บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1481: ผูกขาด
ตอนที่ 1481: ผูกขาด
ทุกผู้ตกตะลึงราวกับไม่คิดว่าซูอี้จะกล้าชี้คมหอกมายังจักรดาราเป่ยเยวียนและซีหาน ขณะถูกยอดฝีมือจากจักรดาราหนานหั่วหมายหัวอยู่
“จุดยืนของพวกเรานั้นเข้าใจได้ง่ายมาก”
ชายหนุ่มร่างผอมซึ่งมีผมสีม่วงผู้หนึ่งจากจักรดาราซีหานกล่าวอย่างเฉยเมย “หากเจ้าไม่อยากตาย จะดีที่สุดหากมิมายุ่งกับเรา”
ทางฝั่งจักรดาราเป่ยเยวียน ชายชุดขาวผู้หนึ่งแย้มยิ้ม และเอ่ยหนึ่งวาจาอย่างนุ่มนวล
“ไสหัวไป!”
ตู้ม!
เสียงหัวเราะพลันก้องขึ้นมาทันใด
“ช่างน่าขำ คนจากจักรดาราตงเสวียนเนี่ยนะมาถามจุดยืนของพวกเรา?”
บางผู้ส่ายหน้า
“บางทีเขาคงคิดว่าสนามรบที่สามใช้เหตุผลโต้เถียงกันได้กระมัง? ฮ่า ๆๆๆ!”
บางผู้เชิดหน้าหัวเราะลั่นนภา
“ทุกท่าน ตาเฒ่าผู้นี้ฝึกฝนมาชั่วชีวิต แต่ไม่เคยเห็นคนบ้าที่ไม่คำนึงถึงเป็นตายเช่นนี้มาก่อนเลย! พวกท่านเล่าเคยเห็นกันมาก่อนหรือไม่?”
บางผู้หัวเราะลั่นเสียจนมิอาจหุบปากลง
บรรยากาศทั่วทั้งหุบเหวดูเริงรื่นเปี่ยมชีวิตชีวา
กระทั่งเหล่ายอดฝีมือจากจักรดาราหนานหั่วยังมีหลายคนที่หัวเราะขำ
ชายหนุ่มจากจักรดาราตงเสวียนผู้นี้ช่างไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเสียนี่กระไร!
ซูอี้ดูไม่ได้สนใจและก้าวเข้าไปในหุบเหว
“ข้าไม่เหมือนพวกเจ้าหรอก”
น้ำเสียงของชายหนุ่มแผ่วเบา ทว่าสะท้อนก้องในโสตของทุกผู้ “จากนี้ไป ที่นี่จะถูกข้าผูกขาดผู้เดียว ผู้ใดฝ่าฝืนต้องตาย”
หากไม่ใช่คนบ้า ใครเล่าจะกล้ากล่าววาจาสามหาวเพียงนี้?
สีหน้าของซูอี้ยังคงเฉยเมยเช่นกาลก่อน ขณะกล่าวกับตนเอง “อ้อใช่ ผู้กล่าววาจาล่วงเกินข้าต้องชดใช้ด้วยความตาย”
“ชดใช้ด้วยความตาย? ฮ่า ๆ เหยื่อนี่นะ พอเราไม่ลงมือเข้าหน่อยก็คิดว่าเรากลัวเขาเสียแล้วหรือ?”
ชายชราจากจักรดาราซีหานผู้หนึ่งอดส่ายหน้าขำ ๆ มิได้
ซูอี้มองไปหา “งั้นเริ่มที่เจ้า”
เสียงพลิ้วแผ่วยังทันสิ้นคำ ปราณดาบสายหนึ่งพลันปรากฏขึ้นบนอากาศ ฟาดฟันเข้าใส่หว่างคิ้วของชายชรา
ฟู่!
โลหิตสาดกระจาย
รอยเลือดปรากฏขึ้นที่หว่างคิ้วของชายชรา ร่างร่วงลงพื้นโดยพลัน
รอบข้างเงียบกริบ
รอยยิ้มบนใบหน้าทุกผู้แข็งค้าง
ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าซูอี้ผู้บุกเดี่ยวมายังสถานที่แห่งนี้จะกล้าลงมืออย่างอุกอาจเพียงนี้!
นอกจากนั้น ลักษณะอันร้ายกาจของดาบเล่มนั้นยังทำให้หลายคนถึงกับหน้าเปลี่ยนสี
“วอนตาย!!”
คนกลุ่มหนึ่งลุกขึ้นอย่างมาดร้าย พวกเขามีกันสิบกว่าคน ซึ่งล้วนเป็นสหายของชายชราคนนั้น
ยามนี้ พวกเขาได้ใช้สมบัติวิเศษเข้าโจมตีใส่ชายหนุ่ม
“ตั๊กแตนเขย่าพฤกษา”
ซูอี้ก้าวไปเบื้องหน้าหนึ่งก้าว
ตู้ม!
หุบเหวสั่นสะท้านอย่างรุนแรง หนึ่งปราณดาบเรืองรองโผทะยาน
แม้กระทั่งสมบัติที่พวกเขาใช้ยังระเบิดเป็นเสี่ยง ๆ ภายใต้การสังหารของปราณดาบเล่มนั้น
โลหิตพร่างพรมย้อมแดนดินให้กลายเป็นสีแดงฉาน
เพียงชั่วพริบตา หนึ่งขุมกำลังจากจักรดาราซีหานก็ราบเป็นหน้ากลอง!
ฉากสะเทือนขวัญนั้นเป็นเช่นสายลมยะเยือกพัดโชยในหุบเหว ทำให้ทุกผู้ร่างสั่นสะท้าน
ไร้ผู้ใดนิ่งเฉยได้ พวกเขาล้วนลุกขึ้นคุมเชิง
ทุกสายตามองซูอี้แปรเปลี่ยนไป!
ไม่ใช่ตัวตนเล็กจ้อยไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ แต่เป็นตัวตนร้ายกาจเลิศล้ำโดยแท้!
“ผู้อาวุโส ท่านพิสูจน์ความแข็งแกร่งของตนเองแล้ว พวกเราจะมิขวางทางท่านอีก เชิญ!”
ชายชราในชุดเทาผู้หนึ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก
ซูอี้หาสนใจไม่ ดวงตาของเขามองไปยังชายชุดขาวจากจักรดาราเป่ยเยวียน
ก่อนหน้านี้ คนผู้นี้แย้มยิ้มปริปากให้ซูอี้ ‘ไสหัวไป’ ทำให้เกิดเสียงเสสรวลลั่นหุบเหว
ทว่ายามนี้ ชายชุดขาวกลับนิ่งงัน ในใจลอบร้องว่าแย่แล้ว ก่อนจะกล่าวทันที “ก่อนหน้านี้ เป็นข้าเองที่มีตาไร้แววล่วงเกินผู้อาวุโส ข้ายินดีขอขมา…”
เขายังไม่ทันพูดจบ ซูอี้ก็ยกมือขึ้นตวัด
เปรี้ยง!!
ร่างของชายชุดขาวระเบิดเป็นกองเลือดพร่างพรมลงบนพื้น สาดใส่สหายรอบข้างเขา ทำให้ทุกผู้ถึงกับหน้าเปลี่ยนสีอย่างตกตะลึง ถอยกรูดตาม ๆ กัน
“การขอขมาด้วยความตายคือการขอขมาที่เหมาะสมที่สุด”
ซูอี้กล่าวพลางกวาดสายตามองชายวัยกลางคนในชุดเทา “เจ้าคิดว่ายามนี้ ข้ายังน่าขำหรือไม่?”
สีหน้าของชายวัยกลางคนคนนั้นเกรี้ยวกราดขึ้น จากนั้นก็กล่าวขึ้นทันที “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเรารับใช้ผู้ใดอยู่? หากมิอยาก…”
ซูอี้สะบัดชายแขนเสื้อราวกับปัดฝุ่นบนอาภรณ์
และร่างของชายวัยกลางคนชุดเทาและยอดฝีมือเจ็ดคนในขอบเขตจิตทารกซึ่งมากับเขาล้วนแปรเปลี่ยนเป็นธุลี
การสังหารผู้คนเช่นผักปลาทำให้ทุกผู้ ณ ที่นี้ขวัญเสียโดยสมบูรณ์ มิอาจทราบได้ว่ามีกี่คนที่ใจเสีย สั่นสะท้านทั้งใจกาย
“เผ่น เผ่นเร็ว!”
ใครบางคนตะโกนลั่น พาทุกผู้ในฝั่งตนหนีไปโดยไว หวังจะหนีจากหุบเหวนี้
ทว่าทันทีที่พวกเขาลงมือ ปราณดาบอันหนาแน่นก็ปกคลุมร่างพวกเขาและทำให้จมลง สังหารสิ้นในพริบตา
หมอกโลหิตคละคลุ้งย้อมแดนดินแดงฉาน
ซูอี้กล่าวอย่างเฉยเมยพลางดีดนิ้ว “อย่ากลัวไป ข้าไม่ฆ่าคนไม่เลือกหน้าหรอก หลังจากผู้ที่เย้ยข้าเมื่อกาลก่อนออกมาไถ่โทษด้วยความตาย ข้าก็จะปล่อยพวกเจ้าไป”
ทุกผู้มองหน้ากัน บรรยากาศในหุบเหวตึงเครียดถึงขีดสุด
“สู้กับเขา!”
บางผู้แผดเสียงร้องขึ้น
เขาเป็นชายชราชุดดำผู้หนึ่งซึ่งก่อนหน้านี้เอ่ยว่าไม่เคยเห็นคนบ้าเยี่ยงซูอี้ผู้มิไร้คำนึงเป็นตายมาชั่วชีวิต และถามคนอื่น ว่าเคยเห็นกันหรือไม่
ทว่ายามนี้เขากลับลนลานจนสิ้นสติ เร่งให้ทุกผู้เข้าลงมือ!
ทว่าการดิ้นรนครั้งนี้ถูกกำหนดไว้ว่าไร้ประโยชน์
ด้วยหนึ่งมือที่ซูอี้กดลงบนอากาศ
ตู้ม!!
ฟ้าดินสะเทือนสั่น บรรพตลำธารสะท้านเคลื่อน
ชายชราชุดดำและสหายต่างถูกฟาดจนกลายเป็นบ่อโลหิตบ่อหนึ่งทันใด!
ชั่วพริบตานั้น ทุกผู้ยิ่งขวัญหนีดีฝ่อ ใบหน้าซีดขาวด้วยความกลัว ร่างสั่นสะท้าน
ผู้ที่กล้าเข้ามายึดแดนดินบนสันเขามังกรครามยามเริ่มเปิดเขตแดนสนามรบย่อมหาใช่คนธรรมดาไม่
ยอดฝีมือเหล่านี้เป็นตัวตนสูงสุดจากสามจักรดาราในระดับหนึ่ง ซึ่งนับได้ว่าเป็นผู้เรียกลมเรียกฝนในจักรดาราของพวกตน ณ ขอบเขตจิตทารก
ทว่ายามนี้กลับต้องขวัญหายกับการสังหารละเลงเลือดอย่างอหังการและเลือดเย็นของซูอี้!
“และเจ้า วาจาของเจ้าดีมาก เขตแดนสมรภูมินี้เป็นสถานที่ไร้เหตุผลจริงแท้”
ซูอี้มองไปยังชายหนุ่มชุดสีเงินท่าทางตุ้งติ้งผู้หนึ่ง
เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้กลัวจนลนลาน ยามได้ยินเช่นนี้ เขาก็กล่าวทั้งตัวสั่น ๆ ว่า “ในเมื่อท่านเองก็ยอมรับวาจาข้า ท่านจะช่วยรามืออันสูงส่ง…”
ฉัวะ!
หนึ่งปราณดาบวูบไหว ศีรษะของชายชุดสีเงินปลิดปลิวขึ้นสู่เวหา ใบหน้าเปี่ยมความตะลึง
“ในเมื่อเป็นที่ที่ไม่มีเหตุผล ไฉนจึงมัวขอความเมตตา?”
ซูอี้แค่นขำ
บรรยากาศทั่วแดนดินอึมครึม ทุกผู้ล้วนอึดอัดยากหายใจทั่วท้อง
หนี?
เมื่อครู่ เหล่าคนที่คิดหนีล้วนถูกกระหน่ำสังหาร ไร้ผู้ใดเหลือรอด!
สู้อย่างจนตรอก?
หาต่างจากแมลงเม่าบินเข้ากองไฟไม่
มีผู้ทำเป็นเยี่ยงอย่างแล้ว จุดจบคือตายอย่างอนาถ!
วอนขอความเมตตา?
ดูผู้เคยปากเสียไว้ ใครบ้างไม่ถูกสังหารในพริบตา แม้จะก้มหัววอนขอความเมตตาก็ตามที?
เหตุนี้ทำให้ทุกผู้อับจนหนทาง ทั้งตื่นกลัวและทำตัวไม่ถูก มิต่างจากฝูงลูกแกะรอวันเชือด!
“ท่านเอ๋ย ก่อนหน้านี้ข้ามิได้พูดอันใดแย่ ๆ เลยนะ!”
ชายผู้หนึ่งกรีดร้องเมื่อเห็นสายตาของซูอี้กวาดมองมา หวาดกลัวเสียจนสั่นสะท้านทั่วร่าง
ซูอี้ดีดนิ้ว
ร่างของชายผู้นั้นแหลกสลายกลายเป็นธุลี
ซูอี้กระซิบ
ทุกผู้ “…”
ซูอี้นั้นดูเฉยชา สีหน้าไร้ความยินดียินร้ายตั้งแต่ต้นจนจบ
ทว่าในสายตาคนทุกผู้ ณ ขณะนี้ ชายหนุ่มผู้นี้จากจักรดาราตงเสวียนนั้นเป็นเทพเทวาป่าเถื่อนผู้สังหารคนไม่กะพริบตา!
“เอาล่ะ ใครยังคิดค้านข้าที่จะผูกขาดที่นี่เพียงผู้เดียวอีกหรือไม่?”
ซูอี้มองไปรอบ ๆ
ทุกผู้ก้มหัวต่ำ ไม่มีผู้ใดกล้ามองเขาตรง ๆ!
“ในเมื่อไม่คิดค้าน ก็ไปเถิด”
ซูอี้โบกมือ
เขาเดินเข้าสู่ภายในหุบเหวอันเป็นจุดซึ่งที่มาแห่งจิตทารกที่เข้มข้นสูงสุด
ยอดฝีมือซึ่งเหลือรอดล้วนตะลึงงันราวกับเชื่อไม่ลง
เพราะถึงอย่างไร ในเขตแดนสนามรบแห่งนี้ ทุกผู้เป็นทั้งผู้ล่าและเหยื่อ!
เพื่อสะสมเกียรติประวัติ ใครบ้างจะปล่อยคู่ต่อสู้ไปยามได้เปรียบ?
จนกระทั่งพวกเขาเห็นซูอี้นั่งลงขัดสมาธิ เริ่มเก็บตัวฝึกฝนนั้นเอง ทุกผู้จึงกล้าเชื่อในที่สุดและกุลีกุจอหนีออกไปนอกหุบเหว
ต่างฝ่ายต่างร้อนรนมิต่างกัน อยากให้บุพการีมอบขาแก่พวกเขาเพิ่มอีกสักคู่เหลือเกิน
จนกระทั่งหนีออกจากหุบเหวได้ เสียงเฉยเมยของซูอี้พลันกังวานขึ้น
“พวกเจ้าจะเลือกหาผู้ช่วยมาก็ได้ แต่พวกเจ้าจะไม่ได้โชคดีเช่นยามนี้”
ทุกผู้ต่างกังวลขึ้นมาเมื่อได้ยิน สีหน้าถมึงทึงยิ่งขึ้น
ไม่นานนัก พวกเขาก็ล้วนทะยานจากไป
ทั้งหุบเหวเหลือเพียงซูอี้ลำพัง
หมอกพลิ้วละลิ่ว อสนีบาตคำรามก้อง สายฟ้าฟาดสู่หุบเหวนาน ๆ ครั้ง สาดประกายเจิดจรัส ทำให้ร่างของซูอี้ที่นั่งขัดสมาธิอยู่เกิดแสงเงาวูบไหว
ตู้ม!
ขณะที่ซูอี้โคจรการฝึกฝน ปราณของที่มาแห่งจิตทารกที่ลอยเอื่อยเฉื่อยอยู่ทั่วหุบเหวต่างทะยานเข้าหาซูอี้จากทุกทิศเยี่ยงคลื่นคลั่ง
และร่างของเขาก็เป็นเช่นหุบเหวไร้ก้นบึ้ง ดูดซับที่มาแห่งจิตทารกอย่างต่อเนื่อง
ซูอี้สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า แม้การฝึกฝนของเขาจะไม่มีความเคลื่อนไหว แต่การควบคุมสารพัดอำนาจมหาวิถีของเขากำลังคืบหน้าอย่างรวดเร็ว!
“ไม่เสียทีที่ข้าสะกดขอบเขตมาเนิ่นนานเพื่อวาสนานี้!”
“หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่ถึงสองเดือน ข้าก็จะขัดเกลาอำนาจมหาวิถีถึงจุดสูงสุดของขอบเขตแปรสามัญได้!”
ซูอี้รู้สึกโล่งใจ
การทำความเข้าใจและพัฒนาอำนาจมหาวิถีนั้นยากเย็นแสนเข็ญ มิอาจเทียบได้กับการฝึกฝน
โดยเฉพาะสองมหาวิถีวัฏสงสารและเวิ้งลึกล้ำที่เขาฝึกฝนสำเร็จ ต่างก็ยากไม่ต่างกันเลย
ทว่ายามนี้แตกต่างออกไป เมื่อเขาดูดซับที่มาแห่งจิตทารกสูงขึ้น อำนาจมหาวิถีของเขาก็ยิ่งพัฒนาขึ้น!
และขณะที่ซูอี้กำลังทำสมาธิฝึกฝนอยู่นั้นเอง ข่าวการสังหารละเลงเลือดบนสันเขามังกรครามได้ลือไปทั่วสนามรบที่สามแล้ว
“หนึ่งตัวตนจากจักรดาราตงเสวียนทรงอำนาจเพียงนั้นเลยหรือ?”
ในหนองน้ำแห่งหนึ่ง เซียนปี้หนิงจากจักรดาราซีหานอดประหลาดใจไม่ได้ คิ้วงามเลิกขึ้นด้วยความแปลกใจ
ก่อนหน้านี้ นางกำลังค้นหาโอสถทิพย์วิถีเซียนอันหายากยิ่งในหนองน้ำแห่งนี้
ทว่าก่อนจะหาโอสถเซียนนั้นพบ ข่าวเกี่ยวกับศึกบนหุบเหวในสันเขามังกรครามก็มาถึงหูนางก่อน
และยังทำให้นางตระหนักถึงความร้ายแรงของปัญหาจนหยุดการกระทำทั้งหมด
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เซียนปี้หนิงก็ตัดสินใจ “ถ่ายทอดคำสั่งข้า รวมพลทุกคนไปยังสันเขามังกรคราม!”