บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1443: ความกลัวคืออะไร
ตอนที่ 1443: ความกลัวคืออะไร
ชายร่างผอมสวมชุดเต๋ามีนามว่าฝูเฟิงจื่อ
เป็นตัวตนระดับสุดยอดในกลุ่มเซียนแท้ขอบเขตสุญตาที่รวมตัวกันในที่แห่งนี้
เมื่อเขาเอ่ยพูดขึ้นมา เซียนแท้จำนวนมากมายพากันลังเล
ไม่ใช่เพราะโดนเป่าหูจนหน้ามืดตาลาย
แต่เป็นเพราะคำกล่าวของฝูเฟิงจื่อพูดโดนใจของพวกเขา!
จริงอยู่ ซูอี้แข็งแกร่งมากจนใคร ๆ ต่างเกรงกลัว
ทว่าหากพวกเขาสามารถร่วมมือกันได้ ใช่ว่าไม่อาจเอาชนะซูอี้ได้
เวลานี้ ฝูเฟิงจื่อกล่าวเสียงเข้มราวกับไม่หวั่นเกรงต่อสิ่งใดอีกแล้ว
“หรือว่าทุกท่านยอมถอยหนีไปจากที่แห่งนี้และประเคนโชคทั้งหมดในที่แห่งนี้ให้คนอื่น?”
“อย่าลืมว่าพวกเรามาที่นี่เพื่อค้นหาหนทางรอดในแดนหมื่นเร้น! ไม่มีทางให้ถอยหนีใด ๆ อีกแล้ว!”
น้ำเสียงหนักแน่น ดังก้องไปทั่ว
ทันใด ผู้เฒ่าผมขาวโพลนในชุดสีเขียวกัดฟันพูด “ฝูเฟิงจื่อกล่าวไม่ผิด พวกเขาล้วนเป็นวิญญาณอาสัญกันหมดแล้ว หากหาหนทางรอดไม่เจอ ขอบเขตระดับการฝึกตนก็มีแต่จะเสื่อมถอยลงไปเรื่อย ๆ และเดินสู่ความตายอย่างช้า ๆ!”
“หากต้องมีชีวิตอยู่อย่างไร้ศักดิ์ศรี เหตุใดจึงไม่สู้เล่า?”
คนทั้งหลายจิตใจฮึกเหิม สายตาที่เหล่าเซียนแท้มองไปที่ซูอี้เปลี่ยนไปอย่างประหลาด
ซูอี้ยืนมือไพล่หลัง มองดูอยู่ห่าง ๆ ไม่ได้เข้าห้ามทัดทาน
สังหารชีวิตคนอื่นโดยไร้ความเป็นธรรมหรือไร้ซึ่งความแค้นเช่นนั้น เขาทำไม่ลง
ทว่าหากฝ่ายตรงข้ามต้องการจะหาที่ตายเอง เขาก็ไม่รังเกียจที่จะสนับสนุนฝ่ายตรงข้าม!
อวิ๋นฮว่าชิงทนมองต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว เขาร้องตะคอก “ฝูเฟิงจื่อ เจ้ากำลังให้ร้ายคนอื่นอยู่ เข้าใจหรือไม่!”
“ข้าขอบอกไว้ตรงนี้ ต่อให้พวกเจ้าบุกพร้อมหน้ากัน ก็ยังคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของสหายเต๋าซู!”
อวี่หนิงก็เอ่ยขึ้นเช่นกัน “เดิมทีทุกคนก็ไม่ได้มีความแค้นอันใดต่อสหายเต๋าซู เหตุใดต้องฆ่าฟันกันด้วย?”
“หากทุกท่านเลือกที่จะก้มหัว ยอมแต่โดยดี ไม่แน่ อาจจะได้รับความรู้สึกดีจากสหายเต๋าซู วันข้างหน้าหากต้องการทลายพลังคำสาบในตัว ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาส!”
หลังจากที่อวิ๋นฮว่าชิงกับอวี่หนิงกล่าวเสร็จ เซียนแท้ส่วนหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปพากันลังเล
“อวิ๋นฮว่าชิง เจ้าก็เป็นเซียนแท้คนหนึ่งเช่นกัน เพื่อประจบเอาใจซูอี้ กลับพูดจาไร้ยางอายเช่นนี้ออกมาได้ ข้ารู้สึกอับอายแทนใจเจ้าจริง ๆ!”
ฝูเฟิงจื่อสบถ “ขืนเจ้าพูดมากกว่านี้แค่คำเดียว วันนี้เจ้าก็จะไม่รอดด้วยเช่นกัน!”
พูดจบ เขาเบนสายตามองไปที่อวี่หนิง กล่าว “ยังมีเจ้าอีกคน เห็นดีเห็นงามไปด้วย ทั้งยังเกลี้ยกล่อมให้พวกเราก้มหัวให้กับเขาอีก สมควรตายชัด ๆ!”
สีหน้าของอวิ๋นฮว่าชิงกับอวี่หนิงสลดลง
ซูอี้กลับขมวดคิ้ว ไม่อาจทนต่อไปได้อีก
สิ่งที่เขาไม่ชอบเป็นที่สุดก็คือพูดจาทะเลาะไปมาเช่นนี้!
ทันใด ซูอี้ก็ออกโรง ก้าวเดินไปใกล้ฝูเฟิงจื่อ
“ใครอยากจะตายพร้อมกับเขาก็ลงมือได้เลย!”
สายตาของซูอี้ราบเรียบ ขณะที่พูดตวัดดาบฟันใส่ฝูเฟิงจื่อแล้ว
ครืน!
อากาศแปรปรวน ภาวะดาบพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
ซูอี้ยังคงรุนแรงถึงขีดสุดเหมือนแต่ก่อน
“ลงมือ!”
ฝูเฟิงจื่อร้องตะโกน
เขาชักดาบวิถีสีแดงราวกับเพลิงไฟออกมา จากนั้นพุ่งขึ้นกลางอากาศประจันหน้าอย่างแข็งกร้าว
“ฆ่า!”
ในเวลาเดียวกัน เซียนแท้ขอบเขตสุญตาส่วนหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์พากันลงมือ พุ่งเข้าไปสังหารซูอี้พร้อมกับฝูเฟิงจื่อ
“คนโง่เขลาเหล่านี้ หมดทางจะเยียวยาเสียแล้ว!”
อวิ๋นฮว่าชิงหัวเราะเสียงเย็นชา
อวี่หนิงถอนใจเบา ๆ กล่าว “โง่เขลาเช่นนั้นรึ ก่อนที่จะได้เห็นความงามสง่าของสหายเต๋าซู เจ้ากับข้าก็เคยถูกความโง่เขลาบดบังสายตาเช่นกันไม่ใช่หรือ?”
อวิ๋นฮว่าชิงนิ่งไปในทันใด พูดไม่ออก
จริงดังคำที่ว่าอยู่ในการรับรู้ที่แตกต่างกัน เรื่องบางเรื่องหากยืนอยู่ในมุมมองที่ต่างกัน บทสรุปที่ได้ก็ยอมแตกต่างกัน
ฝูเฟิงจื่อร่วมมือกับตัวประหลาดคนอื่น ๆ เพื่อกำจัดซูอี้พร้อมกัน คิดไปว่าสามารถเอาชนะได้ คิดผิดไปเช่นนั้นหรือ?
เปล่าเลย!
ทว่า มีเซียนแท้บางส่วนที่ไม่ได้ลงมือ หลบอยู่ห่าง ๆ ไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้ด้วย
ครืน!
ในการต่อสู้ ศึกใหญ่ปะทุ สมบัติล้ำค่าส่งเสียงดังกึกก้อง แสงวิถีเปล่งประกายเจิดจ้า
ไม่มีใครกล้าประมาท
ต่างก็เป็นคนเก่งฉกาจที่รอดออกมาจากทะเลเลือดและซากศพ ทั้งเคยเห็นกำลังการต่อสู้ที่น่ากลัวของซูอี้ตอนที่สังหารไป๋หลี่ชวน ใครกันจะกล้าประมาท?
พอเซียนแท้ขอบเขตสุญตาอย่างฝูเฟิงจื่อจำนวนสิบกว่าคนสู้พร้อมกัน อย่างไรเสียก็เป็นการโจมตีที่มีอานุภาพรุนแรง แต่ละคนต่างแสดงความสามารถอันเก่งกาจของตัวเองออกมา ไพ่ใบสุดท้ายถูกแสดงออกอย่างเต็มที่!
อานุภาพที่น่ากลัวเช่นนั้นทำให้อวิ๋นฮว่าชิงกับอวี่หนิงถึงกับหนาวสันหลัง หัวใจสูบฉีดแรง
ถามใจตัวเองดู หากว่าพวกเขาเป็นซูอี้ คงจะถอยไปตั้งนานแล้ว ไม่กล้าประจันหน้าสู้ด้วยหรอก!
ชั่วพริบตา ซูอี้ตกอยู่ในการโอบล้อมอย่างแน่นหนา อยู่ในภาวะวิกฤติ
ทว่าสีหน้าของเขานั้นราบเรียบ สายตาเย็นชา ไม่มีความครั่นคร้ามแม้แต่น้อย
“ขึ้น!”
เตาเสริมสวรรค์พุ่งออกมา ลอยอยู่เหนือศีรษะซูอี้ แสงทิพย์สีม่วงของเซียนเปล่งประกาย บดบังพิบัติหายนะจากรอบด้าน
กลางฝ่ามือของซูอี้ ดาบแห่งโลกาส่งเสียงดังสนั่น ระเบิดแสงปาฏิหาริย์ออกมา เพียงแค่ชั่วครู่เดียวพลังดาบนับไม่ถ้วนถูกปล่อยออกไป
ครืน! ครืน! ครืน!
ฟ้าดินสั่นสะเทือนอย่างแรง ภาพวัฏสงสารที่ยิ่งใหญ่และลึกลับแต่ละฉากปรากฏขึ้นกลางอากาศ
สระวายชนม์ หนทางสุดวิถี ทะเลทุกข์ ยมโลก พฤกษาหมื่นวิถีวัฏสงสาร และอื่น ๆ
ภาพยิ่งใหญ่ทั้งหลาย หลอมรวมเข้าด้วยกัน เกิดเป็นโลกวัฏสงสารที่เหมือนกับของจริง ครอบคลุมฟ้าดินในบริเวณนั้น
และครอบคลุมศัตรูทั้งหลายอยู่ภายในนั้นด้วย!
“วัฏสงสาร!”
พวกของฝูเฟิงจื่อพากันใจสั่น สีหน้าเปลี่ยน
สำหรับวิญญาณอาสัญอย่างพวกเขา สิ่งที่น่ากลัวเป็นที่สุดก็คือพลังมหาวิถีที่เต็มไปด้วยอานุภาพต้องห้ามเช่นนี้!
“เร็วเข้า บุกไป!!”
เสียงร้องตะโกนดังขึ้นไม่ขาด
ตัวประหลาดเหล่านั้นต่างรู้สึกได้ถึงภัยอันตราย จึงเริ่มตอบโต้กลับแบบไม่คิดชีวิต ราวกับคนเสียสติ สมบัติเซียนทั้งหลายกระทบกระทั่งใส่กัน ระเบิดกระหน่ำจนโลกวัฏสงสารสั่นสะเทือนอย่างแรง
“ทุกท่านก็มองเห็นแล้ว วัฏสงสารใช่ว่าไม่อาจทะลวงได้! บุก!”
ฝูเฟิงจื่อร้องตะโกน แสงทิพย์ของเซียนที่อยู่รอบตัวส่องแสงสว่าง ท่าทางดุดันน่ากลัว
“บุก!”
โลกวัฏสงสารกำลังสั่นสะเทือน ทำท่าใกล้จะแตกสลาย
อวิ๋นฮว่าชิงกับอวี่หนิงต่างก็ตื่นตระหนกขึ้นมา
“แมลงตัวจ้อยเขย่าต้นไม้!”
ซูอี้สบถเสียง
เขาในเวลานี้ ยืนอยู่กลางอากาศ ประกายแสงมหาวิถีที่มีลักษณะคล้ายกับฮุ่นตุ้นล้อมรอบตัวเขา เสริมให้ชายหนุ่มยิ่งใหญ่สง่างามราวกับผู้ชี้ชะตาแห่งวัฏสงสาร
จากนั้นเขาใช้ดาบแห่งโลกาแทงลงกลางโลกวัฏสงสารที่เกิดขึ้นจากภาวะดาบจำนวนนับไม่ถ้วน
ชั่วขณะนี้ ในห้วงความนึกคิด ดาบเก้าคุมขังสั่นสะเทือน ซูอี้ใช้กำลังทั้งหมดควบคุม กลิ่นอายพลังลึกลับกลุ่มหนึ่งไหลผ่านดาบแห่งโลกา พุ่งเข้าไปในโลกวัฏสงสารแห่งนั้น
ครืน…!
ภาพเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น โลกวัฏสงสารนั้นเปลี่ยนไปกลายเป็นของจริงขึ้นมา กฎเกณฑ์ลึกลับนับไม่ถ้วนเกิดความผันผวน สระวายชนม์ หนทางสุดวิถี ทะเลทุกข์ และภาพอื่น ๆ ผุดขึ้น
ภายในสระวายชนม์ มีกระแสน้ำพ่นขึ้นอย่างแรง ราวกับน้ำพุที่พ่นออกมาจากก้นบึ้งบาดาล
บนหนทางสุดวิถี บุปผามิคสัญญีจำนวนนับไม่ถ้วนที่ลุกไหม้กำลังโรยรา เสียงเสนาะลึกลับดังขึ้นเป็นพัก ๆ บนหนทางยาวเหยียดที่ดำดิ่งสู่ความมืดมิด ราวกับเสียงสวดส่งวิญญาณ
กลางทะเลทุกข์ น้ำทะเลถาโถมโหมซัด กระดูกคนผลุบ ๆ โผล่ ๆ …
…สำหรับพวกของฝูเฟิงจื่อแล้ว เหมือนกับโดนซัดเข้าสู่วัฏสงสารจริง! รู้สึกตัวเองเล็ก สิ้นหวัง ไร้ที่พึ่ง
ไม่ได้การ!!
ตัวประหลาดทั้งหลายขวัญกระเจิง ลนลานด้วยความบ้าคลั่ง
แต่ไร้ซึ่งประโยชน์
พวกเขาบางคนร่วงหล่นลงไปในสระเวียนว่าย ร่างกายถูกไอหมอกกลบทับกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยนับไม่ถ้วนหายไปในกฎเกณฑ์ที่ทิ่มแทงกระดูก
บ้างถูกนำพาไปสู่หนทางสุดวิถี ร่างกายถูกเผาผลาญเป็นไฟสีแดงจำนวนนับไม่ถ้วนด้วยบุปฝามิคสัญญี มอดม้วยกลายเป็นผงธุลีในชั่วพริบตาราวกับกระดาษที่ถูกไฟเผา
บ้างถูกฉุดกระชากเข้าสู่ทะเลทุกข์อันเวิ้งว้างไร้ขอบเขต ผลุบโผล่อยู่ในน้ำทะเลขุ่นมัว จะอยู่ก็ไม่ได้ จะตายก็ยาก วิญญาณได้รับการทรมานอย่างไม่อาจคาดคิด
…เสียงร้องครวญครางด้วยความหวาดกลัว เสียงร้องตะโกนด้วยความเจ็บใจ เสียงแผดร้องด้วยความตื่นตระหนก เสียงแต่ละเสียงดังระงม
“วัฏสงสาร…”
ห่างไกลออกไป อวิ๋นฮว่าชิงสั่นสะท้านไปทั้งตัว ในสายตาเต็มไปด้วยความสยดสยอง
ถึงแม้ เขาจะได้รับความช่วยเหลือจากซูอี้ ขจัดคำสาบแช่งในตัวออกไปแล้ว แต่เมื่อมองดูเซียนแท้เหล่านั้น หากเวลานี้เป็นเหมือนนักโทษที่ถูกเนรเทศ เวลาได้รับการทำลายล้างของวัฏสงสารก็ยังคงรู้สึกหวาดกลัวอย่างบอกไม่ถูกเช่นกัน
“พลังต้องห้ามที่พันธสัญญาแห่งทวยเทพไม่ยอมให้มีอยู่ ช่าง…น่ากลัวเสียเหลือเกิน….”
อวี่หนิงพึมพัมเบา ๆ
มือทั้งคู่กำแน่นโดยไม่รู้สึกตัว
ห่างออกไป เซียนแท้ขอบเขตสุญตาที่ไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้ฟาดฟันเหล่านั้นต่างก็หนาวสะท้าน!
เพียงแค่ความคิดต่างกัน ห่างกันถึงขั้นเป็นและตาย
เป็นเพราะพวกเขาไม่ได้เข้าร่วมด้วย เมื่อมองเห็นเซียนแท้ซึ่งเป็นพวกเดียวกันเหล่านั้นแต่ละคนตายอย่างอนาถราวกับอยู่ในโลกวัฏสงสารที่แท้จริงแล้ว นอกเหนือจากความตื่นตระหนก ยังอดรู้สึกโล่งอกไม่ได้
ครืน!
ทันใด โลกวัฏสงสารสั่นสะเทือนอย่างแรง แสงวิถีลำหนึ่งแหวกทะลุออกมา
ร่าง ๆ หนึ่งพุ่งออกมา!
เขาคือฝูเฟิงจื่อ
เพียงแต่ว่า ผมปรกหน้าปรกตา ร่างกายสะบักสะบอม อยู่ในสภาพที่น่าสมเพชยิ่งนัก
คนทั้งหลายต่างรู้สึกสะท้อนใจ
“วัฏสงสาร… จะทำอะไรข้าได้!?”
ฝูเฟิงจื่อแผดเสียงร้องตะโกน
ปัง!!!
เตาเสริมสวรรค์ที่มีแสงสีม่วงล้อมรอบพุ่งลงมาจากกลางอากาศ บดขยี้ร่างของฝูเฟิงจื่อจนแตกละเอียด
คนทั้งหลาย “…”
เสียงคำรามของฝูเฟิงจื่อยังคงดังกึกก้อง แต่เหมือนกับประชดกันชัด ๆ เสียงนั้นกลายเป็นคำพูดสั่งเสียครั้งสุดท้ายของเขา
โลกวัฏสงสารค่อย ๆ เลือนลางหายไป
เซียนแท้ขอบเขตสุญตาสิบกว่าคนโดยมีฝูเฟิงจื่อเป็นแกนนำล้วนตายคาที่อย่างน่าอนาถ!
ทุกคนในเหตุการณ์ตื่นตะลึง แต่ละคนนิ่งเงียบอยู่นานมาก
กลางอากาศ สายตาของซูอี้ยังคงราบเรียบเหมือนเดิม ดุจดังผู้ชี้ชะตาที่ก้มมองดูเหล่าเซียน
ทันใด เขาหมุนตัวหันมองเซียนแท้ที่เหลือเหล่านั้น กล่าวน้ำเสียงราบเรียบ “ยังมีใครอยากจะลองอีกบ้าง?”
ไม่มีใครกล้าสายตาของเขา
และไม่มีใครกล้าตอบด้วยเช่นกัน!
ซูอี้ส่ายหน้าน้อย ๆ แล้วร่อนลงกับพื้น
เขานั่งขัดสมาธิ หยิบโอสถออกมาและเริ่มทำการฝึกตน
ไม่สนใจสายตาของพวกเซียนแท้ขอบเขตสุญตาเหล่านั้นแม้แต่น้อย
อวิ๋นฮว่าชิงกับอวี่หนิงรู้ตัว ตรงไปอยู่ข้าง ๆ ซูอี้อย่างเงียบ ๆ เพื่อทำการปกป้อง
ทว่าเกินความคาดหมายของพวกเขา ถึงแม้จะมองออกว่าซูอี้กำลังฟื้นฟูระดับการฝึกตน แต่ก็ไม่มีใครหน้าไหนกล้าเดินเข้าใกล้!
ทั้งสองต่างอดรำพึงในใจไม่ได้
ต่อให้ระดับการฝึกตนของสหายเต๋าซูถึงขั้นต่ำสุดราวกับตะเกียงที่น้ำมันใกล้จะหมด แต่ใครจะทำอะไรได้?
และซูอี้ก็ไม่ได้คิดจะปิดบังเลยสักนิด นั่งสมาธิฝึกตนต่อหน้าทุก ๆ คนอย่างเปิดเผย!
ท่าทีที่สงบนิ่งเช่นนี้ทำให้อวิ๋นฮว่าชิงกับอวี่หนิงต่างรู้สึกยำเกรงนับถือ
เซียนแท้ขอบเขตสุญตาที่อยู่ห่างออกไปเหล่านั้นต่างก็มีสีหน้าสับสน กระวนกระวายใจ
เหมือนดังที่อวิ๋นฮว่าชิงกับอวี่หนิงคิด ต่อให้ซูอี้ในเวลานี้จะอยู่ในสภาพที่อ่อนแออย่างที่สุด แต่พวกเขาก็ยังไม่กล้าที่จะถือโอกาสอยู่ดี!
ก่อนหน้านี้ ไป๋หลี่ชวนไม่เชื่อ ผลสุดท้ายก็ตาย
หลังจากนั้น ฝูเฟิงจื่อไม่เชื่อ ร่วมมือกับพวกที่ไม่เชื่อ สู้ไปพร้อม ๆ กัน ผลสุดท้ายก็ตายตาม
บทเรียนเมื่อก่อนหน้า คนที่อยู่ข้างหลังจะต้องระวัง
ตอนนี้ ใครยังจะกล้าเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงอีก?
ท่ามกลางทะเลหมอกที่ไกลโพ้นของแดนหมื่นเร้น ตัวประหลาดคิ้วเหลืองที่หนีไปตั้งแต่เมื่อก่อนหน้าแล้วกลืนน้ำลายฝืดคอ
ให้ตายสิ!
โชคดีที่ข้าฉลาดรู้ทัน ไม่เช่นนั้นคงไม่เหลือแล้ว!