บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1480: สันเขามังกรคราม
ตอนที่ 1480: สันเขามังกรคราม
เสียงอื้ออึงดังขึ้นมาตาม ๆ กัน
บริเวณหนึ่งของหุบเหวเต็มไปด้วยทิวทัศน์ที่พังทลายลงหลังจากยุติศึกอันดุเดือด
ยอดคนจุติสรวงกลุ่มหนึ่งจากจักรดาราเป่ยเยวียนกำลังล้อมยอดฝีมือสามคนจากจักรดาราตงเสวียน รุกคืบประชิดทีละก้าว
ทันใดนั้น ชายชุดขาวผู้หนึ่งก็สังเกตเห็นบางอย่างเข้า “หือ มีคนมา!”
ทันทีที่วาจานี้ถูกกล่าวขึ้น ทุกผู้ล้วนหันไปมองตาม
เมื่อเบนสายตาไป พวกเขาก็พบกับชายหนุ่มชุดเขียวผู้หนึ่งเดินมาจากไกล ๆ
“มีเหยื่อจากจักรดาราตงเสวียนมาอีกคนแล้ว!”
“เขาจะทำอันใดของเขา ช่วยคนหรือ?”
…แววตาของเหล่ายอดฝีมือจากจักรดาราเป่ยเยวียนวูบไหวด้วยประหลาดใจ
หากเป็นผู้มีสมองสักหน่อย เกรงว่าคงไม่เข้ามาใกล้ในยามนี้
ทว่าขณะนี้ ชายหนุ่มชุดเขียวผู้หนึ่งกลับเดินมาอย่างผ่าเผย ช่างผิดปกติโดยไร้กังขา
“ใต้เท้าทัศนาจารย์!”
ในกลุ่มสามคนที่ถูกล้อมโจมตีที่พื้น มีใครบางคนอุทานขึ้นอย่างตื่นเต้น “ใต้เท้าทัศนาจารย์มาแล้ว!!”
อีกสองคนในกลุ่มเผยความยินดีเช่นกัน
ทัศนาจารย์?
เหล่ายอดฝีมือจากจักรดาราเป่ยเยวียนพลันเผชิญหน้ากับเขา
“เจ้าคือทัศนาจารย์หรือ? เมื่อครู่เหยื่อพวกนี้เอะอะกันอยู่ว่าหากข้าพบกับเจ้า จะต้องตายแน่ แต่… เจ้าก็ไม่ได้ดูร้ายกาจตรงไหนเลยนี่”
ชายวัยกลางคนในอาภรณ์ขุนนางผู้หนึ่งจ้องมองมาอย่างมาดร้ายขณะกล่าวหยอก
ชายร่างสูงอีกผู้แสยะยิ้มพลางกล่าว “ทุกท่าน ขอข้าลองฝีมือคนผู้นี้สักหน่อย เพราะถึงอย่างไรข้าก็เพิ่งพูดไปว่า ทัศนาจารย์บ้าบอนั่น หากกล้าโผล่มา ข้าจะเด็ดหัวเขา จะผิดวาจามิได้เด็ดขาด!”
ชายร่างสูงชี้ไปยังซูอี้ซึ่งยังอยู่ห่างออกไปหลายร้อยจั้งทันที และขณะที่เขากำลังจะพูดบางอย่างนั้นเอง
ทันใดนั้น ร่างของซูอี้ก็หายวับไป
ฉับ!
คอของชายคนนั้นถูกสะบั้นพร้อมกับเสียงกังวานใส แล้วศีรษะเปื้อนเลือดก็ปรากฏขึ้นในมือของซูอี้
เขายืนอยู่ตรงหน้าศพไร้หัวของชายร่างสูงแล้ว!
ไม่มีการเอื้อนเอ่ยวาจาใดทั้งสิ้น
ทว่าศีรษะที่ถูกตัดขาดในมือเขาสามารถสื่อได้โดยไร้เสียงว่า ชายหนุ่มชุดเขียวผู้นี้เป็นตัวตนร้ายกาจเช่นใด
เหล่าผู้ชมไร้วจีดุจป่าช้า
รอยยิ้มบนใบหน้าของเหล่ายอดฝีมือจากจักรดาราเป่ยเยวียนแข็งทื่อ สีหน้าดูตกใจ
“อันที่จริง หากไม่ใช่เพราะปากของพวกเจ้า ข้าคงรังเกียจเกินกว่าจะนำตนเข้ามายุ่งกับศึกในวันนี้”
ดวงตาของซูอี้แลดูเฉยเมย “ในเมื่อข้าลงมือแล้ว ต่อให้เบื่อแค่ไหนก็ต้องส่งพวกเจ้าสู่ปรภพก่อน”
“เจ้า…”
ขณะที่ชายในชุดขุนนางกำลังจะกล่าวบางอย่างนั้นเอง
เสียงเปรี้ยงก็ดังสนั่นขึ้น ซูอี้ระเบิดร่างของชายคนนั้นจนสลายไปในพริบตาราวกับเจาะฟองคลื่น!
คนอื่น ๆ ถึงกับเผ่นหนีทันที
ซูอี้ถอนใจเบา ๆ รู้สึกอ้างว้างมากขึ้นทุกขณะ
คู่ต่อสู้เช่นนี้ช่างน่าเบื่อ!
ด้วยหนึ่งการสะบัดแขนเสื้อ เขาก็ทะยานขึ้นสู่เวหา
รอบข้างปรากฏพิรุณดาบถาโถม สังหารยอดฝีมือขอบเขตจิตทารกจากจักรดาราเป่ยเยวียนลงทันที
โลหิตสาดกระเซ็น
เสียงกรีดร้องสะเทือนเวหา
ทุกสิ่งจบลงในชั่วพริบตา
และร่างของซูอี้ก็หายไปในนภากว้าง
สามยอดฝีมือจากจักรดาราตงเสวียนผู้รอดตายอย่างหวุดหวิดเองก็ตกตะลึงและไร้วาจาอยู่นาน
ในใจของพวกเขามีเพียงหนึ่งความคิด ทั้งที่พวกเขาอยู่ในขอบเขตจิตทารกเหมือนกัน ทว่าความต่างชั้น… ไฉนจึงใหญ่หลวงนัก?
เพียงพริบตา หมู่ศัตรูก็เหลือเพียงธุลีล่องลอย!!
“ใต้เท้าทัศนาจารย์ เขา… ยังมีการฝึกฝนในขอบเขตจิตทารกอยู่หรือ?”
บางผู้พึมพำ
“ใต้เท้าทัศนาจารย์ยังเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตจิตทารกอยู่แล้วสิ หาไม่ จะเป็นไปได้หรือหากเขาจะมาโผล่ในสนามรบที่สามนี้!”
บางผู้จ้องมองด้วยความตกตะลึงระคนคลั่งไคล้ “แต่ดูเหมือนว่าใต้เท้าทัศนาจารย์จะสามารถสังหารเซียนในแดนมนุษย์ได้ตั้งแต่อยู่ในขอบเขตจิตทารก ไม่ว่าผู้ใดในขอบเขตเดียวกันทั่วสี่จักรดาราก็มิอาจเทียบชั้น!”
ความสุขทุกข์แห่งผู้คนหาสื่อถึงกันไม่
เหมือนเช่นที่ซูอี้ไม่อาจรับรู้ความชื่นชมและอึ้งทึ่งของเหล่ายอดฝีมือจากจักรดาราตงเสวียนทั้งสามคนได้
เขารู้สึกเพียงเบื่อหน่ายและ… แห้งเหี่ยว
ครึ่งชั่วยามต่อมา
สันเขาแห่งหนึ่งปรากฏขึ้นในสายตา
สันเขาลูกนี้ปกคลุมด้วยพลังหมอกฮุ่นตุ้นมานาน ยิ่งใหญ่เยี่ยงมังกร
สันเขามังกรคราม!
วาสนายิ่งใหญ่ที่สุดแห่งสนามรบที่สาม ‘ที่มาแห่งจิตทารก’ ถูกซ่อนอยู่ภายในนี้!
ซูอี้ทะยานสู่สันเขามังกรคราม
ทันทีที่เขาเข้าไปในสันเขามังกรคราม ปราณมหาวิถีบริสุทธิ์ก็กระทบเข้ากับใบหน้า ให้ความรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า
พลังปราณของซูอี้แปรเปลี่ยนเป็นมีชีวิตชีวา
“เป็นที่ที่ดีจริง ๆ”
ซูอี้ชื่นชมในใจ
ทว่าไม่นานนัก หนึ่งปราณทำลายล้างก็ขยายออกเยี่ยงกระแสวารี
เปรี้ยง!
วจีอสนีบาตดังก้องกัมปนาท ทำให้หมอกฮุ่นตุ้นรอบสันเขาไหลเวียนอย่างบ้าคลั่ง
เมื่อมองจากระยะไกลจะพบว่า บนสันเขามังกรครามมีสายฟ้าเจิดจรัสวูบไหว ฟาดกระทบลงมาจากท้องนภาเป็นครั้งคราว
แดนดินแถบนั้นถูกฟาดเป็นหลุมบ่อขนาดใหญ่เรียงตัวกันแน่นขนัด
หากมองใกล้ ๆ ก็จะเห็นชัดเจนว่าสายฟ้าที่กระหน่ำลงมานั้นฟาดลงไปในหลุมบ่อเหล่านั้น ทำให้พวกมันเปี่ยมล้นด้วยกระแสอำนาจ
ดวงตาของซูอี้หรี่ลง อำนาจของทัณฑ์อสนีบาตเหล่านั้นสามารถสังหารตัวตนในขอบเขตจิตทารกได้!
แท่นศิลานั้นเป็นสีดำล้วน นาน ๆ ครั้งจะมีสายฟ้าฟาดเข้าใส่ ทว่าก็ทำได้เพียงสาดประกายสายฟ้าวูบไหว มิอาจทำให้แท่นศิลานี้สะท้านสะเทือนได้เลย
“แท่นหินทำเนียบศึกมหาวิถี!”
ซูอี้ใช้สายตาจับจ้อง ลือกันว่าแท่นหินทำเนียบศึกมหาวิถีนี้แปรเปลี่ยนมาจากกฎสวรรค์ของเขตแดนสมรภูมิ ที่มาของมันมิอาจตรวจสอบได้
นานมาแล้ว ยอดฝีมือในขอบเขตจิตทารกมากมายมาเยือนที่แห่งนี้เพื่อทิ้งนามตนไว้เป็นที่ระลึก
ตัวตนใดที่สามารถทิ้งนามไว้บนแท่นหินทำเนียบศึกมหาวิถีนี้ได้ จะมีโอกาสเข้าสู่สนามรบที่สอง!
ทว่าคนที่สามารถทำเช่นนี้ได้มีอยู่น้อยนิด
ในอดีตกาล จากตัวตนขอบเขตจิตทารกพันคน อย่างมากที่สุดก็มีเพียงสองสามคนที่ทิ้งนามไว้บนแท่นหินทำเนียบศึกมหาวิถีได้!
เดาได้เลยว่าบททดสอบนี้โหดหินเพียงใด
‘หลังจากเคลื่อนขอบเขต ข้าจะมาลองดูว่าความแข็งแกร่งจะติดอันดับหนึ่งบนแท่นหินทำเนียบศึกมหาวิถีนี้ได้หรือไม่’
ซูอี้คิดในใจ
เขาได้ยินมาว่าเนิ่นนานกาลก่อน สามอันดับแรกบนแท่นหินทำเนียบศึกมหาวิถีเป็นสามชื่อซึ่งเป็นตำนาน
ตลอดกาลนานมา เขตแดนสมรภูมิปรากฏขึ้นไม่รู้กี่ครั้ง แต่กลับไม่มีผู้ใดสั่นคลอนสามอันดับแรกได้เลย!
ไม่นานนัก ซูอี้ก็เบนสายตาไปยังหุบเหว
เหนือหุบเหวมีอสนีบาตกรุ่นเกรี้ยว วูบไหวทะลวงลงมาเป็นครั้งคราว แผ่ปราณทำลายล้างอันร้ายกาจชวนตะลึง
ในหลุมบ่อบนพื้นหุบเหวซึ่งถูกทัณฑ์อสนีบาตฟาดอย่างต่อเนื่อง นอกจากปราณทำลายล้างที่คุกรุ่นยังมีปราณมหาวิถีหนาแน่น
“อสนีบาตมอบชีวิตใหม่จากการทำลายล้าง นี่คือสาเหตุที่ผู้ฝึกตนแปรเปลี่ยนไปหลังรอดจากทัณฑ์อสนีบาตยามเลื่อนขอบเขต”
“และทัณฑ์อสนีบาตที่นี่ก็แตกต่างจากทั่วไป เนื่องจากแปรเปลี่ยนมาจากกฎเกณฑ์ในเขตแดนสนามรบ ปราณมหาวิถีของมันคือที่มาแห่งจิตทารก และเป็นวาสนาสูงสุดในสนามรบที่สามนี้”
ขณะซูอี้ครุ่นคิด เขาก็มาถึงหน้าหุบเหวแล้ว
“หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ!”
หนึ่งเสียงดังขึ้นจากบนพื้นอย่างเย็นชา
ข้างหลุมหนึ่งในหุบเหวมีคนกลุ่มหนึ่งนั่งขัดสมาธิ
มีทั้งชายหญิง รวมแล้วสิบกว่าคน!
ซูอี้มองปราดเดียวก็รู้ว่าพวกเขาต่างเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตจิตทารกจากจักรดาราหนานหั่ว
นอกจากนั้น ใกล้หลุมบ่อหลุมอื่นในหุบเหวยังมีผู้ฝึกตนอยู่มากมาย
พวกเขาแทบทั้งหมดล้วนมาจากจักรดาราเป่ยเยวียน ซีหาน และหนานหั่ว!
คนเหล่านี้แบ่งออกเป็นฝ่ายต่าง ๆ ซึ่งยึดครองหนึ่งพื้นที่และกำลังดูดซับหล่อหลอมที่มาแห่งจิตทารก
ยอดฝีมือจากจักรดาราเป่ยเยวียนมีจำนวนมากที่สุด แต่เห็นได้ชัดว่าหาเป็นปึกแผ่นเดียวกันไม่ พวกเขาแยกออกเป็นสี่ฝ่ายแยกกันยึดครองพื้นที่
รองลงมา ยอดฝีมือจากจักรดาราซีหานแยกออกเป็นสองฝ่าย
ยอดฝีมือจากจักรดาราหนานหั่วมีเพียงฝ่ายเดียว
ยิ่งใกล้ทางเข้าหุบเหวก็ยิ่งเลวร้าย
ยอดฝีมือจากจักรดาราหนานหั่วผู้บอกให้ซูอี้หยุดนั้นอยู่ข้างหลุมที่ใกล้กับทางเข้าหุบเหว
ยอดฝีมือจากจักรดาราเป่ยเยวียนและซีหานนั้นยึดครองบริเวณที่มีที่มาแห่งจิตทารกหนาแน่นที่สุดภายในหุบเหว
จากเรื่องนี้ก็เห็นได้ว่า ความแข็งแกร่งและอ่อนแอของยอดฝีมือจากจักรดาราต่าง ๆ แห่งขอบเขตจิตทารกแบ่งกันเช่นไร
ช่างน่าละอายที่ในหุบเหวใหญ่นี้ ไร้ที่ใดเป็นของจักรดาราตงเสวียน…
กระทั่งยอดฝีมือจากจักรดาราตงเสวียนสักคนก็ยังไม่มี!
“เป็นความผิดของข้าเองที่ฆ่าศัตรูร้ายไปมากเกิน จำนวนยอดฝีมือขอบเขตจิตทารกจากจักรดาราตงเสวียนจึงน้อยลงมาก…”
ซูอี้ลูบจมูกและรู้สึกละอายอยู่ในใจ
สถานการณ์นี้ย่อมมิอาจแยกจากเขาได้
ในอดีต เขาสังหารศัตรูผู้แข็งแกร่งมากมายนัก ทั้งเจ้าหอเก้าสวรรค์เหยียนเต้าหลินผู้ก้าวสู่วิถีจุติสรวง เติ้งจั๋วและกลุ่มยอดฝีมือขอบเขตจิตทารกผู้แข็งแกร่งที่สุดในยุคปัจจุบัน ล้วนตายตกด้วยน้ำมือของเขา
กระทั่งยอดฝีมือวิญญาณอาสัญขอบเขตจิตทารกเหล่านั้นยังได้รับความเสียหายด้วยเงื้อมือซูอี้
จนกระทั่งยามนี้ บนสนามรบที่สาม ความแข็งแกร่งโดยรวมของเหล่ายอดฝีมือจากจักรดาราตงเสวียนก็ยังด้อยกว่าสามจักรดาราอื่นอย่างเห็นได้ชัด
ขณะที่เขาครุ่นคิด สองเท้าก็ก้าวเข้าสู่ภายในหุบเหว
“เจ้าหนุ่ม ข้าบอกให้เจ้าหยุด มิได้ยินหรือไร?”
ทางฝั่งจักรดาราหนานหั่ว ชายชราชุดม่วงผู้หนึ่งกล่าวเสียงเย็น
พรรคพวกของชายชราล้วนดูถมึงทึง
เหล่ายอดฝีมือจากจักรดาราเป่ยเยวียนกับซีหานที่อยู่ภายในหุบเหวทำเพียงมองเฉย ๆ หลายคนกระทั่งเผยสีหน้าเย้าเยาะ คิดดูเป็นเรื่องบันเทิง
หนึ่งตัวตนจากจักรดาราตงเสวียนกล้าบุกเดี่ยวมายังสันเขามังกรคราม หากมิใจกล้าก็ไร้ความกลัว!
ซูอี้ไพล่มือไว้เบื้องหลัง เบนสายตามองไปยังคนเหล่านั้นและกล่าวอย่างเฉยเมย “อยากลงมือหรือไม่?”
ชายชราชุดม่วงหรี่ตาลงเล็กน้อย หัวใจหนาวเยือก “ท่านเข้าใจผิดแล้ว ตาเฒ่าผู้นี้แค่อยากเตือนเท่านั้นว่าบริเวณนี้ถูกพวกข้าใช้งานอยู่ หากผ่านมาก็จะกลายเป็นศัตรูกับพวกเรา!”
วาจานั้นดังลั่น
แต่ไม่ว่าผู้ใดก็เห็นได้ว่าท่าทีของชายชราชุดม่วงตึงเครียดอย่างมาก เขากำลังขีดเส้นหลบการเผชิญหน้ากับซูอี้อย่างชัดเจน!
ซูอี้เสสรวล สายตากวาดผ่านเหล่ายอดฝีมือจากจักรดาราหนานหั่วไปมองยังกลุ่มยอดฝีมือจากจักรดาราเป่ยเยวียนและซีหาน ก่อนจะกล่าวด้วยเสียงเนิบนาบว่า “พวกเจ้าก็คิดเช่นนี้เหมือนกันหรือไม่?”
………………..