บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1441: สิ่งใดคือการใช้อำนาจเข้าข่ม
ตอนที่ 1441: สิ่งใดคือการใช้อำนาจเข้าข่ม
หลังรวบรวมสินสงคราม อวิ๋นฮว่าชิงก็กลับมาหา
ทัศนคติต่อซูอี้ก็แปรเปลี่ยนไปอย่างเงียบงันเช่นเดียวกับอวี่หนิง
พวกเขาไม่กล้ามองซูอี้เป็นผู้น้อยอีกต่อไป!
“สหายเต๋าอวี่หนิง ภายหน้าอย่าบุ่มบ่ามอีกเลยนะ”
อวิ๋นฮว่าชิงกล่าวเตือน
อวี่หนิงพยักหน้ากล่าว “เจ้าก็เช่นกัน อย่าทำเรื่องน่าเบื่อต่อหน้าสหายเต๋าซูเยี่ยงกาลก่อนอีกเลย”
อวิ๋นฮว่าชิง “…”
เขาถูจมูกอย่างแสนละอาย
ครึ่งชั่วยามต่อมา
ซูอี้ก็ลุกขึ้นกล่าว “ไปกันเถอะ”
กล่าวจบ เขาก็เดินไปทางแดนหมื่นเร้นท่ามกลางทะเลหมอก
อวิ๋นฮว่าชิงและอวี่หนิงตามหลังเขาไป
……
มวลหมอกแผ่ฟุ้งปกคลุมทั่วทั่งฟ้าดินคลุ้งไปหมด
สารพัดรุ้งทิพย์เจิดจรัสตระการสีพลิ้วทะยานวูบไหวผลุบโผล่ดุจฝูงมัจฉาในทะเลหมอก
ฉัวะ!
ยามหมู่หมอกเคลื่อนตัว อำนาจคำสาปประหลาดก็กัดกร่อนแดนดิน เผยรอยร้าวชวนตะลึง
อวิ๋นฮว่าชิงและอวี่หนิงล้วนขวัญผวาเยี่ยงเผชิญศัตรูร้าย
พวกเขาเป็นวิญญาณอาสัญ ถูกอำนาจคำสาปทรมานเสมอมา ย่อมรู้ดีที่สุดว่าอำนาจคำสาปนี้ร้ายกาจเพียงไร
อำนาจคำสาปที่ปะปนทั่วหมู่หมอกนี้คือหลักฐาน!
สิ่งที่ทำให้ทั้งสองโล่งใจนั้นก็คือซูอี้นำทางพวกเขาอยู่ ทุกที่ที่เขาผ่าน ม่านหมอกหนาแน่นจะแยกทางซ้ายขวาเยี่ยงคลื่นวารีแหวกกลาง มิกล้าเข้ามาใกล้พวกเขาเลย
“อำนาจแห่งวัฏสงสารหยุดยั้งปราณคำสาปนี้ได้จริง ๆ”
ดวงตาของอวิ๋นฮว่าชิงและอวี่หนิงแปรเปลี่ยนละเอียดอ่อน
สำหรับผู้อื่น แดนหมื่นเร้นนี้อันตรายหมายชีวิต
ทว่าสำหรับซูอี้ผู้ครอบครองอำนาจวัฏสงสาร เขาก็เหมือนเดินเล่นในแดนดินไร้เจ้าของ!
วูบ!
รุ้งทิพย์เจิดจรัสตระการสีปรากฏขึ้นไกล ๆ จากในหมู่หมอก เรืองรัศมีงดงามจับตา ก่อนจะหายไปอีกครั้งในทันใด
“ใครเล่าจะกล้าเชื่อว่ารุ้งทิพย์เหล่านี้ แท้จริงแปรเปลี่ยนจากที่มาแห่งมหาวิถี?”
อวิ๋นฮว่าชิงอุทาน “น่าเสียดายที่พวกมันกระจัดกระจายท่ามกลางทะเลหมอก ปรากฏและมลายหายในพริบตา ยากจะจับต้องได้”
รุ้งทิพย์เหล่านั้นแทนอำนาจที่มามหาวิถีแตกต่างกัน และยังบริสุทธิ์อย่างยิ่ง
หากจับมันได้ ไม่จำเป็นต้องทำความเข้าใจ ขอเพียงนำมันไปหล่อหลอมก็สามารถรวมอำนาจมหาวิถีนั้นเป็นของตนได้แล้ว!
“รุ้งทิพย์เหล่านี้ไหลลื่นเยี่ยงปลาไหล เดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่ ยากจะจับได้จริงแท้”
อวี่หนิงเองก็เสียดายเล็กน้อย
เหมือนโอกาสใหญ่อยู่ตรงหน้า แต่กลับคว้ามามิได้ ทำได้เพียงมองตาละห้อย
“การจับรุ้งทิพย์มหาวิถีเหล่านี้มิใช่เรื่องยากหรอก”
ซูอี้พลันกล่าวขึ้นด้วยคู่เนตรลึกล้ำ “ข้าพออนุมานได้แล้ว ยิ่งเข้าไปลึก จำนวนและความถี่การปรากฏของรุ้งทิพย์มหาวิถีเหล่านี้ก็ยิ่งเพิ่มพูน”
“ยามนี้ ระยะห่างระหว่างเราและรุ้งทิพย์มหาวิถีเหล่านั้นยังเรียกได้ว่าห่างกันเกินไป หากจะจับพวกมันก็มีโอกาสไม่มาก แต่ยิ่งเข้าไปลึก เราก็ยิ่งใกล้พวกมัน”
“ถึงยามนั้น โอกาสจับพวกมันจะมีมาก”
คณะเดินทางคืบหน้าต่อ
ไม่นานนัก อวิ๋นฮว่าชิงและอวี่หนิงก็ประจักษ์ว่าซูอี้พูดถูก ยิ่งเข้าไปลึกในแดนหมื่นเร้น รุ้งทิพย์มหาวิถีเหล่านั้นก็ยิ่งปรากฏขึ้นบ่อย
ยิ่งกว่านั้น ระยะห่างระหว่างพวกเขากับรุ้งทิพย์มหาวิถีเหล่านั้นก็กำลังค่อย ๆ หดสั้น!
ทว่าเซียนแท้ขอบเขตสุญตาทั้งสองก็ยังรู้สึกยากลงมืออยู่เล็กน้อย
เหตุผลไม่ใช่ใดอื่น รุ้งทิพย์มหาวิถีเหล่านั้นยังคงไหลลื่นผลุบโผล่พริบตา หากมิเตรียมการไว้ก่อน การจะจับพวกมันก็ยากสำเร็จ
……
“เร็วเข้า ขวางรุ้งทิพย์มหาวิถีพวกนั้นไว้!”
“ลงมือด้วยกัน!”
“รุ้งทิพย์สีม่วงสายนั้นพวกข้าหมายตาอยู่ ใครกล้าปล้นไปข้าจะฆ่าทิ้งเสีย!”
ทันใดนั้น เสียงอื้ออึงก็ดังแว่วมาจากส่วนลึกในทะเลหมอก
มีผู้มาถึงก่อนแล้ว!
อวิ๋นฮว่าชิงและอวี่หนิงมองหน้ากัน หัวใจทั้งคู่ล้วนเย็นยะเยือก
“ไปดูกัน”
ซูอี้ก้าวเดินไปยังต้นเสียง
ไม่นานนัก เขาก็พบว่าฟ้าดินอันปกคลุมด้วยหมอกแห่งหนึ่งมีรุ้งทิพย์มหาวิถีจรัสแสงพร่างพราวเยี่ยงเส้นแสงวูบไหวผลุบโผล่อยู่ในหมู่หมอก
และตัวตนบางผู้อันปกคลุมโดยรัศมีเซียนเจิดจรัสกำลังไล่ล่ารุ้งทิพย์มหาวิถีเหล่านั้นชุลมุนเป็นที่ยิ่ง
ตัวตนเหล่านั้นเป็นกลุ่มสามถึงห้าคน แบ่งฝ่ายต่างกันกระจายตัวลงมือ
หากไม่ใช้เคล็ดวิชาก็สั่งการสมบัติลับ ทำให้ฟ้าดินปั่นป่วนรวนเรยิ่ง
แต่หากมองพินิจดี ๆ ก็จะพบว่ามีน้อยคนนักที่จับรุ้งทิพย์มหาวิถีได้จริง ๆ
มิใช่เพราะพวกเขามิแข็งแกร่งพอแต่อย่างใด แต่ความเร็วของรุ้งทิพย์มหาวิถีเหล่านั้นรวดเร็วเกินไป มันวูบไหวผลุบโผล่ในพริบตายากจับได้
“ตัวประหลาดคิ้วเหลือง ฝูเฟิงจื่อ ไป๋หลี่ชวน… ที่แท้ก็เป็นเจ้าเฒ่าพวกนี้!”
สายตาของอวิ๋นฮว่าชิงกวาดมองและจำตัวตนเหล่านั้นได้มากมาย ทั้งหมดล้วนแต่เป็นวิญญาณอาสัญเซียนแท้ขอบเขตสุญตา!
สัตว์ประหลาดเฒ่าเหล่านี้ บางคนเป็นตัวตนทรงพลังยิ่ง
เหมือนเช่นตัวประหลาดคิ้วเหลือง ฝูเฟิงจื่อและคณะที่อวิ๋นฮว่าชิงจำได้ก็ล้วนแต่เป็นตัวตนสูงสุดเยี่ยงนายเหนือแห่งเหล่าเซียนแท้ขอบเขตสุญตา
“ดูเหมือนเราจะยังมาสายไป”
อวี่หนิงกระซิบ
“ศึกชิงโอกาสนั้นไร้ลำดับชัดเจน”
ซูอี้กล่าวอย่างเฉยเมย
แดนดินถิ่นนี้พิเศษยิ่งนักจริงแท้ สารพัดรุ้งทิพย์มหาวิถีวูบไหวผลุบโผล่เต็มไปหมด
ยามเข้าไปใกล้ขึ้น ก็เห็นได้ชัดเจนว่ารุ้งทิพย์มหาวิถีเหล่านี้แปรเปลี่ยนมาจากกลุ่มแสงขนาดราวกำปั้น
กลุ่มแสงแต่ละกลุ่มเรืองรัศมีเจิดจรัสแตกต่าง และยามทะยานสู่นภาก็ลากหางยาวจนดูราวรุ้งทิพย์ทะยานเวหา
ยิ่งกว่านั้น รูปลักษณ์ของกลุ่มแสงเหล่านั้นก็แตกต่างกัน
บ้างหมองหม่นสำรวมรัศมี บ้างเจิดจรัสเยี่ยงตะวันแผด บ้างเล็กจ้อยราวกำปั้นทารก และบ้างมโหฬารราวหินโม่บด!
จากรูปลักษณ์ ความสง่างามและปราณที่แผ่ออกมา มองปราดเดียวก็ตัดสินคุณภาพของรุ้งทิพย์มหาวิถีแต่ละสายได้
วูบ!
รุ้งทิพย์สีแดงสายหนึ่งพลันปรากฏบนเวหา ลอยตรงหน้าอวิ๋นฮว่าชิงสิบจั้ง
ก่อนที่อวิ๋นฮว่าชิงจะทันไหวตัว ร่างแหกว้างสีทองก็ร่วงลงกลางเวหา คลุมรุ้งทิพย์สีแดงนั้นไว้
ผู้ลงมือเป็นชายชราในชุดยาวผู้มีเส้นผมกระเซิง มีคิ้วเรียวยาวสีเหลือง
เบื้องหลังชายชราชุดยาวคนนั้นมีผู้ติดตามสามคน
“อวิ๋นฮว่าชิง? มิคาดเลยว่าเจ้าจะมาด้วย!”
ชายชราคิ้วเหลืองฉีกยิ้ม ยกมือขึ้นชี้บริเวณใกล้เคียง “ดูให้ดีนะ แดนดินในอาณาเขตพันจั้งนี้ถูกข้ายึดไว้แล้ว!”
อวิ๋นฮว่าชิงขมวดคิ้ว “ตัวประหลาดคิ้วเหลือง เจ้าหมายความเช่นไร?”
ชายชราคิ้วเหลืองกล่าวยิ้ม ๆ “อย่าเข้าใจข้าผิด เจ้าจะไล่ล่าโอกาสที่นี่ก็ได้ แต่ต้องแบ่งรุ้งทิพย์มหาวิถีที่ได้มาให้ข้าเก้าส่วน! หาไม่…”
สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยน รอยยิ้มเหือดหาย และกล่าวชัดทีละคำ “ก็ไสหัวไปให้พ้น!”
คลื่นเสียงสนั่นลั่นดึงดูดสายตาผู้อื่นจากไกล ๆ ให้มองมา
สีหน้าของอวิ๋นฮว่าชิงดำคล้ำ มิอาจรักษาใบหน้าให้นิ่งได้
อวี่หนิงอดโมโหมิได้ ตัวประหลาดคิ้วเหลืองนี่รังแกผู้อื่นมากไปแล้ว! ไม่มีพวกนางในสายตาชัด ๆ!
หากปราชญ์หงอวิ๋นอยู่ด้วย ไอ้แก่นี่มีหรือจะกล้าผยองเพียงนี้?
อวิ๋นฮว่าชิงและอวี่หนิงต่างหันมองซูอี้อย่างเผลอไผล
ซูอี้หากล่าวยืดเยื้อไม่ เขาก้าวเข้ามากล่าวด้วยดวงตาเฉยเมยทันที “ส่งสมบัติทั้งหมดที่เจ้ามีมาแล้วไสหัวไปซะ แล้วข้าผู้นี้ จะไว้ชีวิตเจ้า”
เมื่อสิ้นคำ
อวิ๋นฮว่าชิงและอวี่หนิงก็อดมองหน้ากันมิได้
พวกเขาล้วนคาดไว้แล้วว่าซูอี้จะมิล่าถอย แต่มิคาดว่าซูอี้จะวางท่าใช้อำนาจเข้าข่มเพียงนี้
ตัวประหลาดคิ้วเหลืองนั้นแสนหยิ่งผยอง
ทว่าซูอี้นั้นหยิ่งผยองยิ่งกว่าเขา!
ไม่สิ ต้องบอกว่าเป็นการใช้อำนาจข่มโดยนิสัย!
หามีตัวประหลาดคิ้วเหลืองและพรรคพวกในสายตาไม่!
“เจ้า… ว่าอย่างไรนะ?”
ตัวประหลาดคิ้วเหลืองดูจะสงสัยว่าตนหูฝาด
เซียนแท้ขอบเขตสุญตาเบื้องหลังเขาทั้งสามเองก็ผงะไป ก่อนจะอดมองซูอี้ใหม่อีกหนมิได้
แต่ก็พบว่าชายหนุ่มผู้นี้ดูจะไร้ปราณการฝึกฝนใด ๆ ในร่าง มิอาจพบพานสิ่งพิเศษใด ๆ
“อวิ๋นฮว่าชิง ไอ้หนูที่ข้าขู่ข้าเช่นนี้คือใคร มิกลัวตายหรือไร?”
ชายในอาภรณ์สีหมึกผู้หนึ่งกล่าวอย่างขบขัน
ซูอี้พลันขยับ ร่างของเขาวูบไหวปรากฏตรงหน้าชายในอาภรณ์สีหมึก
ตู้ม!
ดาบแห่งโลกาฟาดฟันลงอย่างดุเดือด
“วอนตายจริง ๆ!”
ในฐานะเซียนแท้ขอบเขตสุญตา ชายในอาภรณ์สีหมึกย่อมมิอยู่เฉย
เขาแค่นเสียงอย่างเย็นชา และยกมือขึ้นคว้าดาบแห่งโลกา
ทว่ายามนี้ ตัวประหลาดคิ้วเหลืองพลันตะโกนลั่นขึ้นในโสต “ระวังด้วย! นั่นคืออำนาจวัฏสงสาร!”
วัฏสงสาร?
ชายในอาภรณ์สีหมึกใบหน้าเปลี่ยนสี ทว่าก็ช้าไปแล้วก้าวหนึ่ง
ฉัวะ!
ดาบแห่งโลกาฟาดลงสะบั้นร่างของชายในอาภรณ์สีหมึกเป็นสองเสี่ยง
ปราณดาบอันทรงพลังบดขยี้ร่างของอีกฝ่ายซึ่งแยกจากกันระเบิดเปรี้ยงไร้ซากหลงเหลือ
เหล่าผู้ชมล้วนตะลึง
เซียนแท้ขอบเขตสุญตาซึ่งกำลังไล่ล่ารุ้งทิพย์มหาวิถีอยู่ไกล ๆ ล้วนหยุดการเคลื่อนไหวมองมาเป็นตาเดียว
วัฏสงสาร!
ชายหนุ่มผู้นั้นคือซูอี้หรือ?
ลือกันว่าซูอี้เพิ่งก้าวสู่วิถีจุติสรวงนี่ ไฉนเขาจึงฆ่าวิญญาณอาสัญเซียนแท้ขอบเขตสุญตาได้ด้วยดาบเดียว?
คนทุกผู้ล้วนตะลึง
เจ้าเด็กนี่ทรงพลังเพียงนี้เลยหรือ!?
บรรยากาศเงียบสงัดกดดัน คลื่นใต้น้ำกระโชกแรง
สายตามากมายมองมายังซูอี้ แม้พวกเขาจะต่างตกตะลึง แต่ก็ยากซ่อนความโลภไว้ได้ สายตาของพวกเขาราวจับจ้องโอกาสงามอันส่งตัวเองมาถึงที่
เทียบกันแล้ว กระทั่งรุ้งทิพย์มหาวิถีที่กระจัดกระจายทั่วฟ้าดินยังมิสำคัญเท่า!
ทั้งหมดนี้ทำให้สีหน้าของอวิ๋นฮว่าชิงและอวี่หนิงแปรเปลี่ยนไปทันที มีหรือพวกเขาจะไม่รู้ว่าอำนาจวัฏสงสารของซูอี้เย้ายวนใจต่อเหล่าเซียนแท้ขอบเขตสุญตาที่นี่เพียงไร?
ทว่าซูอี้หาสนใจเรื่องทั้งหมดนี้ไม่
เขาถือดาบแห่งโลกาในมือ กล่าวกับตัวประหลาดคิ้วเหลืองอย่างเฉยเมย “ยามนี้ เจ้าได้ยินวาจาข้าผู้นี้ชัดเจนหรือยัง?”
วาจานั้นกังวาน ฟังชัดถ้วนทั่ว
เหล่าเซียนในบริเวณทั้งหลายแสดงสีหน้ายากเชื่อลง
ตัวตนเล็กจ้อยในวิถีจุติสรวงกล้าข่มขู่เซียนแท้ขอบเขตสุญตาเยี่ยงตัวประหลาดคิ้วเหลืองอย่างเย่อหยิ่ง?
บ้าชัด ๆ!
ในทางกลับกัน อวิ๋นฮว่าชิงและอวี่หนิงนั้นแสนเยือกเย็น
ก่อนประจักษ์แก่ฝีมือซูอี้ พวกเขาล้วนถือซูอี้เป็นผู้น้อย หาปฏิบัติต่อเขาจริงจังไม่
แต่หลังสำเหนียกในฤทธา เซียนแท้ขอบเขตสุญตาเช่นพวกเขาก็ทำได้เพียงรู้สึกละอายแก่ใจ ทอดถอนใจกับตน
“ฮะ ๆ ฮ่า ๆๆ!”
ตัวประหลาดคิ้วเหลืองเชิดหน้าหัวเราะลั่นนภา ไม่ว่าผู้ใดก็เห็นได้ว่าสัตว์ประหลาดเฒ่าผู้มีอุปนิสัยโหดเหี้ยมบ้าอำนาจกำลังเดือดดาล!
ทว่าทันใดนั้น ภายใต้สายตาตะลึงงันทุกคู่ ตัวประหลาดคิ้วเหลืองก็โบกมือกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ไปกันเถอะ ทิ้งที่นี่ให้พวกเขา!”
คนทุกผู้ “???”