บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1504: ผลกรรมสั่งสม
ตอนที่ 1504: ผลกรรมสั่งสม
อาไฉ่ครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วนางก็แถลงไข
“ก่อนหน้านี้มีอำนาจปิดกั้นซึ่งสงสัยว่าจะมาจากเทพในบริเวณสระอสนีบาต และสมบัติที่คล้ายตะขอตกปลาชิ้นนี้ก็เกี่ยวอยู่ที่รากหญ้าเจียรสวรรค์ คาดการณ์ได้ว่าหญ้าเจียรสวรรค์เคยเป็นที่หมายตาของตัวตนเยี่ยงเทพ!”
อาไฉ่ว่า “และเมื่อครู่ยามเราเก็บเกี่ยวหญ้าเจียรสวรรค์นี้ เราก็ทำให้อีกฝ่ายรู้ตัวอย่างเห็นได้ชัด คนผู้นั้นจึงคิดจะชิงหญ้าเจียรสวรรค์ไป”
ซูอี้พยักหน้า “น่าจะเป็นเช่นนั้น”
“สหายเต๋าซูพอสังเกตเห็นหรือไม่ว่าเส้นไหมซึ่งดึงตะขอเบ็ดนั้นนำไปยังที่ใด?”
อาไฉ่เอ่ยถาม
ซูอี้พึมพำ “เส้นไหมนั้นเป็นไปได้สูงที่จะเคลื่อนผ่านมิติเวลา หากเรื่องทั้งหมดนี้เป็นแผนของเทพตนใด เช่นนั้นปลายสายด้ายไหมนี้ก็น่าจะเป็นมือของเทพผู้นั้นแหละ!”
คู่เนตรเปี่ยมจิตวิญญาณของอาไฉ่นิ่งไปเล็กน้อย
“ทว่าก็สรุปได้ว่า อีกฝ่ายมิอาจเข้ามาในเขตแดนสมรภูมิ และใช้ได้เพียงแค่เส้นไหมกับตะขอเกี่ยวหญ้าเหมือนเวลาผู้คนตกปลาในหุบเหว ยืนได้แค่บริเวณริมฝั่ง มิกล้าย่างกรายสู่น่านน้ำ”
ซูอี้กล่าวรัวเร็วประหนึ่งโผทะยาน
ขณะเสวนา เขาก็นำสมบัติที่ดูเหมือนตะขอตกปลาออกมาจากต้นหญ้า
สมบัติชิ้นนี้หาแตกต่างจากตะขอตกปลาของจริงไม่ แทบโปร่งใสและเรียวบางเยี่ยงขนวัว
เมื่อปลายนิ้วของซูอี้ลูบบนสมบัติชิ้นนี้ ผิวของเขาราวถูกเข็มตำ โลหิตหยดหนึ่งหลั่งริน และถูกตะขอตกปลานี้ดูดซับไปทันใด
มิอาจหยุดยั้งได้ด้วยอำนาจคุ้มกายของตน!
วูบ!
ตะขอตกปลาเรืองแสงเงียบวจี ก่อนจะปรากฏเป็นร่างอันพร่ามัว
เขาเป็นชายชราในอาภรณ์ผ้าผู้หนึ่ง ใบหน้าสะอาดสะอ้าน เส้นผมรุงรัง เบื้องหลังของเขาปรากฏจักรวาลพร่างดาวอันมีดวงดารามากมายโคจรอยู่
“นี่…”
แม้รูปลักษณ์ของชายชราผู้นั้นจะเลือนรางอย่างยิ่ง แต่ปราณที่แผ่ออกมากลับร้ายกาจเกินคาดคิด!
ดวงตาของชายชราลึกล้ำเยี่ยงหุบเหว น้ำเสียงทรงพลังยิ่งใหญ่ราวกับเทพเหนือสวรรค์บัญชา
“กล้าชิงสมบัติของข้าผู้นี้ ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร หายนะแห่งผลกรรมจะสั่งสมแก่เจ้าทุกวันคืน!”
ดวงตาของซูอี้เผยแววดูแคลนแล้วออกหมัดชก
เปรี้ยง!!
ร่างของชายชราในชุดผ้าระเบิดออกเป็นพิรุณแสงหายทันที
อาไฉ่ “???”
ซูอี้กล่าวเบา ๆ “ไอ้แก่นี่เป็นเพียงเสี้ยวปราณ ปัญญาจะพูดด้วยตนเองยังไม่มี มิน่าใส่ใจสักนิด”
แววตาของอาไฉ่วูบไหวอย่างน่าประหลาด
แม้จะเป็นเพียงเสี้ยวปราณ ก็อนุมานได้อยู่ดีว่ามันมาจากเทพ! ไม่มีทางทำลายได้ด้วยฝีมือผู้ฝึกตนทั่วไปแน่นอน
“ตะขอตกปลาชิ้นนี้พิเศษมาก มันคงจะสร้างมาจากวัตถุดิบระดับเทพของแท้เลย”
ซูอี้พึมพำ
ตะขอนี้แทบโปร่งใส ไร้ปราณอำนาจใด ทว่ากลับทำให้ซูอี้แปลกใจเมื่อเขามิอาจทำลายสมบัติชิ้นนี้ได้ แม้จะใช้อำนาจสุดกำลัง!
ยิ่งกว่านั้น หลังจากตรวจสอบดู เขาก็พบว่าวัตถุดิบที่ใช้สร้างตะขอตกปลานี้สูงส่งและอัศจรรย์ยิ่งกว่าสมบัติวิญญาณวิถีเซียนมากนัก
“หากเจ้าชอบ เจ้าก็รับมันไปเถอะ”
อาไฉ่กล่าวพร้อมกับแย้มยิ้ม
ยามนี้ นางตระหนักชัดเจนแล้วว่าหากครั้งนี้ไม่ได้ชายหนุ่มช่วยไว้ ลำพังวิธีการของนางคงไม่มีทางได้รับหญ้าเจียรสวรรค์ที่ถูกเทพหมายตาชิ้นนี้มาอย่างแน่นอน!
“งั้นข้าก็ไม่เกรงใจแล้ว”
ซูอี้กล่าวพลางเรียกเตาเสริมสวรรค์ออกมา
เตาเสริมสวรรค์กู่คำรามก้องแล้วเริ่มดูดซับอำนาจที่มาของอัสนีเซียนทลายสุญตาในสระอสนีบาตนั้น
……
ธารสายยาวแห่งยุคสมัยอันยิ่งใหญ่ไหลผ่านสุญตาอันไร้จำกัด
ร่างผอมร่างหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่บนแท่น ณ ตลิ่งธารยาวแห่งยุคสมัย
เขาสวมอาภรณ์ผ้า ใบหน้าสะอาดสะอ้าน เส้นผมกระเซิงรุงรัง
เบื้องหลังของเขาปรากฏทิวทัศน์จักรวาลพร่างดาวไพศาล หมู่ดาราโคจรหมุนวน ทำให้รู้สึกเยี่ยงนายเหนือสูงสุดแห่งโลกหล้า
ตรงหน้าเขามีเบ็ดตกปลาสีดำสนิทคันหนึ่ง
คันเบ็ดนั้นยาวประมาณสามจั้ง หนาเยี่ยงแขนเด็ก สลักลวดลายลับและกฎเกณฑ์ลึกลับซับซ้อนไว้มากมาย
เหนือคันเบ็ดนั้นมีสายเบ็ดตกปลาขึงอยู่นับพัน
สายเบ็ดแต่ละเส้นบางกริบเยี่ยงขนวัว แผ่ไปตามธารยาวแห่งยุคสมัย
หนึ่งบุคคลนั่งตกปลาเดียวดายอยู่บนแท่นเหนือธารยาวแห่งยุคสมัย!
ภาพนี้ชวนตกตะลึงอย่างไร้กังขา
ทันใดนั้น คันเบ็ดสีดำก็โก่งตัวอย่างรุนแรง
หนึ่งสายเบ็ดกระตุกตึง ลากคันเบ็ดให้เอนเอียงไปกับมัน
ชายชราในอาภรณ์ผ้าลืมตาขึ้นอย่างเงียบเชียบ
มัจฉาติดเบ็ดแล้วหรือ?
ไม่ใช่!
ด้ายกรรมเส้นนั้นเกี่ยวเข้ากับวัตถุศักดิ์สิทธิ์ฮุ่นตุ้น ‘หญ้าเจียรสวรรค์’ ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่หนึ่งแสนแปดหมื่นปีก่อน!
ยามนี้ ต้องรออีกหกหมื่นปีกว่าหญ้าต้นนั้นจะงอกใบที่สี่ออกมา
มีเพียงยามนั้นที่หญ้าเจียรสวรรค์จะโตเต็มที่และเป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ปฐมสวรรค์ชิ้นหนึ่ง และสร้างลวดลายวิถีปฐมสวรรค์ขึ้นมา!
ทว่ายามนี้กลับเกิดปัญหาบางอย่างขึ้นกับหญ้าเจียรสวรรค์ต้นนั้น
“มีผู้ทำลาย ‘บัญญัติห้ามผลกรรม’ ของข้าและจะชิงหญ้าเจียรสวรรค์ไปหรือ?”
สายเบ็ดเส้นนั้นขาดลง เบ็ดตกปลาทั้งคันสะท้านอย่างรุนแรงชั่วครู่หนึ่ง
สีหน้าของชายชราดำคล้ำลง
เขายกมือขวาขึ้นคำนวณ
“เขตแดนสมรภูมิได้ปรากฏขึ้นใหม่ระหว่างโลกมนุษย์กับโลกเซียนแล้ว มิน่าเล่าจึงเกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ขึ้น!”
“ไม่สิ ตัวตนในขอบเขตจุติมงคลนั้นมิอาจทำลาย ‘ด้ายกรรม’ ของข้าลงได้เลย และด้วยอำนาจของตะขอเกี่ยวกรรมของข้า การฆ่าตัวตนในขอบเขตจุติมงคลนั้นหาแตกต่างกับฆ่ามดบนพื้นไม่…”
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ม่านตาของชายชราก็หดตัวลง
เขานำกระดองเต่าเปื้อนเลือดชิ้นหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ จากนั้นกดนิ้วลงไป ก่อนที่สีหน้าของเขาจะเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม
“ข้าอยากเห็นนักว่าผู้กล้าตัดด้ายกรรม ขโมยหญ้าเจียรสวรรค์ของข้าไปนั้นวิเศษวิโสมาจากหนใด!”
ชายชราในอาภรณ์ผ้าสูดหายใจเข้าสุด และแววตาเย็นเยียบอันน่าสะพรึงก็ปรากฏขึ้น ลึกล้ำเยี่ยงก้นบึ้งเก้าขุมนรก
วูบ!
ทันใดนั้น กระดองเต่าก็สั่นสะท้านน้อย ๆ คราบเลือดแดงฉานเหมือนกับลุกไหม้เป็นเพลิง ภาพประหลาดปรากฏขึ้น
ภาพนั้นสะท้อนเขตแดนสมรภูมิขึ้นมา จากนั้นก็เป็นภาพสนามรบแรก และแดนรกร้างสีเลือด
จนกระทั่งภาพของบรรพตอันปกคลุมด้วยอสนีบาตเซียนทลายสุญตาปรากฏขึ้น ก็พอจะเห็นได้แล้วว่าที่ยอดเขามีสองบุคคลยืนอยู่
มันพร่ามัวอย่างยิ่ง จึงเห็นเพียงแค่ร่างอันเลือนรางของหนึ่งบุรุษหนึ่งสตรี
ยามที่ภาพต่อไปกำลังจะปรากฏขึ้นนั้นเอง…
เปรี้ยง!
ทุกสิ่งล้วนแหลกสลาย
กระดองเต่าเปื้อนเลือดดูจะถูกโจมตีอย่างหนักหน่วง มันสั่นสะท้าน ส่งเสียงดังเป๊าะ และปรากฏรอยร้าวหนึ่งขึ้น
สีหน้าของชายชราในอาภรณ์ผ้าแปรเปลี่ยนอย่างมหันต์ ก่อนจะกระอักเลือดคำโตในทันใด
ฟู่!
ใบหน้าสะอาดสะอ้านของชายชราซีดขาว แววตาเดือดดาลและหวาดผวาปรากฏขึ้นอย่างมิอาจสะกดกลั้น
วัฏสงสาร!!
มีเพียงอำนาจวัฏสงสารเท่านั้นที่มิอาจพัวพันด้วยผลกรรม และมิอาจทำนายได้ด้วย ‘เกราะชะตาเสวียนอู่’!
“ผู้ครอบครองวัฏสงสาร เป็นเจ้าอีกแล้ว!”
ชายชราในอาภรณ์ผ้าขมวดคิ้ว สีหน้ามืดหม่นลง
กระดองเต่าในมือของเขามีนามว่า ‘เกราะชะตาเสวียนอู่’ ซึ่งสามารถทำนายชะตาฟ้าดิน อนุมานผลกรรม และลอบมองกรรมบางอย่างอันบังเกิดในโลกหล้าได้
ทว่าการทำนายล้มเหลวนั้นก็เคยมีอยู่เช่นกัน
โดยเฉพาะยามทำนายผลกรรมที่เกี่ยวข้องกับวัฏสงสาร มันจะได้รับผลกระทบอย่างใหญ่หลวง!
เมื่อนานมาแล้ว ชายชราในอาภรณ์ผ้าเคยอนุมานเรื่องที่เกี่ยวข้องกับวัฏสงสารสองหน
ครั้งแรก พลังปราณของเขาเสียหาย รากฐานมหาวิถีได้รับผลกระทบ การฝึกฝนของเขาแทบแตกสลาย
หนที่สอง เขาได้ตั้งค่ายกลขึ้นอย่างแน่นหนา ตระเตรียมสมบัติและเคล็ดวิชามากมายอย่างระมัดระวังเพื่อต้านทานผลข้างเคียง คิดว่าคงพออนุมานเบาะแสเกี่ยวกับวัฏสงสารได้บ้าง
แต่ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะยังล้มเหลวอยู่ดี!
ยิ่งกว่านั้น สารพัดสมบัติวิชาคุ้มกายที่เตรียมไว้ล้วนไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง ทำให้เขาต้องได้รับผลกระทบอีกครั้ง และร้ายแรงยิ่งกว่าครั้งก่อนเสียอีก!
รอยเลือดบน ‘เกราะชะตาเสวียนอู่’ ก็เกิดขึ้นจากผลกระทบในหนนั้น และไม่อาจลบล้างได้
ยิ่งกว่านั้น เกราะชะตาเสวียนอู่ยังเสียหายตั้งแต่ยามนั้นด้วย ซึ่งทำให้เขาทุกข์ทนมาจวบยามนี้ รวดร้าวทุกครายามนึกถึง
และยามนี้ ชายชรามิคิดเลยว่าตนจะต้องได้รับผลกระทบอีกหนยามพยายามสืบหาโจรขโมย ‘หญ้าเจียรสวรรค์’!
เขาไม่เพียงเสียหายอย่างร้ายแรง กระทั่งเกราะชะตาเสวียนอู่ยังเกิดรอยร้าว!
เรื่องนี้มีหรือจะมิทำให้ชายชราในอาภรณ์ผ้าขุ่นเคือง?
“โชคและเคราะห์เกี่ยวพันกัน ผลกรรมล้วนสัมฤทธิ์ผล แม้ข้าจะบาดเจ็บสาหัสอีกครั้ง แต่เพราะเหตุนี้จึงได้รู้เบาะแสของผู้ครองวัฏสงสารเข้าโดยบังเอิญ!”
“คนบ้าเหล่านั้นได้ก่อหายนะขึ้นในโลกเซียน โดยทำลายทุกระบบระเบียบในนั้นโดยไม่ลังเล เพื่อขัดขวางการฝึกฝนของผู้ครองวัฏสงสาร แต่หลังจากเงียบหายไปนาน โลกเซียนกลับก่อเกิดตัวแปรอันเกินคะเน…”
“นี่ยังหมายความว่าการเปลี่ยนแปลงในโลกเซียนภายหน้าจะอยู่เหนือการควบคุม และไม่มีผู้ใดเข้าแทรกแซงกฎแห่งโลกเซียนได้!”
“ทว่าสำหรับข้า เพียงรู้ว่าผู้ครองวัฏสงสารกำลังจะไปยังโลกเซียนก็พอแล้ว!”
“นี่คือโอกาสงามทีเดียว!”
เมื่อคิดเช่นนี้ ความรำคาญใจของชายชราในอาภรณ์ผ้าก็ถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มเกินตีความเข้าใจ
เขาครุ่นคิดสักพัก ก่อนจะนำยันต์แผ่นหนึ่งออกมาสะบัดเบา ๆ กลางอากาศ
พรึ่บ!
แผ่นยันต์ลุกเป็นไฟ
ไม่นานนัก ม่านแสงผืนหนึ่งก็ปรากฏขึ้น
ภายในม่านแสงนั้นปรากฏร่างคนหนึ่งคุกเข่าอยู่บนพื้น ขณะกล่าวขึ้นว่า “บ่าวซุนเซียวเฉิงคำนับท่านเทพ!”
เขาเป็นชายวัยกลางคนในอาภรณ์สีม่วง คาดเข็มขัดสีทอง รูปร่างสูงใหญ่และทรงอำนาจ
ทว่ายามนี้เขากลับคุกเข่าหมอบกราบเยี่ยงสาวกผู้ภักดี น้ำเสียงนอบน้อมเชื่อฟัง และมีเค้าความตื่นเต้นคลั่งไคล้!
“เกิดสิ่งใดขึ้นกับขุมกำลังที่ข้าให้เจ้าไปตั้งในโลกเซียนบ้าง?”
ชายชราในอาภรณ์ผ้าเอ่ยถาม ยิ่งใหญ่เยี่ยงผู้เป็นนาย
ร่างนั้นกล่าวอย่างนอบน้อม “เรียนท่านเทพ ‘นครเซียนโฉลกเมฆา’ ที่อยู่ภายใต้บัญชาของข้าน้อยปกครองสามทวีปในโลกเซียนแล้วขอรับ และในโลกเซียนทุกวันนี้ก็ถือได้ว่าเป็นขุมกำลังชั้นหนึ่ง!”
………………..