บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1500: ไม่เห็นใครในสายตา
ตอนที่ 1500: ไม่เห็นใครในสายตา
ทุกคนถึงกับตะลึงงันไป
เพียงแค่ชั่วดีดนิ้ว ต่อหน้าฉินซู่ซิน ซูอี้สังหารคนของสำนักเซียนสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์จนหมดสิ้น!
เป็นการคาดคะเนที่พลิกความคาดหมาย เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์ที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดเช่นนั้นแล้ว ทุกคนต่างรู้สึกหนังหัวชา จิตใจสั่นสะท้าน
ตัวตนในตำนานของจักรดาราตงเสวียนคนนี้อหังการจนถึงขั้นนี้เลยเชียวหรือ?
“น่าสนใจ แม้กระทั่งฉินซู่ซินก็ยังถูกซัดจนรับมือไม่ทัน”
ทางฝั่งของจักรดาราเป่ยเยวียน สายตาของเวินซิวจู่ผุดประกายประหลาดขึ้น
นางเคยทำความเข้าใจเกี่ยวกับพื้นฐานของฉินซู่ซิน แม้กระทั่งอวี่เฉินผู้เป็นศิษย์พี่ของนางก็ยังเคยกล่าวไว้ว่า ฉินซู่ซินกลายเป็นผู้นำของจักรดาราซีหานได้ ไม่ใช่เพราะตัวตนยิ่งใหญ่เก่งกาจเท่านั้น… แต่เพราะนางคือบุตรีผู้ภาคภูมิแห่งสวรรค์!
ไม่เพียงแต่มีระดับการฝึกตนที่ร้ายกาจ ยังมีโชคชะตายิ่งใหญ่อีกด้วย และมีแต่คุณสมบัติเช่นนี้เท่านั้นจึงจะสามารถปกครองจักรดาราและขึ้นเป็นผู้นำยิ่งใหญ่แต่ผู้เดียวได้!
“ไม่เลว ไม่เลวเลยจริง ๆ”
ดวงตาของเริ่นฉางชิงลุกวาว แววตามีความดุดันฉายอยู่ “จักรดาราตงเสวียน มีตัวตนที่เก่งกาจมากคนหนึ่งปรากฏขึ้นแล้วจริง ๆ!”
เขามองเห็นอย่างชัดเจน
ครั้งแรกที่ซูอี้ลงมือ ฉินซู่ซินจงใจยั้งมือให้ และเพราะประมาณความสามารถของซูอี้ต่ำเกินไปด้วย จึงเป็นเหตุให้รับมือไม่ทัน
และเมื่อซูอี้ลงมือเป็นครั้งที่สอง นางได้เตรียมตัวก่อนแล้ว แสดงความสามารถที่แท้จริงออกมา ทว่ายังคงโดนปราณดาบกลุ่มนั้นขัดขวาง
ถึงแม้ฉินซู่ซินจะสลายฝนดาบเหล่านั้นได้ในชั่วพริบตาเท่านั้น ทว่าก็ยังสายไปก้าวหนึ่ง เมื่อซูอี้ได้ฉวยโอกาสนี้ิ ฆ่าคนของสำนักเซียนสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นจนตายทั้งหมด!
และยังทำให้ผู้แข็งแกร่งของสามจักรดาราอย่างจักรดาราเป่ยเยวียน จักรดาราหนานหั่ว และจักรดาราซีหานถึงกับหน้าเปลี่ยนสี
“เรื่องเล่าอย่างไรเสียก็เป็นเพียงแค่เรื่องเล่า”
ก่อนหน้านี้ ไม่มีใครเคยเห็นความสามารถของซูอี้ด้วยตาตัวเองมาก่อน
และเมื่อได้เห็นฝีมือที่แท้จริงของชายหนุ่มเข้า ทุกคนจึงรู้ได้ว่า คนที่บุกตะลุยจากสนามรบที่สามมาจนถึงที่แห่งนี้ มีความแข็งแกร่งเพียงใด!
เมื่อได้เห็นสีหน้าตื่นตะลึงของผู้แข็งแกร่งจากจักรดาราทั้งสามแห่งแล้ว พวกเขายังรู้สึกโล่งเสียด้วยซ้ำ
“เชือดไก่ให้ลิงดู เจ้าคิดว่าเป็นอย่างไร?”
ซูอี้มองกลับไปยังฉินซู่ซิน
ใบหน้างดงามของหญิงสาวเย็นชาราวกับน้ำแข็ง ในสายตาเต็มไปด้วยความโกรธโมโหอย่างเห็นได้ชัด “ฆ่าคนไม่กะพริบตา นี่คือกฎข้อใหม่ที่เจ้าต้องการอย่างนั้นหรือ?”
ซูอี้ส่ายหน้าพลางกล่าว “ผิดแล้ว กฎขอข้าคือ ไม่ว่าใครก็ตาม ล้วนต้องชดใช้ในสิ่งที่เขาทำผิดพลาดไป!”
ฉินซู่ซินกล่าวเสียงเย็นชา “เจ้าแยกแยะผิดถูกอย่างไร?”
ซูอี้ชี้มาที่ปลายจมูกของตัวเองพลางกล่าวขึ้น “ข้าบอกว่าใครคนไหนทำผิด ใครคนนั้นก็เป็นผู้ผิด”
ฉินซู่ซิน “…”
“คนแซ่ซู เจ้าช่างไร้เหตุผลสิ้นดี!”
ที่ฝั่งจักรดาราซีหาน มีคนพูดด้วยความไม่พอใจ
คนทั้งหลาย “…”
ซูอี้กล่าวน้ำเสียงราบเรียบ “ข้ายังไม่ได้มายังที่แห่งนี้ในกาลก่อน ทว่าพวกเจ้ากลับตั้งกฎขึ้น แน่นอนว่าพวกเจ้าสามารถตัดสินได้เอง แต่ในเมื่อข้าซูผู้นี้มาถึงแล้ว กฎก็ต้องเปลี่ยน!”
กฎอยู่ที่ปลายดาบเท่านั้น
เหตุผลอยู่ที่หมัดของใครจะใหญ่กว่ากันเท่านั้น!
เมื่อก่อน ฉินซู่ซิน อวี่เฉิน กับเริ่นฉางชิงตั้งกฎขึ้น ไม่เคยถามความเห็นของจักรดาราตงเสวียนเลยสักนิด
เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?
เหตุผลนั้นง่ายดายมาก เพราะจักรดาราจักรดาราตงเสวียนราวกับมังกรที่ไร้หัว อ่อนกำลังเกินไป!
นี่ก็คือความเป็นจริง ผู้แข็งแกร่งเป็นผู้กำหนดกฎระเบียบ ส่วนผู้อ่อนแอ… ได้แต่ทำตาม!
ฉินซู่ซินหันมองไปยังเริ่นฉางชิงที่อยู่ห่างออกไป “กฎในอดีต พวกเราเป็นคนตั้งขึ้นด้วยกัน ตอนนี้ เจ้ายังคิดจะดูเอาสนุกอยู่อีกหรือ?”
เริ่นฉางชิงขมวดคิ้วขึ้น
“จักรดาราเป่ยเยวียนของพวกเจ้าเล่า มีท่าทีอย่างไร?”
ยังไม่ทันที่เริ่นฉางชิงจะตอบ ฉินซู่ซินก็มองไปที่เวินซิวจู่แห่งจักรดาราเป่ยเยวียน
อย่างไม่ต้องสงสัย นางไม่คิดจะโผล่หัวอยู่คนเดียว และไม่ต้องการให้คนอื่นยืมมือด้วย จึงต้องดึงสองจักรดาราใหญ่ให้ร่วงลงน้ำไปด้วยกัน!
เวินซิวจู่กล่าว “ศิษย์พี่อวี่เฉินยังคงเก็บตัวฝึกฝนอยู่ เชื่อว่าหากเขาอยู่ในที่นี่ด้วย จะต้องให้คำตอบที่แน่ชัดแก่เจ้าอย่างแน่นอน”
เริ่นฉางชิงก็กล่าวเช่นกัน “ข้าคิดว่า เรื่องนี้ต้องถามความเห็นของสหายเต๋าอวี่เฉินก่อน”
ฉินซู่ซินสบถหัวเราะออกมา “เจอคู่ต่อสู้ที่มีความสามารถแข็งแกร่ง แม้กระทั่งกฎที่ตัวเองตั้งไว้ก็ยังไม่สนใจเช่นนั้นหรือ?”
ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเยาะเย้ยถากถาง
เริ่นฉางชิงนิ่งเงียบ
เวินซิวจู่หัวเราะ
ทั้งสองฝ่ายต่างเงียบลง
“วันนี้คนแซ่ซูคนนี้สามารถฆ่าคนของจักรดาราซีหานได้โดยไม่เกรงกลัวใคร วันพรุ่งนี้ เขาก็สามารถฆ่าคนของสองจักรดาราของพวกเจ้าได้เหมือนกัน!”
ฉินซู่ซินเพิ่งพูดถึงตรงนี้
ซูอี้กล่าวตัดบทขึ้นมาแล้ว “ไม่ต้องรอวันพรุ่งนี้ วันนี้ ข้ายังต้องสังหารคนอีกจำนวนหนึ่ง”
คนทั้งหลาย “???”
เริ่นฉางชิงกับเวินซิวจู่ต่างก็ขมวดคิ้วเช่นกัน
ที่พวกเขาสามารถคอยดูอยู่ห่าง ๆ ได้เมื่อครู่ ไม่ใช่เพราะกลัวซูอี้ แต่เป็นเพราะไม่ต้องการจะเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงฉินซู่ซินจะดึงเข้าไปพัวพันด้วย
แต่ใครเล่าจะคาดคิดว่า ชายหนุ่มที่ฆ่าคนไปตั้งเยอะแยะเพียงนี้แล้ว ยังไม่คิดจะรามืออีก!
“กล่าวเช่นนี้ หรือว่าเจ้าต้องการจะเล่นกับจักรดาราซีหานของพวกเราไม่เลิกเช่นนั้นหรือ?”
เห็นได้ชัดว่าฉินซู่ซินถูกยั่วจนโกรธจัดแล้ว
ฉินซู่ซินตกตะลึง ไฟโกรธที่สุมเต็มทรวงพลันถูกระงับ คนผู้นี้ ยังต้องการจะเล่นงานจักรดาราเป่ยเยวียนอีกหรือ?
ไม่เพียงแต่ฉินซู่ซินเท่านั้น คนอื่น ๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์ก็สังเกตเห็นท่าทางของซูอี้เช่นกัน พวกเขาต่างแสดงสีหน้าตื่นตะลึงออกมา
“คนผู้นี้… รุนแรงเกินไปแล้วกระมัง…”
เริ่นฉางชิงถึงกับนิ่งอึ้ง
จักรดาราเป่ยเยวียนคือจักรดาราที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาจักรดาราทั้งมวลที่นี่
จักรดาราซีหานกับจักรดาราหนานหั่วสองดินแดนรวมกันจึงจะสามารถรับมืออีกฝ่ายได้!
ทว่าตอนนี้ ในสถานการณ์ที่ซูอี้กำลังผิดใจกับจักรดาราซีหานอยู่ กลับยังพุ่งหัวหอกไปที่จักรดาราเป่ยเยวียนอีก แล้วใครบ้างจะไม่ตระหนก?
“เจ้า… ต้องการจะฆ่าคนของจักรดาราเป่ยเยวียนของข้าเช่นนั้นหรือ!?”
เวินซิวจู่กล่าวเสียงหลง
เดิมทีนางกำลังดูเหตุการณ์ด้วยความสนุก ไม่คิดเลยว่าตอนนี้เรื่องสนุกกลับเกิดขึ้นกับจักรดาราที่นางอยู่!
ซูอี้ยืนอยู่ไม่ไกลนัก
สายตาของเวินซิวจู่เกิดประกาย “ถ้าเช่นนั้นให้ข้ารู้ได้หรือไม่ว่า ผู้แข็งแกร่งของจักรดาราเป่ยเยวียนของข้า มีใครคนไหนที่ถูกเจ้ามองว่าเป็น ‘ผู้ทำความผิด’ บ้าง?”
ซูอี้แจ้งชื่อ ๆ หนึ่งออกมาโดยไม่ต้องคิด “ลี่เซี่ยวหลิน”
พอเอ่ยชื่อนี้ออกมา ผู้แข็งแกร่งของจักรดาราเป่ยเยวียนก็เบนสายตามองไปที่คนคนเดียวโดยสัญชาตญาณ
นั่นคือผู้ชายชุดสีดำที่มีใบหน้างดงามดังผู้หญิง
ซึ่งนั่นก็คือลี่เซี่ยวหลินนั่นเอง!
ชั่วครู่เดียว สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป กล่าวด้วยความโกรธพร้อมเสียงหัวเราะ “ข้ากับเจ้าไร้ความแค้นต่อกัน เหตุใดเจ้าจึงเจาะจงมาที่ข้า?”
ซูอี้กล่าว “ผิดแล้ว ข้าไม่ได้เจาะจงไปที่เจ้าเพียงคนเดียว ยังมีสมุนของเจ้าอีก”
ลี่เซี่ยวหลินถึงกับหนังตากระตุก ราวกับนึกอะไรขึ้นได้ สีหน้าของเขาก็ไม่สงบอีกต่อไป
เวินซิวจู่ถามขึ้นว่า “แล้วมันเรื่องอันใดกันแน่? พูดออกมา หากไม่ใช่ความผิดของเจ้า ข้าจะไม่ให้เจ้าโดนคนอื่นข่มเหง”
ลี่เซี่ยวหลินกล่าวสีหน้าเคร่งเครียดจริงจัง “ข้าสามารถสาบานต่อสวรรค์ได้ ข้าคิดไม่ออกว่าเคยผิดใจต่อซูอี้คนนี้เมื่อใดกัน!”
“เช่นนั้นหรือ”
ซูอี้หัวเราะ “ให้สมุนเหล่านั้นของเจ้าก้าวออกมา ฆ่าพวกเจ้าแล้ว ข้าค่อยกำหนดโทษของพวกเจ้า”
คนทั้งหลาย “…”
ต้องยอมรับเลยว่าซูอี้อหังการมากเหลือเกิน ไม่คิดจะอธิบายอะไรแม้สักคำ มาถึงก็ฆ่าคนเลย!
“คนแซ่ซู เจ้าบังอาจเกินไปแล้ว!”
ลี่เซี่ยวหลินตะคอก “ที่แท้แล้วข้าทำผิดอันใดต่อเจ้ากันแน่ จึงทำเช่นนี้กับข้าน่ะฮะ?”
ซูอี้ไม่สนใจ พูดของตัวเองไป “ข้านับถึงสาม ไม่ทำตามที่ข้าบอก ข้าจะให้เจ้าต้องตายพร้อมกับความอัปยศ”
น้ำเสียงยังคงราบเรียบเย็นชา ทว่าความหมายนั้นกลับเหมือนกับลมหนาวที่แทงเข้ากระดูก โหมกระหน่ำไปทั่วทุกหนแห่ง
สีหน้าของเวินซิวจู่เคร่งเครียดขณะที่กล่าวขึ้น “ลี่เซี่ยวหลิน หลายวันมานี้เจ้ากับสมุนไปทำเรื่องอะไรไม่ดีเอาไว้ใช่หรือไม่?”
ลี่เซี่ยวหลินอ้าปากจะอธิบาย
เสียงของซูอี้ก็ดังก้องไปทั่วทั้งสนามรบ “หนึ่ง”
เปรียบเสมือนเสียงระฆังที่เร่งเร้าคร่าชีวิต ก้องหูคนทั้งหลาย ทำให้บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาในทันใด
“รีบพูดมา!”
เวินซิวจู่กล่าวเสียงเย็นชา “ข้าบอกไปแล้ว หากไม่ใช่ความผิดของเจ้า จะไม่ให้เจ้าถูกคนอื่นข่มเหง! หรือว่าเจ้ายังมีเรื่องอันใดที่พูดไม่ได้?”
ลี่เซี่ยวหลินสูดหายใจลึก ๆ ทีหนึ่ง ก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “เรียนใต้เท้าตามตรง เมื่อหลายวันก่อน เป็นเพราะการแย่งชิงของล้ำค่า ข้ากับผู้ฝึกตนคนอื่น ๆ จึงเกิดทะเลาะวิวาทกับผู้แข็งแกร่งของจักรดาราตงเสวียนสองคน แต่ข้ารับรองได้ว่าไม่ได้ฆ่าคน อีกทั้งสองคนนั้นก็ยังมีชีวิตอยู่!”
เสียงของซูอี้ดังขึ้นอีกครั้ง “สอง”
เขายืนมือไพล่หลังอยู่ตรงนั้น ต่อหน้าผู้แข็งแกร่งของจักรดาราเป่ยเยวียนทั้งหลายแต่เพียงลำพัง ทว่านอกจากไม่ได้แลดูด้อยกว่าแล้ว กลับยังมีท่าทางแบบ ‘หมื่นคนไม่อาจสู้คนเดียวได้’
ตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงตอนนี้ ไม่มีเหตุผลอธิบาย!
เช่นนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกสั่นสะท้านใจ
นี่เป็นความอหังการที่แสดงออกมาจากภายในใจ ไม่สนใจที่จะอธิบายสิ่งใด และยังไม่กล่าวเหตุผลอันใดอีกด้วย ราวกับผู้ชี้ชะตามีบัญชาจะสังหารคน!
‘คนผู้นี้ โอหังเกินไปแล้ว’
ฉินซินซู่คิดในใจ
หลังจากที่สงบสติอารมณ์แล้ว นางจึงพบว่า นับตั้งแต่ซูอี้ปรากฏตัวจนถึงตอนนี้ แทบไม่กล่าวคำพร่ำเพรื่ออันใด บอกว่าฆ่าก็ฆ่า!
ไม่สนใจคำข่มขู่ และไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย!
ต้องเข้าใจว่า ผู้ที่กำลังเผชิญด้วยคือผู้แข็งแกร่งทั้งหมดจากจักรดาราหนึ่ง ทว่าเขากลับไม่สนใจสักนิด!
“มีความมั่นใจมากมายเพียงไหน จึงทำให้เขาฮึกเหิมไร้ความเกรงกลัวได้ถึงเพียงนี้?”
สายตาของเริ่นฉางชิงเป็นประกาย
เป็นครั้งแรกในชีวิตของเขาที่ได้เห็นว่าในโลกนี้ยังมีคนเหิมเกริมลำพองเช่นซูอี้ และยังมีความอุกอาจจนไม่อาจพรรณาได้
บรรยากาศกดดันจนแทบหายใจไม่ออก
นางโกรธแล้ว ซูอี้คนนี้ป่าเถื่อนจริง ๆ ไม่เพียงแต่เหยียบย่ำกฎเกณฑ์ตามอำเภอใจเท่านั้น ยังต้องการจะฆ่าคนเพราะเหตุทะเลาะวิวาทอีก จองหองเกินไปแล้วกระมัง?
ลี่เซี่ยวหลินกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาเช่นกัน “นั่นสิ หากเพียงแค่เรื่องเล็กเท่านั้น ทำให้เจ้าถึงกับฆ่าคนโดยอำเภอใจ วันข้างหน้าผู้แข็งแกร่งของจักรดาราอื่นเจอคนของจักรดาราตงเสวียนของพวกเจ้าแล้วล้วนต้องเดินอ้อมให้ด้วยความนอบน้อมเช่นนั้นน่ะหรือ?”
พอเอ่ยเช่นนี้ออกมา ทุกคนต่างก็ส่งเสียงดังระงม
ซูอี้ยังคงไม่ใส่ใจ เพียงแต่เอ่ยออกมาเบา ๆ แค่คำเดียว
“สาม”
คำ ๆ เดียว เสียงดังฟังชัดถึงโสตของทุกคน
หัวใจของแต่ละคนบีบรัดแน่น
ทว่าชายหนุ่มได้ก้าวเดินไปหาลี่เซี่ยวหลินแล้ว
เพียงลำพัง ทว่ากลับไม่เห็นใครในสายตา!