บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1453: แปรเปลี่ยนแดนมนุษย์ด้วยเพียงกำลังตน
………………..
ตอนที่ 1453: แปรเปลี่ยนแดนมนุษย์ด้วยเพียงกำลังตน
ร่างของหมีเจินแหลกสลาย ถูกม่านดาบสีเลือดปราบสยบไว้ในธารสายยาวแห่งมิติเวลาอย่างร้ายแรง!
ซูอี้อดผงะไปไม่ได้
สตรีผู้นี้…ร้ายกาจยิ่ง?
“พี่ชายร่วมวิถี คนผู้นี้เป็นเพียงสุนัขรับใช้ภายใต้บัญชาของพุทธเจ้าแผดตะเกียง หากเปลี่ยนเป็นตัวเจ้าเมื่อกาลก่อน เพียงหนึ่งคำนึงก็ลบสุนัขรับใช้เช่นนี้ได้แล้ว”
สตรีผู้นั้นกล่าวแผ่วเบา
นางดูจะรู้ว่าซูอี้ยังไม่ได้ฟื้นความทรงจำดั้งเดิม และนัยน์ตากระจ่างสีเลือดก็วูบไหวด้วยประกายประหลาดใจ
“งั้นหรือ…”
ซูอี้ถูจมูก รู้สึกประหลาดในใจ
สีหน้าของหมีเจินสุดแสนตระหนก เค้นเสียงกล่าวออกมา “เจ้าลืมยามก่อนที่ถูกทวยเทพไล่ล่าสังหารแล้วหรือ!”
สตรีผู้นั้นงอนิ้วเล็กน้อย
ตู้ม!
ดาบโลหิตแผดปราณฆ่าฟันรุนแรง บดร่างหมีเจินสลายไปโดยสมบูรณ์
หนึ่งทูตสวรรค์ตายไปเช่นนี้!
สตรีผู้นั้นดูเหมือนทำเรื่องเล็กน้อย ยกมือขึ้น แล้วดาบโลหิตก็แปรเปลี่ยนเป็นแสงร่วงลงบนฝ่ามือ ซึ่งนางก็แบกกลับขึ้นหลังไป
“ผู้อาวุโส ท่านเป็นอันใดหรือไม่ขอรับ?”
เสียงของฉินต่งซวีดังออกมาจากในกล่องสำริดอย่างร้อนรน
ซูอี้ยกมือโยนกล่องสำริดให้แก่สตรีผู้นั้น “นี่คือกระดูกมือของเจ้า”
สตรีผู้นั้นรับกล่องสำริดไป ปลายนิ้วแตะเบา ๆ บนกล่อง แล้วเสียงโวยวายอย่างตระหนกของฉินต่งซวีก็หายไปกะทันหัน
จากนั้น สตรีผู้นั้นก็เงยหน้าขึ้น นัยน์ตาดุจโลหิตหวนคืนสู่ดำสนิท ปราณทั่วร่างกลับเป็นเย็นชาสงบเงียบ
นางมองซูอี้พลางกะซิบ ด้วยสีหน้าอันเจือความปรีดาเกินสะกดกลั้น “พี่ชายร่วมวิถี หลังกาลผ่านแสนนาน ในที่สุด… เจ้าก็เวียนวัฏสงสารกลับมาจนได้”
“แม้ยามนี้เจ้าจะยังอ่อนแอ และไม่ได้ฟื้นความทรงจำในอดีตชาติ แต่ในภายหน้า เจ้าจะแข็งแกร่งกว่ายามก่อนเป็นแน่แท้!”
“น่าเสียดายที่เวลาไม่เหลือแล้ว ข้าต้องกลับไปยัง ‘สมรภูมิไร้ขอบเขต’ โดยเร็วที่สุด เสียดายที่มิอาจร่ำสุรากับพี่ชายร่วมวิถีเช่นกาลก่อน”
สตรีผู้นั้นรำพึงเบา ๆ
กิริยาของนางไร้ผู้เทียบ ร่างอรชรสง่างามอาบด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์อันพร่าเลือนทว่าสูงส่ง ยืนอยู่เหนือธารสายยาวแห่งมิติเวลา
ดูเหมือนใกล้เพียงเอื้อม ทว่ากลับรู้สึกห่างไกลราวเก้าชั้นฟ้าคั่นกลาง
“พี่ชายร่วมวิถีต้องมีความเคลือบแคลงในใจมากเป็นแน่แท้ แต่ในภายหน้า พี่ชายร่วมวิถีจะเข้าใจเองว่าวันนี้ได้ประสบเรื่องใด”
น้ำเสียงของนางนุ่มนวล
ขณะกล่าว นางก็ดูจะตระหนักถึงบางอย่างและเบนสายตามองเข้าไป ณ ส่วนลึกแห่งธารมิติเวลาสายยาว
ไม่นานนัก คู่คิ้วของนางก็ขมวดเล็กน้อย และกล่าวว่า “พุทธเจ้าแผดตะเกียงสัมผัสถึงความผิดปกติที่นี่แล้ว และกำลังพยายามออกมาจากสมรภูมิไร้ขอบเขต!”
ซูอี้มีความเคลือบแคลงในใจ และอดกล่าวขึ้นมิได้ในยามนี้ “เจ้า… ก่อนหน้านี้กำลังสู้กับพุทธเจ้าแผดตะเกียงอยู่ในสมรภูมิไร้ขอบเขต?”
“ใช่”
สตรีผู้นั้นกล่าวรัวเร็ว “ข้าและสหายเต๋าคนอื่น ๆ ควบคุมพุทธเจ้าแผดตะเกียงและเหล่าศัตรูร้ายอื่น ๆ ไว้ในสมรภูมิไร้ขอบเขต พวกเขาจึงทำได้เพียงส่งสมุนมากระทำเรื่องต่าง ๆ แทนตนน่ะ”
หัวใจของซูอี้ตกตะลึง ตระหนักว่าศึกสังหารวันนี้มีปริศนาอื่นซุกซ่อน!
มิน่าเล่า ผู้มาจึงเป็นเพียงทูตสวรรค์เยี่ยงหมีเจิน ที่แท้เหล่า ‘เทพ’ ก็ถูกถ่วงแข้งขาไว้ ไร้เวลามาสนใจ!
“ทว่า ต่อให้ทวยเทพมาเองก็เถอะ พวกเขาก็ยังถูกบัญญัติกฎเกณฑ์จำกัด ทำได้เพียงฉายเจตจำนงสู่ธารสายยาวแห่งมิติเวลานี้อยู่ดี”
สตรีผู้นั้นว่า “เหมือนเช่นข้า ณ ขณะนี้ที่เป็นเพียงอำนาจเจตจำนง หากร่างจริงของข้ามาเอง ไม่เพียงข้าจะถูกขัดขวางด้วยบัญญัติกฎเกณฑ์ ยังต้องรับผลกระทบร้ายแรงจากธารสายยาวนี้ด้วย”
“เพราะเหตุนี้ การมายังจุดตัดแห่งมิติเวลานี้จึงเป็นไปมิได้เลย และไม่อาจมาพบพี่ชายร่วมวิถีด้วยตนเอง”
“เทพพวกนั้นก็ทำได้เพียงเท่านี้เช่นกัน”
“เรื่องทั้งหมดนี้ถูกบัญญัติไว้แสนนาน และยามนี้ หากพวกเขาอยากจัดการกับพี่ชายร่วมวิถี พวกเขาก็ลงมือด้วยตนเองหรือหาร่องรอยของพี่ชายร่วมวิถีไม่ได้ ทำได้เพียงต้องส่งสมุนมาแทน”
กล่าวถึงยามนี้
ตู้ม!
ธารสายยาวแห่งมิติเวลาปั่นป่วนกระโชกวน บัญญัติกฎเกณฑ์เดือดพล่าน ก่อเกิดเกลียวคลื่นใหญ่ถาโถม เผยเค้าความไร้ระเบียบ
และเส้นทางลึกลับอันนำมาสู่แดนดินนี้ก็สั่นสะท้านรุนแรง เผยสัญญาณพังทลายสิ้นสลาย
สตรีผู้นั้นขมวดคิ้วรำพัน “มิเหลือเวลาแล้ว… พี่ชายร่วมวิถี ท้ายที่สุดนี้ ให้ข้าส่งเจ้ากลับเถิด”
กล่าวจบ นางก็ยื่นมือซ้ายอันเรียวบางกระจ่างใสออกมา
พิรุณแสงบัญญัติกฎเกณฑ์ทะลักไหลเข้าสู่อุโมงค์ทางเดินลึกลับนั้น ค้ำจุนคงสภาพอุโมงค์ทางเดินอันใกล้พังทลายโดยทันที
“พี่ชายร่วมวิถี เร็วเข้าเถิด!”
สตรีผู้นั้นกล่าวเร่ง
ซูอี้หันหลังกลับ เดินมายังทางเข้าอุโมงค์ทางเดิน
ท้ายที่สุด เขาก็ยังอดหันกลับมาถามไม่ได้ “กาลก่อน อำนาจเจตจำนงที่อยู่ในกระดูกมือของเจ้าเคยบอกว่าร่างจริงของเจ้าจะหวนคืนในสามปี ยามนี้ผ่านไปสองปีกว่าแล้ว…”
ก่อนเขาจะทันพูดจบ ร่างของเขาก็ถูกอำนาจจากอุโมงค์ทางเดินแผ่ออกมาคลุมหายไปเสียก่อน
“ข้า #¥!”
ซูอี้เดือดดาลจนอยากสบถออกมาอย่างห้ามมิได้
บนธารสายยาวแห่งมิติเวลา
ทางเข้าอุโมงค์ทางเดินนั้นถล่มสลายหายไปโดยสมบูรณ์
สีหน้าของสตรีนามลั่วเหยาเผยเค้าความจนใจอย่างช่วยมิได้
นางกระซิบกับตนเอง “พี่ชายร่วมวิถี ข้าจะไปพบเจ้าแน่นอน…”
กล่าวจบ ร่างสง่างามของนางก็แปรเปลี่ยนเป็นเส้นแสงทะยานสู่มิติเวลาอันห่างไกล หายไปในพริบตา
เปรี้ยง!
ไม่นานนัก จู่ ๆ ธารสายยาวแห่งมิติเวลาก็สะเทือนไหว สารพัดบัญญัติกฎเกณฑ์กระหน่ำสาดดุจพิรุณแสงลวงตา และค่อย ๆ ก่อร่างพร่ามัวหนึ่งขึ้น…
“ท้ายที่สุด… ก็ยังช้าไปก้าวหนึ่ง!”
เสียงรำพึงทุ้มต่ำเปี่ยมอำนาจพลันดังขึ้น ณ ก้นบึ้งธารสายยาวแห่งมิติเวลา เพลิงศักดิ์สิทธิ์จ้าจรัสสาดส่องจากเกลียวคลื่นเป็นร่างของพุทธองค์ผู้หนึ่งบนแท่นปทุม
“แต่นั่นก็หาใช่เรื่องแย่ไม่… ร่องรอยของเขาถูกเผยออกแล้ว…”
เสียงทุ้มต่ำเปี่ยมอำนาจนั้นยังมิทันสร่าง
ทันใดนั้น ธารสายยาวแห่งมิติเวลาอันทอดไกลท่ามกลางสุญญะพลันหายไป
กระทั่งร่างของพุทธเจ้าแผดตะเกียงก็หายไปด้วย
หลงเหลือเพียงสุญตามืดดำดุจภาวะนิพพาน
ราวทุกสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดก่อนหน้านี้เป็นเพียงภาพลวง
……
เขตหวงห้ามดาราหยก แดนหมื่นเร้น
“เกิดอันใดขึ้น อำนาจหายนะสิ้นกฎเกณฑ์ในแดนหมื่นเร้นนี้กำลังสลายไปหรือ!?”
ตัวประหลาดคิ้วเหลืองอุทาน
เหล่าผู้คนใกล้เคียงล้วนแตกตื่น เซียนแท้ขอบเขตสุญตาทั้งหลายผู้มายังเขตหวงห้ามดาราหยกเพื่อค้นหาทางรอดต่างค้นพบเหตุชวนตะลึงนี้เช่นกัน
โลกหล้าแดนนี้ซึ่งเดิมปกคลุมด้วยทะเลหมอก หมู่หมอกหนาทึบกำลังจางลงอย่างรวดเร็ว
อำนาจหายนะอันแผ่อยู่ในม่านหมอกเองก็เลือนหาย!
ความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ทำให้เหล่าเซียนแท้ขอบเขตสุญตาสัมผัสถึงอารมณ์อันแตกต่าง
ไม่นานนัก ชายชราชุดดำผู้หนึ่งก็ตัวสั่น กล่าวขึ้นว่า “พวกเจ้าสัมผัสได้หรือไม่ ว่าโลกหล้านี้มีร่องรอยปราณเซียนฟื้นคืน?”
ปราณเซียน!
ชั่วขณะนั้นเหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าล้วนมิอาจสงบใจ ต่างผู้ล้วนมุ่งสมาธิตรวจค้น
ไม่นานนัก พวกเขาทั้งหลายก็ล้วนแสนปรีดา เผยความลิงโลดออกมาตาม ๆ กัน
“ถูกต้อง เป็นปราณวิถีเซียนจริง ๆ! ถึงจะอ่อนแอสุด ๆ แต่ก็ยังเป็นอำนาจกฎเกณฑ์วิถีเซียน!”
บางผู้ตะโกนด้วยสีหน้าแสนยินดี
“หรือนี่จะหมายความว่าทางรอดที่เราหาอยู่จะปรากฏขึ้นจริง ๆ?”
บางผู้พึมพำ
“ต้องเป็นเช่นนั้น! ต้องเป็นเช่นนั้นแน่!”
บางผู้ร่ายระบำอย่างตื่นเต้น
สำหรับตัวตนวิถีเซียนผู้กลายเป็นวิญญาณอาสัญเหล่านี้ การเปลี่ยนแปลงตรงหน้านี้เป็นเช่นสวรรค์ประทาน ทำให้พวกเขาทั้งมวลมองเห็นความหวังหลุดพ้นจากปัญหา!
“ลือกันว่ายามอำนาจหายนะสิ้นกฎเกณฑ์เลือนหายจากโลกหล้าโดยสมบูรณ์ เขตแดนสมรภูมิจะหวนคืนสู่โลกหล้า และเส้นทางสู่โลกเซียนก็จะหวนกลับมาเช่นกัน!”
“ทั้งหมดนี้… จะเกิดขึ้นจริง ๆ แล้วหรือไม่?”
บางผู้แสนสุขี ตื่นเต้นเสียจนหายใจถี่กระชั้น
ก่อนหน้ายุคสิ้นกฎเกณฑ์ โลกมนุษย์และโลกเซียนเคยเชื่อมถึงกัน เหล่าผู้ทรงพลังค้ำสรวงสามารถไปยังเขตแดนสมรภูมิ เข้าสู่ศึกแรกเยือนและไปยังโลกเซียนได้!
ยามนั้น ผู้ยิ่งใหญ่ในโลกเซียนเองก็มาท่องแดนมนุษย์ได้เช่นกัน
กระทั่งบางตัวตนผู้มิอยากไปยังโลกเซียนก็ยังอยู่เป็นเซียนในแดนมนุษย์อย่างผาสุกได้!
ทว่าเมื่อหายนะบังเกิด ทุกสิ่งก็แปรเปลี่ยน
วิถีจุติสรวงถูกสะบั้น!
เขตแดนสมรภูมิหายไป!
ประตูสู่โลกเซียนถูกปิดตาย!
กระทั่งเหล่าเซียนทั่วโลกหล้ายังมิได้รับยกเว้น พวกเขาถูกหายนะตาม ๆ กับเหล่าผู้ฝึกตนในแดนมนุษย์ไป
บ้างตายสิ้นในหายนะ
บ้างกลายเป็นวิญญาณอาสัญ คนก็มิใช่ ผีก็มิเชิง ต้องหลับใหลไปแสนนาน…
ยามนี้ โลกหล้ากำลังแปรเปลี่ยน วิถีจุติสรวงหวนปรากฏ สารพัดวิญญาณอาสัญตื่นจากนิทรา และตัวตนในวิถีจุติสรวงบังเกิดขึ้นในโลกหล้า…
ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าทั้งหมดนี้สื่อให้เห็นถึงการมาของยุคทอง!
หลังจากหายนะสิ้นกฎเกณฑ์ถูกทำลายสิ้น ชีวิตใหม่อันรุ่งโรจน์ยิ่งกว่าหนใดจะหวนคืนในโลกหล้า
ดุจสุดโศกแปรเป็นดี!
ยามนี้ เมื่อพวกเขาสัมผัสได้ว่าอำนาจหายนะสิ้นกฎเกณฑ์ทั่วเขตหวงห้ามดาราหยกสลายไป และสัมผัสเสี้ยวปราณกฎสวรรค์วิถีเซียนฟื้นคืน…
เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่ามีหรือจะมิเข้าใจสถานการณ์?
ชั่วกาลต่อจากนี้ กฎสวรรค์วิถีเซียนจะค่อย ๆ ฟื้นคืนโลกหล้า เขตแดนสนามรบซึ่งหายไปเนิ่นนานจะหวนกลับมาไม่ช้าก็เร็ว
กระทั่งเส้นทางสู่โลกเซียนก็เช่นกัน
และทั้งหมดนี้จะแปรเปลี่ยนสถานการณ์ของเหล่าเซียนแท้วิถีสุญตาไปเช่นกัน!
“ข้านั้นแสนโชคดี ขอบคุณสหายเต๋าซูที่ช่วยปลดคำสาปในร่าง หาไม่ ต่อให้ยุคทองปรากฏ กฎสวรรค์วิถีเซียนหวนคืน ข้าผู้นี้… ก็ย่อมต้องจำพลาดไป!”
บางผู้รู้สึกโล่งใจ
วาจานั้นได้รับการสนับสนุนโดยคนทุกผู้
หัวใจของบางผู้เต้นกระตุก พึมพำออกมาว่า “ข้าว่าการแปรเปลี่ยนที่เราเห็นอยู่ยามนี้ น่าจะเป็นฝีมือสหายเต๋าซูเป็นแน่แท้!”
“นั่นยังต้องสงสัยกันอีกหรือ? เมื่อวันก่อน สหายเต๋าซูเดินทางสู่ส่วนลึกแห่งแดนหมื่นเร้นนี้ และวันต่อมาก็เกิดการเปลี่ยนแปลงมหันต์ทั่วแดนหมื่นเร้น บังเอิญอันใดไม่มีสักนิด!”
บางผู้กล่าวเสียงดัง
“สหายเต๋าซูถือครองวัฏสงสาร เป็นคู่ปรับของหายนะสิ้นกฎเกณฑ์ สหายเต๋าซูต้องเป็นผู้ทำลายคำสาปหายนะสิ้นกฎเกณฑ์ในคราเดียว ส่งโลกหล้าสู่ยุคสมัยใหม่เป็นแน่แท้!”
บางผู้ดูคลั่งไคล้ “กล่าวคือ เขาแปรเปลี่ยนแดนมนุษย์ด้วยเพียงกำลังตน!”
กล่าวจบ ตัวประหลาดคิ้วเหลืองก็อดยกมือตบเข่าฉาด รำพึงอย่างไม่อาจสะกดกลั้น
“ณ ยามนี้ ที่นี่ตอนนี้ ข้าอยากพูดนักว่า…”
“หากสวรรค์ไม่ได้ให้กำเนิดใต้เท้าซู ตราบชั่วกาลนานคงมืดมนเยี่ยงรัตติกาล!”