บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1465: ถูกทวยเทพหมายหัว
ตอนที่ 1465: ถูกทวยเทพหมายหัว
อูเหมิงกำลังประหม่า
เทวรูปนี้ชั่วร้ายนัก ทันทีที่มือแตะสัมผัส จิตใจของเขาก็ถูกอิทธิพลสะท้านสะเทือนรุนแรง ตกอยู่ในฝันร้ายลึกล้ำเยี่ยงอนันตรัตติกาล
หากไม่ใช่เพราะนายเหนือหัวฉวยเทวรูปนั้นไป อูเหมิงสงสัยว่าจิตใจของเขาคงตกสู่ฝันร้ายชั่วนิรันดร์
“มิเป็นไรหรอก”
ซูอี้ใช้หนึ่งมือถือเทวรูปแล้วเพ่งสมาธิ
ทันใดนั้น สติรู้คิดของเขาก็ได้รับผลกระทบจนนิ่งในภวังค์ราวตกสู่ความฝันอันมืดมิดว่างเปล่า
แดนนิมิตนี้ไร้ขอบเขต ว่างเปล่าและเย็นเฉียบ
อำนาจประหลาดก็ลากจิตรู้คิดของซูอี้จมลงสู่ก้นบึ้งแห่งนิมิตมืดมนนี้
ซูอี้ขมวดคิ้ว โคจรอำนาจวัฏสงสารอย่างเงียบงัน
ตู้ม!
นิมิตฝันมืดทมิฬเขย่าสั่นรุนแรงราวกับพร้อมแหลกสลาย
ชั่วขณะนั้น ร่างของสตรีผู้หนึ่งปรากฏขึ้นในอนันตรัตติกาลอันว่างเปล่า
สตรีผู้นี้นั่งเหนือบัลลังก์ศักดิ์สิทธิ์ดั่งจอมเทพ บนศีรษะสวมมงกุฎหยก ถือขวดสมบัติในมือ สะท้อนนิมิตตะวันทมิฬเบื้องหลัง
ยามสายตานางกวาดมอง วิญญาณของซูอี้ก็สะท้านสั่น
ทว่าทันใดนั้น ดาบเก้าคุมขังในห้วงความนึกคิดของเขาพลันคำราม
ตู้ม!
แดนนิมิตอันมืดมิดพลันถล่มสลาย สตรีบนบัลลังก์เองก็ถูกฉีกกระชากเยี่ยงฟองคลื่น
เหมือนจะมีเสียงสรวลเสต่ำ ๆ เย็นเยียบดังแว่วมา
“ผู้ถือครองวัฏสงสารเอ๋ย ในที่สุดเจ้าก็ปรากฏตัว ไม่นานหรอกหนา ข้าผู้นี้จะไปหาเจ้าเอง!”
เทวรูปในมือของเขาแหลกสลายไปยามใดก็มิอาจทราบ แปรเปลี่ยนเป็นเศษซากร่วงหล่นจากช่องนิ้ว
“มาหาข้า? เทพ… จะมายังโลกหล้าได้หรือ?”
ซูอี้ครุ่นคิด
ทันใดนั้น เขาก็คร้านเกินกว่าจะคิดต่อ
“นายเหนือหัว ท่านเป็นอันใดหรือไม่ขอรับ?”
อูเหมิงอดถามมิได้
ซูอี้ส่ายหน้ากล่าว “ไปกันเถอะ”
วัตถุประสงค์ที่เขามายังศักราชแห่งมารนั้นก็เพื่อสะบั้นมารหัวใจและสังหารช่างเสื้อ
ยามนี้ ทุกสิ่งคลี่คลายแล้ว
ต่อจากนี้ เขาวางแผนจะผ่อนคลายสักพัก ก่อนจะเดินทางกลับส่วนลึกแห่งจักรวาลพร่างดาว
……
ท้องนภาเรืองประกาย
ตระกูลเสิ่นทั้งหลายหวนคืนเหย้าแดนบรรพชน
ทว่ามันกลายเป็นซากไปแสนนาน
“แม่จ๋า บ้านเราหายไปแล้ว”
เด็กหญิงผมแกละตัวน้อยกล่าวอย่างเศร้าโศก น้ำตาคลอใกล้หยาดหยด
“ลูกเอ๋ย ขอเพียงคนยังอยู่ บ้านก็จะยังอยู่”
หญิงผู้หนึ่งโอบกอดเด็กหญิงไว้อย่างนุ่มนวล กล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “เจ้าดูสิ ผู้ใหญ่ตระกูลเราทั้งหลายเริ่มสร้างบ้านกันใหม่แล้วนะ”
ณ ซากปรักหักพัง สมาชิกตระกูลเสิ่นนับพัน ๆ คนกำลังวิ่งวุ่น สีหน้าของทุกผู้แย้มยิ้มแสนสุขี
มันคือความปีติที่ได้รับชีวิตใหม่หลังวิกฤติ และความหวังในอนาคตภายหน้า
สำหรับผู้ฝึกตนอันทรงอำนาจ การสร้างบ้านตนขึ้นใหม่นั้นง่ายดาย
สิ่งปลูกสร้างถูกตั้งขึ้นตาม ๆ กัน ทั้งลำธาร สะพานข้าม และศาลาต่าง ๆ ล้วนทะยอยปรากฏบนซากรกร้าง
ซูอี้มองเรื่องทั้งหมดนี้จากไกล ๆ หัวใจเป็นสุข
ตระกูลเสิ่นทุกวันนี้แตกต่างจากความทรงจำของเสิ่นมู่ไปเนิ่นนาน
เมื่อกาลผ่าน ใบหน้าที่เสิ่นมู่เคยคุ้นก็เลือนสิ้นไป
รวมถึงบุพการีและญาติผู้ใหญ่มากมายของเสิ่นมู่ด้วย
ต้องกล่าวว่าน่าเสียดาย
ทว่าชีวิตนั้นหาสมบูรณ์แบบไม่
“เจ้า… จะไปยามใด?”
มู่จื่อจินอดถามจากด้านข้างมิได้
ก่อนหน้านี้ นางถูกเสวี่ยหลิวจับเป็นเชลยในห้องขัง สภาพเต็มไปด้วยบาดแผล
ทว่ายามนี้ บาดแผลของนางได้รับการเยียวยา สวมอาภรณ์สีเขียวอ่อนใหม่เอี่ยม รูปลักษณ์บอบบางอรชร กิริยาสดใสสะกดใจ
“ทำเรื่องราวให้ลงตัวอีกสักพัก แล้วข้าจะกลับไป”
ซูอี้หันกลับมาหยอกมู่จื่อจิน “ยามนี้ข้ารู้แล้ว ว่ากระเรียนกระดาษที่เจ้าเคยพับนั้นมีไว้ให้เสิ่นมู่”
สิ่งที่เจ้าของร้านจำนำหญิงชื่นชอบคือพับกระเรียนกระดาษ
เมื่อกล่าวถึงเรื่องในความหลัง มู่จื่อจินก็อดหัวเราะมิได้ “กระไรเล่า เจ้าริษยาศิษย์พี่เสิ่นมู่หรือไร?”
ซูอี้ส่ายหัว “จะเป็นไปได้เช่นไร”
ยามเขาอยู่ในมหาแดนดิน มู่จื่อจินนั้นดุร้ายบ้าอำนาจเยี่ยงเพลิงผลาญ ทำให้ซูอี้ปวดเศียรอยู่บ่อยครั้ง
กระทั่งครั้งหนึ่งยังทำให้เขาโมโหจนแทบจุดไฟเผาร้านจำนำ
ทว่าเมื่อเขาจำเรื่องในความหลังเหล่านี้ได้ ในใจของซูอี้ก็เจือความคิดถึง
ยามนั้น เขาซึ่งเป็นปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินเปี่ยมจิตวิญญาณ เป็นที่เคารพในมหาแดนดิน ทว่ากลับผ่อนคลายสบายใจกว่ายามนี้มากนัก
“แล้วเจ้าเล่า อยากกลับไปยังส่วนลึกจักรวาลพร่างดาวหรือไม่?”
ซูอี้ถาม
มู่จื่อจินส่ายหน้ากล่าว “ไม่ ข้า… ข้าอยากอยู่กับตระกูลเสิ่นไปตลอดเลย”
ซูอี้ตบบ่านาง กล่าวอย่างจริงจังว่า “เสิ่นมู่เป็นคนโง่เง่า มิควรค่าให้เจ้าต้องคะนึงหาตลอดกาลหรอก ลืมเขาเสีย ภายหน้าคงจะดีกว่าหากเจ้าจะมุ่งมั่นฝึกฝน ทำสิ่งที่เจ้าชอบ อย่าผิดต่อตนเองเลย”
ดวงตาของมู่จื่อจินแดงก่ำ น้ำตาใกล้หยาดหยด
นางสูดหายใจลึก ๆ และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้ารู้อยู่แล้วล่ะว่าศิษย์พี่เสิ่นมู่มิมีอยู่แล้ว และภายหน้า ข้าก็จะเป็นเจ้าของร้านจำนำ เคลื่อนผ่านสารพัดแดนดิน ใช้ชีวิตให้สุดเหวี่ยง!”
ซูอี้กล่าวยิ้ม ๆ “เช่นนั้นก็ย่อมดีที่สุดแล้ว”
เขารู้แล้วว่ามู่จื่อจินได้ทราบข่าวการเวียนวัฏของเสิ่นมู่จากเสวี่ยหลิวและช่างเสื้อเฒ่าจริง ๆ
และเสวี่ยหลิวกับช่างเสื้อเฒ่าก็เป็นผู้ใช้กำลังตนส่งมู่จื่อจินเคลื่อนผ่านธารสายยาวแห่งมิติเวลาสู่ส่วนลึกแห่งจักรวาลพร่างดาว
ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้มู่จื่อจินมาตามหาเขา!
ดังนั้น มู่จื่อจินจึงปรากฏขึ้นในมหาแดนดิน
“จะว่าไป เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าคือเสิ่นมู่?”
ซูอี้ถาม
“สัญชาตญาณแห่งอิสตรี” มู่จื่อจินครุ่นคิดสักพัก และกล่าวว่า “แม้เจ้ากับศิษย์พี่เสิ่นมู่จะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่ก็ยังมีสิ่งหนึ่งระหว่างทั้งสองที่เหมือนกันไม่มีผิด”
ซูอี้ประหลาดใจ “เหมือนกันตรงไหนหรือ?”
มู่จื่อจินกล่าวอย่างจริงจัง “ในวิถีดาบ พวกเจ้าล้วนแต่มีหัวใจแห่งดาบอันบริสุทธิ์มั่นคงที่สุด! โลกนี้มีนักดาบนับไม่ถ้วน แต่ในวิถีดาบนั้น เจ้าและศิษย์พี่เสิ่นมู่เหมือนดั่งใบโพธิ์สองใบอันเหมือนกันทุกประการ
“กาลก่อน นับแต่ครั้งแรกที่ข้าได้พบเจ้าในมหาแดนดิน ข้าก็อดคิดถึงศิษย์พี่เสิ่นมู่มิได้ และยามนั้น ข้าก็มิอาจแน่ใจได้ว่าเจ้าจะเป็นร่างเวียนวัฏของศิษย์พี่เสิ่นหรือไม่”
“จนต่อมา เมื่อข้ารู้จักกับเจ้า ข้าก็ยิ่งรู้สึกมากขึ้นว่าเจ้าเหมือนศิษย์พี่เสิ่นมู่ยามฝึกฝนกับข้าในสำนัก”
“น่าเสียดาย…”
กล่าวถึงตรงนี้ มู่จื่อจินก็รำพึงด้วยแววตาเศร้าสร้อยเล็กน้อย “ท้ายที่สุดศิษย์พี่เสิ่นมู่ก็ถูกหญิงผู้นั้นฆ่า…”
ซูอี้เข้าใจทันที
มิต้องสงสัยเลยว่ามู่จื่อจินคือหนึ่งในคนที่สนิทสนมคุ้นเคยกับเสิ่นมู่ที่สุด
และช่างเสื้อเฒ่ากับเสวี่ยหลิวอาจจะเห็นเช่นนี้แต่แรก จึงเลือกใช้มู่จื่อจินมาตามหาเขา!
“สิ่งนี้ให้เจ้า”
ซูอี้นำป้ายหยกชิ้นหนึ่งส่งให้มู่จื่อจิน “ภายหน้า หากเจ้าพบปัญหาใดเกินแก้ไข ให้ขยี้ป้ายหยกนี้”
ในป้ายหยกนี้ก็คือ ‘ยันต์โองการหมื่นมาร’!
เมื่อมีมันอยู่ ก็จะสามารถเรียกใช้อูเหมิง ไป๋ท่าและคนอื่น ๆ มาช่วยคลายวิกฤติได้
มู่จื่อจินรับไปอย่างยินดี “ข้าจะเก็บมันไว้กับตัวตลอดเลย”
วันเดียวกันนั้น ซูอี้ก็ขึ้นหลังมารกาสามขาซึ่งแปรจากอูเหมิงทะยานจากไปสู่บรรพตมารหมางกู่
และเมื่อเห็นร่างของเขาลับตา มู่จื่อจินก็รำพึงในใจ “ซูเสวียนจวิน เจ้าและศิษย์พี่เสิ่นมู่เดิมทีก็คือคนเดียวกัน ในเมื่อเจ้ายังอยู่ สำหรับข้าก็หมายความว่าศิษย์พี่เสิ่นมู่ยังอยู่ ดังนั้น… ข้าก็แสนยินดี…”
หยาดน้ำตาหยดลงบนใบหน้าของหญิงสาวอย่างเงียบงัน
 
                                         
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
         
		 
		 
		 
		