บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1518: ขายกันในพริบตา
ตอนที่ 1518: ขายกันในพริบตา
ซูอี้ขมวดคิ้ว
หรือว่าจะไม่ใช่แค่ลัทธิไร้มลทินที่รู้ว่าเขาคือร่างเวียนวัฏของหวังเย่ แต่ขุมกำลังใหญ่บางแห่งในโลกเซียนทราบเรื่องนี้แล้วเหมือนกันหรือ?
หากเป็นเช่นนั้น เรื่องราวก็รับมือได้ยากเสียแล้ว
ในโลกเซียนเมื่อหลายปีก่อน หวังเย่นั้นมีสมญานามว่า ‘ทรราช’!
นั่นก็เพราะเขาได้สังหารศัตรูมากมายจนสามารถใช้คำว่า ‘โลหิตหลั่งไหลจนแจวเรือผ่านได้ กองกระดูกเรียงรายดุจป่าไม้’ มาพรรณนาได้
ดังนั้นศัตรูของเขาจึงหาธรรมดาไม่
ตัวตนธรรมดาหาควรค่าอยู่ในสายตาไม่ ทว่าตัวตนที่หวังเย่เคยถือเป็นศัตรูร้ายนั้นไม่มีผู้ใดธรรมดาสักคน
บรรพชนเซวี่ยเซียวจื่อแห่งลัทธิไร้มลทินก็เป็นหนึ่งในนั้น!
‘ไม่สิ หากตัวตนของข้าถูกเปิดเผยมานานแล้ว เกรงว่าแดนบรรลุสรวงในวันนี้คงถูกพวกเจ้าแก่ลายครามจากโลกเซียนหมายหัวมานานเช่นกัน ไม่มีทางส่งยอดฝีมือที่นี่เท่านั้นแน่’
ซูอี้ครุ่นคิด
เขารู้ดีว่าผู้มีอำนาจดั้นฟ้าเยี่ยงเซวี่ยเซียวจื่อ หากมิได้ตกตายไปก่อนและรู้ว่าร่างเวียนวัฏของหวังเย่จะมายังโลกเซียน เขาจะไม่มีทางส่งตัวตนต่ำต้อยมาที่นี่และมาด้วยตนเองอย่างแน่นอน
ขณะที่ซูอี้กำลังคิดอยู่นั้นเอง เสียงของชายในชุดบัณฑิตขงจื่อก็ดังขึ้นข้างโสต
“ท่านเอ๋ย อย่าได้ถูกหลอกเลย ที่หลิ่วอวิ๋นจิ้งจะพาท่านไปยังสำนักเซียนเมฆาโปรยนั้น ดูเหมือนจะเป็นการหลีกเลี่ยงหายนะ ทว่าที่จริงแล้ว จุดประสงค์ของเขาก็คือส่งพวกท่านผู้จุติสรวงให้แก่ลัทธิไร้มลทินต่างหาก!”
หลังเว้นช่วงเล็กน้อย ชายในชุดบัณฑิตขงจื่อก็กล่าวเสริม “ทว่าหากท่านต้องการ ข้าก็ยังสามารถพาท่านเลี่ยงหายนะนี้ไปได้เช่นกัน!”
ซูอี้อดประหลาดใจมิได้
ไอ้แก่นี่ ป่านนี้ยังไม่ถอดใจอีกหรือ?
ขณะนั้นเอง หลิ่วอวิ๋นจิ้งก็กล่าวกับซูอี้ “ท่านคิดดีแล้วหรือไม่?”
หัวใจของซูอี้ครุ่นคิด และทันใดนั้นก็ชี้ไปยังชายในชุดบัณฑิตขงจื่อห่างออกไป “เขาส่งกระแสปราณบอกข้าว่าเขาจะพาข้าออกจากที่นี่”
พรึ่บ!
ทุกสายตาต่างมองไปยังชายในชุดบัณฑิตขงจื่อเป็นตาเดียว
สีหน้าของหลิ่วอวิ๋นจิ้งย่ำแย่ที่สุด
ทันใดนั้น ชายในชุดบัณฑิตขงจื่อก็เย็นวาบไปทั้งกาย หยาดเหงื่อผุดขึ้นที่หน้าผาก ใบหน้าแดงก่ำ
เขาหรือจะคิดว่าซูอี้จะขายกันในพริบตา?
“หูไห่ ที่ว่ามาจริงหรือไม่?”
ดวงตาของหลิ่วอวิ๋นจิ้งเย็นเยียบเช่นคมมีด
ชายในชุดบัณฑิตขงจื่อที่มีนามว่าหูไห่อธิบายอย่างร้อนใจ “ไม่จริง! ข้ามิได้พูดอันใดเลย ใต้เท้าหลิ่วอย่าฟังเขาพูดเพ้อเจ้อนะขอรับ เขากำลังก่อกวนให้เราแตกคอ!!”
ซูอี้กล่าวพลางเสสรวล “ข้าได้บันทึกการสนทนาลับระหว่างเราลงในม้วนหยกแล้ว จะเอาออกมาให้ทุกคนรับฟังตอนนี้เลยก็ได้นะ”
กล่าวจบ เขาก็นำม้วนหยกชิ้นหนึ่งออกมาจากในแขนเสื้อ
ชายในชุดบัณฑิตขงจื่อตกใจราวต้องสายฟ้า ดวงตาเบิกโพลงชี้นิ้วไปทางซูอี้ “ดีมาก ข้าอุตส่าห์จะช่วยเจ้า แต่เจ้าลูกกระต่ายนี่กลับไม่รักดี ขายข้ากันตรง ๆ!”
ซูอี้หาสนใจไม่
สีหน้าของหลิ่วอวิ๋นจิ้งตึงขึ้นเรื่อย ๆ ร่างของเขาพลันหายวับไป ชั่วพริบตาต่อมาก็ปรากฏกายขึ้นเบื้องหน้าชายในชุดบัณฑิตขงจื่อ หมายจะคว้าคออีกฝ่ายไว้
แต่ใครเล่าจะคิดว่าเขาคว้าพลาด!
เมื่อถึงคราวคับขัน ร่างของชายในชุดบัณฑิตขงจื่อกลับกลายเป็นกลุ่มควันหายลับ หลบการโจมตีของหลิ่วอวิ๋นจิ้งไปได้
จากนั้นร่างของเขาก็ปรากฏขึ้นภายใต้ท้องนภาแสนไกล
ใบหน้าของเขาบูดบึ้ง ขณะชี้ไปยังหลิ่วอวิ๋นจิ้ง “ไอ้แก่ หากเจ้าทำร้ายข้า สักวันเจ้าจะถูกกำจัด!”
เหล่าผู้ฟังล้วนนิ่งเงียบด้วยความตะลึงงัน
ไม่มีผู้ใดคิดว่าชายในชุดบัณฑิตขงจื่อจะไม่เพียงหลบการโจมตีของหลิ่วอวิ๋นจิ้งได้ ยังกลับข่มขู่อีกต่างหาก!
“และเจ้า!”
กล่าวถึงตรงนี้ ชายในชุดบัณฑิตขงจื่อก็กล่าวกับซูอี้อย่างเยือกเย็น “ไม่ช้าก็เร็วก็จะตกอยู่ในกำมือข้า!”
เสียงยังมิทันสร่าง ร่างของชายในชุดบัณฑิตขงจื่อก็หายวับไป
ทุกผู้ต่างมองหน้ากัน เพราะไม่ทันตั้งตัวกับเหตุการณ์ที่พลิกผันนี้
“ยันต์เมฆาเคลื่อนพิรุณโปรย!”
ซูอี้ครุ่นคิดและตระหนักว่าชายในชุดบัณฑิตขงจื่อมิได้มาจากขุมกำลังฝึกตนเซียนทั่วไป แต่มาจากนครเซียนโฉลกเมฆา!
มันเป็นยักษ์ใหญ่ในหมู่ขุมกำลังวิถีราชันเซียนก่อนที่ยุคอวสานเซียนจะมาถึง
และยันต์เมฆาเคลื่อนพิรุณโปรยก็คือสมบัติลับของกลุ่มเต๋าโบราณแห่งนี้
“มิน่าเล่า ก่อนหน้านี้เขาจึงมั่นใจว่าไม่กลัวลัทธิไร้มลทิน ทว่าเหตุใดเขาต้องเซ้าซี้อยากพาข้าไปด้วยกันหลายต่อหลายหนด้วย?”
ชายหนุ่มตระหนักว่าเรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำ
ทว่าชายในชุดบัณฑิตขงจื่อกลับเผ่นหนีและทิ้งเขาเร็วเกินไป
“เขาต้องมิใช่หูไห่แน่นอน!”
หลัวอวิ๋นจงพลันกล่าวขึ้น “หูไห่ไม่มีทางทำได้เช่นนี้”
“ดูเหมือนในหมู่พวกเขาจะมีคนทรยศแฝงอยู่!”
สีหน้าของเหล่าผู้รับบัญชาจากลัทธิไร้มลทินต่างบิดเบี้ยว
พวกเขาหรือจะไม่เห็นว่าหูไห่ผิดปกติ?
“เขาไม่ใช่คนทั่วไป แต่มาจากนครเซียนโฉลกเมฆา”
ซูอี้กล่าวขึ้นด้วยเสียงเนิบนาบ
นครเซียนโฉลกเมฆา!
สีหน้าของหลิ่วอวิ๋นจิ้งและตัวตนในวิถีเซียนทั้งหลายพลันแปรเปลี่ยน
แม้จะได้รับความเสียหายหลังจากยุคอวสานเซียนสิ้นสุดลง นครเซียนโฉลกเมฆาก็ยังเป็นยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งในโลกเซียนปัจจุบันอยู่ดี! ในสำนักของพวกเขามีราชันเซียนอยู่ผู้หนึ่ง!
“ท่านรู้ที่มาของคนผู้นี้อยู่แล้วหรือ?”
หลิ่วอวิ๋นจิ้งประหลาดใจ
แม้แต่เขากับตัวตนวิถีเซียนที่นี่ยังมองตัวตนของ ‘หูไห่ตัวปลอม’ ไม่ออก ทว่าผู้จุติสรวงคนหนึ่งจากโลกมนุษย์กลับรู้ แล้วจะมิให้เขาแปลกใจได้อย่างไร?
คนอื่น ๆ ต่างตื่นจากภวังค์ในทันที สายตามองไปทางซูอี้อย่างประหลาดใจ
ชายหนุ่มเพียงส่ายหน้าน้อย ๆ “ก่อนหน้านี้ ข้าไม่รู้หรอกว่าเขาเป็นใคร แต่ยามเขาหนี ได้ใช้ยันต์เมฆาเคลื่อนพิรุณโปรยออกมา ซึ่งนั่นได้เผยกำพืดของเขา”
สีหน้าของผู้คนยิ่งดูประหลาดเข้าไปใหญ่
หัวใจของหลิ่วอวิ๋นจิ้งสะท้านรุนแรงที่สุด เขาซึ่งเป็นเซียนแท้ขอบเขตสุญตายังไม่รู้เรื่องนี้ แต่ซูอี้กลับมองออกในพริบตา!
ทำให้เขาตระหนักมากขึ้นทุกขณะว่าผู้จุติสรวงจากโลกมนุษย์ผู้นี้ไม่ธรรมดา!
“หรือจะบอกว่า ที่ลัทธิไร้มลทินและขุมกำลังวิถีเซียนทั้งหลายต่างหมายมาดอยากยึดครองผู้จุติสรวงเหล่านี้เพื่อต้องการหาตัวคนผู้นี้กัน?”
หลิ่วอวิ๋นจิ้งประหลาดใจ
เพียงหนึ่งฝ่ามือ ก็สามารถปราบเซียนขอบเขตจักรวาลได้นับร้อย
ก่อนหน้านี้ ยังบอกอีกว่าอยากสู้กับตน
และยามนี้ อีกฝ่ายมองปราดเดียวก็รู้ว่า ‘หูไห่ตัวปลอม’ มาจากนครเซียนโฉลกเมฆา!
อุบัติเหตุและความผิดปกติเหล่านี้ทำให้หลิ่วอวิ๋นจิ้งสงสัยว่าผู้จุติสรวงที่อยู่ตรงหน้าตนต้องมีที่มาพิเศษอย่างยิ่ง!
และอาจจะเป็นคนที่ลัทธิไร้มลทินและขุมกำลังวิถีเซียนทั้งหลายกำลังมองหาอยู่!
เพียงคิดถึงตรงนี้ หนึ่งเหตุพลิกผันพลันบังเกิดขึ้น…
ตู้ม!
ใต้ท้องนภาซึ่งห่างไกล สุญญะพลันถูกฉีกกระชากเยี่ยงคันฉ่อง
แมงมุมโลหิตที่มีขนาดเท่าภูเขาตัวหนึ่ง ซึ่งมีขาทั้งแปดเยี่ยงมีดคมกริบฉีกกระชากท้องนภาออกมา
ความดุร้ายอันน่าสะพรึงกลัวแพร่ไปทั่วทั้งฟ้าดิน
เขาสวมอาภรณ์สีดำ มีดวงตาสีคราม แม้จะนั่งเฉย ๆ ทว่าปราณบนร่างของเขากลับยิ่งใหญ่นัก
“ว่าแล้วเชียว ผู้จุติสู่โลกเซียนยามนี้ปรากฏขึ้นในแดนบรรลุสรวงแห่งแคว้นจิ่งจริง ๆ ด้วย!”
ชายชราชุดดำกล่าวขึ้น ดวงตาสีครามกวาดมองมาจากระยะไกล ทำให้หน้าของคนมากมายเปลี่ยนสีด้วยประหวั่นพรั่นพรึง
หลิ่วอวิ๋นจิ้งเองก็ขมวดคิ้ว ตระหนักแล้วว่าบางสิ่งผิดแปลกไป
เขาเพิ่งได้ข่าวจากลัทธิไร้มลทิน มิคิดเลยว่าจะมีผู้มาถึงที่นี่ก่อน และยังเป็นเฒ่าสารพัดพิษอันลือนามแห่งแคว้นจิ่งเสียด้วย!
“เจ้าหุบเขาเบญจพิษ แดนบรรลุสรวงแห่งนี้อยู่ในความคุ้มครองของสำนักเซียนเมฆาโปรย ซึ่งอยู่ภายใต้เจตจำนงลัทธิไร้มลทิน ข้าขอแนะนำเจ้าว่าอย่าเข้ามาพัวพันเลย!”
หลิ่วอวิ๋นจิ้งประกาศ
เจ้าหุบเขาเบญจพิษ!
เหล่ายอดฝีมือจากสำนักเซียนเมฆาโปรยต่างเผยความหวาดผวา
ในเขตแคว้นจิ่งมีมารปีศาจอันตรายยิ่งยวดกลุ่มหนึ่งอาละวาดอยู่ โดยมีเฒ่าสารพัดพิษ เจ้าหุบเขาเบญจพิษผู้นี้เป็นหนึ่งในตัวตนสูงสุด!
“ลัทธิไร้มลทินทรงอำนาจมากจริง ๆ ทว่ายามนี้ ข้าก็ได้รับคำสั่งให้พาผู้จุติสรวงเหล่านี้ไปเช่นกัน”
เจ้าหุบเขาเบญจพิษนั่งอยู่บนหลังแมงมุมสีเลือดที่มีขนาดเท่าขุนเขา น้ำเสียงของเขาชวนสะพรึง “หากเจ้าฉลาดพอ ก็ส่งคนมาเสีย หาไม่ พวกเจ้าจากสำนักเซียนเมฆาโปรยได้ตายแน่นอน!”
น้ำเสียงนั้นกังวานได้ยินถ้วนทั่ว
สีหน้าของหลิ่วอวิ๋นจิ้งและยอดฝีมือแห่งสำนักเซียนเมฆาโปรยพลันเคร่งเครียดยิ่งขึ้น
“เฒ่าเบญจพิษ เจ้าจะทำตามใจที่นี่ไม่ได้ หากต้องการจะพาผู้จุติสรวงเหล่านี้ไป มันก็ขึ้นอยู่กับว่าข้าผู้นี้เห็นด้วยหรือไม่!”
เสียงเสสรวลหนึ่งดังขึ้น
แดนดินไกลสว่างวาบขึ้น ก่อนที่ชายผู้หนึ่งจะปรากฏกายขึ้นจากอากาศธาตุ
เขาสวมอาภรณ์แดง ยืนอยู่บนดาบยาวสีฟ้าครามเล่มหนึ่ง เรือนผมดำปล่อยสยาย ใบหน้าหล่อเหลา รายล้อมด้วยมังกรตัวยาวอันก่อเกิดจากเพลิง ปราณร้ายกาจสะเทือนแดนดิน
“ปีศาจเฒ่าเหลียงถู? ไม่คาดเลยว่าเจ้าจะมาด้วย”
หลิ่วอวิ๋นจิ้งและคณะสีหน้าเปลี่ยนไปอีกหน ภายในหัวใจพลันรู้สึกหนักอึ้ง
ชายชุดแดงที่มีนามว่าเหลียงถูผู้นั้นก็เป็นตัวตนทรงพลังในแคว้นจิ่งเช่นกัน ได้รับการยกย่องจากเหล่าปีศาจว่าเป็น ‘เซียนปีศาจเหลียงถู’ และเป็นผู้ร้ายกาจอันโจษจันในหมู่ปีศาจทั้งหลาย
ทว่ายามนี้ เหลียงถูกลับรำพึงขึ้นมาว่า “ไม่หรอก ครานี้ข้ามิได้มาเพียงลำพัง ยังมีสหายเต๋าคนอื่น ๆ กำลังมุ่งหน้ามาที่นี่ด้วย กล่าวคือ เหตุการณ์ในวันนี้ ทุกผู้ทำได้เพียงพึ่งฝีมือตนเพื่อวัดว่าใครจะได้ผู้จุติสรวงเหล่านี้ไป”
ยังมีผู้อื่นกำลังมา?
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของหลิ่วอวิ๋นจิ้งก็เคร่งขรึมขึ้น พลางตระหนักถึงความผิดปกติแล้ว
อวี่เฉิน ฉินซู่ซิน เริ่นฉางชิง และผู้จุติสรวงคนอื่น ๆ มองหน้ากัน ไม่มีผู้ใดโง่จนมองไม่เห็นความอันตรายของเหตุการณ์นี้?
สิ่งที่ทำให้พวกเขารู้สึกขมขื่นและละอายใจนั้นคือ พวกเขาดูจะกลายเป็นปลานอนนิ่งบนเขียง จะฆ่าจะแกงยามใดก็ได้ในสายตาผู้อื่นไปเสียแล้ว!
“สหายเต๋าซู เรื่องทวีความย่ำแย่ขึ้นทุกคราแล้ว”
เซียนดาบชิงซื่อขมวดคิ้ว ส่งกระแสปราณบอกกับซูอี้
“อย่าตระหนกไป รอดูเถิดว่ามรสุมลูกนี้จะยิ่งใหญ่เพียงไหน”
ซูอี้ไพล่มือไว้เบื้องหลัง ยืนนิ่ง แลดูเฉยเมยเยี่ยงกาลก่อน
จริงดังว่า เพียงอึดใจต่อมาก็มีผู้มาเสริม
และมาถึงห้าคน!
เป็นสามบุรุษสองสตรี
ต่างผู้ล้วนทรงพลังร้ายกาจ
เมื่อได้พบกับทั้งห้าคนนี้ หลิ่วอวิ๋นจิ้งกับเหล่าเซียนแท้ขอบเขตสุญตาทั้งหลายต่างหัวใจหนาวยะเยือกดุจร่วงลงในถ้ำน้ำแข็ง!
คนทั้งห้าเหล่านี้ล้วนมาจากแคว้นจิ่ง สามคนเป็นมารปีศาจผู้มิได้อ่อนแอไปกว่าเจ้าหุบเขาเบญจพิษและเหลียงถู ซึ่งก็คือมารเฒ่าวารีชาด ปีศาจเฒ่าโลหิตม่วง และฮูหยินปี้เยี่ยน
อีกสองคนเป็นผู้อาวุโสจากขุมกำลังฝึกตนชั้นหนึ่ง ‘บรรพตเซียนลึกล้ำบรรพกาล’ แห่งแคว้นจิ่ง!
ซึื่งมีนามว่าติงหานชิวและโจวปู้กุย
ระหว่างทั้งสองคนนี้ แม้ติงหานชิวจะเป็นสตรี แต่วิถีเต๋าของนางสูงส่งที่สุด มีการฝึกฝนขอบเขตสุญตาขั้นสมบูรณ์ ห่างเพียงก้าวเดียวก็จะ ‘เถลิงสิทธิ์ครองราชัน’ ได้!
ยามนี้ เหล่าผู้ทรงอำนาจจากทั่วแคว้นจิ่งกำลังมารวมตัว ใครเล่าจะมิตื่นตกใจ?
สิ่งที่ร้ายแรงยิ่งกว่าคือ สถานการณ์ในยามนี้ ไร้ผู้ใดกล้าพูดว่าจะไร้ผู้ทรงอำนาจใดมาสมทบในภายหลัง!