บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1461: สะบั้นมารหัวใจ
ตอนที่ 1461: สะบั้นมารหัวใจ
พลบค่ำคล้อยต่ำ ตะวันอัสดงสาดแสงย้อมทุกสิ่งแดงเรื่อทั่วโลกหล้า
เมื่อมองเสวี่ยหลิวจากไกล ๆ
ความรู้สึกเกินควบคุมแผ่ซ่านขึ้นในใจซูอี้
เขาอดระลึกถึงความทรงจำยามเสิ่นมู่และเสวี่ยหลิวพบพาน อารมณ์ตื่นเต้น ปรีดายินดีขึ้นมามิได้…
นี่คือกรรม!
มันคือมารหัวใจ!
กาลก่อน เสิ่นมู่ผู้งมงายในรักยอมทำลายจิตใจตน ตายเพื่อเสวี่ยหลิว มีหรือความรู้สึกนี้จะลบเลือนได้ง่าย ๆ?
และซูอี้ผู้หลอมรวมกรรมวิถีกับเสิ่นมู่ย่อมต้องแบกรับทุกสิ่งนี้ไปด้วย
เสวี่ยหลิวผู้ยืนอยู่ไกล ๆ ดูจะมีสัณชาตญาณหยั่งรู้ สังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของซูอี้
รอยยิ้มพริ้มพรายปรากฏบนริมฝีปากชุ่มฉ่ำ “ซูอี้ ข้าไร้ความแค้นต่อเจ้า ขอเพียงเจ้ามาก้มหัวให้ข้า ข้าจะปฏิบัติต่อเจ้าเช่นกาลก่อนและไว้ชีวิตเจ้า”
ทันทีที่วาจาถูกกล่าว คนทุกผู้ก็เงียบไป
ผู้ไม่รู้เรื่องภายในล้วนงุนงง
มีเพียงผู้เฒ่าจากสำนักมารหกโลกีย์เท่านั้นที่รู้ว่าเจ้าสำนักกำลังโจมตีหัวใจอีกฝ่าย!
และนี่คือสิ่งที่สำนักมารหกโลกีย์เชี่ยวชาญที่สุด
เข้าสู่วิถีด้วยหกโลกีย์ และในที่สุดก็สะบั้นหกโลกีย์เข้าสู่ความผ่องแผ้วสูงสุดแห่งจิตใจ!
ซูอี้เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายหัวน้อย ๆ “ไม่พอหรอก”
สายตาของเสวี่ยหลิวแปรเปลี่ยนลุ่มลึก น้ำเสียงของนางเจือเสน่ห์สะกดใจปนมา “อย่าห่วงเลย ขอเพียงเจ้าก้มหัว เหล่าสมาชิกตระกูลเสิ่นก็จะมีชีวิตที่ดี กระทั่งศิษย์น้องหญิงของเจ้ายังจะได้เห็นแสงเดือนแสงตะวันอีกครั้งด้วย และข้า…”
นางต้องมองซูอี้ด้วยนัยน์ตาพร่างประกาย “ข้าไม่กลัวผู้อื่นที่นี่หัวเราะเยาะหรอก ข้าเต็มใจทิ้งทุกสิ่งและอยู่เคียงข้างเจ้าเช่นกาลก่อน”
ยามนี้ ความรู้สึกในใจของซูอี้กำลังปั่นป่วน ก่อเกิดความรู้สึกหุนหันรุนแรง ราวกับเสียงหนึ่งกำลังเร่งให้เขาตอบรับ ปั่นป่วนความนึกคิดเป็นความรู้สึกอยากก้มหัวลงเสียเดี๋ยวนั้น
ยามนี้ กระทั่งอูเหมิงยังสัมผัสได้ว่ามีบางสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับนายเหนือหัวข้างกายเขา! สีหน้าเฉยเมยหายไปแล้ว มันแปรเปลี่ยนเป็นดำทะมึน หัวใจดูกำลังสับสนดิ้นรน
“นี่… หรือจะเป็นมารหัวใจของนายเหนือหัว?”
อูเหมิงหาเข้าใจไม่ ทว่าเขาลอบตกใจ มารหัวใจที่ว่านั้นดูมองไม่เห็น ทว่าแท้จริงร้ายกาจที่สุด
แม้ความสามารถล้นฟ้า แต่ขอเพียงจิตใจบกพร่อง ความพ่ายแพ้ก็ถูกกำหนดไว้ในชะตา!
และการประชันเช่นนี้ คนนอกหาเข้าช่วยได้ไม่
ต่อให้เขาฆ่าเสวี่ยหลิวเสียยามนี้ บางทีนายเหนือหัวก็อาจจำนนต่อมารหัวใจจนไม่อาจถอนตัว!
ยามนี้ กระทั่งคนทุกผู้ในสำนักมารหกโลกีย์ก็เห็นได้ว่าสภาพปัจจุบันของซูอี้แย่มาก
ผู้อาวุโสบางผู้ยังอดแค่นยิ้มเย้ยมิได้ กระทั่งมโนภาพไปว่าซูอี้มิอาจขัดขืนมารหัวใจจนต้องโค้งหัวลงอย่างเชื่อฟังด้วย
ส่วนลึกในดวงตาของเสวี่ยหลิวเจือความดูแคลน
ขณะในใจคิดเช่นนั้น น้ำเสียงของนางก็ทวีความอ่อนหวาน “มาสิ ข้ารอเจ้าอยู่แสนนาน เพื่อยามนี้ที่เราจะได้กลับมาพบพาน”
ทันใดนั้น ซูอี้พลันหัวเราะและกล่าวว่า “ขอบคุณมาก!”
สีหน้าดิ้นรนของเขาหายไปแล้ว ดวงตาแปรเป็นกระจ่างเยือกเย็น
เสวี่ยหลิวตะลึง “ขอบคุณข้าทำไม?”
ซูอี้กล่าวอย่างจริงจัง “หากเจ้าตาย ข้าคงลำบากแย่กว่าจะทำลายมารในใจนี้ได้ โชคดีที่เจ้ายังอยู่”
“การได้พบเจ้าทำให้มารในใจของข้ากำเริบขึ้นมา มันดูอันตราย แต่ก็เป็นโอกาสอันหาได้ยากสำหรับข้า ทำให้ข้าใช้หัวใจวิถีแทนดาบสะบั้นมารในใจได้ในทันที!”
เมื่อวาจาสิ้น ร่างของซูอี้พลันเผยบรรยากาศเยือกเย็นห่างเหิน
ดุจทะลวงผ่านตรวนล่องหนอันไม่อาจมองเห็น ณ ส่วนลึกสุดของหัวใจ ทั้งความลุ่มหลง ความยึดติดต่อเสวี่ยหลิวล้วนเลือนหายในยามนี้!
ซูอี้กระทั่งสัมผัสได้ชัดเจนว่าสภาพจิตใจของเขาแปรเปลี่ยนไป!
“เจ้า… ทำได้จริง ๆ หรือ?”
เสวี่ยหลิวดูเชื่อไม่ลง
ซูอี้กล่าวยิ้ม ๆ “เจ้าผิดหวังหรือ?”
มารในใจประเภทนี้ เท่าที่เขารู้ มันก็แค่ตรวนล่องหนซึ่งมิอาจถูกทำลายได้เมื่อกาลก่อน เนื่องจากมันซุกซ่อนเกินตรวจพบ แสนยากจะควานหา
ทว่าขอเพียงมารหัวใจนี้ปรากฏขึ้น ด้วยอำนาจจิตใจของซูอี้ก็ทำลายมันได้ง่าย ๆ!
เพราะถึงอย่างไร ท้ายที่สุดเขาก็ไม่ใช่เสิ่นมู่ เขาหรือจะมีความลุ่มหลงเช่นเสิ่นมู่!
“ผิดหวัง?”
สายตาของเสวี่ยหลิวเย็นชา “ไม่เลย เจ้าถูกกำหนดชะตาให้ตายลงวันนี้แล้ว จะว่าดีใจยังน้อยไป ข้าจะผิดหวังได้เช่นไร?”
หลังกล่าวกับซูอี้จบ นางก็กล่าวกับคนทุกผู้ว่า “ใครอยากไปจัดการสัตว์ร้ายนี่บ้าง?”
“คนแซ่หวงไร้ความโดดเด่น เต็มใจไปแก้ปัญหาให้สหายเต๋า!”
ชายวัยกลางคนในชุดดำผู้หนึ่งจากเจ็ดสำนักมารใหญ่ลุกขึ้นกล่าวยิ้ม ๆ
“สหายเต๋าระวังด้วย คนแซ่ซูผู้นั้นหาธรรมดาไม่”
เสวี่ยหลิวกล่าวแนะ
“ฮ่า ๆๆ สหายเต๋ารอเถิด”
ชายวัยกลางคนชุดดำเชิดหน้าหัวเราะลั่นนภา ร่างของเขาเคลื่อนแหวกเวหาออกไปนอกแดนพำนัก
ปราณของคนผู้นี้ร้ายกาจ อำนาจยิ่งใหญ่ ทันทีที่เขาปรากฏกายก็ดึงความสนใจทุกผู้ได้ทันที
ทว่าซูอี้คร้านเกินกว่าจะหันมอง เขานำไหสุราออกมาและถอยไปด้านข้าง
“ที่เหลือให้เจ้าจัดการ จำไว้ว่าอย่าเพิ่งฆ่าสตรีผู้นั้น ข้าอยากให้นางสิ้นสติตายไปเอง”
เขาเอ่ยสั่งเบา ๆ
อูเหมิงแย้มยิ้ม “ผู้น้อยรอประโยคนี้อยู่นานแล้วขอรับ!”
“ตาย!”
ชายวัยกลางคนชุดดำแหวกเวหาเข้ามา
สีหน้าของอูเหมิงไร้อารมณ์ ฟาดหลังมือออกไป
เปรี้ยง!!!
ร่างของชายวัยกลางคนในชุดดำระเบิดกลางอากาศ แปรเปลี่ยนเป็นเมฆหมอกสีเลือด
ดุจแมลงวันที่ถูกตบตายไปสุ่ม ๆ
ทว่าชายวัยกลางคนชุดดำหาใช่แมลงวันไม่ แต่เป็นตัวตนในขอบเขตจุติมงคล และเมื่อเห็นว่าเขาถูกตบตายโดยมิทันได้ลงมือ คนทุกผู้ที่มองอยู่ก็ล้วนตะลึงงันไปตาม ๆ กัน
ความแตกต่างนี้ยิ่งใหญ่เกินไป
ยิ่งใหญ่เสียจนแทบหูอื้อตาลาย!
ก่อนผู้ใดจะทันไหวตัว ร่างของอูเหมิงก็วูบไหว เพียงหนึ่งก้าว เขาก็มาถึงภูเขาศักดิ์สิทธิ์พันวังวน
เขายกมือขึ้นกดลง
ตู้ม!
แสงสีเลือดสาดจ้า และแดนดินอันปกคลุมด้วยสารพัดค่ายกลก็แหลกสลายพังทลายทันที
ยอดฝีมือบางผู้ที่อยู่ใกล้ประตูสำนักเองก็ได้รับผลกระทบตายตกตามกันอย่างน่าสยดสยองด้วยอำนาจฝ่ามืออันร้ายกาจทันที
อำนาจอันยิ่งใหญ่ทรงพลังนี้ทำให้ทุกผู้ในสำนักมารหกโลกีย์หน้าเปลี่ยนสี
เจ้าเฒ่าผู้นี้คือใคร?
ไฉนจึงแข็งแกร่งเพียงนี้?
“เร็วเข้า ทุกผู้ลงมือ!!”
ดวงตาของเสวี่ยหลิวเย็นยะเยือกขณะออกคำสั่ง
“ฆ่า!”
สำนักมารหกโลกีย์และเจ็ดสำนักมารอื่น ๆ ลงมือโดยไร้ลังเล
ทันใดนั้น สารพัดสมบัติก็ทะยานเวหา เคล็ดวิชาพร่างพราวคำรามคลั่งชุลมุน
ตัวตนนับร้อยในขอบเขตจุติมงคลร่วมมือโจมตี อำนาจเช่นนั้นต้องทรงพลังน่ากลัวเพียงไร?
ยามนั้นเอง….
ตู้ม!
ท้องนภาสะเทือนสั่น สุญญะแหลกร้าว
คลื่นทำลายล้างน่าสะพรึงกลัวรวมตัวเยี่ยงธารสวรรค์ทะลักเขื่อนฟาดเข้าใส่อูเหมิง
เพียงมองจากไกล ๆ ก็ชวนสิ้นหวังร้าวราน
“โชคดีที่ข้าเตรียมสารพัดไพ่ตายไว้ตามคำสั่งอาจารย์ หาไม่ คงถูกไอ้แก่นี่เล่นทีเผลอไปแล้ว”
เสวี่ยหลิวถอยไปไกล
บุตรแห่งผู้มั่งมีไม่นำชีวิตตนไปเสี่ยง
ในฐานะเจ้าสำนัก นางจะมิยอมเสี่ยง
ทันทีที่นางคิดเช่นนี้ ร่างบอบบางของเสวี่ยหลิวพลันสั่นสะท้าน ใบหน้างดงามแปรเปลี่ยนกะทันหัน
ไกลออกไป อูเหมิงผู้สวมอาภรณ์สีเทา สีหน้าถมึงทึง หาหลบเลี่ยงไม่ เพียงหนึ่งฝ่ามือโจมตีก็ทำลายการโจมตีประสานของตัวตนขอบเขตจุติมงคลนับร้อยลง!
พิรุณแสงกวาดทั่วนภา แดนดินทั่วถิ่นถล่มพัง
จากนั้น อูเหมิงก็สูดหายใจลึก ๆ เหนือร่างของเขาพลันบังเกิดเพลิงแสงศักดิ์สิทธิ์สีเลือดพลุ่งพล่านเป็นคู่ปีกสีเลือดปรกนภา
อำนาจกฎเกณฑ์หนาแน่นกรุ่นคลั่งเหนือคู่ปีกเยี่ยงหมู่ดารา แผ่อำนาจทำลายล้างสยบสวรรค์
คนทุกผู้อึดอัดยากหายใจ ตกตะลึงจังงัง นี่คือ…
“ตาย!”
อูเหมิงตวาดลั่น ฟาดฝ่ามือออกไป
แล้วคู่ปีกสีเลือดก็ฟาดลง
ตู้ม!!
ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พันวังวนสั่นสะท้านรุนแรง ยอดเขาถล่มราบ สารพัดอาคารเก่าแก่พังทลาย
และภายใต้การโจมตีนี้ เหล่าตัวตนขอบเขตจุติมงคลต่างก็ตายตกคาที่อย่างน่าสะพรึงราวเป็นมนุษย์กระดาษ
ปราณของคู่ปีกสีเลือดนี้ร้ายกาจเกินไป มันอาบอำนาจกฎวิถีเซียนอันเหนือล้ำกว่าขอบเขตจุติมงคลแสนไกล
เพียงหนึ่งการโจมตี เขาก็ทำลายตัวตนขอบเขตจุติมงคลได้หลายสิบ!
โลหิตพรั่งพรูลงเยี่ยงพิรุณ
เสียงกรีดร้องสนั่นลั่นนภา
เพียงพริบตา ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พันวังวนนี้ก็กลายเป็นนรกบนดิน!
“เซียนปีศาจ! เขาเป็นเซียนปีศาจตัวจริง!!”
บางผู้ร้องอย่างแสนตระหนกกลัว
“เซียนปีศาจ?”
ใบหน้างดงามของเสวี่ยหลิวซีดเผือดเกินเชื่อลง
ซูอี้ไปหาเซียนเป็นผู้ช่วยมาจากหนใด?
ไม่ใช่ว่าในส่วนลึกแห่งจักรวาลพร่างดาวนี้ไร้สิ้นเซียนแท้แล้วหรือ?
เสวี่ยหลิวตระหนักแล้วว่าปัญหานี้รับมือยาก!
เปรี้ยง!
อูเหมิงลงมือไล่ละเลงเลือด
ขณะนี้เขาดูเยี่ยงเทพปีศาจ ปีกสีเลือดปรกนภา ทุกการเคลื่อนไหวเยี่ยงภัยธรรมชาติอุบัติ
ตัวตนในขอบเขตจุติมงคลเหล่านั้นเองก็เป็นยักษ์ใหญ่ในโลกหล้า ทว่ายามนี้พวกเขาทั้งหลายล้วนดูปวกเปียกเหลาะแหละ ถูกเข่นฆ่าตายเยี่ยงผักปลา
ส่วนตัวตนใต้ขอบเขตจุติมงคลนั้น อย่าว่าแต่ขัดขืน เพียงลูกหลงจากศึก พวกเขาก็รับไม่ไหวจนตายตกคาที่อย่างน่าอนาถไปแล้ว
ยามนี้เองที่อูเหมิง บรรพชนผู้ก่อตั้งศาลมารหมื่นแดนดินเผยความดุร้ายไร้คู่เปรียบออกมา!
และแต่ต้นจนจบ ซูอี้ทำเพียงยืนนิ่งห่าง ๆ อย่างสุขุม ร่ำสุรากับตนเองพลางมองการเข่นฆ่าละเลงเลือดนี้โดยไร้การเปลี่ยนแปลงอารมณ์ใด ๆ ในสายตา
“เร็วเข้า! ถอยไปที่ยอดเขาหลัก!”
เสวี่ยหลิวออกคำสั่งเสียงเข้ม
ดวงตาของนางแทบถลน ใบหน้าแข็งค้าง หัวใจเปี่ยมโทสะ
ทว่าท้ายที่สุด นางก็ทำได้เพียงถอยร่นไปพร้อมผู้อื่นในสำนัก
เปรี้ยง!
ณ ยอดเขาหลักของภูเขาศักดิ์สิทธิ์พันวังวนมีค่ายกลวิถีเซียนหนึ่งเรืองรอง คลื่นอำนาจค่ายกลรุนแรงแผ่ทั่วท้องนภา
ทันทีที่ค่ายกลวิถีเซียนนี้ปรากฏ มันก็หยุดการเข่นฆ่าของอูเหมิงลง
ทุกผู้ซึ่งหนีไปสู่ยอดเขาหลักลอบถอนใจโล่งอก สีหน้าพลันแปรเปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์ยิ่งโดยพลัน
จากคลองจักษุของพวกเขา นอกจากบริเวณยอดเขาหลัก บริเวณอื่น ๆ ล้วนถูกทำลายเละสิ้นแล้ว
เพียงไม่กี่อึดใจ ฝั่งพวกเขาก็เสียหายหนักหนา
ตัวตนร้อยกว่าในขอบเขตจุติมงคลเหลือผู้โชคดีรอดชีวิตเพียงยี่สิบเศษ
ส่วนตัวตนอื่น ๆ ที่ตายไปนั้นมิอาจประเมินได้แล้ว!
ความเสียหายเช่นนี้ทำให้เสวี่ยหลิวแสนเดือดดาล เข่นเขี้ยวแทบแหลก ร่างของนางสั่นสะท้าน
คาดการณ์ผิด!
นางไม่คาดเลยว่าหลังซูอี้มาถึง เขาจะมิได้ปรากฏใกล้ภูเขาจิตดาราที่นางส่งคนไปล้อมไว้แน่นหนา แต่บุกมาเข่นฆ่าหน้าแดนเหย้าสำนักมารหกโลกีย์ตรง ๆ
และไม่คาดเลยว่าซูอี้จะมีเซียนผู้ดุดันร้ายกาจติดตามมาด้วย!
ทั้งหมดนี้ทำให้นางไม่ทันตั้งตัว
“อย่าลนลานไป ข้ายังมีไพ่ตายอีกมาก เพียงพอจะหยุดวิกฤติยามนี้ได้!”
เสวี่ยหลิวสูดหายใจลึก ๆ และกล่าวปลอบขวัญทุกผู้ด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก