บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1499: เชือดไก่ให้ลิงดู
ตอนที่ 1499: เชือดไก่ให้ลิงดู
เมื่อฉินซู่ซินพูดจบ บรรยากาศในสนามเต๋าแรกเยือนก็กดดันขึ้นมาในทันใด
กลิ่นอายการนองเลือดตลบอบอวล
คนมากมายแสดงสีหน้าตื่นเต้น สายตาที่มองไปยังซูอี้มีแววสาแก่ใจแฝงอยู่
ฉินซู่ซินคือผู้นำจักรดาราซีหาน!
ความสามารถของนางน่าจะสามารถต้านรับเซียนขอบเขตจักรวาลได้ตั้งนานแล้ว หรือเรียกได้ว่าล้ำลึกเกินจะคาดเดา!
ส่วนซูอี้อาจจะเป็นตำนานที่เฉิดฉายที่สุดในโลกปัจจุบันของจักรดาราตงเสวียน ทว่าในสายตาของผู้ฝึกตนจากกลุ่มจักรดาราอื่นแล้ว บุคคลในตำนานที่ยังไม่เคยก้าวสู่ขอบเขตจุติมงคล ต่อให้เก่งกาจมากแค่ไหน ไหนเลยจะสามารถรับมือกับฉินซู่ซินได้?
เมื่อมองสมาชิกจากจักรดาราตงเสวียนยามนี้ กลับแสดงท่าทีสงบนิ่งยิ่ง
มีเพียงแค่พวกเขาเท่านั้นที่รู้ดีว่าซูอี้เป็นตัวตนที่น่ากลัวมากเพียงไหน ความสามารถของชายหนุ่มไม่อาจใช้ความสูงต่ำของขอบเขตมาวัดได้!
พร้อมกับเสียง ผู้นำเริ่นฉางชิงแห่งจักรดาราหนานหั่วก็ก้าวออกมา
เขามีบุคลิกสง่าผ่าเผย ดูมีภูมิฐาน เป็นที่จับตามองของทุกคนอย่างรวดเร็ว
ไม่มีใครคาดคิดว่า เวลานี้ เริ่นฉางชิงแห่งจักรดาราหนานหั่วจะก้าวออกมาราวกับต้องการจะพูดแก้ต่างให้ซูอี้!
ชายหนุ่มชายตามองคนผู้นี้ชั่วขณะ จากนั้นจึงสังเกตเห็นหลิงผู ผู้ชายวัยกลางคนที่สวมชุดสีเหลืองก็ยืนอยู่ใกล้ ๆ เริ่นฉางชิง เขาจึงสามารถเข้าใจได้ในทันใด
ครุ่นคิดสักครู่ สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจรอต่อไป เพื่อดูว่าฉินซู่ซินแห่งจักรดาราตงเสวียนจะตัดสินใจอย่างไร
“ไม่ถามไถ่ให้รู้เรื่อง? เจ้าหมายความเช่นใด?”
ฉินซู่ซินขมวดคิ้วขึ้น
เริ่นฉางชิงกล่าวราวกับใช้ความคิด “ดูท่าแล้ว เจ้ายังไม่รู้เกี่ยวกับสถานการณ์จริงสินะ”
ฉินซู่ซินเริ่มเอะใจ
พวกเนี่ยอวิ๋นเหวินแห่งสำนักเซียนสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์แอบสะดุ้งในใจ รู้ได้ว่าสถานการณ์ไม่ดีแล้ว
“หลิงผู เจ้าจงเล่าเรื่องราวทั้งหมดออกมา” เริ่นฉางชิงออกคำสั่ง
ทันใดนั้น หลิงผูก็ก้าวออกมา ภายใต้สายตาของคนทั้งหลายที่จับจ้องด้วยความสงสัย เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น ณ หนองน้ำอสูรโลหิตก็ถูกเล่าอย่างละเอียด
ทุกคนในที่แห่งนั้นพลันแตกตื่นและส่งเสียงดังระงม
สีหน้าของฉินซู่ซินสงบนิ่งลง
“พูดจาใส่ร้าย!”
เนี่ยอวิ๋นเหวินตะโกนออกมา “เฉียนเสวี่ยเฟิงผู้อาวุโสของสำนักข้าเป็นคนเปิดเผยซื่อตรงมาโดยตลอด จะกระทำเรื่องชั่วร้ายเช่นนี้ได้อย่างไร!?”
หลิงผูกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ข้ากล้าใช้วิถีเต๋าของตัวเองสาบานได้ เจ้ากล้าหรือไม่?”
“พวกเราก็สามารถใช้วิถีเต๋าสาบานได้เช่นกัน เพื่อเป็นพยานให้สหายเต๋าซู!”
ผู้แข็งแกร่งจักรดาราหนานหั่วที่เคยเดินทางร่วมกับชายหนุ่มกลุ่มนั้นต่างก็พากันก้าวออกมา
เพียงแค่ชั่วครู่ ทุกอย่างก็สงบลง ทุกคนเข้าใจได้ว่าสถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว!
สีหน้าและท่าทางของฉินซู่ซินเย็นยะเยือกลงเรื่อย ๆ นางหมุนตัวกลับมา มองไปที่เนี่ยอวิ๋นเหวินที่อยู่ข้างกาย “ข้าต้องการคำอธิบาย”
เนี่ยอวิ๋นเหวินสะดุ้งขึ้นมา แล้วรีบกล่าวว่า “ท่านเซียน ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าที่แท้แล้วเฉียนเสวี่ยเฟิงตายอย่างไร แต่มั่นใจได้ว่า มือสังหารจะต้องเป็นซูอี้คนนั้นอย่างแน่นอน!”
พูดจบ เขาก็แสดงสีหน้าเจ็บแค้นและเศร้าสลดออกมา แล้วพูดด้วยเสียงแหบแห้ง “ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่ ต่อให้ผู้อาวุโสเฉียนเสวี่ยเฟิงจะทำผิดกฎ แต่ตามกฎระเบียบแล้ว ผู้ที่สามารถลงโทษเขาได้ควรจะเป็นท่าน!”
“แต่ซูอี้กลับไม่สนใจกฎระเบียบ สังหารผู้เฒ่าเฉียนเสวี่ยเฟิงหน้าตาเฉย เห็นได้ชัดว่าเขามีเจตนาร้าย!”
เสียงของเขาดังก้องไปทั่ว ทำให้เกิดเสียงสนับสนุนเห็นด้วยหลายเสียง
พวกหลิงผูกลับมีสีหน้าบูดบึ้ง แต่ก็ไม่อาจโต้เถียงได้ เพราะเนี่ยอวิ๋นเหวินกล่าวไม่ผิด ไม่ว่าใครก็ตาม หากทำผิดกฎแล้ว มีแต่ผู้นำของจักรดาราที่คนคนนั้นสังกัดอยู่สามารถทำการลงโทษได้
หรือกล่าวได้อีกอย่างว่า ต่อให้เฉียนเสวี่ยเฟิงทำผิดกฎระเบียบ ทว่ามีแต่ฉินซู่ซินเท่านั้นที่สามารถลงโทษประหารชีวิตเขาได้!
พวกเขาเบนสายตามองไปที่เริ่นฉางชิง
สายตาของเริ่นฉางชิงกลับเพ่งมองไปยังฉินซู่ซิน ขณะกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “สหายเต๋าฉิน คนเหล่านั้นที่อยู่ข้างกายเจ้าไม่ได้มีความซื่อสัตย์เลย ก่อนหน้านี้ไม่บอกความจริงให้เจ้ารู้ เห็นได้ชัดว่าคิดจะยืมมือเจ้าฟันดาบฆ่าคนเพื่อบรรลุเป้าหมายของตัวเอง”
ฉินซู่ซินกลับยกมือห้าม ไม่ให้พวกเขาพูด “นับแต่ตอนนี้เป็นต้นไป พวกเจ้าอย่าได้พูดอะไรอีกแม้แต่คำเดียว!”
น้ำเสียงเย็นชาเฉียบขาด
พวกของเนี่ยอวิ๋นเหวินใจหายวาบ เข้าใจในทันใดว่าฉินซู่ซินโกรธแล้ว!
“ตอนนี้ แม่นางฉินคิดจะทำเช่นใด?“ เริ่นฉางชิงกล่าว
ฉินซู่ซินกล่าวน้ำเสียงเย็นชา “เรื่องในวันนี้ เกี่ยวข้องอันใดกับเจ้า?”
เริ่นฉางชิงอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ “เฉียนเสวี่ยเฟิงพยายามจะทำร้ายคนของจักรดาราหนานหั่ว ข้าจะเพิกเฉยดูดายได้อย่างไรกัน?”
ฉินซู่ซินกล่าว “เฉียนเสวี่ยเฟิงตายไปแล้ว”
เริ่นฉางชิง “…”
ทันใดนั้น เขาก็หัวเราะขึ้นมา ก่อนจะกล่าวว่า “กล่าวเช่นนี้ แม่นางฉินก็คิดเช่นกันว่าสหายเต๋าซูทำถูกต้องแล้วเช่นนั้นหรือ?”
ฉินซู่ซินส่ายหน้า “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกัน เจ้าควรจะเข้าใจดีว่า กฎระเบียบของที่แห่งนี้ เจ้า ข้า กับอวี่เฉินตั้งขึ้นด้วยกัน ซูอี้คนนั้นฆ่าคนของจักรดาราซีหานของข้าตาย เท่ากับกำลังทำลายกฎระเบียบที่พวกเราทั้งสามตั้งขึ้น!”
คำกล่าวทั้งหมดนี้ทำให้เริ่นฉางชิงถึงกับนิ่งเงียบ
พวกเนี่ยอวิ๋นเหวินแอบโล่งใจ
สายตาที่พวกเขามองดูชายหนุ่มเต็มไปด้วยความเย็นชา ขอเพียงฉินซู่ซินทำตามกฎระเบียบ ซูอี้ในวันนี้จะต้องตายตกอย่างแน่นอน!
และเวลานี้ ซูอี้ที่คอยมองดูสถานการณ์อยู่เงียบ ๆ มาโดยตลอดพลันกล่าวขึ้นว่า “นี่คือท่าทีของเจ้าเช่นนั้นหรือ?”
แต่ที่เกินความคาดหมายก็คือ ฉินซู่ซินกลับส่ายหน้า “เปล่า”
นางกวาดตามองดูรอบ ๆ แล้วกล่าวขึ้นว่า “หากพ้นเรื่องราวในวันนี้แล้ว ข้าคิดว่าควรจะต้องแก้ไขกฎระเบียบสักหน่อย”
ทุกคนพากันตกตะลึง
ซูอี้กล่าวด้วยความรู้สึกสนใจขึ้นมา “แก้ไขอย่างไร?”
ฉินซู่ซินนิ่งเงียบครู่หนึ่ง จากนั้นจึงกล่าวขึ้นว่า “แก้ไขกฎระเบียบ ให้ข้าตัดสินเองเพียงคนเดียวไม่ได้ มิเช่นนั้น ทุกคนจะไม่ทำตาม เรื่องในวันนี้ หยุดพักไว้ก่อน หลังจากที่ตั้งกฎข้อใหม่ขึ้นแล้ว ค่อยตัดสินกันอีกครั้ง”
เมื่อได้ฟังความ เริ่นฉางชิงก็ลอบรำพึงขึ้นในใจ ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาเลย เมื่อรู้ว่าสถานการณ์มีปัญหาก็ให้หยุดการถกเถียงไว้ก่อน ก้าวถอยเพื่อหาโอกาสก้าวไปข้างหน้า ทั้งยังถือโอกาสนี้เสนอให้แก้ไขกฎระเบียบด้วย!
สีหน้าของพวกเนี่ยอวิ๋นเหวินดูสลดหดหู่ลงทันที
พวกเขาคิดว่าฉินซู่ซินจะทำตามกฎ แล้วฆ่าซูอี้ทิ้ง
ไหนเลยจะคิดว่านางกลับไม่ได้ทำเช่นนั้น!
ท่าทีของฉินซู่ซินทำให้คนของจักรดาราตงเสวียนรู้สึกผ่อนคลายลงไม่น้อยเช่นกัน
หากระงับการปะทะกันได้ ก็จะเป็นการดีที่สุด
เพราะถึงแม้พวกเขาจะมั่นใจในความสามารถของซูอี้อย่างเต็มที่ ทว่าในขณะเดียวกันก็เข้าใจดีกว่าผู้นำอย่างฉินซู่ซินมีความสามารถที่ล้ำลึกเกินจะคาดเดาเช่นกัน!
เวลานี้ ซูอี้ได้กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เหตุใดต้องรอวันข้างหน้าด้วย วันนี้ ข้าซูผู้นี้จะตั้งกฎข้อใหม่ให้กับสนามประลองที่หนึ่งแห่งนี้เอง!”
พอเอ่ยเช่นนี้ออกมา ทุกคนพากันตะลึงตาค้าง
“คน ๆ นี้… ไม่คิดจะจบง่าย ๆ ใช่ไหม?”
เริ่นฉางชิงเหลือบมองไปที่ซูอี้อยู่หลายครั้ง แววตาดูตกใจอย่างเห็นได้ชัด
วันนี้ นางยอมอดทนไปมากแล้ว แต่ไม่นึกเลยว่า ซูอี้ที่เพิ่งมาถึงได้เพียงไม่กี่วันกลับได้คืบจะเอาศอก!
ซูอี้กล่าวอีกครั้งด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เชือดไก่ให้ลิงดู”
เสียงยังคงดังกึกก้อง ขณะที่ชายหนุ่มก้าวมาถึงแล้ว
ทุกคนส่งเสียงระงม ขณะแสดงสีหน้าไม่อยากจะเชื่อออกมา
ซูอี้คิดจะลงมือจริง ๆ หรือ?!
เริ่นฉางชิงกล่าวขึ้นอย่างทนไม่ไหว “สหายเต๋าซู ที่แห่งนี้มีกฎระเบียบของตัวเอง ถึงแม้เจ้าจะรู้สึกโกรธ ต้องการจะตั้งกฎระเบียบใหม่ จะต้องหาโอกาสที่ดี ปรึกษากับทุก ๆ คน จะทำเหลวไหลไม่ได้!”
ในสายตาของเขา การที่ซูอี้ลงมือในตอนนี้ ช่างไม่ฉลาดเอาเสียเลย
“กฎของข้า ไม่ต้องปรึกษากับใครทั้งสิ้น” ซูอี้กล่าวด้วยน้ำเสียงสบายอารมณ์
เริ่นฉางชิงขมวดคิ้วหนักขึ้นเมื่อถูกยอกย้อนเข้าอย่างแรง คนผู้นี้โอหังยิ่งกว่าที่ตนคาดคิดไว้เยอะ!
จากนั้นเขาจึงไม่พูดมากอีก เพราะครั้งนี้ที่ก้าวออกมา เพียงเพื่อช่วยหนุนหลังพวกหลิงผูเท่านั้น
‘ถือโอกาสนี้ ยืมมือของฉินซู่ซิน ทดสอบความสามารถของซูอี้ดูก็ไม่เลว’
เริ่นฉางชิงลอบกล่าวในใจ
“ซูอี้คนนี้กล้ามาก เพียงแค่จุดนี้จุดเดียวคนอื่น ๆ ในจักรดาราตงเสวียนก็ไม่อาจเทียบเคียงได้แล้ว”
ในหมู่คนจากจักรดาราเป่ยเยวียน เวินซิวจู่ก็อยู่ด้วยเช่นกัน
ดวงตาคู่งามของนางเป็นประกาย มองดูทุกอย่างที่เกิดขึ้นด้วยความสนใจ
ภายใต้สายตาคนทั้งหลาย ซูอี้ข้ามผ่านสนามเต๋าแรกเยือนไปแล้ว มุ่งตรงไปทางค่ายของจักรดาราซีหาน
บรรยากาศอึดอัดจนรู้สึกหายใจไม่ออก
ฉินซู่ซินขมวดคิ้วแน่น บนใบหน้าเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก
เชือดไก่ให้ลิงดูเช่นนั้นหรือ?
คนผู้นี้ไม่ได้เห็นกฎระเบียบอยู่ในสายตาเลย!
เวลานี้ ใบหน้าของเนี่ยอวิ๋นเหวินเต็มไปด้วยโทสะ เขาไม่อาจทนต่อไปได้อีกและตะคอกเสียงดัง “คนแซ่ซู นี่เจ้าคิดจะเดินหาที่ตายเช่นนั้นหรือ!”
ขอเพียงชายหนุ่มลงมือ ฉินซู่ซินจะเพิกเฉยดูดายได้อย่างไรกัน?
เสียงของเนี่ยอวิ๋นเหวินยังคงดังก้อง ฉับพลันร่างของซูอี้ก็หายไปจากที่เดิม ครู่ถัดมาก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเนี่ยอวิ๋นเหวิน
เนี่ยอวิ๋นเหวินสะดุ้งเฮือก
ยังไม่ทันที่เขาจะตั้งสติได้ มืองดงามขาวใสข้างหนึ่งก็ซัดไปที่ซูอี้ราวกับคมมีด
นั่นคือมือของฉินซู่ซินนั่นเอง
ผู้นำของจักรดาราซีหานคนนี้แสดงความสามารถที่เกินกว่าคาดคิดออกมา ราวกับรู้เหตุการณ์ก่อนล่วงหน้า จึงเข้ามาขัดขวางอย่างรวดเร็ว!
ครืน!
ประกายแสงสว่างเจิดจ้าปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของนาง เพียงแค่ฝ่ามือเดียว ราวกับดาบสวรรค์พิฆาตโลกา รุนแรงไร้เทียมทาน
ทว่าซูอี้กลับยกมือขึ้นปัดป้องโดยไม่แม้แต่จะมอง
ปัง!!!
สะเก็ดแสงระเบิด
ภาวะดาบปรากฏขึ้น สลายแรงซัดของหญิงสาวไปได้อย่างง่ายดาย ภายใต้แผ่กระจายของภาวะดาบที่ปกคลุมร่างทั้งร่างของฉินซู่ซิน
ส่วนซูอี้ก้าวออกไปก้าวเดียว ปล่อยฝ่ามือลงบนกระหม่อมของเนี่ยอวิ๋นเหวิน
“ไม่ได้การ!”
ชั่วขณะนี้ เนี่ยอวิ๋นเหวินตกใจขวัญกระเจิง หมุนตัวได้ก็รีบหนี
ทว่าเขาก็ยังประเมินตัวเองสูงเกินไป ฝ่ามือของซูอี้ที่ดูจะบางเบา แท้จริงแล้วสั่งสมกำลังที่น่ากลัวอย่างไร้ขอบเขตเอาไว้
เมื่อฝ่ามือนี้ซัดลงไป
ตู้ม!!!
ร่างของเนี่ยอวิ๋นเหวินพลันระเบิดกลายเป็นก้อนเนื้อพร้อมกับละอองเลือด ถูกตบตายคาที่เหมือนกับแมลงวัน
เวลานี้เอง ฉินซู่ซินสลายฝนดาบบริเวณนั้นจนหมดแล้ว ทว่าก็ยังไม่อาจยับยั้งได้ทัน นางทำได้เพียงมองตาปริบ ๆ เนี่ยอวิ๋นเหวินตายอยู่ใกล้ ๆ ตน!
ใบหน้างามของฉินซู่ซินดุดันขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าถูกยั่วจนโกรธแล้ว
นางลงมืออีกครั้ง
ทว่าซูอี้ยังคงไม่แม้แต่จะมอง แขนเสื้อของเขาโลกสะบัดไปมา ขณะที่ฝนดาบสาดเทออกไป
การบุกโจมตีของฉินซู่ซินถูกขัดขวางในทันใด
“พวกเจ้าก็สมควรตายเช่นกัน”
ซูอี้กวาดตามองไปยังผู้แข็งแกร่งแห่งสำนักเซียนสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นแวบหนึ่ง
จากนั้นเขาปล่อยฝ่ามือออกไป
โครม!
ราวกับฟ้าถล่มดินทลาย
ผู้แข็งแกร่งแห่งสำนักเซียนสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นถูกฆ่าตายอย่างพร้อมเพรียงกัน ร่างแหลกเป็นชิ้น ๆ เลือดสาดกระเซ็นไปในอากาศ
ห่างไปไม่ไกลนัก ฉินซู่ซินเพิ่งสลายฝนดาบบริเวณนั้นได้
มองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดนี้แล้ว บนใบหน้าของผู้นำของจักรดาราซีหานท่านนี้พลันปรากฏความขุ่นเคืองขึ้นมา