บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1444: ภายในเปี่ยมคุณธรรม ภายนอกเคร่งครัด
ตอนที่ 1444: ภายในเปี่ยมคุณธรรม ภายนอกเคร่งครัด
ผิดจากที่ทุกคนคิด ตัวประหลาดคิ้วเหลืองไม่ได้รู้สึกกลัว!
เขาก้มหัว มอบสมบัติล้ำค่าออกมา และเลือกที่จะถอยหนี ทั้งหมดเป็นการคิดคำนวณอย่างรอบคอบแล้ว
หนึ่ง ก่อนที่จะได้เห็นไพ่ใบสุดท้ายของซูอี้ เขาไม่อยากจะเป็นแป้นธนูให้คนอื่น
สอง อดกลั้นเพียงชั่วคราว ดึงตัวเองออกมา จึงสามารถดูเสือสิงห์ห้ำหั่น เแล้วจึงค่อยชุบมือเปิบ!
เมื่อมีความคิดเช่นนี้แล้ว ต่อให้ต้องเสียหน้าต่อหน้าผู้ด้อยอาวุโสกว่าจะเป็นอะไรไป?
ทว่าตอนนี้… ตัวประหลาดคิ้วเหลืองกลัวแล้ว!
ไม่คิดจะต่อสู้ด้วยอีกแล้ว
การตายของไป๋หลี่ชวนทำร้ายจิตใจเขาอย่างแรง ทว่ายังไม่ถึงกับตื่นตระหนก
ทว่าการตายของฝูเฟิงจื่อกับตัวประหลาดคนอื่น ๆ ทำให้ตัวประหลาดคิ้วเหลืองสั่นสะท้าน หนาววาบไปทั้งตัว
ที่เคยคิดไว้ว่าจะกลับมาใหม่อีกครั้ง หรือจะรอชุบมือเปิบอะไรนั่น เขาไม่กล้าคิดอีกแล้ว
ในใจรู้สึกเพียงแต่ว่าโชคดีเสียเหลือเกิน
โชคดีที่ตัดสินใจเลือกอย่างชาญฉลาดที่สุดในชีวิต
“เห็นแล้วหรือยัง หากว่าพวกเจ้าไม่เชื่อฟังคำของข้าก่อนหน้านี้ มอบสมบัติล้ำค่าออกไป รับรองต้องตายไม่เป็นท่าอย่างแน่นอน!”
ตัวประหลาดคิ้วเหลืองชำเลืองมองดูคนทั้งสองที่อยู่ข้างกาย
ทั้งสองต่างรู้สึกเกรงกลัว ขณะพยักหน้ารับแกน ๆ
คนหนึ่งเอ่ยขึ้นมาเบา ๆ “สหายเต๋า ซูอี้คนนั้นดูท่า… เหมือนจะฝืนต่อไปไม่ไหวแล้วจริง ๆ เช่นนี้ อาจจะเป็นโอกาสก็ได้!”
เพียะ!
เพิ่งพูดจบ คนผู้นี้ก็ถูกตบกะโหลกฉาดใหญ่
ตัวประหลาดคิ้วเหลืองร้องด่า “ยังจะคิดเข้าข้างตัวเองอีก อยากจะถือโอกาสนักใช่ไหม? โง่เง่าเปิดประตูให้ลูกโง่ชัด ๆ โง่กันทั้งบ้าน!”
“อยากตายนักใช่หรือไม่? ได้ ไปสิ ข้าจะไม่รั้ง!”
ตัวประหลาดคิ้วเหลืองโกรธจัด ด่าจนน้ำลายแตกฟอง
คนผู้นั้นตัวสั่นงันงก ไม่กล้าพูดมากอีก
ส่วนอีกคนหนึ่งกล่าวด้วยความหวาดกลัว “พวกเราต่างก็เป็นเซียนแท้ขอบเขตสุญตา แต่วันนี้กลับทำได้แต่เพียงอดทนดูเฉย ๆ น่าสมเพช…เหลือเกิน…”
ตัวประหลาดคิ้วเหลืองหัวเราะเสียงเย็นชาพลางกล่าว “น่าสมเพชอะไรกัน! ยืดได้หดได้จึงจะเป็นลูกผู้ชาย ต่อไป พวกเจ้าจงฟังคำสั่งของข้า!”
“สหายเต๋าคิดจะทำอะไร?”
ทั้งสองไม่เข้าใจ
ตัวประหลาดคิ้วเหลืองสูดหายใจลึก ๆ ทีหนึ่งจึงกล่าว “เสี่ยงดวงดูสักตั้ง!”
พูดจบ เขาก็พาสองคนนั้นเดินไปยังลานต่อสู้ที่อยู่ห่างออกไป
…
“อ้าว? ตัวประหลาดเฒ่านั่นกลับมาอีกแล้ว?”
พอพวกของตัวประหลาดเฒ่าคิ้วเหลืองเดินมา อวิ๋นฮว่าชิงกับอวี่หนิงก็สังเกตเห็นในทันที ต่างก็แสดงท่าทีระมัดระวังตัว
เซียนแท้ขอบเขตสุญตาที่อยู่ห่างออกไปเหล่านั้นต่างก็แสดงสีหน้าแตกต่างกันไป
ก่อนหน้านี้ตัวประหลาดคิ้วเหลืองยอมหดหัวจากไป ตอนนี้คิดจะย้อนกลับมาล้างแค้นเช่นนั้นหรือ?
ซูอี้ยังคงนั่งสมาธิของตัวเองไปเรื่อย ๆ ไม่ขยับเขยื้อน ราวกับไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อย
“ตัวประหลาดคิ้วเหลือง เจ้าคิดจะทำอะไร?”
อวิ๋นฮว่าชิงเอ่ยพูดเสียงเย็นชา
ห่างไกลออกไป ตัวประหลาดคิ้วเหลืองหยุดเดิน ในสายตาผุดประกายมุ่งมั่น
จากนั้นเขาหันหน้าไปทางซูอี้ แล้วคุกเข่าลงกับพื้น
ทุกผู้ “???”
การคุกเข่านี้ ฟ้าแทบสั่น ดินแทบสะเทือน ผีแทบร้องไห้!
ทุก ๆ คนถึงกับตาค้าง ตื่นตะลึงจนหัวชา ตัวประหลาดคิ้วเหลืองจะมาไม้ไหนกัน?
“อุบะ#!”
อวิ๋นฮว่าชิงตกใจจนอดสบถคำหยาบออกมาไม่ได้
เซียนแท้ขอบเขตสุญตาผู้ยิ่งใหญ่กลับเป็นฝ่ายยอมคุกเข่าต่อหน้าซูอี้!
หากพูดออกไป ต้องไม่มีใครเชื่ออย่างแน่นอน
เซียนแท้สองคนที่ติดตามตัวประหลาดคิ้วเหลืองก็ตกใจเช่นกัน เพราะพวกเขาเข้าใจว่าตัวประหลาดคิ้วเหลืองยังไม่ยอมแพ้ อยากจะลองเสี่ยงดูสักตั้ง
ไหนเลยจะคาดคิดว่าอีกฝ่ายจะคุกเข่าเอาดื้อ ๆ เช่นนี้!
ท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบสงบราวกับป่าช้า ตัวประหลาดคิ้วเหลืองมีสีหน้าเคร่งเครียดจริงจัง สองมือยันพื้น จากนั้นโขกศีรษะลงกับพื้น
มือเท้าและหน้าผากแนบพื้น
ราวกับสาวกผู้ซื่อสัตย์กำลังกราบพระผู้เป็นเจ้า
“ผู้น้อยหวงหยิน มาเพื่อสำนึกผิดขอชำระบาปขอรับ!”
เสียงของตัวประหลาดคิ้วเหลืองสั่นสะท้าน แฝงไว้ซึ่งความสำนึกผิดอย่างเต็มที่ “เพื่อเป็นการแสดงความจริงใจ ผู้น้อยยินดีจะเป็นบ่าวคอยรับใช้ใต้เท้าซู ต่อให้ต้องตายหมื่นครั้งก็ยอม!”
สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป ตาเฒ่าคนนี้ ยอมทำทุกอย่างจริง ๆ!
ซูอี้ลืมตาขึ้นช้า ๆ ก่อนกล่าวว่า “บอกจุดประสงค์ที่แท้จริงของเจ้ามา”
น้ำเสียงราบเรียบ แต่มีพลังทิ่มแทงใจคน
หน้าผากของตัวประหลาดคิ้วเหลืองโขกลงกับพื้น ขณะกล่าวเสียงสั่น “เรียนใต้เท้าตามตรง ผู้น้อยรู้สึกสำนึกผิดจากใจจริง หวังว่าจะได้ทำงานให้ใต้เท้าเพื่อชำระบาป และยังคิดด้วยว่าสักวันหนึ่งจะได้รับความกรุณาจากใต้เท้าช่วยขจัดคำสาปในตัวข้าน้อยขอรับ!”
ทุกคนเข้าใจในทันใด
ตาเฒ่าคนนี้ยอมทำถึงขั้นคุกเข่าสำนึกผิด ที่แท้ก็เพื่อแลกกับโอกาสที่จะได้ขจัดคำสาปนั่นเอง!
ตุบ! ตุบ!
สองคนที่ติดตามตัวประหลาดคิ้วเหลืองก็คุกเข่าลงกับพื้นด้วยเช่นกัน โขกศีรษะพลางกล่าว “พวกเราสองคนยินดีเป็นวัวเป็นควายรับใช้ใต้เท้าซูเช่นกัน!”
ทุกผู้ “…”
ซูอี้อดหัวเราะไม่ได้ ก่อนจะกล่าวขึ้น “ถึงแม้จะทำเพื่อตัวเอง ก็ยังถือได้ว่าจริงใจ แต่เสียดาย พวกเจ้ายังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นผู้ติดตามของข้า”
ตัวประหลาดคิ้วเหลืองตัวแข็งทื่อขึ้นมา เอ่ยด้วยน้ำเสียงขมขื่น “ใต้เท้าซู พวกข้าต้องตกเป็นวิญญาณอาสัญ เพียงเพราะต้องการจะมีโอกาสรอดชีวิตเท่านั้น ใต้เท้าได้โปรดเมตตา ให้โอกาสแก่พวกข้าสักครั้ง ไม่ว่าท่านมีเงื่อนไขอันใด ขอเพียงพวกข้าสามารถทำได้ รับรองว่าจะทำด้วยความเต็มใจ ไม่ขมวดคิ้วเด็ดขาด!”
คำกล่าวนี้ทำให้ตัวประหลาดทั้งหลายที่อยู่ในเหตุการณ์เกิดความหวั่นไหว สีหน้าสับสน ทำหน้าไม่ถูก
อวิ๋นฮว่าชิงกับอวี่หนิงก็รู้สึกหวั่นไหวเช่นกัน
เพราะอย่างไรเสีย พวกเขาก็เคยเป็นวิญญาณอาสัญเช่นกัน เคยผ่านความชอกช้ำและจนใจที่ต้องเป็นผีก็ไม่ใช่คนก็ไม่เชิงมาก่อนเหมือนกัน
ซูอี้กวาดตามองดูเซียนแท้ที่อยู่ในเหตุการณ์เหล่านั้น และมองดูพวกของตัวประหลาดคิ้วเหลืองที่คุกเข่าอยู่ตรงนั้นอีกครั้ง แล้วกล่าวขึ้น “จงลุกขึ้นมาเถอะ หลังจากที่ข้าทำสมาธิเสร็จแล้ว จะขจัดคำสาปในตัวพวกเจ้าให้แล้วกัน”
พูดจบ เขาก็หลับตาสงบใจทำสมาธิ
พวกของตัวประหลาดคิ้วเหลืองพากันตะลึง แทบไม่อยากจะเชื่อ นิ่งเงียบไปนานมากจึงตั้งสติได้ พากันตื่นเต้นจนตัวสั่น บนสีหน้าเต็มไปด้วยความปีติยินดี
“ขอบคุณใต้เท้าซู! ขอบคุณใต้เท้าซู!”
พวกเขาโขกศีรษะไม่หยุด ไม่อาจควบคุมตัวเองได้
ภาพเช่นนี้ ทำให้เซียนแท้ขอบเขตสุญตาที่อยู่ห่างไกลออกไปเหล่านั้นเกิดความระส่ำระสาย นอกจากตกใจแล้ว ยังอดแอบอิจฉาไม่ได้
บางคนถึงกับเสียใจ หากว่ารู้เช่นนี้เสียแต่แรกจะไม่สนเรื่องหน้าตา แล้วคุกเข่าขอโอกาสแบบนี้ด้วยเช่นกัน!
บางคนลอบถอนใจ ถามใจตัวเองดู ต่อให้พวกเขาอิจฉามากแค่ไหน ก็ไม่มีทางคุกเข่าอ้อนวอนเช่นนี้
“ตาเฒ่าคิ้วเหลือง สหายเต๋าซูให้พวกเขาลุกขึ้น อย่าได้ชักช้าอีกเลย”
อวิ๋นฮว่าชิงเอ่ยพูด
“นั่นสิ!”
พวกของตัวประหลาดคิ้วเหลืองรีบลุกขึ้น ต่างก็มองหน้ากัน ในใจมีแต่ความยินดี แววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความปีติ
เวลาผ่านไปทีละนิด
นานมาก ซูอี้จึงลุกขึ้นและขจัดพลังคำสาปในตัวพวกตัวประหลาดคิ้วเหลือง
จากนั้นเขาก็เหลือบมองไปยังเซียนแท้ที่อยู่ห่างออกไป แล้วกล่าวขึ้นว่า “ก่อนหน้านี้ พวกเจ้าไม่ได้ทำตัวเป็นศัตรูกับข้า ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะช่วยพวกเจ้าสักครั้ง”
เมื่อได้ฟังประโยคนี้แล้ว ทุกคนต่างก็แทบไม่อยากจะเชื่อ
บางคนถึงกับกล่าวลองเชิงก่อน “ความหมายของสหายเต๋าซูคือ… จะช่วยพวกข้าขจัดพลังคำสาปในตัวด้วยอย่างนั้นหรือ?”
เสียงรัวเร็วขึ้นกว่าเดิม สายตาเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง
ซูอี้พยักหน้า
ครืน!
เซียนแท้ขอบเขตสุญตาเหล่านั้นไม่อาจสงบใจได้อีกต่อไป แต่ละคนล้วนมีใบหน้ายิ้มแย้ม ตื่นเต้นจนอยากจะร้องเล่นเต้นรำ
อวิ๋นฮว่าชิงกับอวี่หนิงมองตากันแล้วหัวเราะขึ้นมา
สำหรับเรื่องนี้แล้ว พวกเขาไม่มีความขัดแย้งอันใด ทั้งยังดีใจมากที่ซูอี้ทำเช่นนี้
ซูอี้ในอดีต เย็นชา เฉยเมย หยิ่งทะนงและอหังการเกินไป ราวกับผู้ชี้ชะตาที่ไร้ใจ ทำให้พวกเขารู้สึกเพียงหวาดเกรงและกดดัน
ทว่าตอนนี้ จู่ ๆ พวกเขาก็พบว่า ซูอี้ไม่ได้เลือดเย็นไร้หัวใจ ในตัวยังมีมนุษยธรรมด้วยเช่นกัน!
การค้นพบเช่นนี้ ทำให้อวิ๋นฮว่าชิงกับอวี่หนิงรู้สึกมั่นใจขึ้นมากอย่างน่าประหลาด
“ดูสิ เช่นนี้จึงจะเรียกว่าจิตใจกว้างขวางอย่างแท้จริง! ข้า… ละอายใจนัก!”
ตัวประหลาดคิ้วเหลืองรำพึง
“พวกเจ้าคุกเข่าแล้ว พวกเขาล้วนไม่ได้คุกเข่า แต่ก็ได้รับความช่วยเหลือจากสหายเต๋าซูเหมือนกัน เจ้า… ไม่โกรธหรือ?”
อวิ๋นฮว่าชิงทนไม่ไหวถามขึ้นมา
ตัวประหลาดคิ้วเหลืองส่ายหน้าพลางกล่าว “ข้าคุกเข่าด้วยความเต็มใจ ไม่ได้โดนใต้เท้าซูบังคับ และยิ่งกว่านั้น ใต้เท้าซูไม่ได้ถือสาเอาเรื่อง ช่วยข้าขจัดคำสาป เท่านี้ข้าก็รู้สึกซาบซึ้งจะแย่อยู่แล้ว จะไม่พอใจได้อย่างไร?”
“สหายเต๋าซู นี่เป็นน้ำใจเล็กน้อยของข้า โปรดรับไว้ด้วย!”
ผู้เฒ่าคนหนึ่งน้อมตัวแสดงความคารวะ สองมือประเคนกำไรหยกพร้อมกับกล่าวขอบคุณ
ทันใดนั้น คนอื่น ๆ ก็พากันเดินมาข้างหน้า หยิบสมบัติล้ำค่าต่าง ๆ ออกมาประเคนให้ วาจาและสีหน้าเต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ
ซูอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย “สำหรับข้าแล้ว ช่วยพวกเจ้าเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้ทำเพื่อสมบัติล้ำค่าเหล่านี้”
ผู้เฒ่าคนนั้นรีบกล่าว “สหายเต๋าซูอย่าได้เข้าใจผิด สำหรับพวกข้าแล้ว เรื่องเล็กน้อยของท่านไม่ด้อยไปกว่าการช่วยชีวิตพวกเรา ไม่ว่าอย่างไร โปรดรับสมบัติล้ำค่าเหล่านี้ไว้ มิเช่นนั้น พวกข้าจะรู้สึกแย่”
“ใช่ สหายเต๋าซูได้โปรดรับไว้ด้วย!”
คนอื่น ๆ ต่างคะยั้นคะยอมากเข้า
เซียนแท้ขอบเขตสุญตาเหล่านี้ ไม่ได้ทำไปเพื่อรักษามารยาท
ได้เห็นฝีมืออันน่ากลัวและรุนแรงของซูอี้แล้ว พวกเขาตายใจไปนานแล้ว ไม่กล้าคิดกำเริบอีกแล้ว
ทว่าซูอี้กลับเป็นฝ่ายเสนอออกมาว่าจะช่วยขจัดคำสาปในตัวให้ ทำให้พวกเขาทั้งตื่นตระหนกและดีใจ และรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างมากด้วยเช่นกัน
ทัศนคติที่มีต่อซูอี้ก็เปลี่ยนไป
เวลานี้ ตอนนี้ พวกเขาล้วนแสดงความขอบคุณออกมาจากใจจริง!
ซูอี้เห็นเช่นนี้แล้ว กล่าวเบา ๆ ในใจ “ชาตินี้ของข้า ไม่ว่าทำสิ่งใด ภายในเปี่ยมคุณธรรม ภายนอกเคร่งครัด บุญคุณควบคู่บารมี เช่นนี้จึงเป็นสงบจิตให้เยือกเย็นประดุจหยก ฝึกฝนจิตให้คมเฉียบประดุจคมดาบ”
คำกล่าวนี้ เขาพูดให้ชาติที่หกฟัง และก็พูดให้ตัวเองฟังด้วยเช่นกัน
สายตาของเขาใสสะอาด สงบนิ่งยิ่งกว่าเดิม จากนั้นหันไปมองดูทุกคนพลางพยักหน้ากล่าว “ถ้าเช่นนั้นข้าไม่ผัดผ่อนอีกแล้ว”
พูดแล้วก็เก็บสมบัติล้ำค่าเหล่านั้น
ทุกคนเห็นเช่นนี้แล้วต่างพากันโล่งใจ รอยยิ้มเต็มใบหน้า
สายตาของอวี่หนิงมีน้ำตาคลอ ซูอี้ในเวลานี้ไม่เหมือนแต่ก่อนที่เย็นชาและวางท่าแบบนั้นอีกแล้ว
ชายคนนี้… ช่างเข้าใจยากยิ่งนัก
ถามใจตัวเองดู อวี่หนิงยินดีที่จะเป็นสหายกับซูอี้ในตอนนี้มากกว่า ซูอี้เมื่อก่อนหน้านี้… วางอำนาจมากเกินไป อยู่ด้วยแล้วรู้สึกกดดัน
อยู่ข้างกายกษัตริย์ราวกับอยู่ข้างตัวเสือ!
“ทุกท่านรู้จัก ‘บรรพสถานอนุสรณ์’ หรือไม่?”
ซูอี้ถาม
บรรพสถานอนุสรณ์?
ทุกคนขมวดคิ้วครุ่นคิดแล้วส่ายหน้า
มีแต่เพียงตัวประหลาดคิ้วเหลืองเท่านั้นที่เหมือนกับนึกอะไรขึ้นได้ “ใต้เท้าซู ผู้น้อยสืบได้ความลับมาอย่างหนึ่ง ว่ากันว่าภายในแดนหมื่นเร้นมีแท่นศิลาตั้งอยู่”
“และสถานที่ที่ตั้งแท่นศิลานั้น เหมือนว่าจะซ่อนหนทางที่ไปสู่ภูมิลึกลับ”
“ผู้น้อยเดาว่า ภูมิลึกลับแห่งนั้นอาจจะเป็น ‘บรรพสถานอนุสรณ์’ ที่ท่านต้องการตามหา!”
………………..