียนละล่องเองก็ประหลาดใจ
และตื่นเต้น
ไม่มีผู้ใดคาดว่าซูอี้จะเป็นฝ่ายพาตนเองมาหาถึงที่!
“คาดการณ์ได้เลยว่าซูอี้ต้องเตรียมตัวมาแล้วเป็นแน่แท้ ทว่ายามนี้ข้าจะไม่ยอมให้เหตุการณ์ในศึกเขาพฤกษ์ระย้าเกิดขึ้นซ้ำสอง!”
“แพร่ข่าวให้ข้า และเชิญเหล่าเซียนจากขุมกำลังใหญ่ให้มาที่นี่ทันที”
“สามวันจากนี้ ข้าจะฝังซูอี้ผู้นี้ลงตรงหน้า ‘มหานทีประกายหยก’!”
เฟิงจิ้งไห่ตัดสินใจ นัยน์ตาฉายแววเย็นยะเยียบ
มหานทีประกายหยก
แดนพำนักของสำนักเซียนฝังวิญญาณ
และสำหรับขุมกำลังเซียนวิถีวิญญาณเช่นพวกเขา สิ่งที่เชี่ยวชาญที่สุดคือส่งคนสู่สุสาน!
……
“สามวันจากนี้ จะเข้าเข่นฆ่าในเขตหวงห้ามเซียนละล่อง?”
หัวใจของม่อซิงหลินตกตะลึง อ้าปากค้างจังงัง
เขาจำศีลอยู่ในเขตหวงห้ามเซียนละล่องมาตลอดชั่วกาลนี้ มุ่งความสนใจไปยังการเคลื่อนไหวของสำนักเซียนฝังวิญญาณและขุมกำลังใหญ่อื่น ๆ
เมื่อเขารู้ข่าวว่าซูอี้จะมา ม่อซิงหลินก็อดตะลึงเกินเชื่อลงมิได้
“บางทีท่านเซียนหงอวิ๋นอาจกำลังช่วยเขาอยู่!”
ม่อซิงหลินคิดอย่างเคร่งขรึม
เขาได้ข่าวจากม่อชิงโฉว และรู้ว่า ‘ใต้เท้าซิงเชวีย’ ได้รับคำสั่งให้คุ้มครองข้างกายซูอี้
สิ่งนี้ทำให้ม่อซิงหลินเผลอคิดไปว่าเหตุที่ซูอี้กล้าตัดสินใจเช่นนี้น่าเป็นเพราะมีเซียนหงอวิ๋นหนุนหลัง
“ยามก่อนที่ศึกเขาพฤกษ์ระย้า เซียนหงอวิ๋นหาปรากฏตัวไม่ แต่ยามนี้ข้าเกรงว่านางคงไม่อยู่เฉยอีก!”
ม่อซิงหลินคำนึง
ยามนี้ เขาตัดสินใจแน่วแน่ว่าหลังจากซูอี้มาถึงเขตหวงห้ามเซียนละล่อง เขาจะต้องออกไปนำทางช่วยเหลือด้วยตนเอง!
……
สมุทรมารไร้กำหนด
ปราชญ์หงอวิ๋นนั่งบนม้านั่งหิน ตั้งจิตมั่นกับการซ่อมฝักดาบสีดำเก่า ๆ ชิ้นหนึ่ง
“ผู้อาวุโส ข่าวว่าใต้เท้าของข้าจะไปยังเขตหวงห้ามเซียนละล่องในอีกสามวัน”
เมิ่งฉางอวิ๋นเดินเข้ามา กล่าวอย่างระมัดระวัง “ข้า…”
ปราชญ์หงอวิ๋นกล่าวขึ้นโดยมิรอให้เขาพูดจบ “อย่าห่วงเลย”
ง่าย ๆ เช่นนั้น
หาอธิบายสิ่งใดไม่
เมิ่งฉางอวิ๋นตะลึงไปแล้วค่อย ๆ ถอยกลับไป
ทว่าหัวใจของเขามั่นคงขึ้นมาก
ไกลออกไป ยมบาลผู้ให้ความสนใจกับเรื่องราวเช่นนี้เสมอก็ลอบถอนหายใจโล่งอกยามได้เห็น
ในเมื่อปราชญ์หงอวิ๋นกล่าวปลอบประโลม เช่นนี้ก็หมายความว่าเรื่องนี้อาจไม่ร้ายแรงเช่นที่พวกเขาคิด!
วูบ!
วิหคฟ้าอันมีคู่ปีกเป็นเพลิงโชติช่วงตัวหนึ่งทะยานแหวกเวหา และยามมาถึงแดนนี้ มันก็กลายเป็นสตรีชุดนักพรตสีฟ้าผู้หนึ่ง
สตรีผู้นั้นมีผิวพรรณนวลผ่อง ใบหน้างดงาม เส้นผมยาวหนาสีดำขลับ ให้บรรยากาศสูงส่งเกินเทียบ
นางยืนบนอากาศ รัศมีเซียนสีฟ้าสาดส่องดุจนางเซียนผู้สูงส่งเหนือหล้า ปราณร้ายกาจแข็งแกร่ง
เมิ่งฉางอวิ๋นและยมบาลล้วนอ้าปากค้าง หรือนี่จะเป็น… เซียนปีศาจ!?
แต่แล้ว ทั้งสองก็ต้องตะลึงที่เมื่อสตรีชุดฟ้ามาถึง นางก็ยืนอยู่เพียงไกล ๆ ไม่กล้าเข้ามาใกล้กว่านี้
จากนั้น นางก็คำนับปราชญ์หงอวิ๋นอย่างนอบน้อม และกล่าวว่า
“ผู้อาวุโสหงอวิ๋น บรรพชนของข้าได้ยินว่าอาจมีเรื่องใหญ่บางประการเกิดในเขตหวงห้ามเซียนละล่อง หากสหายเต๋าซูอี้เกิดอุบัติเหตุใด ๆ ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อเขตหวงห้ามดาราหยกของเราในภายหน้าได้ ดังนั้นจึงส่งผู้น้อยมาขอความเห็นจากท่านเจ้าค่ะ”
“บรรพชนของเจ้าคิดว่าจะเกิดเรื่องกับสหายเต๋าซูหรือ?”
ปราชญ์หงอวิ๋นถามอย่างมึนตึง
นางก้มหน้าก้มตาซ่อมแซมฝักดาบสีดำอันเก่าแก่เปรอะสนิม หาชายตามองสตรีชุดฟ้าไม่
ทว่าวาจาเลื่อนลอยของนางทำให้สีหน้าของสตรีชุดฟ้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย!
นางรีบอธิบาย “บรรพชนของข้าไร้เจตนาเช่นนั้นเจ้าค่ะ ท่านแค่กังวลเท่านั้นว่าหากสหายเต๋าซูเผชิญปัญหาอันมิอาจคาดการณ์ระหว่างเดินทาง หากทำได้ บรรพชนของข้าก็เต็มใจลงมือช่วยเหลือคลายปัญหาให้สหายเต๋าซูเจ้าค่ะ!”
ได้ยินเช่นนี้ หัวใจของเมิ่งฉางอวิ๋นและยมบาลล้วนสั่นสะท้าน
ประการแรก พวกเขาตกใจกับทัศนคติสำรวมนอบน้อมของนางเซียนปีศาจยามเผชิญหน้าปราชญ์หงอวิ๋น
ประการที่สองคือ พวกเขาไม่คาดว่ากระทั่ง ‘บรรพชน’ เบื้องหลังนางเซียนปีศาจผู้นี้จะสนใจเรื่องของซูอี้ กระทั่งเสนอตัวเข้าช่วยเหลือด้วย!
เรื่องนี้ช่างดูประหลาด
“คลายปัญหา? บรรพชนของเจ้าเป็นกังวลว่าสหายเต๋าซูจะเกิดอุบัติเหตุ และอำนาจวัฏสงสารจะถูกผู้อื่นชิงไปมากกว่า”
ปลายนิ้วของปราชญ์หงอวิ๋นไล้ไปบนฝักดาบสีดำ น้ำเสียงของนางเย็นชา “กลับไปบอกบรรพชนเจ้าเสีย เขามิต้องกังวลเรื่องนี้”
สตรีชุดฟ้าก้มหัวลงกล่าว “เจ้าค่ะ”
นางหันหลังจากไป
“ช้าก่อน”
ปราชญ์หงอวิ๋นพลันกล่าวขึ้น
“ผู้อาวุโสยังมีคำสั่งใดหรือเจ้าคะ?”
สตรีชุดฟ้ากล่าวอย่างนอบน้อม
“บอกผู้เฒ่าคนอื่น ๆ ด้วยว่าห้ามผู้ใดเข้าแทรกแซงเรื่องนี้”
ปราชญ์หงอวิ๋นกล่าวเลื่อนลอย
“เจ้าค่ะ!”
สตรีชุดฟ้าออกเดินทาง
จนเมื่อร่างของนางลับตา เมิ่งฉางอวิ๋นและยมบาลก็อดแสดงความสับสนงุนงงมิได้
นี่คือครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นตัวตนเยี่ยงเทพเซียนผู้แสนนอบน้อมต่อปราชญ์หงอวิ๋น
ยิ่งมิอาจจะคาดคิดไปได้ว่า ‘ผู้เฒ่า’ พวกนั้นที่ปราชญ์หงอวิ๋นว่าจะเป็นตัวตนลึกลับร้ายกาจเพียงใด
สิ่งเดียวที่แน่ใจได้คือ ปราชญ์หงอวิ๋นดูจะรังเกียจหากพวก ‘ผู้เฒ่า’ เหล่านั้นเข้ามาพัวพันกับเรื่องเกี่ยวข้องกับซูอี้อย่างยิ่ง!
และปราชญ์หงอวิ๋นก็ไม่เคยเอ่ยสาธยาย
นางนั่งที่เดิมเงียบ ๆ ซ่อมฝักดาบสีดำอย่างขะมักเขม้น ราวกับทุกสิ่งทั่วฟ้าดินนี้หาสำคัญไปกว่าการซ่อมฝักดาบนี้ไม่
……
กลางเหมันตฤดู น้ำค้างแข็งเกาะท่วมพงหญ้า สรรพสิ่งล้วนเหี่ยวเฉา
หิมะโปรยปรายทับถมราวชั้นขนห่าน ทั่วฟ้าดินขาวพิสุทธิ์
ชั้นหิมะน้ำแข็งทับถมหนาเปล่งประกายวับวาวยามเช้าตรู่ ปรกชายคาท่วมพื้นเต็มไปหมด
เอี๊ยด เอี๊ยด
เสียงฝีเท้าหนึ่งดังขึ้นในวัด
ซูอี้แต่งกายด้วยอาภรณ์สีเขียว เผชิญสายลมหิมะก้าวย่ำจากวัดสรรพสุญตาไปไกลท่ามกลางสายตาคนทุกผู้
มีเพียงหนึ่งสุนัขพื้นเมืองติดตามข้างกาย
ไกลออกไป มีเพียงเสียงของสุนัขพื้นเมืองดังขึ้น
“ไฉนไม่นั่งเรือสมบัติไปเล่า?”
“หิมะนี่เกี่ยวอันใดด้วยหรือ?”
“ข้าไม่เข้าใจเลยจริง ๆ นี่คือการเดินทางไปสังหารศัตรู แต่เจ้ากลับยังลอยชายชมหิมะ”
…เสียงเหล่านั้นค่อย ๆ เลือนหายไปในโลกกว้าง
ดาบพุทธะสรรพสุญตา เซียนดาบชิงซื่อ ม่อชิงโฉว ชิงถังและคนอื่น ๆ ล้วนยืนส่งอยู่เนิ่นนาน ก่อนจะพากันกลับเข้าไปในวัด
……
เขตหวงห้ามเซียนละล่อง
มหานทีประกายหยก
ดุจธารกว้างสีคราม รัศมีเซียนเรืองประกาย ให้ความรู้สึกอ้างว้างวังเวง
กลางมหานทีประกายหยกมีหมู่เกาะพร้อมอารามเก่าเรียงราย
นี่คือสถานที่ตั้งของสำนักเซียนฝังวิญญาณ
ขณะนี้ ยอดฝีมือมากมายจากทั่วเขตหวงห้ามเซียนละล่องมารวมตัว
ที่ฝั่งมหานทีประกายหยกมิได้มีเพียงยอดฝีมือจากขุมกำลังเซียนโบราณ แต่ยังมีศิษย์ขุมกำลังเซียนรวมอยู่ด้วย
ทั่วฝั่งมหานทีประกายหยกแน่นขนัดด้วยผู้คน!
“แล้วซูอี้จะมาจริง ๆ หรือ?”
“แม้เขาจะถูกถือเป็นศัตรูร่วมทั่วเขตหวงห้ามเซียนละล่อง ก็มิอาจปฏิเสธได้ว่าซูอี้ผู้นั้นกระทำทุกสิ่งที่ลั่นวาจาไว้จริงแท้ และในเมื่อเขากล้าประกาศสงคราม เขาก็จะมาแน่นอน!”
“เทียบกับศึกที่เขาพฤกษ์ระย้าแล้ว ยามนี้มีเซียนกลุ่มหนึ่งรออยู่ในแดนเหย้า เขาซูอี้… จะนำอันใดมาสู้กับเรา?”
“หากมีสิ่งใดผิดปกติ ย่อมมีมารปีศาจอยู่เบื้องหลัง ซูอี้ต้องไม่พาตนเองมาตายเป็นแน่แท้ รอดูไปเถิด”
“เจ้าได้คิดไว้หรือไม่ ว่าหากพ่ายศึกนี้ ทั้งเขตหวงห้ามเซียนละล่องคงถูกเหยียบย่ำใต้เท้าเขาเป็นแน่แท้!”
ผู้ฝึกตนมากมายแลกเปลี่ยนความเห็น
ไม่ว่าผู้ใด ล้วนไร้ผู้กล้าประเมินซูอี้ต่ำ!
เขาแข็งแกร่งเกินไป และกุมชัยชนะหลังมหาสงครามมากมาย
เขาสังหารวิญญาณอาสัญขอบเขตจุติสรวงมาหลายร้อยตน ทั้งยังเอาชนะการร่วมมือของสิบหกเจตจำนงเซียนมาแล้ว!
ผู้แข็งแกร่งเช่นนี้ มองหาทั่วทุกยุคสมัยแต่กาลก่อน ก็มีเพียงหนึ่ง!
ทว่า…
การมาประชันในหนนี้ของเขา ไร้ผู้ใดคิดเชิงบวก
เพราะวิญญาณอาสัญวิถีเซียนลืมตาตื่นแล้ว และในเขตหวงห้ามเซียนละล่อง พวกเขาก็หาอยู่ใต้อำนาจกฎสวรรค์ไม่!
ยามเหล่าเซียนรวมหมู่ พวกเขาย่อมกวาดล้างศัตรูทั้งมวลในโลกมนุษย์ได้ง่าย ๆ!
ไม่นานนัก ประกายแสงก็ทะยานเข้าสู่สำนักเซียนฝังวิญญาณกันสายแล้วสายเล่าจากทั่วสารทิศ
สิ่งนี้ดึงความสนใจจากเหล่าผู้ชม
เพราะประกายแสงเหล่านั้นล้วนแต่เป็นบุคคลสำคัญจากขุมกำลังโบราณอันยิ่งใหญ่ สกุลหงเชื้อสายมารสวรรค์ ผู้ทรงอำนาจวิถีเซียนสกุลฝู หอเซียนดาบมายา โรงดาบเทพลี้ลับ สุขาวดีจรทักษิณ…
กล่าวได้ว่านอกจากสกุลม่อ ขุมกำลังสูงสุดทั้งหมดในเขตหวงห้ามเซียนละล่องล้วนมาชุมนุมอยู่ที่นี่!
ในหมู่พวกเขายังมีกลุ่มวิญญาณอาสัญวิถีเซียนจากขุมกำลังสูงสุดเหล่านี้อยู่เป็นกลุ่มด้วย
“หนึ่ง สอง สาม… สวรรค์ แค่เซียนก็เกินสิบแล้ว”
หัวใจบางผู้สั่นสะท้าน
“ศึกนี้เกี่ยวกับชะตาของวิญญาณอาสัญทั้งหมดในเขตหวงห้ามเซียนละล่อง หากไร้เซียนปกปักษ์ มีหรือจะล้มซูอี้ผู้นั้นได้ง่าย ๆ?”
เมื่อเผชิญการรวมหมู่ของเหล่าเซียน คนมากมายก็อึดอัดยากหายใจ
แม้ผู้ที่เห็นการจัดทัพอลังการนี้จะเคยประเมินซูอี้ไว้สูง พวกเขาก็ล้วนคิดว่าซูอี้ต้องแพ้พ่ายกันอยู่ดี
“ซูอี้ผู้นั้นเหิมเกริมเกินไปแล้ว!”
“กลุ่มขุมกำลังสูงสุดร่วมมือ เซียนหลายสิบตนรวมตัว เขายังคิดจะมาท้าทายทั่วเขตหวงห้ามเซียนละล่องอยู่อีกหรือ? ต่างอันใดกับตั๊กแตนนำตัวขวางเกวียนเล่า?”
ผู้ซึ่งมีความแค้นต่อซูอี้ทั้งหลายล้วนตื่นเต้น
ประกายแสงวูบไหวเหนือสุญญะเป็นครั้งคราว ทุกสายล้วนแทนวิญญาณอาสัญวิถีเซียนตนหนึ่ง
ท้ายที่สุด จำนวนวิญญาณอาสัญวิถีเซียนก็พุ่งขึ้นเกือบสี่สิบ!
“เหล่าเซียนรวมหมู่! ผู้ใดเล่าจะเคยเห็นเหตุอันยิ่งใหญ่เช่นนี้แต่โบราณ?”
ผู้คนมากมายรำพัน
ไร้ผู้ใดกังขาว่ายามเผชิญอำนาจเช่นนี้ ยอดฝีมือใดก็ล้วนแหลกลาญ!
ม่อซิงหลินเองก็มา เขาซ่อนตัวในหมู่คน
เมื่อเห็นเหล่าวิญญาณอาสัญวิถีเซียนปรากฏกาย หัวใจของเขาก็หนักอึ้งขึ้นทีละน้อย
ยามนี้ ขุมกำลังสูงสุดทั้งหลายเผยเขี้ยวเล็บโดยสมบูรณ์
วิญญาณอาสัญวิถีเซียนแทบทั้งหมดที่ลืมตาตื่นสู่โลกหล้ามารวมตัวกัน!
………………..