บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1485: แปรสัจธรรม
ตอนที่ 1485: แปรสัจธรรม
“นี่คือ?”
นอกสันเขามังกรคราม เซียนปี้หนิง และพรรคพวกล้วนผงะเงยหน้าขึ้นมองท้องนภา
ทศทิศทั่วแดนดินดุจเทพนับพันปรากฏพร้อมเพรียง เส้นแสงนับพันโปรยปราย ฟ้าดินทั่วแดนล้วนสั่นสะเทือน สร้างเป็นนิมิตสูงส่งตระการ
วจีวิถีแว่วดังจากท้องนภา สะท้านสะเทือนทั่วฟ้าดิน
ชั่วขณะนั้น เซียนปี้หนิงและพรรคพวกล้วนตะลึงอึ้ง
นิมิตเหลือเชื่อเช่นนี้เกิดขึ้นเพราะเหตุอันใด?
สายตาของพวกเขาต่างมองไปยังส่วนลึกแห่งหุบเหวเป็นตาเดียวโดยมินัดหมาย
เพราะที่มาแห่งนิมิตทั่วฟ้าดินคือที่นั่น!
“ปรากฏว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพราะสหายเต๋าซู จะบอกว่า… เขาเลื่อนขอบเขตแล้วหรือ?”
“เป็นไปไม่ได้ บททดสอบจากสวรรค์ยังมิปรากฏด้วยซ้ำ นิมิตนี้จึงมิได้บังเกิดทั่วฟ้าดินจากการเคลื่อนขอบเขตเป็นแน่”
เมื่อคิดเช่นนี้ หัวใจของเซียนปี้หนิงก็สั่นสะท้าน หนึ่งความเป็นไปได้ถูกคาดเดา
ทิ้งนามไว้บนแท่นหินทำเนียบศึกมหาวิถี!
ณ ใจกลางหุบเหวมีแท่นหินทำเนียบศึกมหาวิถีอันแปรเปลี่ยนจากกฎสวรรค์เขตแดนสมรภูมินี้อยู่
ตัวตนใด ๆ ทิ้งนามบนแท่นหินทำเนียบศึกมหาวิถีได้ จะได้รับโอกาสเข้าสู่สนามรบที่สอง!
ตลอดกาลผ่านมา ยอดฝีมือมากมายในขอบเขตจิตทารกมาเพื่อทิ้งนามบนแท่นหินทำเนียบศึกมหาวิถีนี้
ทว่ามีเพียงหยิบมือที่ทำเช่นนั้นได้!
เซียนปี้หนิงเป็นตัวตนไร้คู่เปรียบในขอบเขตจิตทารก นางย่อมตั้งใจทิ้งนามไว้บนแท่นหินทำเนียบศึกมหาวิถีและแสวงโอกาสเข้าสู่สนามรบที่สองเช่นกัน
ทว่านางไม่อาจคิดได้เลยว่าจะมีผู้ใดตราบกาลนานที่จะสร้างนิมิตยิ่งใหญ่ชวนตะลึงเช่นนี้ยามทิ้งนามบนแท่นหินทำเนียบศึกมหาวิถี!
กล่าวคือ เรื่องเช่นนี้มิเคยเกิดขึ้นมาก่อน!
‘นั่นสินะ ด้วยอำนาจท้าทายสวรรค์ของสหายเต๋าซู โอกาสสร้างปาฏิหาริย์อันมิเคยบังเกิดก็มีอยู่จริง ๆ’
เซียนปี้หนิงพึมพำในใจ
ขณะเดียวกัน ทั่วทั้งสนามรบที่สามก็บังเกิดสุรเสียงเยี่ยงวจีวิถีดึงความสนใจตัวตนขอบเขตจิตทารกมากมาย
ทว่าพวกเขาล้วนตะลึงงุนงง ไม่อาจคาดเหตุผลการปรากฏของนิมิตทั่วฟ้าดินนี้ได้เลย
และ ณ ใจกลางหุบเหว
ซูอี้เลิกคิ้วขึ้น เห็นชัดว่าป้ายสัญลักษณ์ประจำตัวเขาเรืองรัศมี แสงทองสายหนึ่งปรากฏบนแท่นหินทำเนียบศึกมหาวิถี
จากนั้น แสงทองนี้ก็ทะยานตรงสู่เบื้องบน!
ทุกแห่งหนที่มันเคลื่อนผ่าน หนึ่งนามจารึกสีทองก็ปรากฏขึ้นตาม ๆ กันบนแท่นหินทำเนียบศึกมหาวิถี ทว่าทันทีที่พวกมันปรากฏ มันก็ถูกแสงทองสายนั้นพุ่งแซงทันใด
เพียงพริบตา แสงทองสายนั้นก็ทะยานถึงลำดับสาม ก่อนจะเบียดสู่ลำดับสองโดยมิลดความเร็ว และกดลำดับหนึ่งลงในทันที
เป็นอันดับหนึ่ง!
‘ข้าก็ว่าสามอันดับแรกจะทรงพลังเพียงไร ที่แท้ก็แค่นั้น’
ซูอี้ครุ่นคิด
เขาได้ยินมาว่าสามนามแรกคงที่เสมอมา แม้เขตแดนสนามรบจะปรากฏขึ้นไม่รู้กี่หน แต่ก็ไร้ผู้ใดล้มสามอันดับแรกลงได้
ทำให้สามนามนั้นกลายเป็นสามยอดฝีมือในตำนาน
ทว่ายามนี้ ตำแหน่งทั้งสามถูกเขากดลงได้ง่าย ๆ!
เรียบง่ายสะดวก
ไร้สิ้นซึ่งการดิ้นรนให้ลุ้นระทึก!
มันแสดงให้เห็นโดยไร้กังขาว่าในขอบเขตจิตทารก ซูอี้นั้นแข็งแกร่งเด่นล้ำเหนือยอดฝีมือใด ๆ ผู้เข้ามายังเขตแดนสนามรบทั่วทุกยุคสมัย
ทว่าก่อนซูอี้จะทันได้คิดต่อ หนึ่งเหตุพลิกผันก็บังเกิด
หลังยึดครองตำแหน่งอันดับหนึ่งได้ แสงทองนั้นพลันทะยานหลุดออกมาจากแท่นหินทำเนียบศึกมหาวิถี!
จากนั้น แสงทองนั้นก็ทะยานหายสู่ห้วงลึกแห่งท้องนภาหายลับไป
ขณะเดียวกัน ในใจซูอี้ก็ตระหนักรู้
ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขามิอาจจัดลำดับบนแท่นหินทำเนียบศึกมหาวิถีนี้ได้อีกต่อไป!
ดังนั้น อำนาจต่อสู้ของเขาจึงถูกปกปิดโดยกฎสวรรค์แห่งเขตแดนสมรภูมิ ไร้นามไม่อาจมองเห็นเช่นมหาวิถีของเขา!
บางทีสักวันหนึ่ง คนบางผู้ซึ่งมีความแข็งแกร่งเหนือขอบเขตที่แท่นหินทำเนียบศึกมหาวิถีหยั่งวัดได้จะได้เห็นหนึ่งนามอันสูงส่งกว่าภายในกฎสวรรค์ก็เป็นได้
“น่าสนใจ”
ซูอี้เสสรวล
นิมิตทั้งหลายที่บังเกิดนั้น มิต้องสงสัยเลยว่าเป็นการยอมรับความแข็งแกร่งของเขา
สรวงสวรรค์ต่างเทิดเกียรติ มีหรือจะมิควรค่าภาคภูมิ?
ไม่นานนัก นิมิตแห่งฟ้าดินก็สลายหาย ทุกสิ่งเงียบวจีลง
“ถึงกาลข้ามขอบเขตแล้ว”
ซูอี้กล่าวพลางปลดปล่อยปราณ
ทันใดนั้น เหมือนจะมีอำนาจล่องหนบางอย่างสัมผัสเรื่องทั้งหมดนี้ได้ เมฆาทัณฑ์หนึ่งพลันก่อตัวขึ้นลึกเหนือท้องนภา
“สหายเต๋าซูกำลังจะข้ามบททดสอบทัณฑ์สวรรค์หรือ?”
เซียนปี้หนิงตะลึง
เมื่อครู่ นิมิตเพิ่งสลายไป
ทว่าเพียงพริบตา เมฆาทัณฑ์ก็เริ่มก่อตัว
ผู้คนแทบปรับตัวไม่ทัน!
และเมื่อนางมองไปยังทัณฑ์สวรรค์อันก่อตัวเหนือฟากฟ้า ทันใดนั้นเซียนปี้หนิงก็รู้สึกสิ้นหวังไร้หนทาง ความคิดทั้งหลายถูกสะกด รู้สึกสติหลุดลอย
แย่แล้ว!
หายนะอันใดกันนี่!?
เซียนปี้หนิงตะลึงจนละสายตาทันที
อาภรณ์ของนางชุ่มเหงื่อเย็นแนบลู่เผยส่วนโค้งเว้าสง่างามของนาง
ทว่าไร้ผู้ใดชื่นชมภาพอันเจริญตานั้น
เพราะหัวใจคนทุกผู้รอบกายนางล้วนตะลึงไปกับปราณร้ายกาจจากทัณฑ์เหนือสวรรค์นั่นแล้ว!
เมฆาลอยบ่มทัณฑ์นิ่งเงียบ
ทว่าปราณร้ายกาจจากเมฆานั้นน่าสะพรึงกลัวเกินคาดฝัน
เพียงมองจากไกล ๆ ก็ชวนตะลึงสิ้นความคิด!
ร่างอรชรของเซียนปี้หนิงสั่นสะท้าน ใบหน้างดงามซีดเผือด
นางเคยได้เห็นสัตว์ประหลาดเฒ่าในขอบเขตจิตทารกข้ามหายนะมานักต่อนัก แต่มิเคยได้เห็นหายนะใดร้ายแรงเท่านี้!
“บางทีอาจเป็นเพราะความแข็งแกร่งของสหายเต๋าซูท้าทายสวรรค์มากเกินไป เขาจึงนำมาซึ่งหายนะสั่งตายเช่นนี้”
“แค่ว่า… ปราณหายนะนี้ร้ายแรงมิต่างจากมหาหายนะบรรลุเซียนในคัมภีร์โบราณเลย! สหายเต๋าซูเขา… จะผ่านได้หรือไม่?”
ขณะที่เซียนปี้หนิงกำลังเหม่อลอยนั้นเอง หนึ่งแสงดาบก็ทะยานสู่นภา ปรากฏในคลองจักษุของนาง
จากนั้น ดวงตาของนางก็เจ็บแปลบ หัวใจตะลึงงันสิ้นความคิด มิอาจเห็นสิ่งใด
ไม่อาจทราบว่านานเพียงไร
หลังฟื้นสติคืนอัตตาทีละน้อย เซียนปี้หนิงก็เงยหน้าขึ้นมองโดยรู้ตัวไม่ ก่อนจะพบว่าเมฆาทัณฑ์เหนือนภาได้สลายตัวไป
เซียนปี้หนิงอดชะงักค้างไปมิได้
บททดสอบสวรรค์หายไปแล้วหรือ?
แต่สหายเต๋าซูเล่า เขาเคลื่อนขอบเขตสำเร็จแล้วหรือ!?
ชั่วขณะนั้น เซียนปี้หนิงรู้สึกอยากทะยานเข้าสู่ส่วนลึกแห่งสันเขามังกรครามไปดูเหลือเกิน
นอกสันเขา
ร่างของเซียนปี้หนิงชะงักกะทันหัน
ในคลองจักษุของนาง ร่างสูงใหญ่ของซูอี้ยืนอยู่ข้างแท่นหินทำเนียบศึกมหาวิถี อาภรณ์เขียวพลิ้วไสว สูงส่งไร้มลทิน
จู่ ๆ ในใจของเซียนปี้หนิงก็รู้สึกโล่งใจอย่างน่าประหลาด
เขามิตาย นี่ย่อมหมายความว่าซูอี้รอดจากหายนะแห่งสวรรค์อันน่าสะพรึงกลัวนั้น ก้าวสู่ขอบเขตรวมวิถีแล้ว!
“ยินดีกับสหายเต๋าที่เคลื่อนขอบเขตสำเร็จด้วย!”
เซียนปี้หนิงกล่าวแสดงความยินดีด้วยรอยยิ้ม
จวบยามนี้ นางไร้จิตมุ่งร้ายต่อซูอี้ และความชื่นชมในใจของนางก็เพิ่มพูนขึ้นทุกขณะ
ตัวตนสะท้านสรวงเช่นนี้ ทั่วฟ้าดิน เกรงว่าคงไม่อาจหาผู้เทียบได้!
“ขอบคุณ”
ซูอี้พยักหน้าน้อย ๆ
เขาเคลื่อนขอบเขตสำเร็จแล้ว แต่เขาไม่ได้ก้าวสู่ขอบเขตรวมวิถี เป็นขอบเขตแปรสัจธรรมต่างหาก!
สิ่งใดคือแปรสัจธรรม?
มันหมายถึงวิถีเต๋าทั่วร่าง และสภาพสัจธรรมแท้จริงของบุคคล
มันยังหมายความว่าการควบคุมพลังมหาวิถี ณ วิถีจุติสรวงของซูอี้ได้ถูกขัดเกลาจนรุ่งเรืองสูงสุด และคืนสู่สามัญเป็นที่เรียบร้อย
ผู้ฝึกตนแสวงหามหาวิถี กล่าวได้เช่นกันว่า ‘ฝึกฝนสัจธรรม’
คำว่า ‘สัจธรรม’ นั้นคือการทิ้งความซับซ้อนและมายาแห่งมหาวิถี เหลือเพียงแก่นแท้มหาวิถีอันบริสุทธิ์
นี่คือขอบเขตแปรสัจธรรม
ส่วนขอบเขตรวมวิถีที่ผู้ฝึกตนวิถีจุติสรวงอื่น ๆ เหยียบย่างเข้าไปนั้นต้องใช้เคล็ดพลังมหาวิถีมากกว่าเก้าชนิด แตกต่างจากขอบเขตแปรสัจธรรมโดยสิ้นเชิง
การฝึกฝนวิถีเต๋าของซูอี้มาถึงขอบเขตแปรสัจธรรม และการฝึกฝน ร่างวิถี จิตวิญญาณ พลังมหาวิถีของเขาก็ล้วนแปรเปลี่ยนไปอย่างสะเทือนแดนดิน
จิตทารกในร่างของเขาซึ่งดูเหมือนดาบเก้าคุมขัง มีรูปร่างและบรรยากาศดูมิต่างจากดาบเก้าคุมขังเลย!
และอำนาจฝึกฝน กฎมหาวิถีในจิตทารกล้วนเผยเคล็ดพลังจากโลกภูมิไร้จำกัด
กล่าวคือ ภายในจิตทารกรูปทรงเหมือนดาบเก้าคุมขังนี้ ดุจมีโลกภูมิไร้จำกัดก่อร่างอยู่แท้จริง!
ไม่เพียงตะวันจันทราเคลื่อนสลับ หมู่ดาราโคจร ฟ้าดินแปรผัน การหมุนเวียนแห่งฤดูกาลและการพัฒนาแห่งโลกหล้าก็มีปรากฏทั่ว
นี่เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงอำนาจฝึกฝนมหาวิถีเท่านั้น
จิตวิญญาณและร่างวิถีของซูอี้เองก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างเด่นชัดเมื่อเทียบกับกาลก่อน
มีปริศนาความลับมากมายที่ต้องค่อย ๆ สืบค้น!
“ข้าควรไปได้แล้ว”
ซูอี้เงยหน้าขึ้นมองท้องนภา
หลังก้าวสู่ขอบเขตแปรสัจธรรม เขาก็สัมผัสได้ชัดเจนว่ากฎสวรรค์สนามรบที่สามกำลังปฏิเสธเขา พร้อมจะขับเขาออกจากฟ้าดินนี้ทุกเมื่อ
ได้ยินเช่นนี้ เซียนปี้หนิงก็รีบกล่าวขึ้น “สหายเต๋าซู ข้าถามหน่อยได้หรือไม่?”
ซูอี้นิ่งไป ก่อนจะกล่าวว่า “ว่ามา”
เซียนปี้หนิงถามอย่างจริงจัง “ก่อนหน้านี้ เจ้าทิ้งนามไว้บนแท่นหินทำเนียบศึกมหาวิถีและได้อันดับหนึ่งหรือไม่?”
การจัดอันดับบนแท่นหินทำเนียบศึกมหาวิถีนั้น คนนอกมิอาจมองเห็นได้เลย
กระทั่งยามนามตนปรากฏบนแท่นหินทำเนียบศึกมหาวิถี เขายังเห็นได้เพียงนามของยอดฝีมือลำดับต่ำกว่าตนเท่านั้น
ซูอี้ครุ่นคิดชั่วครู่ และกล่าวว่า “ประมาณนั้นแหละ”
เซียนปี้หนิงพลันงุนงง นี่มันอันใดกัน?
ก่อนที่นางจะได้ถามต่อ ซูอี้ก็โบกมือกล่าว “อย่าลืมเรื่องที่เจ้ารับปากไว้ ข้าไปล่ะ”
กล่าวจบ ร่างของเขาก็ทะยานเยี่ยงรุ้งทิพย์ เมื่อไปถึงท้องนภา เขาก็ถูกอำนาจกฎสวรรค์ห่อหุ้มหายไปในพริบตา
“สหายเต๋าวางใจเถิด ข้าปี้หนิงจะไม่ผิดวาจา นอกจากนั้น…”
เซียนปี้หนิงพึมพำ “ข้าเองก็ตั้งตารอจะพบเจ้าอีกครั้งในสนามรบแรกภายหน้า!”
สองเดือนหลังเปิดเขตแดนสมรภูมิ
ซูอี้ก็เคลื่อนสู่ขอบเขตแปรสัจธรรม ทะยานข้ามสนามรบ!
ชั่วกาลต่อมา ข่าวความสำเร็จในสันเขามังกรครามของเขาก็ค่อย ๆ แพร่กระจายทั่วสนามรบที่สาม
ยอดฝีมือขอบเขตจิตทารกจากจักรดาราตงเสวียนนั้นช่างโชคดี
เพราะบางที อาจด้วยกลัวซูอี้หัวหดกันก็เป็นได้ จึงมียอดฝีมือจากจักรดาราอื่นกล้าโจมตีพวกเขาโดยมิสนพิธีรีตองน้อยคนนัก!