บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1511: วิถีแรกเยือน
ตอนที่ 1511: วิถีแรกเยือน
ณ ยอดเขาตงเสวียน
ยามอาไฉ่มาเยือน เซียนดาบชิงซื่อก็บอกนางเช่นกันว่าซูอี้เก็บตัวอยู่ มิอาจออกมารับแขกได้
สิ่งนี้ทำให้อาไฉ่เสียดายมาก นางนำกล่องหยกใบหนึ่งส่งให้เซียนดาบชิงซื่อ และกล่าวว่า “ยามสหายเต๋าซูออกจากการเก็บตัว โปรดมอบสิ่งนี้ให้เขาด้วย”
เซียนดาบชิงซื่อรับมันไปอย่างเคร่งขรึม
“นอกจากนั้น โปรดบอกสหายเต๋าซูด้วยว่าข้าจะขอล่วงหน้าไปก่อน หวังว่าภายหน้าจะได้พบกับสหายเต๋าซูที่โลกเซียน”
อาไฉ่กล่าวเบา ๆ
เซียนดาบชิงซื่อฟังแล้วก็งุนงง ล่วงหน้าไปก่อนคืออันใด?
แต่เขาก็ยังพยักหน้ารับ
อาไฉ่หันหลังจากไปโดยมิรีรอ
อาไฉ่กล่าวยิ้ม ๆ “เจตนาดีของข้าถูกส่งออกไปแล้ว จะว่าดีใจก็ยังน้อยไป มีหรือจะมัวพะวงที่มิได้พบหน้า? จะว่าไป เจ้าจะตามข้าไปถึงยามใดกันแน่?”
สตรีถือหอกลังเล ก่อนจะกล่าวว่า “ข้าอยากรบกวนเจ้าให้ช่วยหน่อย”
อาไฉ่ดูประหลาดใจ “ช่วยอันใดหรือ?”
“พาข้าไปโลกเซียนทีสิ”
สตรีถือหอกกล่าวอย่างเคร่งขรึม “หากไปยังโลกเซียนด้วยตนเอง ข้าจะถูกอำนาจกฎเกณฑ์โลกเซียนปฏิเสธ แต่เจ้าแตกต่างออกไป เจ้าแอบพาข้าเข้าไปได้”
อาไฉ่กล่าวด้วยแววตาพิกล “ตลอดมาที่เจ้าเอาแต่ตามข้านี่ แค่เพราะเรื่องนี้หรือ?”
สตรีถือหอกพยักหน้า “ขอเพียงเจ้าช่วยข้า ภายหน้าข้าจะตอบแทนเจ้า”
อาไฉ่ครุ่นคิดครู่หนึ่ง และกล่าวว่า “หากเจ้าอยากตอบแทนข้าจริง ๆ ยามไปถึงโลกเซียน ก็ไปที่หนึ่งกับข้าสิ”
“ไปที่ใด?”
ม่านตาสีม่วงของสตรีถือหอกหดตัวลงกะทันหัน “ที่นั่นเป็นหนึ่งในเขตหวงห้ามที่ลึกลับที่สุดในโลกเซียนเลยนะ เจ้าจะไปทำอันใดที่นั่นหรือ?”
อาไฉ่เพียงถาม “เจ้าจะไปหรือไม่?”
สตรีถือหอกรำพึง “ในที่สุดข้าก็เห็นแล้วว่า เจ้ามีความคิดเจ้าเล่ห์แสนกลไม่น้อย ได้ ข้ารับปาก ใครใช้ให้ข้าต้องไหว้วานเจ้ากัน”
อาไฉ่ยิ้มบาง “ตกลง”
วันเดียวกันนั้น อาไฉ่กับสตรีถือหอกได้เดินทางไปด้วยกัน
……
และซูอี้หารู้เรื่องราวใด ๆ ณ โลกภายนอกไม่
เขามุ่งมั่นอยู่กับการเก็บตัว เรียบเรียงกรรมวิถี ตกตะกอนความคิดของตัวเอง
กาลเวลาผ่านไป
ไม่นานก็ผ่านไปหลายเดือน
ไม่ว่าจะเป็นยอดฝีมือจากฝ่ายใด หากพวกเขาไม่ออกสำรวจหาโอกาสภายนอกก็มุ่งมั่นฝึกฝน
ทุกอย่างนั้นก็เพื่อชิงโอกาสจุติสรวงสู่โลกเซียนยามวิถีแรกเยือนปรากฏขึ้น
ในระหว่างนี้ ซูอี้ก้าวออกจากที่พำนัก และได้รู้เรื่องราวมากมายจากเซียนดาบชิงซื่อ
เช่นเรื่องที่สตรีถือหอกปรากฏตัวขึ้นปราบอวี่เฉิน ผู้นำจักรดาราเป่ยเยวียน
อาไฉ่มาเยือนหนึ่งหน ทิ้งกล่องหยกใบหนึ่งไว้ และวานเซียนดาบชิงซื่อให้ถ่ายทอดวาจา
เมื่อรู้เช่นนี้ ซูอี้ก็เข้าใจทันทีว่าอาไฉ่ล่วงหน้าไปยังโลกเซียนแล้ว
หนอนไหมเซียนอมตะนั้นถือครองอำนาจแห่งมิติเวลา ดังนั้นจึงมิใช่เรื่องยากหากจะเดินทางจากสนามรบแรกไปยังโลกเซียน
ยามเขาอยู่ในจักรดาราตงเสวียน อาไฉ่เคยข้ามผ่านมิติเวลาไปกัดกินใบไม้ที่ต้นวัฏสงสารหมื่นภูมิ!
‘หากภายหน้ามีวาสนา ก็ย่อมมีโอกาสได้พบพาน’
ซูอี้คิดในใจ
ทว่าชายหนุ่มกลับปฏิเสธ
เมื่อวิถีแรกเยือนปรากฏขึ้น วาสนาหนึ่งก็จะปรากฏขึ้นด้วยเช่นกัน
ซูอี้ไม่ต้องการพลาดโอกาสนี้
“หากคาดเดาไม่ผิด สตรีถือหอกก็น่าจะไปกับอาไฉ่ด้วย”
ซูอี้ตัดสิน
เขาสังเกตเห็นมานานแล้วว่าสตรีถือหอกมีที่มาค่อนข้างพิเศษ การฝึกฝนเกินคาดหยั่ง ห่างไกลเกินกว่าจะเทียบได้กับตัวตนในขอบเขตจุติมงคล
การฝึกฝนของนางสูงส่งเกินไป ซึ่งหมายความว่าสตรีถือหอกจะมิอาจบรรลุสู่ ‘วิถีแรกเยือน’ อันเตรียมไว้สำหรับตัวตนในวิถีจุติสรวงได้ หาไม่ นางจะถูกกฎเกณฑ์วิถีเซียนปฏิเสธ!
“สหายเต๋า นี่คือกล่องหยกที่ว่า”
เซียนดาบชิงซื่อส่งกล่องหยกที่อาไฉ่ทิ้งไว้ให้ชายหนุ่ม
หลังรับมันไป เขาก็ถามโดยมิได้เปิดมัน “การฟื้นตัวของสรรพสุญตาเป็นเช่นไรบ้าง?”
เซียนดาบชิงซื่อกล่าว “ไม่นานนี้ สรรพสุญตาซ่อมแซมจิตวิญญาณของเขาเสร็จแล้ว และยามนี้กำลังเก็บตัวสร้างร่างวิถีขึ้นใหม่ ทว่า…”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ เขาก็รำพึง “สรรพสุญตากล่าวชัดเจนแล้วว่าเขาจะทิ้งโอกาสจุติสรวงหนนี้”
อันที่จริง เขาไร้ทางเลือกอื่นนอกจากต้องถอดใจ
ดาบพุทธะสรรพสุญตาบาดเจ็บสาหัส แม้จะฟื้นร่างวิถีคืนมาได้ เขาก็ยังมิอาจรับหายนะบรรลุเซียนได้อยู่ดี
ซูอี้กล่าว “ยอมแพ้ก่อนดีกว่า เมื่อกลับไปยังจักรดาราตงเสวียนก็ให้สรรพสุญตาไปหาปราชญ์หงอวิ๋นก่อน ค่อยไปโลกเซียนในภายหน้าก็ได้”
ปราณวิถีเซียนกำลังฟื้นฟูขึ้นมาในกฎสวรรค์จักรดาราตงเสวียน
เมื่อมันฟื้นตัวสมบูรณ์แล้ว ตัวตนในวิถีเซียนเยี่ยงปราชญ์หงอวิ๋นก็สามารถกลับสู่โลกเซียนได้โดยตรง
เหมือนยามที่เขตแดนสมรภูมิเปิดออกยามนี้ที่ไร้ยอดฝีมือจากตระกูลวิถีเซียน เช่นตระกูลม่อแฝงมาเลย
เหตุผลเป็นเพราะเมื่อมีเซียนอย่างม่อชิงโฉวอยู่ พวกเขาก็ไม่มีความจำเป็นต้องมายังเขตแดนสมรภูมิก็สามารถพาสมาชิกตระกูลม่อกลับสู่โลกเซียนได้แล้ว
เมื่อหนึ่งบุคคลบรรลุวิถี แม้แต่ไก่หรือสุนัขในบ้านก็เกาะบารมีทะยานสวรรค์ตามไปด้วย
เซียนดาบชิงซื่อกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มบาง “มันก็เป็นทางออกจริง ๆ”
“เจ้าเองก็เตรียมตัวให้พร้อม ยามวิถีแรกเยือนปรากฏขึ้น ข้าจะกรุยทางให้ สิ่งที่เจ้าต้องทำก็คือก้าวข้ามหายนะบรรลุเซียนยามไปยังโลกเซียนก็พอ”
ซูอี้เอ่ยแนะ
อารมณ์ของเซียนดาบชิงซื่อเบิกบานขึ้น ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม
จากนั้นซูอี้ก็กลับไปเก็บตัว
เมื่อเปิดกล่องหยกของอาไฉ่ ซูอี้ก็อดตะลึงมิได้
หินฮุ่นตุ้นรองรับวิถี!!
ทันใดนั้น ชายหนุ่มก็เข้าใจว่า ‘ของขวัญอันคาดไม่ถึง’ ที่อาไฉ่มอบให้เขาคือสิ่งใด
ทว่าของขวัญชิ้นนี้ล้ำค่าเกินกว่าที่เขาจะคาดฝันโดยสิ้นเชิง
“อาไฉ่ รอบนี้ข้าติดหนี้บุญคุณเจ้าหนักหนาเลย…”
สิ่งที่ถูกผนึกอยู่ภายในหินฮุ่นตุ้นรองรับวิถีคือเคล็ดมหาวิถีอมตะที่สมบูรณ์ที่สุด!
……
กาลเวลาเคลื่อนผ่าน
ไม่นานนักก็ครบหนึ่งปีนับตั้งแต่ผู้ฝึกตนจากจักรดาราต่าง ๆ เข้าสู่เขตแดนสมรภูมิ
วันนี้ ภายในจักรวาลพร่างดาวพลันปกคลุมด้วยม่านเมฆาเยี่ยงรัตติกาลนิรันดร์ บรรยากาศเก่าแก่โบราณแผ่ไปทั่วทั้งฟ้าดิน
เหล่าผู้ฝึกตนทั่วสนามรบทั้งสามแห่งล้วนสัมผัสถึงบางอย่างในใจได้ จึงหยุดการกระทำของพวกตนโดยพร้อมเพรียง
นี่คือเสียงระฆังวิถีแรกเยือน!
เมื่อระฆังส่งวจี มันหมายความว่าเส้นตายหนึ่งปีมาถึงแล้ว และวิถีแรกเยือนกำลังจะปรากฏขึ้น!
ณ แดนแรกเยือน
เหล่ายอดฝีมือจากขุมกำลังใหญ่ทั้งหลายล้วนเคลื่อนไหวยามได้ข่าว มองไปยังท้องนภาอย่างพร้อมเพรียง
บางผู้รำพัน สีหน้าเปี่ยมความตื่นเต้นระคนคาดหวัง
“เตรียมตัวให้พร้อม เร็วเข้า วิถีแรกเยือนจะมาในไม่ช้า!”
บางผู้กล่าวขึ้นขณะถูไม้ถูมือพร้อมขยับไปมา
ชั่วขณะนี้ เหล่ายอดฝีมือจากสี่จักรดาราใหญ่ ทั้งตงเสวียน ซีหาน เป่ยเยวียนและหนานหั่วล้วนหลั่งไหลมารวมตัว ณ สนามเต๋าแรกเยือนดุจสายธาร
“สหายเต๋าซูวางใจเถิด ยามข้าหวนคืนจักรดาราตงเสวียน ข้าจะไปพบปราชญ์หงอวิ๋นแน่นอน”
ดาบพุทธะสรรพสุญตากล่าวขึ้น
เขาทิ้งโอกาสบรรลุเซียนไปนานแล้ว
ซูอี้พยักหน้า
ก่อนหน้านี้ เขาสนทนาอย่างล้ำลึกกับดาบพุทธะสรรพสุญตา และส่งสองสัตว์ร้ายไร้เทียมทาน วิหคผีปีกโลหิต และฉยงฉีให้ดาบพุทธะสรรพสุญตา
“สหายเต๋าซู เราก็ไปกันเถอะ”
เซียนดาบชิงซื่อกล่าวอย่างใจร้อนเล็กน้อย
ซูอี้พยักหน้า
ยามพวกเขาเพิ่งมาถึงในบริเวณสนามเต๋านั้นเอง
ตู้ม!
บนท้องนภาพลันสั่นสะท้านดุจอสนีบาตศักดิ์สิทธิ์คำรามจากสวรรค์ชั้นเก้า
ทันใดจากนั้น ท้องนภาอันดำมืดดุจราตรีนิรันดร์พลันแหลกสลาย รุ้งทิพย์สายหนึ่งทอดตัวลงมาจากนภาสู่สนามเต๋า
สนามเต๋าส่งเสียงคำราม สะท้อนลวดลายกฎเกณฑ์ประหลาดหนาแน่นนับไม่ถ้วน
และรุ้งทิพย์อันทะลวงฟ้าดินก็ทวีความหนาแน่น ถูกเปลี่ยนแปลงโดยอำนาจกฎเกณฑ์มหาวิถีโดยสมบูรณ์
ส่วนล่างเชื่อมต่อกับสนามเต๋า ส่วนบนทะยานสู่ท้องนภา ดูไร้จุดจบ!
วิถีแรกเยือน!
นี่คือเส้นทางอันนำไปสู่แท่นแปรเซียน และขอเพียงเข้าไปข้างในได้ก็เท่ากับยืนตรงหน้าประตูสู่โลกเซียน!
ยามนั้น ไม่ว่ามัจฉาจะกระโดดเข้าประตูมังกรแปรเป็นเซียนหรือหยุดลงที่นั่น ทุกสิ่งก็ขึ้นกับวาสนา
แน่นอนว่า เงื่อนไขคือต้องมีคุณสมบัติเดินทางบนวิถีแรกเยือนก่อน!
“ไป!”
ทันใดนั้น ผู้ฝึกตนมากมายก็ทะยานสู่เวหา เร่งรุดไปสู่วิถีแรกเยือน
บางผู้ก้าวเท้าสู่วิถีแรกเยือนได้สำเร็จ และโผทะยานขึ้นไปตามทาง
ทว่าก็ยังมีบางคนที่ล้มเหลว พวกเขาถูกอำนาจกฎเกณฑ์บนวิถีแรกเยือนกวาดออกไปยังนอกสนามเต๋าแรกเยือน
“บัดซบ ข้าไม่ดีพอหรือ?”
บางผู้สบถด้วยสีหน้ายับยู่
“ไฉนเป็นเช่นนี้ได้?”
ผู้ฝึกตนซึ่งถูกวิถีแรกเยือนขัดขวางล้วนเป็นเพราะเกียรติประวัติมีไม่พอ ทำให้มิเป็นที่ยอมรับของวิถีแรกเยือน!
เมื่อเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด ผู้ฝึกตนมากมายซึ่งยังมิได้เคลื่อนไหวพลันสงบใจลงหลายส่วน
บ่อยครั้งที่สัจธรรมโหดร้ายเหลือคณา
เกียรติประวัติในเขตแดนสมรภูมินั้นเป็นใบเบิกทาง การมีเกียรติประวัติเพียงพอเท่านั้นที่มอบคุณสมบัติให้บรรลุสู่วิถีแรกเยือน!
ไม่นานนัก ผู้นำเช่นอวี่เฉิน ฉินซู่ซินและเริ่นฉางชิงก็เคลื่อนไหว ต่างผู้ล้วนดำเนินสู่วิถีแรกเยือนทะยานสรวงได้อย่างง่ายดาย
“เราก็ไปกันเถอะ”
ซูอี้เดินนำหน้าไป
วูบ!
เมื่อมาถึงบนวิถีแรกเยือน ป้ายสัญลักษณ์ประจำตัวของชายหนุ่มซึ่งรวบรวมประวัติศึกทั้งหมดไว้ ก็สร้างอำนาจกฎเกณฑ์อันอัศจรรย์สั่นพ้องประสานกับวิถีแรกเยือน
จากนั้นสายตาตะลึงงันทุกคู่ก็เห็นเมฆาทองมงคลปรากฏขึ้นใต้เท้าซูอี้ ประคองเขาเคลื่อนสู่สุดวิถีโดยตรง
“เช่นนี้ก็ได้หรือ?!”
ทุกผู้ล้วนผงะ พวกเขาเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกว่าสามารถเดินทางบนวิถีแรกเยือนได้เช่นนี้
เซียนดาบชิงซื่อเองก็นิ่งไป ก่อนที่จะรีบลงมือโดยมิคิดมากในทันใด
บนยอดเขาตงเสวียน
ดาบพุทธะสรรพสุญตามองร่างของซูอี้และเซียนดาบชิงซื่อหายลับฟ้าไป สองมือของเขาประนมคำนับ
“สหายเต๋าทั้งสอง รักษาตัวด้วย!”
………………..