บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1501: ถามเพียงแค่ประโยคเดียว ใครคัดค้าน
ตอนที่ 1501: ถามเพียงแค่ประโยคเดียว ใครคัดค้าน
จะลงมือจริง ๆ หรือ?
ทุกคนในเหตุการณ์ต่างก็ตะลึงในความอุกอาจของซูอี้
เวินซิวจู่มีสีหน้าเครียด พลันโบกมือพลางกล่าว “บุกพร้อมกัน สกัดกั้นเขา!”
จักรดาราเป่ยเยวียนทางนี้ ผู้แข็งแกร่งส่วนใหญ่ออกไปสืบเสาะโอกาสที่นอกบริเวณ
แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ ก็ยังมีเกือบหกสิบคนที่อยู่ในเหตุการณ์
ได้ยินคำสั่ง ผู้แข็งแกร่งเหล่านี้ต่างก็ลงมือพร้อมกัน
โครม!
สมบัติล้ำค่ามากมายผุดขึ้น ประกายแสงสาดส่องทั่วทิศ พลังทำลายล้างแบบครอบคลุมฟ้าดินแผ่ขยาย พุ่งตรงไปคลุมร่างของซูอี้พร้อม ๆ กัน
คนที่เร็วที่สุด คือเวินซิวจู่
รวดเร็วฉับไว ร้ายกาจไร้เทียมทาน
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ยามผู้นำอวี่เฉินเก็บตัว เวินซิวจู่คุ้มครองจักรดาราเป่ยเยวียนมาโดยตลอด
ความสามารถที่แข็งแกร่งของนาง เป็นที่ประจักษ์ของทุกคน
ก็เหมือนกับดาบ ดาบนี้ที่นางชักออกมา ราวกับสายรุ้งสีขาวพุ่งทะลุดวงตะวัน รวดเร็วปานสายฟ้า ภาวะดาบสว่างจ้า ทำให้ฟ้าดินถึงกับต้องเปลี่ยนสี
แม้มองดูอยู่ไกล ๆ ก็ยังรู้สึกครั่นคร้าม
“เวินซิวจู่เป็นตัวตนยิ่งใหญ่ของจักรดาราเป่ยเยวียนที่เป็นรองแค่อวี่เฉินเท่านั้น ตอนนี้นำพาคนทั้งหลายลงมือพร้อมกัน เกรงว่าซูอี้คนนั้นคงจะแย่แน่แล้ว”
ความคิดนี้เพิ่งแวบขึ้นในสมองของเริ่นฉางชิง ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างในทันใด
ซูอี้สบถเสียงร้องฮึขึ้นมาทีหนึ่ง ปล่อยหมัดออกไปอย่างแผ่วเบาโดยไม่หลบหลีก
ปัง!!!
พลังดาบที่เวินซิวจู่แทงออกไปแตกระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
กำลังหมัดที่รุนแรงไร้เทียมทานนั้นยังไม่ลดกำลัง โหมซัดใส่เวินซิวจู่
ดวงตางดงามของนางหรี่เล็กลง สะบัดดาบเข้าต้านอย่างเต็มกำลัง
ทว่าครู่ถัดมา พร้อมกับเสียงดังกึกก้องสะท้านฟ้า เวินซิวจู่พร้อมกับดาบก็กระเด็นออกไป
เพียงหมัดเดียว นางถึงกับต้องถอย!
พอซูอี้ก้าวเดิน แขนเสื้อสองข้างโบกสะบัดอย่างแรง จากนั้นกดทับอากาศ
ครืน!!
ภาวะดาบขนาดใหญ่ทะลุฟ้าดินก็บังเกิดขึ้น ราวกับภูเขาศักดิ์สิทธิ์บนสวรรค์ฟาดกระหน่ำลงบนโลกมนุษย์ กดทับอากาศจนเป็นหลุม เมฆรอบทศทิศสลายสิ้น
ภายใต้ภาวะดาบที่รุนแรงเช่นนี้ สมบัติล้ำค่าและเคล็ดวิชาที่กลุ่มตัวตนขอบเขตจุติมงคลของจักรดาราเป่ยเยวียนแสดงออกมาถูกบดขยี้ย่อยยับ ไม่อาจตอบโต้
และเมื่อพลังดาบ ๆ นี้ซัดลงมา
ระหว่างฟ้าดิน ถูกซัดจนเกิดเป็นร่องขนาดใหญ่มหึมา
สถานการณ์สับสนอลหม่าน เสียงร้องครวญครางดังกึกก้องไปทั่วฟ้า
ผู้ที่ชมการต่อสู้อยู่ห่าง ๆ ล้วนพากันตื่นตระหนก
ดาบเดียว สยบคนทั้งหลาย!!
การบุกโจมตีนี้ น่ากลัวมากยิ่งกว่าหมัดเดียวที่สยบเวินซิวจู่ เสียงร้องก็ยังน่ากลัวกว่ามากเช่นกัน
กระทั่งผู้นำอย่างฉินซู่ซินกับเริ่นฉางชิงเห็นเช่นนี้ ก็ยังอดหรี่ตาไม่ได้ สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาก
ส่วนร่างของซูอี้ หายแวบไปจากกลางอากาศตั้งนานแล้ว มาปรากฏตัวอยู่ข้างกายลี่เซี่ยวหลิน พลางบีบคอของเขาไว้ในกำมือ!
ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้ ซูอี้ปล่อยไปแค่หมัดเดียวกับหนึ่งดาบเท่านั้น!
หนึ่งมัด ทำให้เวินซิวจู่ต้องถอย
หนึ่งดาบ กวาดล้างกลุ่มศัตรู!
จนถึงตอนนี้ การโอบล้อมของผู้แข็งแกร่งจักรดาราเป่ยเยวียนก็พังพินาศย่อยยับ
ภาพเหตุการณ์เช่นนั้นทำให้ทุกคนในเหตุการณ์แทบงุนงง
สีหน้าของเวินซิวจู่สับสนไม่นิ่ง
ก่อนหน้านี้ นางต้องถอยร่นในหมัดเดียว พลังที่น่ากลัวเช่นนั้นทำให้สตรีมากความสามารถของจักรดาราเป่ยเยวียนอย่างนางก็ยังรู้สึกนึกกลัวขึ้นมา
แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!
ชายที่มองระดับการฝึกตนไม่ออกคนนี้ เปรียบดังเทพเซียนผู้ยิ่งใหญ่แห่งฟ้าดิน ให้ความรู้สึกหนักแน่นไม่อาจสั่นคลอน
และความรู้สึกเช่นนี้ นางเคยรู้สึกเมื่อตอนฝึกประลองกำลังกับศิษย์พี่อวี่เฉินเท่านั้น!
“หรือว่า นางกับศิษย์พี่จะเป็นคนประเภทเดียวกัน?”
เวินซิวจู่สับสนคลางแคลง
ส่วนผู้แข็งแกร่งจักรดาราเป่ยเยวียนเหล่านั้น ล้วนแสดงสีหน้าหวาดเกรงออกมา ไม่กล้ากระทำการใดอีก
ก่อนหน้านี้ พวกเขาถือว่ามีคนเยอะ
“ใต้เท้าช่วยด้วย…!”
ท่ามกลางบรรยากาศที่กดดัน เสียงหวีดร้องด้วยความกลัวของลี่เซี่ยวหลินก็ดังขึ้น ฟังแล้วบาดหูมาก
ซูอี้ยืนอยู่ตรงนั้น มือหนึ่งหิ้วคอของลี่เซี่ยวหลิน กล่าวด้วยสายตาราบเรียบ “คนที่ข้าต้องการฆ่า ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่อาจช่วยได้”
ขณะที่พูด เขาออกแรงบีบนิ้วมือ พลังดุดันรุนแรงแผ่ขยาย
ลี่เซี่ยวหลินราวกับโดนสับเป็นชิ้น ๆ ก้อนเนื้อหลุดร่วงลง กระดูกในตัวป่นปี้เป็นเศษเล็กเศษน้อย เจ็บจนใบหน้าของเขาบิดเบี้ยว ส่งเสียงร้องครวญครางน่าสมเพชออกมา
คนทั้งหลายต่างก็เย็นวาบสะท้านใจ อดนึกถึงคำพูดที่ซูอี้พูดเมื่อก่อนหน้าขึ้นมา จะให้ลี่เซี่ยวหลินตายพร้อมกับความอัปยศ
“ช้าก่อน…!”
เวินซิวจู่กัดฟันส่งเสียงพูด “ซูอี้ เจ้าทำเช่นนี้ ต้องการจะเป็นศัตรูกับจักรดาราเป่ยเยวียนของข้าเช่นนั้นหรือ?”
ซูอี้ชายตามองนางแวบหนึ่ง กล่าว “กล่าวออกมาเช่นนี้ มีแต่จะแสดงให้เห็นว่าเจ้าโง่เขลามากเพียงใด”
เสียงยังคงดังกึกก้อง
ครืน!
จิตสัมผัสของเขาราวกับคมดาบ เจาะแทงเข้าไปในจิตวิญญาณของลี่เซี่ยวหลิน เริ่มทำการค้นจิต
ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้ ไม่มีใครกล้าขัดขวางเขา!
ถึงแม้เวินซิวจู่จะโกรธจนตัวสั่น แต่สุดท้ายก็ไม่ออกไปขัดขวางอีก
มาจนถึงตอนนี้แล้ว ในฐานะที่เป็นตัวตนขอบเขตจุติมงคล มีคนใดบ้างที่มองไม่ออกอีกว่าซูอี้น่ากลัวเพียงใด?
อย่าว่าแต่ไม่มีใครกล้าขัดขวางเลย
ผู้แข็งแกร่งของจักรดาราเป่ยเยวียนเหล่านั้น ส่วนใหญ่ล้วนตื่นตระหนกตกใจกลัวความเลือดเย็นและรุนแรงของซูอี้กันหมดแล้ว!
และในเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นจักรดาราหนานหั่ว หรือว่าจะเป็นจักรดาราซีหาน บนใบหน้าของแต่ละคนมีแต่ความตื่นกลัวอย่างไม่อาจปิดบังไว้ได้
ตัวตนในตำนานของจักรดาราตงเสวียนอย่างซูอี้เช่นนี้ ร้ายกาจเกินไปแล้วจริง ๆ!
บางคนถึงกับคิดขึ้นมาว่า เมื่อหลายวันก่อน ใกล้ ๆ กับสนามเต๋าแรกเยือนแห่งนี้ ไม่รู้ว่ามีคนมากมายเพียงใดที่ท้าทายซูอี้ อยากจะให้ซูอี้ขึ้นไปบนสนามเต๋าแรกเยือน เพื่อประลองกับลวี่เมิ่ง
ทว่าสุดท้าย เรื่องราวในครั้งนั้น ปิดฉากลงโดยลวี่เมิ่งพ่ายแพ้ต่อสัตว์ดุร้ายฉยงฉี
และตอนนี้ เมื่อเห็นฝีมือของซูอี้แล้วกับตาแล้ว ในที่สุดทุกคนจึงเข้าใจแล้วว่าลวี่เมิ่งที่ตกใจจนฉี่ราดในตอนนั้น โชคดีเพียงใด
หากซูอี้เป็นคนลงมือ ลวี่เมิ่งจะมีชีวิตรอดหรือ?
หลังจากนั้นสักครู่
ในกำมือของซูอี้ จิตวิญญาณของลี่เซี่ยวหลินก็ดับสิ้น
เขาทำการค้นจิต เห็นแต่ละภาพที่ลี่เซี่ยวหลินกับสมุนกลุ่มหนึ่งทำร้ายเซียนดาบชิงซื่อกับดาบพุทธะสรรพสุญตา
เหมือนดังที่เซียนดาบชิงซื่อกล่าว ผู้แข็งแกร่งของจักรดาราเป่ยเยวียนเหล่านี้ใช้วิธีการที่โหดเหี้ยมและต่ำทราม!
“ถอย!”
“เร็วเข้า กลับยอดเขาเป่ยเยวียน!”
ในเวลาเดียวกัน ที่จักรดาราเป่ยเยวียน ร่างของคนหกคนพลันปรากฏขึ้น หลบหนีขึ้นไปบนยอดเขาเป่ยเยวียน
ภาพเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทุกคนพากันงุนงง
“สายไปแล้ว” เสียงของซูอี้ราบเรียบ
เขาโบกสะบัดแขนเสื้อ
พลังดาบหกเล่มพุ่งออกไป ตัวตนขอบเขตจุติมงคลทั้งหก ไม่ว่าจะหนีไปเร็วแค่ไหน ล้วนตายคาที่!
ภาพการตายอันสยดสยองเช่นนั้นทำให้คนไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไรถึงกับสั่นสะท้าน
ใบหน้างามของเวินซิวจู่ทะมึนไปตั้งนานแล้ว ในสายตาเต็มไปด้วยโทสะ
ทว่าซูอี้ราวกับไม่รู้สึกตัวสักนิด
เขากวาดสายตามองดูรอบด้านแวบหนึ่ง กล่าว “ตอนนี้ ข้าจะแถลงไขเหตุแห่งโทษของพวกเขา”
พูดจบ ประกายแสงผุดขึ้นบนปลายนิ้วของเขา เกิดเป็นม่านแสง สะท้านภาพเหตุการณ์ทั้งหมดออกมา
ในภาพ สะท้อนเหตุการณ์ตอนที่พวกของลี่เซี่ยวหลินทำร้ายเซียนดาบชิงซื่อกับดาบพุทธะสรรพสุญตาเพียงเพื่อแย่งชิงโอกาสสัมพันธ์
ทุกคนดูจนถึงตอนท้ายจึงเข้าใจอย่างชัดแจ้ง
วิธีการของพวกลี่เซี่ยวหลินชั่วช้าต่ำทรามเสียเหลือเกิน ไม่เพียงแต่ทำลายร่างของดาบพุทธะสรรพสุญตา ทั้งยังทำร้ายจิตวิญญาณของฝ่ายตรงข้ามจนได้รับบาดเจ็บสาหัส
และที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ หากเซียนดาบชิงซื่อหนีช้าไป คงถูกทำลายระดับการฝึกตนไปแล้ว!
ผู้แข็งแกร่งของค่ายจักรดาราตงเสวียน แต่ละคนต่างก็เจ็บใจ โกรธจนกัดฟันแน่น
ประสบเหตุเช่นนี้ พวกเขารู้สึกเข้าใจได้ราวกับเกิดกับตนเอง เพราะในช่วงเวลาที่ผ่านมา ผู้แข็งแกร่งคนใดก็ตามของจักรดาราตงเสวียนที่เสาะหาโอกาสอยู่นอกบริเวณ ส่วนใหญ่ล้วนเคยถูกข่มเหงทั้งสิ้น!!
ย้อนมองดูผู้แข็งแกร่งของจักรดาราเป่ยเยวียน จักรดาราหนานหั่ว กับจักรดาราซีหาน แต่ละคนมีสีหน้ากระอักกระอ่วนขึ้นมามากบ้างน้อยบ้างต่างกันไป
สถานการณ์เช่นนี้ เห็นได้ว่าพวกเขารู้ดีอยู่แก่ใจ
แต่เห็นได้ชัดว่าเมื่อในอดีต ไม่มีใครติดใจเอาความในเรื่องนี้!
เหมือนดังที่ลี่เซี่ยวหลินพูดไว้เมื่อตอนข่มเหงเซียนดาบชิงซื่อ หากไม่ใช่เพราะมีกฎเกณฑ์บีบบังคับ ผู้แข็งแกร่งของจักรดาราตงเสวียนคงจะถูกฆ่าตายไปหมดแล้ว!
แต่ตอนนี้….
เห็นได้ชัดว่าการปรากฏตัวของซูอี้ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม
สังหารตัวตนขอบเขตจุติมงคลไปเกือบยี่สิบคนอย่างรวดเดียว!
กฎเกณฑ์และเหตุผลทั้งหลาย ล้วนถูกซูอี้ใช้กำลังที่เด็ดขาดเหยียบย่ำอยู่ใต้ฝ่าเท้า
ณ ลานประลองที่หนึ่งแห่งนี้ ถือเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!
“กฎเกณฑ์ ไม่เคยบังคับพวกที่มีเจตนาร้ายได้”
เสียงของซูอี้ดังขึ้นท่ามกลางฟ้าดินที่สงบเงียบแห่งนี้ “ดังนั้น วันนี้ข้าจะตั้งกฎเกณฑ์ข้อหนึ่งที่ไม่ใช่กฎเกณฑ์ขึ้น”
เสียงของเขาหยุดลงสักครู่จึงกล่าวต่อ “แข่งขันกันได้ แย่งโอกาสสัมพันธ์ก็ได้เช่นกัน แต่…”
“คนใดก็ตามที่ใช้วิธีการต่ำช้า ข่มเหงผู้แข็งแกร่งของจักรดาราตงเสวียนของข้า ข้าซูอี้จะสังหารให้หมด!”
ครืน!
ผู้แข็งแกร่งทั้งหลายของจักรดาราตงเสวียนตื่นเต้นดีใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความปีติยินดี จิตใจเบิกบานรื่นเริง
ย้อนกลับไปมองผู้แข็งแกร่งของสามจักรดารา ต่างนิ่งเงียบลงไปมาก
เริ่นฉางชิงลูบคางราวกับใช้ความคิด
เดิมทีเขาคิดว่า ตัวตนโหดและรุนแรงอย่างซูอี้เช่นนี้จะต้องตั้งกฎยาก ๆ ที่ทำให้คนในจักรดาราของพวกเขาไม่อาจรับได้เป็นแน่
แต่ไม่นึกเลยว่า กฎของซูอี้จะง่ายดายเพียงนี้
เพียงแค่ปกป้องไม่ให้ผู้แข็งแกร่งของจักรดาราตงเสวียนถูกข่มเหงรังแกเท่านั้น!
เห็นได้ชัดว่าฉินซู่ซินกับเวินซิวจู่ก็รู้สึกคาดไม่ถึงเช่นกัน กฎเกณฑ์เช่นนี้ ดีกว่าที่พวกนางคาดเดาไว้เยอะ
“ข้าพูดจบแล้ว ขอถามเพียงแค่ประโยคเดียว ใครคัดค้าน?” ซูอี้มองดูโดยรอบ
ฟ้าดินเงียบสงัด รอบสี่ด้านปราศจากเสียง
ไม่มีใครตอบ
นิ่งเงียบ กลายเป็นวิธีการที่คนในที่แห่งนี้กระทำร่วมกันในเวลาเช่นนี้ เหตุการณ์เช่นนี้
“ในเมื่อไม่มีใครคัดค้าน ข้าก็จะถือว่าทุกคนเห็นด้วย”
ตั้งแต่เริ่มแรกจนถึงตอนนี้ ไม่มีใครกล้าขวาง
ทว่าระหว่างทาง เสียงราบเรียบราวกับน้ำก็ดังขึ้น ทันใดมีเสียงดังออกมาจากข้างในห้องศิลาแห่งหนึ่งบนยอดเขาเป่ยเยวียน
“สหายเต๋าซู เมื่อข้าออกจากการเก็บตัวแล้ว ต้องการจะประลองกับเจ้าบนสนามเต๋าแรกเยือนสักตั้ง ไม่ทราบว่าเจ้าคิดเห็นเช่นใด?”
เสียงดังก้องฟ้าดิน ราวกับเสียงระฆังในวัดที่ดังขึ้นยามเช้า
ทุกคนพากันตะลึง ฉับพลันชื่อของคน ๆ หนึ่งก็ผุดขึ้นในสมอง
อวี่เฉิน!
ตัวตนเยี่ยมยอดจักรดาราเป่ยเยวียน ตัวตนที่น่ากลัวและลึกลับ
เมื่อได้ยินเสียงของเขา ผู้นำอย่างเริ่นฉางชิงกับฉินซู่ซินเช่นนี้ต่างก็อดตื่นตระหนกไม่ได้ แสดงสีหน้าประหลาดออกมา
เห็นได้ชัดว่าอวี่เฉินคอยจับตามองทุกอย่างที่เกิดขึ้นในที่แห่งนี้ตั้งนานแล้ว!
และที่คาดไม่ถึงก็คือ เขากลับเป็นฝ่ายเสนอขึ้นมาว่าหลังจากออกจากการเก็บตัวแล้วจะประลองกำลังกับซูอี้!
นับตั้งแต่มาถึงสนามรบแรก …นี่เป็นครั้งแรกที่อวี่เฉินตัดสินใจแสดงฝีมือ!