บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1440: ตะลึง
ตอนที่ 1440: ตะลึง
เพียงหนึ่งดาบ วิญญาณอาสัญเซียนแท้ขอบเขตสุญตาสองตนก็ถูกหยุดไว้!
เหตุการณ์สะเทือนขวัญนี้ทำให้ร่างของอวี่หนิงนิ่งค้าง
อวิ๋นฮว่าชิงอ้าปากค้าง
กู้หยวนเชวียและคณะซึ่งกำลังล้อมโจมตีปราชญ์หงอวิ๋นสุดกำลังอดเหลือบมองมามิได้
มีเพียงปราชญ์หงอวิ๋นที่ยังคงนิ่งสงบเช่นกาลก่อน
แปลกหรือ?
ไม่เลยสักนิด
ซูอี้ผู้คาดว่าน่าจะฟื้นความทรงจำในอดีตชาติแล้วนั้นมิอาจคาดเดาขอบเขตได้แสนนาน!
ซูอี้ที่อยู่ภายใต้ท้องนภาดูเฉยเมย ไล้นิ้วบนตัวดาบ
ชิ้ง!
วจีดาบลากยาวเยี่ยงสายธาร
ภาวะดาบเวียนวัฏแผ่ออกไปทั่วฟ้าดินที่ถูกผนึกนิ่ง
ด้วยคลื่นลูกนั้น ร่างของโจวเจ๋อและเซวียเฉียวจือก็สลายเป็นละอองแสงราวฟองคลื่นเปราะบาง ก่อนจะหายไปทันที
ขณะตกตาย สีหน้าของสองเซียนแท้ขอบเขตสุญตานั้นทั้งตะลึงและอับอาย
ดูเหมือนพวกเขาจะไม่คิดเลยว่าตนจะมาตายด้วยมือผู้ฝึกตนต่ำต้อยอย่างขอบเขตจิตทารกแห่งแดนมนุษย์ได้เช่นไร
และซูอี้ก็หาโอ้เอ้ไม่ เอื้อมคว้าดาบแห่งโลกา ร่างสูงใหญ่เดินบนเวหาสู่สนามรบที่อยู่ห่างออกไป
ย่างก้าวนั้นสุขุม ร่างสูงใหญ่เผยกลิ่นอายกดดันสยบฟ้าสะท้านภพ!
ดวงตาของอวี่หนิงเบิกโพลง
ในใจของนางมีทั้งความตะลึง งุนงง และละอายปนเปอย่างมิอาจสะกดกลั้น
อีกฝ่ายหาเย่อหยิ่งหรือไร้ยางอายไม่
นี่คือความแข็งแกร่งที่แท้จริงแน่นอน!
เรื่องน่าขันก็คือ นางมองอีกฝ่ายเป็นตัวตนเล็กจ้อยมาตลอด ตั้งคำถามเกี่ยวกับการกระทำของอีกฝ่ายมาหลายต่อหลายหน กระทั่งถากถาง หาซ่อนความผิดหวังของนางต่อเขาไม่…
เมื่อหวนคิดอีกหนในยามนี้ ผู้ที่น่าสมเพชที่สุดก็คือตัวนางเอง
ยามนี้ อวี่หนิงรู้สึกละอายแก่ใจอยู่ไม่น้อย
ตู้ม!
ฟ้าดินไกลออกไป ศึกนั้นเผยอำนาจทำลายล้างมหาศาล ทั่วทั้งฟ้าดินแดนใกล้ปั่นป่วนไปหมด
เมื่อซูอี้เดินเข้ามาพร้อมกับดาบในมือ
เซียนแท้ขอบเขตสุญตาทั้งสิบสองตนซึ่งล้อมค่ายกลอยู่ต่างรู้สึกเหมือนเผชิญหน้ากับมหาศัตรู
“พวกเจ้าไปปราบไอ้หนูนั่นก่อน!”
กู้หยวนเชวียกัดฟันออกคำสั่ง “เร็ว!”
เขากล่าวพลางเรียกใช้จี้หยกที่มีรูปทรงดาบชิ้นหนึ่ง
เป๊าะ!
จี้หยกรูปทรงดาบแปรเปลี่ยนเป็นแสงเซียนสีทองผสานเข้าสู่ร่างของกู้หยวนเชวีย
เพียงชั่วพริบตา พลังของกู้หยวนเชวียก็ทะยานสูงขึ้นอีกครั้งราวกับถูกเทพเจ้าประทับ
คู่เนตรแปรเปลี่ยนเป็นสีทองเจิดจ้าดุจคู่ดวงตะวันแผดเผา!
ประกาศิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์!
สมบัติลับของภูเขาคังหมิง บรรจุเจตจำนงของราชันเซียนขอบเขตศักดิ์สิทธิ์เอาไว้
หลังจากใช้งาน ผู้ใช้จะเหมือนถูกเจตจำนงราชันเซียนขอบเขตศักดิ์สิทธิ์เข้าประทับร่าง ปลดปล่อยอำนาจส่วนหนึ่งอันเทียบได้กับร่างจริงของราชันเซียน ซึ่งร้ายกาจและอหังการอย่างยิ่ง!
ทว่าอำนาจเจตจำนงนี้ อย่างมากก็อยู่ได้เพียงชั่วประเดี๋ยว
ดังนั้นหากไม่เข้าตาจน กระทั่งกู้หยวนเชวียก็มิคิดใช้ไม้ตายก้นหีบนี้
ทว่ายามนี้ เขาจะมัวลังเลไม่ได้!
“ฆ่า!”
ดาบคู่ในมือกู้หยวนเชวียร่ายระบำ โจมตีอย่างสุดแรง
ปราชญ์หงอวิ๋นรู้ทันไพ่ตายในมือกู้หยวนเชวียในทันที คิ้วของนางก็ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
นางเองก็ไม่คาดคิดว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์อย่างกู้หยวนเชวียจะมีไพ่ตายเช่นนี้อยู่ ทว่ายังมิทำให้นางรู้สึกกลัวได้หรอก
ตู้ม!
ปลายนิ้วเรียวกดลงบนฝักดาบสีดำขึ้นสนิทอย่างแผ่วเบา วจีดาบครางเสียงทุ้มต่ำออกมา
จากนั้นปราชญ์หงอวิ๋นก็ทำท่าดึงดาบ
ภาพอันน่าอัศจรรย์บังเกิดขึ้น ภายในฝักดาบสีดำขึ้นสนิมพลันปรากฏเงาคมดาบสีดำถูกชักออกมาทีละน้อย แรงกดดันสะเทือนทั่วทศทิศ สะท้านทั่วฟ้าดิน
อำนาจดาบดุดันแผ่ไปทั่วแดนดิน
เพียงอำนาจนั้นก็ทำให้กู้หยวนเชวียที่โจมตีเข้ามาชะงัก ร่างสะท้าน สีหน้าแปรเปลี่ยนในบัดดล
ในมือของปราชญ์หงอวิ๋นปรากฏดาบมายาเล่มยาวสีดำขึ้นเล่มหนึ่ง แปรเปลี่ยนมาจากภาวะดาบลึกลับทั้งเล่ม
ล้ำลึกเปี่ยมปริศนา ไพศาลเยี่ยงจักรวาลพร่างดาวแห่งโบราณกาล!
“ว่าแล้วเชียว สิ่งที่อยู่ในฝักดาบนั้นคือภาวะดาบมหานิพพาน จากความหนาแน่นของมัน นับได้ว่าเป็นเคล็ดพลังมหานิพพานระดับสูง”
ประกายในดวงตาของซูอี้วูบไหว
วิถีมหานิพพาน!
กล่าวได้ว่าคือหนึ่งในเคล็ดเซียนสูงสุดในโลกเซียน!
“ฆ่า!”
เหมือนช้าทว่ารวดเร็ว ขณะที่กู้หยวนเชวียกับปราชญ์หงอวิ๋นกำลังต่อสู้อยู่นั้น เซียนแท้ขอบเขตสุญตาทั้งสิบสองตนก็เดินค่ายกลศึกเข้าโจมตีซูอี้
ธงสีเหลืองส้มทั้งสิบสองผืนโบกสะบัด แผ่อำนาจค่ายกลวิถีเซียนร้ายกาจ บดขยี้แดนดินปลิดรัศมีสิ้นทั่วนภาพิภพ
ซูอี้สะบัดแขนเสื้อด้วยแววตาเฉยชา
ตู้ม!
เตาเสริมสวรรค์ทะยานสู่นภา ถ่ายเทอำนาจหายนะสิ้นกฎเกณฑ์ทั้งหมดที่ผนึกไว้ออกมา
ชั่วขณะนั้น ดูเหมือนทะเลอัสนีสีเลือดทะลักจากเขื่อน คลื่นสายฟ้าถาโถมอย่างบ้าคลั่งดุจคลื่นโหมกลางทะเลเดือด กลบฝังทั่วฟ้าดินจมสู่ก้นบึ้ง
“นี่มัน…”
“หายนะสิ้นกฎเกณฑ์!?”
เซียนแท้ขอบเขตสุญตาทั้งสิบสองเหล่านั้นตะลึงจนกรามแทบร่วง
ตู้ม!
ค่ายกลศึกแตกพ่าย ธงสีเหลืองส้มฉีกขาดในทันใด
อสนีบาตสีเลือดเกรี้ยวกราด อำนาจดุดันแผ่กระจายรุนแรง ทำให้ฟ้าดินดูจะพังทลายสิ้น ปั่นป่วนไร้ระเบียบทุกแห่งหน!
“ผ-เผ่นเร็ว!”
“ไม่นะ——!”
เสียงกรีดร้องอย่างหวาดผวาดังระงม
เซียนแท้ขอบเขตสุญตาทั้งสิบสองตนล้วนแตกตื่นเยี่ยงฝูงสุนัข ดิ้นรนหนีอย่างบ้าคลั่ง
ทว่าก็ช้าไปก้าวหนึ่ง
เมื่ออสนีบาตสีเลือดแผ่ออกปกคลุมนภา เซียนแท้ขอบเขตสุญตาก็ตกตายตามกัน
อวิ๋นฮว่าชิงและอวี่หนิงอ้าปากค้าง อดคิดถึงหายนะสิ้นกฎเกณฑ์ที่พวกตนเผชิญมามิได้
ในหายนะนั้น เหล่าเซียนสวรรค์ล้วนไร้ทางสู้เยี่ยงผักหญ้า ตกตายราวพิรุณโปรย!
และยามนี้ ภาพเช่นนั้นก็เหมือนจะปรากฏขึ้นอีกหน!
ความแตกต่างก็คือ ผู้ที่ต้องหายนะในยามนี้หาใช่เซียนแท้ไม่ แต่เป็นวิญญาณอาสัญกลุ่มหนึ่งซึ่งย่อมดูปวกเปียกอ่อนแรง
เพียงชั่วพริบตา วิญญาณอาสัญเซียนแท้ขอบเขตสุญตาทั้งสิบสองตนก็ตกตายอย่างน่าเวทนาท่ามกลางอสนีบาตสีเลือดอันทรงพลัง
ไม่เหลือชีวิตใด!
ขณะเดียวกัน ซูอี้ก็ยกมือขึ้นเก็บเตาเสริมสวรรค์ไป
เขายืนมองหายนะกวาดล้างเหล่าศัตรูร้ายสิ้นด้วยสีหน้าสุขุมเฉยชา ไร้การเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ต้นจนจบ
อวิ๋นฮว่าชิงและอวี่หนิงเหงื่อกาฬแตกพลั่ก
ในที่สุดทั้งสองก็เข้าใจว่า เหตุใดตลอดการเดินทาง ซูอี้จึงอยากสะสมอำนาจหายนะสิ้นกฎเกณฑ์เหล่านั้น!
“บ้าเอ๊ย!!!”
กู้หยวนเชวียเดือดดาล
สหายทั้งสิบสองตนของเขาถูกซูอี้ใช้อำนาจหายนะสิ้นกฎเกณฑ์กวาดเรียบ ทำให้เขาตะลึง ใบหน้าหล่อเหลาบิดเบี้ยวตาเหลือกถลน
ตู้ม!
ปราชญ์หงอวิ๋นฉวยโอกาสนี้ฟาดฟันดาบเข้าใส่กู้หยวนเชวีย ส่งร่างอีกฝ่ายกระเด็นหัวทิ่มในทันใด
มีเจตจำนงราชันเซียนแล้วอย่างไร?
สุดท้ายมันก็เป็นเพียงเสี้ยวเจตจำนง
เมื่ออยู่ตรงหน้าภาวะมีดมหานิพพาน มันหาใช่ภัยคุกคามไม่!
ปราชญ์หงอวิ๋นมิได้หยุดมือ ร่างของนางแหวกอากาศ เข้าฟาดมีดไปทางกู้หยวนเชวีย
“ขึ้นมา!”
กู้หยวนเชวียคำราม
คันฉ่องสำริดโบราณลายสัตว์ร้ายบรรพกาลปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา สาดแสงเซียนสีเลือดแรงกล้า แผ่บรรยากาศร้ายแรงสะเทือนเวหา
หือ?
ดวงตาของซูอี้ชะงัก ‘สมบัติศักดิ์สิทธิ์วิถีมนตรา!’
ขณะเดียวกัน ปราชญ์หงอวิ๋นเองก็สัมผัสได้ถึงอันตราย ใช้พัดขนนกตระการสีด้ามหนึ่งโดยมิลังเล
ทว่ายามนี้พลันเกิดเหตุพลิกผันขึ้นเกินตั้งตัว!
ตรวนทิพย์ประหลาดลึกลับสีเทาสามเส้นพลันพุ่งออกมาจากทะเลหมอกที่อยู่ภายในแดนหมื่นเร้น พันธนาการร่างของซูอี้ กู้หยวนเชวียและปราชญ์หงอวิ๋นเอาไว้
รวดเร็วยิ่งนัก!
ดุจตรวนโองการสวรรค์ที่ทำให้ผู้คนมิอาจขัดขืน ทั่วร่างถูกสยบด้วยพันธนาการร้ายกาจ
“วอนตาย!”
ยามคับขันนั้นเอง ดวงตาของซูอี้เปล่งแสงเจิดจรัส ใช้อำนาจดาบเก้าคุมขังสุดกำลัง
เปรี๊ยะ!
ตรวนทิพย์ที่มัดร่างของซูอี้อยู่แหลกสลายเป็นควัน
ทว่ากู้หยวนเชวียและปราชญ์หงอวิ๋นหาโชคดีเช่นนั้นไม่ ทั้งคู่ถูกพันธนาการด้วยตรวนทิพย์ประหลาด ลากหายเข้าไปภายในแดนหมื่นเร้นในพริบตา!
ยามซูอี้กำลังจะไปช่วย เขาก็ช้าไปแล้วก้าวหนึ่ง
เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นกะทันหันเกินไป หน้าของอวิ๋นฮว่าชิงกับอวี่หนิงล้วนเปลี่ยนสี ร่างสั่นสะท้านอย่างรุนแรง
ไฉนจึงเป็นเช่นนี้?
ยังมีตัวตนน่าสะพรึงกลัวยิ่งซ่อนอยู่ในสมุทรหมอกแห่งแดนหมื่นเร้นอีกหรือ?
ทันใดนั้น เสียงแก่ชราเสียงหนึ่งก็ดังออกมาจากภายในแดนหมื่นเร้น “หากเจ้าอยากช่วยคนล่ะก็ มาที่ ‘บรรพสถานอนุสรณ์’ สิ ขอเพียงเจ้ามาพบข้า มิเพียงเจ้าจะได้สหายคืน ยังจะได้สมบัติที่ข้าผู้นี้จะมอบให้อีกด้วย”
ซูอี้เลิกคิ้วถาม “แล้วบรรพสถานอนุสรณ์อยู่หนใด?”
ไร้ผู้ใดให้คำตอบ
เสียงเฒ่าชรานั้นมิได้ดังขึ้นอีกเลย
ซูอี้หันไปถามอวิ๋นฮว่าชิงและอวี่หนิง “พวกเจ้ารู้หรือไม่?”
ทั้งสองพร้อมใจกันส่ายหน้า
อวิ๋นฮว่าชิงกล่าวว่า “สหายเต๋าซู ข้าแน่ใจว่าในเมื่ออีกฝ่ายพูดเช่นนั้น เขาก็ไม่น่าทำร้ายเซียนหงอวิ๋นนะ”
ซูอี้พยักหน้าน้อย ๆ “เจ้าไปเก็บสินสงครามก่อน หลังจากข้าฟื้นพลังเรียบร้อย ค่อยเข้าไปในแดนหมื่นเร้นกัน”
อวิ๋นฮว่าชิงพยักหน้าตอบรับ
หลังจากประจักษ์ฝีมือของซูอี้แล้ว เซียนแท้ขอบเขตสุญตาผู้นี้ก็แสนสุดประทับใจ ย่อมไม่ถือสาหากต้องทำเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้
อย่าว่าแต่เรื่องที่ซูอี้เป็นผู้ช่วยชีวิตเขาไว้เมื่อครู่เลย
อวี่หนิงส่งขวดหยกหนึ่งให้และพูดเสียงต่ำ “สหายเต๋าซู นี่คือโอสถเซียน มีสรรพคุณอัศจรรย์ในการรักษาบาดแผล ฟื้นพลังกาย โปรดรับไว้ อย่าไม่ได้ถือสาเลย”
ซูอี้หาปฏิเสธไม่ เขารับขวดหยกมาแล้วนั่งลงขัดสมาธิ กรอกโอสถเซียนเข้าปาก
อวี่หนิงถอนใจโล่งอก
การที่ซูอี้รับโอสถจากนางนั้นพิสูจน์ว่าเขาหาใส่ใจการกระทำบุ่มบ่ามก่อนหน้านี้ของนางไม่
“สหายเต๋าซู ไฉนเฒ่าเป้าจึงไม่กลับมากับเจ้าเล่า หรือว่าเจ้า… เขาจะเป็นหนอนบ่อนไส้เหมือนเจ่ออิ่น?”
อวี่หนิงอดถามเบา ๆ มิได้
ซูอี้หาปกปิดไม่ เขาอธิบายเรื่องราวทั้งหมดคร่าว ๆ ขณะทำสมาธิฟื้นตัว
เมื่อได้ยินเช่นนี้ อวี่หนิงก็ตกตะลึง หัวใจของนางยิ่งทวีความละอาย
กาลก่อน นางคิดว่าทั้งอวิ๋นฮว่าชิง เป้าเหวินไท่ และซูอี้ล้วนถ่วงแข้งถ่วงขามิต่างกัน
มีเพียงปราชญ์หงอวิ๋นและหลวงจีนเจ่ออิ่นเท่านั้นที่พึ่งพาได้
ทว่าความจริงนั้น นางกลับคิดผิด ผิดมากด้วย!
อวิ๋นฮว่าชิงดูไม่รู้ดีชั่ว ทำตนเองขายหน้ามาหลายหน ทว่าหามีเจตนาร้ายไม่
ทว่าเป้าเหวินไท่ผู้ดูจริงใจพึ่งพาได้กับหลวงจีนเจ่ออิ่นต่างหากที่เป็นหนอนบ่อนไส้!
และฝีมือของซูอี้ก็ยิ่งน่าเหลือเชื่อ ดุจเทพเจ้าในร่างมนุษย์ผู้เลอเลิศสมบูรณ์แบบ!
อวี่หนิงใคร่ครวญกับตนเอง หากศึกวันนี้มิใช่เพราะซูอี้แข็งแกร่งจนแปรกระแสศึกได้ ชะตาของนางและอวิ๋นฮว่าชิงก็คงมิอาจคาดถึง!