บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1462: สะบั้นใจ
ตอนที่ 1462: สะบั้นใจ
ตู้ม!
นอกยอดเขาหลักของภูเขาศักดิ์สิทธิ์พันวังวน อูเหมิงกระหน่ำโจมตีค่ายกลวิถีเซียนอย่างบ้าคลั่ง
คู่ปีกสีเลือดปรกนภาเป็นเช่นคมดาบเบิกสวรรค์ซึ่งสับลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ค่ายกลวิถีเซียนสั่นสะท้านรุนแรง พิรุณแสงโปรยปราย
ดวงตาของเขาเย็นชาแดงฉานเยี่ยงเลือด ร่างผอมบางของเขาสาดแสงสีเลือดทั่วนภา ทรงพลังเยี่ยงเทพปีศาจ
ตัวเขาหนึ่งบุคคล เพียงไม่กี่อึดใจก็ก้าวสู่แดนเหย้าสำนักมารหกโลกีย์ ทำลายยอดเขามากมาย สังหารผู้คนละเลงเลือดเป็นธารที่นี่ได้!
และยามนี้ ด้วยการโจมตีของเขา ค่ายกลวิถีเซียนก็ปั่นป่วนรุนแรง
สิ่งนี้ทำให้เหล่าผู้คนที่ซ่อนตัวในยอดเขาหลักสำนักมารหกโลกีย์ล้วนสะดุ้งตกใจ หัวใจร่วงลงสู่ก้นเหว
ใครเล่าจะไม่เห็นว่าคงไม่นานก่อนที่ค่ายกลวิถีเซียนนี้จะมิอาจทานพลัง?
ทว่าเมื่อพวกเขาได้ยินวาจาของเสวี่ยหลิว ทุกผู้ก็ใจชื้นขึ้น
ไพ่ตาย?
เยอะด้วย?
เพียงพอสยบวิกฤตนี้ได้?
ยามนี้ เสวี่ยหลิวกล่าวขึ้น “ซูอี้ หากเจ้าไม่อยากให้ตระกูลเสิ่นต้องตกตาย หยุดไอ้แก่นั่นเดี๋ยวนี้!”
น้ำเสียงนั้นสะท้อนก้องโลกาจากไกล ๆ
“ทนไม่ไหวแล้วหรือ?”
ดวงตาของซูอี้ฉายประกายเยาะเย้ย
เขาจิบสุราพลางก้าวสู่เวหา ขณะโบกมือพลาง “ถอยมานี่”
“ขอรับ!”
อูเหมิงผู้กำลังระดมโจมตีค่ายกลวิถีเซียนได้ยินดังนั้น เขาก็เก็บปราณดุร้ายในร่างหวนคืนข้างกายซูอี้ สำรวมกิริยาก้มหน้าก้มตาดุจบ่าวรับใช้ในทันที
เห็นเช่นนี้ พวกเสวี่ยหลิวก็อดสูดหายใจเฮือกมิได้
เซียนผู้ดุร้ายไร้ใดเทียบกลับพินอบพิเทาต่อชายหนุ่มเดียวดาย มันเหลือเชื่อเกินไปโดยไร้กังขา!
ทว่า เมื่อเห็นว่าในที่สุดอูเหมิงก็หยุดมือ หัวใจของทุกผู้ก็สงบลงมาก
มีเพียงอูเหมิงที่ยิ้มเยาะในใจ ยามนี้ การแสดงดี ๆ เพิ่งเริ่มเท่านั้น!
“ขอเพียงเจ้าไปเสียยามนี้ ข้ารับปากในนามสำนักมารหกโลกีย์ว่าข้าจะปล่อยคนตระกูลเสิ่นออกไปให้หมดเลย”
ดวงตาของเสวี่ยหลิวจับจ้องซูอี้จากระยะไกล “หาไม่ ขอเพียงข้าสั่ง ทุกผู้ในตระกูลเสิ่นจะตายแน่!”
บรรยากาศเงียบไป
ทุกสายตามองมายังซูอี้
ซูอี้แย้มยิ้มกล่าวว่า “อย่างนั้นหรือ งั้นก็ลองสั่งดูสิ”
เสวี่ยหลิวขมวดคิ้ว “เจ้าหมายความว่าอย่างไร? ต้องมีคนตายเพราะเจ้าจริง ๆ หรือ?”
ซูอี้หากล่าวอันใดไม่
ขณะที่อูเหมิงที่อยู่ข้างกายเขากล่าวลอย ๆ “คางคกทมิฬ ถึงคราวเจ้าสนองบัญชาแล้ว!”
ตู้ม!
ฟ้าดินสะเทือนสั่น ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นจากอากาศธาตุ แปรเปลี่ยนเป็นชายชราร่างผอมในอาภรณ์มอซอ เส้นผมกระเซอะกระเซิง
รัศมีเซียนสีดำเรืองขึ้นรอบกายชายชรา ทำให้เขาทรงพลังค้ำนภา!
ทันทีที่ชายชราปรากฏขึ้น เขาก็คำนับซูอี้อย่างนอบน้อม “ผู้น้อยคางคกทมิฬ คารวะนายเหนือหัว!”
สีหน้าของเขาเปี่ยมความตื่นเต้นยินดี
เสวี่ยหลิวและทุกผู้จากสำนักมารหกโลกีย์ล้วนหน้าเปลี่ยนสี หัวใจของพวกเขาสั่นสะท้าน อีกหนึ่งตัวตนร้ายกาจที่ก้าวสู่วิถีเซียน?
นอกจากนั้น… ยังนอบน้อมต่อซูอี้เช่นกัน!!
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้พวกเสวี่ยหลิวตระหนักแล้วว่าสถานการณ์ย่ำแย่ หนังศีรษะของพวกเขาชายิบ
“ผีพนันเฒ่า จัดการเรียบร้อยดีหรือไม่?”
ชายชรากล่าวอย่างรีบร้อนว่า “นายเหนือหัวโปรดอย่าห่วง ทุกสิ่งเสร็จสิ้นแล้วขอรับ!”
“งั้นก็ให้พวกเขารับชมหน่อยแล้วกัน”
ซูอี้สั่ง
“ขอรับ!”
ชายชรารับคำสั่ง จากนั้นจึงหันไปสะบัดแขนเสื้อ
ศีรษะชุ่มเลือดถูกวางเรียงรายอยู่บนเวหา มีนับร้อย ๆ หัว
“เป็นไปได้เช่นไร!?”
บนพื้น ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งสำนักมารหกโลกีย์ตะโกนทำลายความเงียบ ใบหน้าเปี่ยมความพรั่นพรึง
ศีรษะชุ่มเลือดเหล่านั้นล้วนแต่เป็นยอดฝีมือจากสำนักมารหกโลกีย์ผู้ได้รับคำสั่งไปคุ้มกันคุกใต้บาดาล และเฝ้าคนตระกูลเสิ่นไว้เป็นพิเศษ
ทว่ายามนี้ ยอดฝีมือเหล่านั้นล้วนถูกสะบั้นหัว!
ศีรษะเหล่านั้นต่างถูกร้อยเข้าด้วยกันเป็นเส้น ลอยเด่นหรากลางเวหา!
ยอดฝีมือคนอื่น ๆ ของสำนักมารหกโลกีย์ต่างตะลึงเกินเชื่อลง
“มิน่าเล่าเจ้าจึงไม่กลัวคำขู่ ที่แท้เจ้าก็ช่วยตระกูลเสิ่นไว้แล้ว!”
เสวี่ยหลิวกล่าวด้วยใบหน้าโกรธขึ้ง สภาพจิตใจของนางรวนเรอย่างเห็นได้ชัด หน้าอกของนางกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง
ซูอี้กล่าวยิ้ม ๆ “อย่าเพิ่งโกรธสิ นี่เป็นเพียงการเรียกน้ำย่อย ยังมีอีกหลายร่างเลยที่เจ้าไม่รู้”
“เรียกน้ำย่อย?”
เสวี่ยหลิวสูดหายใจลึก ๆ และกล่าวอย่างเย็นชา “งั้นบอกข้าสิว่าข้ายังไม่รู้อันใดอีก?”
ซูอี้กล่าวโดยไม่คิด “เจ้ารอการกลับมาของเหล่าเซียนในภูเขาจิตดาราอยู่นี่”
ร่างอรชรของเสวี่ยหลิวชะงักงัน ดวงตาวูบไหวอย่างตื่นตระหนก กล่าวอย่างไม่อยากเชื่อ “หรือว่า…”
“ถูกต้อง คนผู้นั้นตายไปแล้ว”
หนึ่งวจีกระจ่างชัด
พร้อมกันนั้น ชายชุดขาวถือพัดหยกผู้หนึ่งก็ปรากฏกายจากอากาศธาตุ
ปราณเซียนรายล้อมเขาเยี่ยงธารดารา เผยอำนาจทลายแดนดิน
แต่หลังจากมาถึง เขาก็สูดหายใจลึก ๆ และคำนับซูอี้อย่างนอบน้อม “ผู้น้อยไป๋ท่า คารวะนายเหนือหัว!”
ตัวตนวิถีเซียนอีกหนึ่ง!
เสวี่ยหลิวและคณะตะลึงเหมือนถูกสายฟ้าฟาดใส่
จวบยามนี้ มียักษ์ใหญ่วิถีเซียนโผล่มาสามคน!
และพวกเขาล้วนนับถือซูอี้ราวกับเป็นพระเจ้า!
“ไม่มีทาง! บรรพชนที่ข้าส่งไปก็เป็นตัวตนในวิถีเซียน เขาจะตกตายได้เช่นไร?”
ใบหน้างดงามของเสวี่ยหลิวซีดขาว แผดเสียงร้องออกมา
ในฐานะเจ้าสำนักมารหกโลกีย์ นางจึงมีความลึกล้ำยิ่ง แม้ก่อนหน้านี้จะเผชิญกับการโจมตีสารพัด นางก็ยังมิสูญเสียจิตใจ
ทว่ายามนี้ นางก็ดูจะมิอาจทนจนเสียกิริยา!
“เป็นไปไม่ได้หรือ? งั้นก็เบิกตาดูให้ดี!”
ชายชุดขาวผู้มีนามว่าไป๋ท่ายกมือโยนซากศพชุ่มเลือดร่างหนึ่งร่วงลงบนพื้นที่อยู่ไกล ๆ
ซากศพนั้นเป็นของชายชราร่างสูงผู้หนึ่ง ร่างของเขาเต็มไปด้วยรอยไหม้ชวนขวัญผวา คอถูกบิดตกห้อยต่องแต่ง
ทว่าเหล่าผู้ทรงอำนาจจากสำนักมารหกโลกีย์มองปราดเดียวก็รู้ว่านั่นคือบรรพชนหมิงเซียว! ตัวตนร้ายกาจในวิถีเซียนของสำนักมารหกโลกีย์
“ท่านบรรพชน!”
หนึ่งเสียงคร่ำครวญอย่างเศร้าโศก
ทุกผู้หนาวยะเยือกแทบสิ้นสติ
เสวี่ยหลิวเองก็ตะลึงค้างราวกับมิอาจรับได้
หนนี้ เพื่อจัดการกับซูอี้ นางจึงเชิญบรรพชนหมิงเซียวไปยังภูเขาจิตดาราเป็นพิเศษ ทว่าใครเล่าจะคิดว่าบรรพชนหมิงเซียวจะมาตกตายเช่นนี้!!!
ความเสียหายนี้หนักหนาจนเสวี่ยหลิวรู้สึกราวกับฟ้าถล่มทับ
ขณะนั้น ไป๋ท่าเองก็อธิบายอย่างอดทนเปี่ยมน้ำใจ “ทั่วภูเขาจิตดารามีตัวตนเล็กจ้อยอยู่อีกสามสิบกว่าตน พวกเขาตายสิ้นแล้ว แต่ข้าคิดว่ามีน้ำหนักไม่พอจึงไม่ได้นำมาแสดงด้วย”
น้ำเสียงของเขาสะท้อนทั่ว
รอบข้างเงียบสงัดเยี่ยงป่าช้า บรรยาอากาศหนักอึ้งราวควบแน่นเป็นสสาร กดดันเสียจนยากหายใจ
ทันใดนั้น เสวี่ยหลิวก็กรีดร้อง “ซูอี้ เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าชนะแล้ว? ผิดถนัด!”
นางโบกมือ “ผู้อาวุโสรอง นำคนมา!”
ผู้อาวุโสรองของสำนักมารหกโลกีย์แบกสตรีผู้หนึ่งในมือก้าวออกมา
“ซูอี้ ดูสิว่านางเป็นใคร”
เสวี่ยหลิวกัดฟัน ใบหน้างดงามบิดเบี้ยวเดือดดาลเล็กน้อย
สตรีผู้นั้นสวมอาภรณ์ขาดวิ่น เส้นผมกระเซอะกระเซิง ทั่วร่างปกคลุมด้วยโลหิต ตรวนทมิฬพาดบ่าพันธนาการทั่วร่าง สภาพเละเทะเกินทนมอง
นางเงยหน้าขึ้นอย่างยากเย็น และเมื่อคู่เนตรเฉยชาคู่นั้นเห็นซูอี้จากไกล ๆ ร่างของนางก็สะท้านสั่น
จากนั้นหยาดน้ำตาสองสายก็ไหลอาบหน้า ล้วนมาจากความตื่นเต้นปีติ
สตรีผู้นี้คือมู่จื่อเจิน
นางคือศิษย์น้องหญิงของเสิ่นมู่ และเจ้าของร้านจำนำ!
ครั้งหนึ่ง นางเคยฝึกฝนกับเสิ่นมู่และเป็นคู่รักวัยเยาว์
นางยังเคยเป็นสหายรักของซูอี้ซึ่งหากมิต่อสู้ก็มิรู้จักกันในมหาแดนดิน
“เห็นหรือไม่ นี่คือคู่รักวัยเยาว์ของเจ้า บุตรีของอาจารย์เจ้าไง! ตลอดกาลนานมา เพื่อหาตัวเจ้าให้เจอ นางหาลังเลข้ามธารสายยาวแห่งมิติเวลาสู่ส่วนลึกจักรวาลพร่างดาวไม่”
เสวี่ยหลิวกล่าวเสียงแหลม “ยามนี้ นางกลายเป็นเชลยของข้าแล้ว หากเจ้ามิสนใจความเป็นความตายของนาง ข้าจะฆ่านางเดี๋ยวนี้แหละ!”
เจ้าสำนักมารหกโลกีย์ในยามนี้เจือความบ้าคลั่งเบาบาง
เมื่อเห็นเช่นนี้ ซูอี้ก็อดยิ้มมิได้
จากนั้นสามบุคคลรอบกายเขา ทั้งอูเหมิง คางคกทมิฬและไป๋ท่าต่างก็แย้มยิ้ม
รอยยิ้มนั้นเจิดจรัสเป็นพิเศษ
และยังกวนโทสะของเสวี่ยหลิวได้อีกด้วย!
“ข้าจะฆ่านางซะ ดูซิว่าเจ้าจะยังยิ้มออกหรือไม่!”
เสวี่ยหลิวเค้นเสียง “ผู้อาวุโสรอง ลงมือ!”
“ขอรับ!”
ผู้อาวุโสรองยกมือขวาฟาดเข้าใส่ศีรษะของมู่จื่อเจิน
ตู้ม!
มือขวาของผู้อาวุโสรองพลันมอดไหม้ ตามด้วยแขนขวา ไหล่ คอ กลับกลายเป็นเถ้าถ่านในพริบตา
ทุกผู้ในบริเวณล้วนตื่นตระหนกจนผงะถอย
เสวี่ยหลิวเองก็ตะลึง ดวงตาเบิกกว้าง
มู่จื่อเจินผู้บาดเจ็บชุ่มโลหิตก็ลุกขึ้นคำนับซูอี้จากระยะไกลอย่างว่าง่าย พลางกล่าวว่า “ผู้น้อยสุ่ยเหอ คารวะนายเหนือหัว!”
พร้อมกันนั้น รูปลักษณ์ของนางก็ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไป กลายเป็นหญิงสาวผมขาวผู้มีรอยยิ้มงดงามประดับใบหน้า
กฎอัสนีเซียนเคลื่อนคล้อยรอบร่างสง่างาม เพียงยืนเฉย ๆ ก็สะกดให้ผู้คนรายล้อมหายใจไม่ทั่วท้อง
ชั่วขณะนี้ เสวี่ยหลิวและคณะล้วนตะลึงจนสิ้นสติ
อีกหนึ่งตัวตนวิถีเซียน!
นอกจากนั้นนางยังหลบซ่อนอยู่ในหมู่พวกเขา แฝงตัวเป็นเชลยตบตาทุกคน!!
ก่อนหน้านี้มีค่ายกลวิถีเซียนบนยอดเขาหลักของภูเขาศักดิ์สิทธิ์พันวังวน ดังนั้นแม้ผู้คนจะผวาหวาด พวกเขาก็ยังมีหวังอยู่บ้าง
ทว่ายามนี้ หนึ่งเซียนแฝงตัวในหมู่พวกเขา เป็นดั่งฟางเส้นสุดท้ายขาดผึงลง ทำให้พวกเขารู้สึกสิ้นหวัง!
“สุ่ยเหอ เมื่อครู่เจ้าร้องไห้ไปเยอะเลย เข้าถึงบทบาทมากจนข้าสงสัยว่าเป็นเจ้าจริง ๆ หรือไม่ด้วยน่ะ”
ไป๋ท่าซึ่งอยู่ไกลออกไปกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“การแสดงก็คือการแสดงอยู่วันยันค่ำ และต้องมิหลุดรอดสายตาของนายเหนือหัวไปได้แน่”
สตรีผมขาวสุ่ยเหอกล่าวด้วยรอยยิ้มบาง สายตามองสบกับซูอี้อย่างอ่อนหวานเยี่ยงสายวารี
ซูอี้ออกคำสั่ง “ฆ่าพวกเกะกะเสียก่อน”
“เจ้าค่ะ!”
สตรีผมขาวสุ่ยเหอขานรับอย่างว่าง่าย
ทว่าก่อนที่นางจะทันได้กระทำอันใด…
ตุ้บ! ตุ้บ!
ตัวตนในขอบเขตจุติมงคลจากสำนักมารอีกเจ็ดแห่งขวัญหนีดีฝ่อ พวกเขาคุกเข่าลงขอความเมตตาด้วยร่างสั่นเทิ้มในทันที
เพียงพริบตานั้น กระทั่งตัวตนอื่น ๆ ในสำนักมารหกโลกีย์ยังตื่นตระหนก พวกเขาล้วนคุกเข่าลงตัวสั่น กล่าวยอมแพ้ก้มหัวต่ำ
เหลือเสวี่ยหลิวยืนอยู่เพียงลำพัง ใบหน้าซีดเซียวสิ้นวิญญาณ
น่าเสียดายที่เหล่าผู้คุกเข่าหาพ้นวิกฤตไม่
เมื่อสุ่ยเหอลงมือ แสงอสนีบาตสีเงินยวงพร่างพรายโหมกระหน่ำ เหล่าร่างที่คุกเข่าบนพื้นล้วนถูกกระหน่ำสังหารในพริบตา
เหลือเพียงเสวี่ยหลิวผู้เดียว!
เจ้าสำนักมารหกโลกีย์ถูกทำร้ายจิตใจหนักหน่วงจนใบหน้าซีดขาว สีหน้าแข็งค้าง ดวงตาเลื่อนลอย
นางค่อย ๆ เงยหน้ามองซูอี้จากไกล ๆ “เจ้ารวบรวมผู้ทรงอำนาจวิถีเซียนมาฆ่าข้า ให้ตายในสถานการณ์เช่นนี้ ข้า… ไม่ควรภูมิใจหรือไร?”
ซูอี้ส่ายหัวว่า “เจ้าคิดมากไปแล้ว ผู้ที่ข้าอยากฆ่าจริง ๆ ในวันนี้คืออาจารย์อาของเจ้าต่างหาก ส่วนเจ้าน่ะเป็นแค่ตัวประกอบเท่านั้น”
เสวี่ยหลิว “???”
อั๊ก!
อกของนางสะท้าน กระอักเลือดออกมาคำโต
สังหารคนสะบั้นใจ!
………………..