บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 147 นกที่ขนเหมือนกันย่อมรวมกลุ่มอยู่ด้วยกัน
ศาลาคลื่นซัดทรายแห่งนี้นั้นแปลกแยกจากหอคณิกาที่อื่นอยู่จุดหนึ่ง นายหญิงผู้ดูแลแห่งนี้เป็นสตรีอ่อนเยาว์ผู้งดงามสดใสแตกต่างจากเหล่าคณิกาทั่วไปที่รายล้อม
ทว่าแม้นางจะอายุน้อย แต่ยามเสวนากับผู้คนกลับชัดเจนและเจนจัด ทั้งยังมีไหวพริบไม่น้อยหน้าเหล่าคนเฒ่าชรามากประสบการณ์
“นายน้อยหยวน ท่านพาสหายมาเที่ยวเล่นอย่างนั้นหรือ?”
ยามเห็นหยวนลั่วอวี่ นางพลันเผยรอยยิ้มอันอ่อนหวาน แผ่กลิ่นหอมอันหรูหรากระจายออก ทำให้หัวใจผู้คนสดชื่นอย่างฉับพลัน
หวงเฉียนจวินลอบขบขันอยู่ภายในเมื่อแลเห็นซึ่งฉากนี้ เขารู้ได้ทันทีว่าหยวนลั่วอวี่ เป็นผู้มาเยี่ยมสถานที่แห่งนี้อยู่บ่อยครั้ง มีเพียงผู้เชี่ยวชาญด้านนี้เฉกเช่นเดียวกัน จึงจะมองออกกันและกันได้อย่างเร็วไว
ถึงขนาดนายหญิงแห่งหอคณิกาเอ่ยทักทายตนอย่างสนิทสนมดังเช่นนี้ หากยังปกปิดต่อไปว่าตนนั้นไม่ใช่ขาประจำคงไม่ดีนัก หยวนลั่วอวี่ไอแห้ง “นายหญิงฟ่างซิว ครั้งนี้ข้าได้พาผู้สูงศักดิ์มาเยี่ยมเยือน เจ้าอย่าได้แพร่งพรายเรื่องนี้ให้ผู้ใดได้รู้ ไม่เช่นนั้น อย่าหาว่าหยวนลั่วอวี่ผู้นี้เป็นคนหยาบคาย!”
ด้วยสถานะตัวตนของหยวนลั่วอวี่ เมื่อเอ่ยคำเตือนเช่นนี้ใครบ้างจะกล้าไม่ใส่ใจ? ฟ่างซิวตอบรับคำอย่างเร่งรีบ “นายน้อยหยวน ท่านอย่าได้กังวล” หลังจากตอบรับ ดวงตางดงามของนางเหลือบไปที่ซูอี้ในทันที เมื่อครู่นางเห็นอยู่ก่อนแล้วว่าหยวนลั่วอวี่รู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเมื่อเผชิญหน้ากับซูอี้ ทั้งยังแสดงออกอย่างเกรงใจ
จะไม่ชัดเจนได้อย่างไร ว่านี่คือผู้สูงศักดิ์ที่หยวนลั่วอวี่กล่าวถึง?
อย่างไรแล้ว ด้วยประสบการณ์ในการดูแลลูกค้ามาหลายปี ฟ่างซิวจึงรู้ความเป็นอย่างดี นางไม่ซักไซ้แม้เพียงประโยค เพราะข้อห้ามที่สุดสำหรับเหล่าคนใหญ่คนโตที่มาซ่องคือการถูกถามถึงตัวตนและที่มาของพวกเขา
“ผู้น้อยฟ่างซิวขออนุญาตเป็นผู้นำทางนายน้อยหยวน และแขกผู้มีเกียรติทั้งสองเข้าไปด้านในแล้วกันนะเจ้าคะ”
นายหญิงฟ่างซิวนำทางเป็นการส่วนตัว เดินมุ่งหน้าเข้าไปยังหมู่ตึกหรูหราซึ่งประดับตกแต่งด้วยโคมไฟงดงามระยิบระยับ
“คุณชายซู เชิญท่านก่อนแล้ว”
หยวนลั่วอวี่รีบผายมือเชิญชวนอย่างรวดเร็ว
ฉากนี้ทำให้ฟ่างซิวยิ่งประหลาดใจมากกว่าเดิม นางไม่กล้าที่จะละเลยทุกรายละเอียด
ครั้งเดินเข้าไปด้านใน เสียงบรรเลงพิณอันไพเราะดังขึ้นต่อหน้า ส่งเสริมให้บรรยากาศดูมีชีวิตชีวามากขึ้น
ห้องโถงนี้กว้างและงดงามอย่างหาที่เปรียบมิได้ บนเวทีไกลออกไป มีสตรีหน้าสะสวยกลุ่มหนึ่งกำลังร้องเพลงและเล่นพิณ
ทางด้านของหวงเฉียนจวิน หลังจากเข้ามาด้านใน เขาก็ไม่รู้ว่าจะวางตาไว้ที่ใด เพราะรอบด้านคราคร่ำไปด้วยสตรีงามทุกแห่งหน แข่งกันเดินเยื้องย่างให้บริการแขกแต่ละคนราวกับผีเสื้อ
แต่ละคนมีการแต่งหน้าที่วิจิตรงดงาม รูปร่างเย้ายวนและส่งกลิ่นหอมฟุ้งกระจาย
สถานที่นี้ยอดเยี่ยมกว่าเรือสำราญโคมเขียวในเมืองกว่างหลิงเป็นไหน ๆ!
หวงเฉียนจวินลอบชื่นชมอยู่ภายใน เลือดในร่างกายของเขาเริ่มพลุ่งพล่าน
แต่หากเปรียบเทียบกับเขาแล้ว หยวนลั่วอวี่นั้นใจเย็นกว่ามากและติดตามฟ่างซิวไปอย่างสบาย ๆ
ทีละคน เหล่าคณิกาไม่ว่าน้อยใหญ่ต่างก็จำนายน้อยคนที่สองของตระกูลหยวนได้ทันที พวกนางเดินเลียบเคียงเข้าใกล้ด้วยเสน่หา พลางโบกมือเรียกร้องให้สนใจ
ทว่าแทนที่สีหน้าของหยวนลั่วอวี่จะสดใส เขากลับนึกสบถอยู่ในใจ วันนี้เขาคิดอ่านจะอาสาเป็นผู้ดูแลให้ความบันเทิงแก่ซูอี้ หากเขาเรียกคณิการะดับล่างเหล่านี้ให้มาบริการ มันคงไม่ต่างอะไรกับการตบหน้าตัวเอง
หลังจากผ่านทางเดินที่คดเคี้ยวไปครู่หนึ่ง บรรยากาศคึกคักและวุ่นวายก็ค่อย ๆ มลายหายไป มีเพียงบรรยากาศที่เงียบสงบเข้ามาแทนที่
หวงเฉียนจวินอดไม่ได้ที่จะถาม “นายน้อยหยวน พวกเราจะไปไหนกันหรือ?”
หยวนลั่วอวี่ยิ้มอย่างลึกลับ “เจ้าจะรู้เองเมื่อไปถึง”
คำตอบที่คลุมเครือเช่นนี้ ทำให้หยวนลั่วอวี่กลายเป็นรู้สึกกดดันอย่างมาก
สายตาของพี่ซูนั้นเหนือล้ำกว่าคนปกติ ถ้าคืนนี้ไม่มีผู้หญิงคนใดที่ต้องตาพี่ซู แล้วตัวเขาจะทำอย่างไรดี?
ขณะที่คิดอยู่นั้น ทิวทัศน์ด้านหน้าก็เปลี่ยนไปในทันใด มีศาลาที่สร้างขึ้นกลางสระบัวปรากฏขึ้นแก่สายตา
เมื่อเข้าไปในศาลา จะแลเห็นกระถางธูปม้วนงอ พรมแดงบนพื้น และผนังที่มีภาพวาดวิจิตรหลากหลาย เช่น ต้นท้อ กล้วยไม้ ต้นไผ่ และเบญจมาศ
ในศาลา มีสาวใช้สิบสองคนคุกเข่าอยู่บนพื้น ทุกคนแต่งกายด้วยกระโปรงผ้าคลุมสีฟ้าอ่อนที่เข้ากันได้ดี มีคิ้วที่โค้งมน ทั้งยังแลดูขี้อาย มีเสน่ห์อันยากจะต้านทาน…
รูปลักษณ์ของเหล่าสาวใช้นั้นยอดเยี่ยม ตามสายตาของหวงเฉียนจวิน แค่สาวใช้เหล่านี้ก็เพียงพอจะเป็นคณิกาอันดับต้นแห่งเมืองกว่างหลิงได้แล้ว!
“ยินดีต้อนรับ คุณชายทั้งสาม!”
สาวใช้ก้มหัวทักทายซูอี้และคนอื่น ๆ ที่เข้ามา
ฉากนี้ทำให้ซูอี้ชะงักงันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหัว การปรนนิบัติระดับนี้มีเพียงเฉพาะผู้มีอำนาจเท่านั้นที่มีสิทธิ์จะได้รับ
“คุณชายซู เชิญนั่งลงก่อนเถิด” หยวนลั่วอวี่ยิ้มและเชื้อเชิญ
ซูอี้พยักหน้ารับเล็กน้อยและนั่งลงตรงที่นั่งหัวโต๊ะ
สาวใช้สองคนที่คุกเข่าอยู่ข้างที่นั่งหัวโต๊ะลุกขึ้นยืนตัวตรงทันที คนหนึ่งชงชา ส่วนอีกคนหนึ่งรินสุรา
เมื่อเห็นทุกคนนั่งแล้ว ฟ่างซิวยิ้มและพูดว่า “นายน้อยหยวน ท่านต้องการให้ศาลาคลื่นซัดทรายบริการเช่นไรในคืนนี้”
หยวนลั่วอวี่ เอ่ยตอบอย่างรู้ความ “เอาแบบเดิม… ไม่สิ เอาเป็นเช่นเดียวกับยามที่พ่อข้าพาแขกคนสำคัญสูงสุดมารับรอง!”
หวงเฉียนจวินเบิกตากว้าง จินตนาการเริ่มโลดแล่น แต่กระนั้น หยวนลั่วอวี่ราวกับทราบว่าอีกฝ่ายกำลังคิดลึกไปไกล เขาจึงอธิบายด้วยเสียงต่ำ “พ่อของข้ามักจะมีแขกฐานะสูงล้ำซึ่งชื่นชอบหาความสำราญมาเยี่ยมเยือนอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นแน่นอนว่าเขาจะต้องพาแขกเหล่านั้นมาที่นี่เพื่อฉลองและสนุกสนาน นายน้อยหวง เจ้าอย่าได้คิดไปไกลนัก!”
หวงเฉียนจวินแอบลอบคิดในใจ ‘ท่านไม่ได้อยู่กับพ่อของท่านตลอดเสียหน่อย ท่านจะรู้ไปหมดได้อย่างไรว่าพ่อของท่านทำสิ่งใดบ้าง?’
ฟ่างซิวทั้งตกใจทั้งยังลังเลอย่างเห็นได้ชัด “นายน้อยหยวน สตรีเหล่านั้นที่อยู่อันดับต้น ๆ ของรายชื่อ พวกนางถูกขุนนางคนอื่นเรียกไปหมดแล้ว…”
รับชมหยวนลั่วอวี่ขมวดคิ้ว ฟ่างซิวเผยยิ้มขมขื่นก่อนจะรีบกล่าวถ้อยคำ “ทว่า ในเมื่อนายน้อยหยวนอยู่ที่นี่ ผู้น้อยคงมิกล้าทำลายความสำราญของทุกคน ทุกท่านกรุณารอสักประเดี๋ยว ฟ่างซิวผู้นี้จะรีบไปจัดการในทันที”
หลังจากเอ่ยจบ ฟ่างซิวก็หันหลังเดินจากไปอย่างเร่งรีบ
“หยวนผู้นี้ขอกล่าวตามตรงต่อคุณชายซู หากเป็นตามปกติ หยวนผู้นี้ไม่กล้าอ้างชื่อบิดาของตนแน่ แต่วันนี้มันต่างไป หากข้าไม่รับรองคุณชายให้ดีที่สุดแล้วบิดารู้ ข้าคงต้องโทษถูกกักบริเวณเป็นแน่แท้”
หยวนลั่วอวี่กล่าวด้วยรอยยิ้มขมขื่น
ซูอี้ชี้ไปที่หวงเฉียนจวินและกล่าวว่า “เขากำลังจะไปที่หุบเขามารบุปผาโลหิตกับจวิ้นอ๋องอู๋หลิง เฉินเจิ้งในวันพรุ่งนี้ คืนนี้เพียงดูแลเขาให้สำราญเต็มคราบก็พอ”
หยวนลั่วอวี่ตกตะลึง พูดด้วยความประหลาดใจ “น้องหวง เจ้าวางแผนที่จะเข้าร่วมกองทัพอย่างนั้นหรือ? เจ้ารู้หรือไม่ว่ายามประจำอยู่ในกองทัพนั้นอ้างว้างสักแค่ไหน? นอกเหนือจากการต่อสู้และการฝึกฝนไม่หยุดหย่อน มันมีเพียงการพูดคุยหยอกล้อเล่าเรื่องตลกกับเหล่าสหายเท่านั้นที่พอจะฆ่าเวลายามเหงาไปได้บ้าง เจ้าแน่ใจหรือว่าจะทนได้?”
หยวนลั่วอวี่รับใช้ในกองกำลังเกล็ดแดง ภายใต้จวิ้นอ๋องอวิ๋นกวงอยู่เช่นกัน ดังนั้นเขาจึงเข้าใจดีถึงความอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวยามต้องออกไปประจำการ
“หากท่านยังทนได้ ทำไมข้าจะทนไม่ได้บ้าง?” หวงเฉียนจวินกล่าวอย่างหนักแน่น
“ฮะ ๆ…”
หยวนลั่วอวี่อดยิ้มเล็กน้อยไม่ได้ “เช่นนั้น ข้าขอชี้แนะให้เจ้าระวังสักเรื่องก็แล้วกัน ไอ้พวกทหารเก่าทั้งหลายนั้นชมชอบเด็กหนุ่มผิวบางเช่นเจ้าเป็นอย่างมาก เอาเป็นว่ายามไปประจำการอยู่แรก ๆ ก็จงดูหน้าดูหลังให้ตลอด ไม่เช่นนั้นหากพลาดพลั้งขึ้นมาไอ้พวกบัดซบนั่นมันไม่อ่อนโยนต่อเจ้าแน่… ฮ่า ๆ”
หวงเฉียนจวินรู้สึกหนาวไปถึงสันหลังและรีบขัดจังหวะ “นายน้อยหยวน ท่านน่ารังเกียจเกินไปแล้ว! คอยดูเอาไว้เลย หากใครกล้าทำตัวไร้ยางอายต่อหวงผู้นี้ ข้าจะเตะลูกหลานของมันให้ระเบิด!”
หยวนลั่วอวี่หัวเราะร่าด้วยความเบิกบานยิ่ง
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากซูอี้นั้นร่วมโต๊ะ เขาจึงไม่กล้าเผยกิริยาตามปกติยามเที่ยวเล่น ขณะนี้จึงทำได้เพียงแค่แอบลูบไล้บนขาอ่อนที่เรียวยาวของสาวใช้ที่อยู่ถัดเขาจากใต้โต๊ะ
ใบหน้าของสาวใช้นิ่งงันไปชั่วขณะ แต่ทว่านางไม่ได้ขัดขืน
ไม่เพียงแต่เขาที่ลอบกระทำเช่นนี้ แต่หวงเฉียนจวินก็เป็นเช่นกัน
เหตุผลที่พวกเขาสำรวมกิริยานั้นง่ายมาก ซูอี้ผู้ร่วมโต๊ะด้วยสูงส่งจนเกินไป
แม้ว่าพวกเขาจะอายุพอ ๆ กัน แต่โดยจิตใต้สำนึก พวกเขากลับปฏิบัติต่อซูอี้ในฐานะผู้อาวุโสแล้ว
ซูอี้จะไม่รู้ความคิดของสองคนนี้ได้อย่างไร เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
นกที่ขนเหมือนกันย่อมรวมกลุ่มอยู่ด้วยกัน
ไม่นานหลังจากนั้น ฟ่างซิวก็เข้ามาพร้อมกับกลุ่มสตรี
ดวงตาของหวงเฉียนจวินสว่างขึ้นทันใด
สตรีเหล่านี้ที่มาใหม่ล้วนแล้วแต่งามจนน่าตะลึง ไม่ว่ารูปร่าง หน้าตา กิริยา หรือท่าทางล้วนไร้ที่ติ
แม้แต่หยวนลั่วอวี่ยังอดไม่ได้ที่จะสรรเสริญ ความงามระดับนี้แม้แต่เขายังพูดไม่ออก!
อย่างไรก็ตาม เมื่อมองไปที่ซูอี้ เขาเห็นได้ชัดเจนว่าอีกฝ่ายไม่แยแสต่อสตรีเหล่านี้แม้แต่น้อย ไร้ซึ่งอาการหวั่นไหวที่บุรุษควรจะมี
ขณะที่หยวนลั่วอวี่กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ซูอี้พลันยืนขึ้นแล้วพูดว่า “พวกเจ้าสนุกกันให้เต็มที่ ข้าจะออกไปหาคนผู้หนึ่ง”
หลังจากนั้น เขามองไปที่ฟ่างซิวและพูดว่า “จงพาข้าไปพบฉาจิ่น”
ฟ่างซิวแต่เดิมซึ่งยิ้มร่า ครั้งได้รับฟังประโยคนี้สีหน้าถึงกับแปรเปลี่ยนเป็นแข็งค้าง ถ้อยคำกล่าวออกอย่างกระอักกระอ่วน “ผู้น้อยขออภัยยิ่งต่อคุณชาย ฉาจิ่นหาใช่คณิกาธรรมดาทั่วไปไม่ เราไม่อาจบังคับนางให้รับแขกผู้ใดได้ โปรดอภัยให้ผู้น้อยด้วย”
ทว่าซูอี้หาได้สนใจต่อคำกล่าวของนางไม่ เขาขยับก้าวประชิดก่อนจะเอามือขวาโอบไหล่ขาวราวหิมะของฟ่างซิวและกล่าวออก “เพียงนำทางข้าไปเท่านั้นพอ”
การกระทำนี้นับว่ากล้าหาญในสายตาของผู้อื่น
ต้องไม่ลืมเลือนว่า ฟ่างซิวคือนายหญิงแห่งศาลาคลื่นซัดทราย ตัวตนและสถานะของนางนั้นหาใช่ธรรมดาไม่ แม้แต่แขกเหรื่อจากตระกูลอันสูงศักดิ์ยังไม่มีใครกล้าหยาบคายกับนางถึงเช่นนี้
บรรดาสาวงามตะลึงงันไปชั่วขณะ
ฟ่างซิวทั้งรู้สึกเขินอายและบูดบึ้งผสมปนเป แต่เมื่อรู้สึกชัดแจ้งถึงความแข็งแกร่งของมือใหญ่บนไหล่ตน หัวใจของนางพลันแข็งค้างในทันใด
นางเหลือบมองไปยังบุรุษข้างกายโดยไม่รู้ตัว แลเห็นรูม่านตาคู่หนึ่งที่มืดมิดและเฉยเมยประหนึ่งเทพผู้ปกครองสวรรค์บนชั้นฟ้า ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวและหายใจไม่ออก
ความหนาวเย็นที่อธิบายไม่ได้ผุดขึ้นในหัวใจของนาง มันทำให้ร่างกายของนางเกร็งอย่างประหลาดพร้อมกับสั่นงันงกด้วยความกลัว
“สาวน้อย ตราบใดที่เชื่อฟังข้า ข้ารับประกันว่าเจ้าจะไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน”
หลังจากพูดจบประโยค ซูอี้ก็พานางออกไปจากศาลา
ในหัวของฟ่างซิวยุ่งเหยิง จิตใจของนางปั่นป่วน จนลืมที่จะขัดขืน
อันที่จริง ต่อให้มีสติครบถ้วนนางคงไม่กล้าดิ้นรน
สัญชาตญาณบอกกับนางว่าหากนางกล้าที่จะต่อต้าน บุรุษหนุ่มที่อยู่ข้างกายคงไม่รังเกียจจะฆ่านางตามความประสงค์อย่างแน่นอน!
บรรดาสาวงามต่างมองหน้ากันไม่รู้จะทำอย่างไร
หยวนลั่วอวี่เงียบไปครู่หนึ่งและพูดอย่างกล้าหาญ “มาเถิดน้องหวง คุณชายซูกล่าวว่าข้าต้องสร้างความบันเทิงให้แก่เจ้าในคืนนี้ เช่นนั้นข้าขอมอบโอกาสเลือกให้เจ้าก่อน!”
เขาเห็นได้ชัดเจนว่าจุดประสงค์การมาที่นี่ของซูอี้ มีเพียงแค่การพบปะกับฉาจิ่นเท่านั้น ฉะนั้นแล้วเวลาถัดจากนี้ไป พวกเขาสามารถหาความสำราญได้อย่างอิสระ
“เอ่อ…”
หวงเฉียนจวินระงับอารมณ์ภายในของเขา และเริ่มมองไปที่เหล่าสตรีซึ่งยืนเรียงให้เลือกสรร
เมื่อครู่ยามซูอี้ขอพบฉาจิ่น เขาตระหนักได้ทันทีว่ามีบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้นคืนนี้
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้กังวลเกี่ยวกับซูอี้ แต่เห็นอกเห็นใจฉาจิ่น บนโลกนี้มีผู้คนอยู่มากมาย เหตุใดเจ้าถึงโง่เขลาล่วงเกินพี่ซูของข้า?
หลังจากนั้นไม่นาน หวงเฉียนจวินหยุดคิดเกี่ยวกับซูอี้ กระแอมคอเล็กน้อย ก่อนจะยกมือขึ้นชี้ไปที่สาวงามสี่คนติดต่อกัน และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าเลือกพวกเจ้าทั้งหมด”
หยวนลั่วอวี่ตกตะลึง ก่อนจะเอ่ยคำอย่างประหลาดใจ “สี่?”
หวงเฉียนจวินดื่มสุราจนหมดจอก ก่อนจะเอ่ยเยี่ยงบุรุษผู้กล้าหาญ “แค่สี่เท่านั้น ไม่มากเกินไปไม่ใช่หรือ?”
หยวนลั่วอวี่เลิกคิ้ว เห็นอีกฝ่ายมากประสบการณ์เช่นนี้ความคิดชั่วร้ายในใจบังเกิดออก “คุณชายซูบอกข้าให้สร้างความบันเทิงแก่ตัวเจ้า กระนั้นแล้วสี่คนจะเพียงพอได้อย่างไร?”
เขาโบกมือและสั่งเหล่าสตรีที่เหลืออยู่ทั้งหมด “พวกเจ้าทั้งหมดรั้งอยู่ที่นี่ ราตรีนี้จงปรนนิบัติน้องหวงของข้าอย่าให้บกพร่อง!”
หวงเฉียนจวินตกตะลึง แม้จะมีความสุข แต่ความกังวลในใจเริ่มเบ่งบาน สตรีมากมายขนาดนี้เขาจะเอาเรี่ยวแรงจากไหนมารับมือ?