บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1455: ข่าวจากเจ้าของร้านจำนำ
ตอนที่ 1455: ข่าวจากเจ้าของร้านจำนำ
คืนก่อน บุคคลเมามายข้างต้นสนถามต้นสนว่าตนเมาเพียงไร
คนเมาคิดว่ากิ่งสนอันพลิ้วพัดตั้งใจจะช่วย จึงใช้มือตนผลักกิ่งนั้นแล้วร้อง ‘ไป!’
คนเมาคุยกับต้นสน ชวนให้ผู้คนหัวเราะขำ
พูดเองเออเอง ย่อมมิได้รับคำตอบใด
ทว่าหลังซูอี้กล่าวคำเหล่านี้ในใจ เขารู้สึกเพียงสดชื่น ความคิดกระจ่างชัด ร่างผ่อนคลายกระชุ่มกระชวย
จริงเช่นปราชญ์หงอวิ๋นคาดการณ์ หลังกลับจากเขตหวงห้ามดาราหยก สภาพจิตใจของซูอี้ถูกกดดันยิ่งกว่ายามใด ทำให้เขาถูกขัดเกลาแปรเปลี่ยนพัฒนาอย่างสุดขั้ว!
ซูอี้ทอดร่างบนเก้าอี้หวาย นำหอคอยสำริดออกมาถือในมือ
“ไก่โต้งเหล็ก ถ้าเจ้ายังไม่ออกมาอีก ข้าจะบอกเรื่องที่เจ้าทำยามเมาแก่หลวงจีนคงจ้าวนะ”
ซูอี้กระซิบ
เสียงหนึ่งดังออกมาอย่างหวาดระแวงจากในหอคอยสำริด “งั้นบอกมาสิว่าข้าทำอันใดไว้?”
ซูอี้ยิ้มขำ
ไก่โต้งเหล็กนี่ยังคงขี้ระแวงขั้นหนัก คิดว่าเขาเป็นช่างเสื้อปลอมมาอยู่อีก
ซูอี้กล่าวอย่างเนิบนาบ “เจ้าเคยสาบานอย่างแน่วแน่ว่าหากพ่ายประชันดื่มสุรากับหลวงจีนคงจ้าว เจ้าจะเรียกเขาเป็นบรรพชน ร้องเรียกเขาสามหนทุกครั้งที่เผชิญหน้านี่ จะให้ข้าเรียกหลวงจีนคงจ้าวมาเลยหรือไม่?”
“อย่านะ!”
เสียงนั้นร้องออกมาจากในคอหอยสำริด “เจ้า… เจ้ายังรู้อันใดอีก?”
ซูอี้กล่าวอย่างไร้อารมณ์ “มียามหนึ่ง เจ้าดื่มแพ้ข้า และสาบานจะแบ่งวัตถุโบราณครึ่งหนึ่งที่เจ้าสะสมชั่วชีวิตให้ หากทำมิได้ เจ้าจะเรียกข้าเป็นบรรพชน”
“อันที่จริง หากว่ากันตรง ๆ มีตัวตนอยู่ไม่น้อยเลยที่เจ้าสาบานจะเรียกบรรพชน อยากให้ข้าไล่เรียงรายชื่อให้หรือไม่?”
ทันทีที่วาจาถูกกล่าว หอคอยสำริดก็สั่นสะท้านเอนไหว เสียงกระแอมอย่างกระอักกระอ่วนของคนขายของเก่าดังออกมา “สหายทัศนาจารย์ ไม่ต้องทำเช่นนั้นหรอก!”
ซูอี้กล่าวอย่างเคือง ๆ “หยุดเพ้อเจ้อ รีบปีนออกมาได้แล้ว!”
“ได้เลย!”
ทันใดนั้น หอคอยสำริดก็เกิดเสียงคำรามประหลาด แสงเซียนเจิดจรัสสาดส่องออกมา
จากนั้น พิรุณแสงดุจนิมิตฝันก็พุ่งออกมาจากฐานหอคอย แปรเปลี่ยนเป็นร่างชายผู้หนึ่ง
ชายผู้นั้นผอมแห้งเช่นกิ่งไม้ไผ่ สวมอาภรณ์ผ้าเก่า ๆ เต็มไปด้วยรอยปะชุน ใบหน้ายับย่นยู่ยี่ ดูราวบุคคลง่าย ๆ ผู้ใสซื่อจริงใจ
คนขายของเก่า!
ผู้เฒ่าในตำนานแห่งส่วนลึกจักรวาลพร่างดาว
เขาดูใสซื่อจริงใจ สวมอาภรณ์ผ้าเก่า ๆ ปะชุน ทว่าแท้ที่จริงทั้งหมดล้วนเป็นเปลือกนอก
เจ้าแก่ผู้นี้ใจคดเยี่ยงผี ตลอดกาลนานมา มิอาจทราบได้ว่าหลอกโกงคนเพื่อสะสมวัตถุโบราณต่าง ๆ มามากเพียงไร
กระทั่งเฒ่าชั่วช้าอย่างช่างเสื้อยังเคยถูกคนขายของเก่าโกงอย่างร้ายแรงจนด่าพ่อล่อแม่ เกลียดคนขายของเก่าเข้ากระดูก
ทว่า คนขายของเก่ายังมีข้อดีอยู่ข้อหนึ่ง นั่นคือไม่โกงคนจน ฉ้อฉลเฉพาะกับผู้มั่งมีเท่านั้น
และยังเป็นหนึ่งในสหายเก่าของทัศนาจารย์ด้วย
“เจ้า… คือสหายทัศนาจารย์ของข้าจริง ๆ หรือ?”
คนขายของเก่ามองซูอี้ผู้ทอดกายบนเก้าอี้หวายอย่างเคลือบแคลง
ขณะพูดอยู่นั้น สมบัติสิบเจ็ดหรือสิบแปดชิ้นพลันปรากฏบนร่างของเขา ฉายรัศมีเจิดจรัส มีทั้งขวาน ตะขอ คราด ดาบ หอกและง้าว แต่ละสิ่งล้วนเผยปราณร้ายกาจ
ซูอี้อดหัวเราะแล้วคว้ามือมิได้
ตราประทับทองแดงชิ้นหนึ่งจากร่างของคนขายของเก่าปรากฏขึ้นบนมือซูอี้ รูปลักษณ์เป็นสี่เหลี่ยมทรงกล่อง เก่าแก่โบราณ เป็นสมบัติเซียนอันหายาก!
“เชื่อหรือไม่ หากข้าเป็นช่างเสื้อเฒ่า การโจมตีนี้คงฆ่าเจ้าไปแล้ว”
ซูอี้กล่าวช้า ๆ
ร่างของคนขายของเก่าชะงัก และพลันแปรเปลี่ยนเป็นตะโกนอย่างแสนตื่นเต้นทันที “ควรค่าแก่การเป็นพี่น้องต่างพ่อต่างแม่ของข้า! ในโลกหล้านี้ มีเพียงเจ้าที่จะไปช่วยข้าถึงในเขตหวงห้ามดาราหยก!”
ซูอี้ “…”
เขานำหนึ่งไหสุราโยนให้คนขายของเก่า และกล่าวว่า “ดื่มสิ”
คนขายของเก่าแย้มยิ้ม นำไหสุราขึ้นยกดื่มอัก ๆ
ซูอี้เองก็นำไหสุราอีกไหออกมาพลางสนทนากับคนขายของเก่าด้วยรอยยิ้ม
ระหว่างสนทนา ซูอี้ก็รู้ว่าช่างเสื้อหาโกหกเขาไม่ คนขายของเก่าถูกไล่ล่าสังหารจนหนีเข้าไปในเขตหวงห้ามดาราหยกจริง ๆ
ต้องขอบคุณสารพัดสมบัติที่คนขายของเก่ามี ในที่สุดเขาก็เอาชีวิตรอดด้วยหอคอยสมบัติสำริดนาม ‘ไท่ชิง’ ได้
และเมื่อย้อนความเก่า ซูอี้และคนขายของเก่าก็มีความรู้สึกหลากหลาย
วันเดียวกันนั้น คนขายของเก่าก็พำนักที่นี่
……
สองสามวันต่อมา
ยามค่ำคืน
ขณะที่ซูอี้กำลังดื่มกับคนขายของเก่าและหลวงจีนคงจ้าวอยู่นั้น พลันเสียงระฆังก็ดังกระทบโสต
เขาเลิกคิ้วน้อย ๆ และลุกขึ้นเดินจาก
ไกลออกไปจากภูเขาจันทร์กระจ่างหลายร้อยลี้
สุญญะสั่นสะเทือน อาคารไม้ไผ่สองชั้นหลังหนึ่งปรากฏขึ้นจากอากาศธาตุ
มันคือร้านจำนำ!
โคมไฟสลัวใต้ชายคาหน้าประตูร้านจำนำทอแสงเรื่อเรือง
ทันทีที่ซูอี้มาถึง เถ้าแก่เฒ่าก็รีบร้อนผลักประตูออกมาทักทายเขาทันที
“ใต้เท้าซู โปรดช่วยชีวิตเจ้านายข้าด้วย!”
สีหน้าของเถ้าแก่เฒ่าเปี่ยมความลนลาน
ซูอี้ว่า “อย่าตระหนก บอกข้าทีว่าเกิดอันใดขึ้น?”
เถ้าแก่เฒ่าสูดหายใจลึก ๆ และกล่าวว่า “ไม่นานนี้ ตาเฒ่าผู้น้อยได้รับจดหมายฉบับหนึ่งจากเจ้านาย แต่เมื่อเปิดอ่าน ปรากฏว่าจดหมายนี้ถูกเขียนโดยสตรีผู้หนึ่งนาม ‘เสวี่ยหลิว’!”
เสวี่ยหลิว!
ซูอี้เลิกคิ้วเล็กน้อย นามนี้หาแปลกหูสำหรับเขาไม่ มันคือชื่อของสตรีผู้ฆ่าเสิ่นมู่
สตรีจากสำนักมารหกโลกีย์ ณ ศักราชแห่งมาร!
“ใต้เท้าซู นี่คือจดหมายขอรับ ท่านมองปราดเดียวจะรู้เลย”
เถ้าแก่เฒ่านำยันต์กระดูกสีดำประหลาดออกมาส่งให้ซูอี้ชิ้นหนึ่ง
ซูอี้รับยันต์กระดูกไปและใช้จิตสัมผัสตรวจสอบ
“ไปหาซูอี้ บอกให้เขามายังศักราชแห่งมาร”
“ข้าจะให้เวลาเขาหนึ่งเดือน หากในหนึ่งเดือนยังไม่พบเขา มิเพียงนายเจ้าจะตาย แต่ตระกูลและอาจารย์ของเสิ่นมู่จะหายไปจากโลกหล้าด้วย!”
“ดูให้ดี นี่คือคำขู่!”
“ตราบใดที่เขามิสนใจความเป็นความตายของคนเหล่านั้น เขาจะไม่มาก็ย่อมได้”
เห็นเช่นนี้ ดวงตาของซูอี้ก็เรืองประกายเย็นเยียบ
หญิงผู้นี้บ้าไปแล้วหรือ?
หรือบางที จิตใจของนางอาจเกิดปัญหาร้ายแรงใดๆ เพราะเสิ่นมู่มิได้ตายโดยสมบูรณ์แล้วก็เป็นได้?
นอกจากวาจาเหล่านี้ จดหมายนี้ยังบันทึก ‘พิกัดมิติ’ ไว้อีกหนึ่งจุด
จากที่เสวี่ยหลิวกล่าวในจดหมาย ซูอี้ก็แค่ถือยันต์กระดูกนี้และหาทางเข้าไปในธารสายยาวแห่งมิติเวลา แล้วเขาก็จะข้าม ‘พิกัดมิติ’ นี้สู่ศักราชแห่งมารได้!
ซูอี้เก็บจิตสัมผัสแล้วกล่าวกับเถ้าแก่เฒ่า “เจ้าได้จดหมายนี้เมื่อยามใด?”
“เจ็ดวันก่อนขอรับ”
เถ้าแก่เฒ่ากล่าวโดยมิคิด
“หรือก็คือ ยังเหลือเวลายี่สิบกว่าวันก่อนถึงเส้นตายของหญิงผู้นั้น”
ซูอี้ครุ่นคิด
เถ้าแก่เฒ่าพลันคุกเข่าลงกับพื้น กล่าววิงวอนเสียงสั่น “ใต้เท้าซู หากทำได้ โปรดช่วยชีวิตนายข้าด้วยเถิด!”
“อย่าคุกเข่าสิ!”
ซูอี้ขมวดคิ้ว ดึงตัวเขาขึ้นมาและกล่าวว่า “อย่าห่วงเลย ข้าไม่นิ่งเฉยกับเรื่องนี้หรอก”
น้ำเสียงของเขาเจือความเย็นเยียบ
เซียนเสวี่ยหลิวแห่งศักราชแห่งมารมิเพียงร่วมมือวางแผนกับช่างเสื้อเฒ่าในการฆ่าเขา ณ ส่วนลึกสันเขาอีกาเท่านั้น
นางกระทั่งส่งชิงหว่านมาสร้างผลกรรมอันมิอาจลบล้างจวบยามนี้ด้วย!
ซูอี้หรือจะลืมความแค้นเช่นนี้ลง?
หลังเว้นช่วงเล็กน้อย ซูอี้ก็กล่าวอย่างนุ่มนวลด้วยนัยน์ตาลึกล้ำ “ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าข้าอยากพบสตรีนามเสวี่ยหลิวนั่นอยู่นานแล้ว”
เขาเคยบอกเสิ่นมู่ว่าไม่ช้าก็เร็ว เขาจะไปแตกหักกับเสวี่ยหลิวด้วยตนเอง
แต่ถึงอย่างนั้น ซูอี้ก็มิถือหากจะสงเคราะห์นาง!
“ขอบคุณใต้เท้าซู! ขอบคุณใต้เท้าซู!”
เถ้าแก่เฒ่าตื่นเต้นเสียจนกล่าวละล่ำละลักแทบไม่เป็นคำ
“ขอบคุณข้าเพื่อการใด ว่าไป ต่อให้ข้ากับนายเจ้ามิรู้จักกัน ไม่ว่าอย่างไรก็อยู่เฉยมิได้ทั้งนั้น”
สายตาของซูอี้ฉายแววประหลาดเล็กน้อย
เจ้าของร้ายจำนำเป็นสตรีผู้โหดเหี้ยมป่าเถื่อนเป็นอย่างยิ่ง มีอุปนิสัยดุร้ายเยี่ยงเพลิงผลาญ
ยามซูอี้เป็นซูเสวียนจวินในแดนเทวามหาแดนดิน เขากับสตรีผู้นี้หากมิเคยประมือ ก็จะมิเคยสนิทกัน
ทว่ายามนี้ ซูอี้หาหยั่งรายละเอียดแท้จริงของเจ้าของร้านจำนำได้ไม่
จนกระทั่งยามที่เขาหลอมรวมกรรมวิถีของเสิ่นมู่ ในที่สุดเขาจึงเข้าใจ
เจ้าของร้านจำนำมีนามว่ามู่จื่อจิน มาจากศักราชแห่งมาร!
ที่สำคัญสูงสุดคือ นางยังเป็น… ศิษย์น้องหญิงของเสิ่นมู่อีกด้วย!
มู่เจี้ยนฉือ อาจารย์ของเสิ่นมู่เป็นบุคคลอันดับหนึ่งในวิถีดาบ ณ ศักราชแห่งมาร!
และมู่จื่อจินนั้นมิเพียงเป็นศิษย์น้องหญิงของเสิ่นมู่เท่านั้น นางยังเป็นบุตรีผู้เดียวของอาจารย์เขามู่เจี้ยนฉืออีกด้วย
นับแต่เข้าสำนักฝึกฝน ตระกูลของเสิ่นมู่กับมู่เจี้ยนฉือก็หารือกัน คิดให้เสิ่นมู่และมู่จื่อจินแต่งงานเป็นคู่วิถีกัน
มู่เจี้ยนฉือตอบตกลงการแต่งงานนี้อย่างรวดเร็ว
มู่จื่อจินเองก็เห็นชอบ
ทว่าเสิ่นมู่คัดค้านมัน
มิใช่เพราะเสิ่นมู่มิได้ชอบมู่จื่อจิน ทว่าเสิ่นมู่นั้นหลงไหลในวิถีดาบ และปฏิบัติต่อมู่จื่อจินเป็นน้องสาวเสมอมา หามีความคิดอื่นใดไม่
การแต่งงานนี้จึงถูกเลิกราไปในที่สุด
เรื่องราวในอดีตนี้หากระจ่างไม่ก่อนซูอี้หลอมรวมกรรมวิถีของเสิ่นมู่
ทว่ายามนี้เมื่อเขาจำมันได้ เขาก็สรุปคร่าว ๆ ได้ว่ามู่จื่อจินผู้ถูกปฏิเสธแต่งงานโดยเสิ่นมู่หายอมแพ้ไม่!
หาไม่ ไฉนนางจึงมายังจักรวาลพร่างดาวนี้จากศักราชแห่งมารด้วย?
ไฉนนางจึงทำตัวเป็นเจ้าของร้านจำนำ มาปรากฏตัวในแดนเทวามหาแดนดิน?
ทว่ายังคงมีบางเรื่องที่ซูอี้ยังไม่กระจ่าง
เช่น มู่จื่อจินรู้ได้เช่นไรว่าเสิ่นมู่มิได้ตายลงโดยสมบูรณ์?
นางสรุปได้เช่นไรว่าหลังเสิ่นมู่เวียนวัฏ เขาจะปรากฏขึ้นในจักรดารานี้?
อีกทั้ง นางยังปรากฏตัวในแดนเทวามหาแดนดินโดยสงสัยว่าน่าจะเดาตัวตนของเขาไว้แล้ว
เรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำอื่นอยู่แน่นอน!
นอกจากนั้น ซูอี้ยังอนุมานเบาะแสบางอย่างในใจได้ และเรื่องนี้น่าจะเกี่ยวพันกับเสวี่ยหลิว!
มีเพียงสตรีผู้นี้กับช่างเสื้อเท่านั้นที่รู้ทุกสิ่งเกี่ยวกับเสิ่นมู่
ยามนี้ จากจดหมายฉบับนี้ มู่จื่อจินก็กลายเป็นตัวประกันในมือเสวี่ยหลิว และถูกใช้เพื่อข่มขู่เขา
ทั้งหมดนี้เพียงพอพิสูจน์ได้ว่ามู่จื่อจินน่าจะถูกเสวี่ยหลิวล่อลวง และรู้ถึงการเวียนวัฏฝึกฝนใหม่ของเสิ่นมู่จากเสวี่ยหลิว!
การที่เสวี่ยหลิวทำเช่นนี้ก็มิใช่เพื่อการใด นอกเสียจากใช้มู่จื่อจินช่วยหาร่างเวียนวัฏของเสิ่นมู่!
“ช่างเสื้อเฒ่าเคยสารภาพว่าเขาเป็นอาจารย์อาของเสวี่ยหลิว มาจากศักราชแห่งมาร และเมื่อไม่นานมานี้ ร่างอวตารวิถีของช่างเสื้อเฒ่าก็ถูกอำพรางมาอยู่ในมือข้า…”
“เรื่องนั้นผ่านไปเพียงครู่ แล้วเสวี่ยหลิวก็ส่งจดหมายเรียกข้าไปยังศักราชแห่งมาร…”
“บางทีเบื้องหลังเรื่องนี้อาจมีช่างเสื้อเฒ่าลอบวางแผนลงมืออยู่เช่นกัน!”
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ดวงตาของซูอี้ก็วาวโรจน์ด้วยจิตสังหาร พึมพำกับตนเอง “ก็ได้ ยามนี้ข้าจะไปสะสางปิดบัญชีที่ศักราชแห่งมาร!”
………………..