บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1519: การกลับมาของจอมราชัน!
ตอนที่ 1519: การกลับมาของจอมราชัน!
บรรยากาศรอบบริเวณหดหู่อึมครึม
เมื่อรวมเจ้าหุบเขาเบญจพิษและเซียนปีศาจเหลียงถูเข้าไป แขกไม่ได้รับเชิญก็มีถึงเจ็ดคนแล้ว
พวกเขาล้วนแต่เป็นตัวตนทรงพลังในแคว้นจิ่ง ผู้มีอำนาจร้ายกาจ!
สีหน้าของหลิ่วอวิ๋นจิ้งมืดหม่นเยี่ยงก้นบ่อน้ำ หัวใจร่วงลงสู่หุบเหว
แม้ผู้จุติสรวงเยี่ยงอวี่เฉินและฉินซู่ซินจะเป็นตัวตนเจิดจรัสไร้เทียมทานที่สุดในโลกมนุษย์ แต่ถึงอย่างไร พวกเขาก็เพิ่งมาถึงยังโลกเซียน เมื่อต้องเผชิญเหตุการณ์ร้ายแรงเช่นนี้แต่แรก พวกเขาก็ล้วนเป็นกังวล
มีเพียงซูอี้ผู้นิ่งเฉยราวกับไม่รู้สึกรู้สา กระทั่งนำไหสุราออกมาลิ้มรสอย่างสบายใจเสียอีก
“สหายเต๋าซู เจ้า… มีหนทางฝ่าเหตุนี้ออกไปหรือไม่?”
ฉินซู่ซินพลันถ่ายทอดเสียงติดต่อมา
น้ำเสียงของนางเจือความลังเล
ซูอี้นิ่งไป ดวงตาหันมองฉินซู่ซิน ตามด้วยเหล่าผู้จุติสรวงซึ่งมีสีหน้าพรั่นพรึง
เขาครุ่นคิดเล็กน้อย และกล่าวตอบ “มี”
หนึ่งคำสั้น ๆ หาอธิบายไม่
เมื่อมองท่าทีเฉยชาสบายใจของซูอี้ ฉินซู่ซินก็รู้สึกสบายใจขึ้นอย่างไม่อาจบรรยาย ราวกับได้เห็นแสงแห่งความหวังรำไร
นางกล่าวขึ้นอย่างคาดหวัง “สหายเต๋าซู เช่นนั้น… เจ้าจะช่วย… เราได้หรือไม่?”
ซูอี้พยักหน้าตอบ “ได้”
ในฐานะผู้นำจักรดาราซีหาน อุปนิสัยของฉินซู่ซินนั้นหยิ่งยโสเป็นอย่างยิ่ง
การที่นางเป็นฝ่ายเข้ามาขอความช่วยเหลือจากซูอี้เองจึงทำให้เห็นได้ว่าสถานการณ์เช่นนี้ บุตรีผู้ภาคภูมิแห่งสวรรค์นี้ก็สิ้นหนทางเช่นกัน
ทว่า เหตุที่ซูอี้ยินยอมช่วยนางหาเป็นเพราะความสงสารเห็นใจไม่ แต่เป็นเพราะฉินซู่ซินใช้คำว่า ‘เรา’!
ใช่แล้ว ฉินซู่ซินขอความช่วยเหลือโดยคำนึงถึงผู้จุติสรวงคนอื่น ๆ!
ฉินซู่ซินดูโล่งอกอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาของนางเปี่ยมความรู้สึกขอบคุณ “ไม่ว่าวันนี้จะเกิดอันใดขึ้น บุญคุณของสหายเต๋า ข้าฉินซู่ซินจะจดจำในใจ ไม่มีวันลืม!”
ซูอี้ส่ายหน้าน้อย ๆ “หากเจ้ารู้สึกขอบคุณข้าจริง ๆ ก็บอกทัศนคติของข้าแก่คนทุกผู้ให้ชัดเจน ว่าอย่าให้ผู้ใดเข้ามาขวาง ทำเพียงมองเฉย ๆ ก็พอ แล้วข้าจะพาพวกเจ้าไปในภายหลัง”
“ได้!”
ฉินซู่ซินตอบตกลงโดยไม่คิด
ไม่นานนัก อวี่เฉิน เริ่นฉางชิงและคนอื่น ๆ ก็มองมายังซูอี้ตาม ๆ กันด้วยสีหน้าปรีดา ตื่นเต้นและซาบซึ้ง
ทว่าซูอี้หาสนใจไม่
ขณะเดียวกัน ตัวตนร้ายกาจทั้งเจ็ดซึ่งมาเยือนต่างก็เผชิญหน้ากัน
“รอต่อไปไม่ได้แล้ว!”
ทันใดนั้น เจ้าหุบเขาเบญจพิษผู้นั่งบนหลังแมงมุมสีเลือดก็ยืนขึ้น
เขามองไปรอบ ๆ อย่างมาดร้าย “เราทั้งหลายต่างรู้ว่าหากรอต่อไป ผู้ร้ายกาจก็ย่อมมารวมตัวกันมากขึ้น และถึงยามนั้น อย่าว่าแต่จะได้กินเนื้อ แม้แต่น้ำแกงสักหยดก็อย่าหวังได้ซด!”
น้ำเสียงนั้นกังวาน
เซียนปีศาจเหลียงถูบนดาบยาวสีฟ้าครามกล่าวขึ้น “พี่ชายร่วมวิถีกล่าวได้ตรงกับความกังวลในใจข้ายิ่งนัก ข้าคิดว่าคงจะดีที่สุดหากทุกผู้ร่วมมือกับจับตัวผู้จุติสรวงเหล่านี้”
กล่าวจบ เขาก็หันไปกล่าวกับติงหานชิวจาก ‘บรรพตเซียนลึกล้ำบรรพกาล’ “สหายเต๋าคิดเช่นไร?”
ในหมู่ผู้เฒ่าเหล่านี้ ติงหานชิวมีการฝึกฝนและความแข็งแกร่งสูงส่งที่สุด
ทันใดนั้น สายตาคู่อื่น ๆ ก็มองมายังติงหานชิวเช่นกัน
สตรีผู้นี้สวมเสื้อคลุมยาวสีดำ เรือนผมขาวเยี่ยงหิมะ การวางตนเย็นชากดดัน
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ติงหานชิวก็พยักหน้า “ได้”
ทันใดนั้น บรรยากาศรอบข้างพลันหดหู่เคร่งขรึมขึ้นมากเท่าทวี
หลิ่วอวิ๋นจิ้งตะโกนลั่น “ทุกท่าน พวกเจ้าคิดว่าสำนักเซียนเมฆาโปรยของเราไร้ตัวตนหรือไร?”
เหล่าเซียนขอบเขตศักดิ์สิทธิ์ร่วมสำนักของเขารวมตัวรอคำสั่ง
“ไสหัวไป!”
ติงหานชิวตวาดลั่นและลงมือทันที
เช้ง!
นางยกมือขึ้นเล็กน้อย แล้วดาบเซียนสีเงินเล่มหนึ่งก็ทะยานเวหา ฟาดฟันใส่หลิ่วอวิ๋นจิ้ง
แม้หลิ่วอวิ๋นจิ้งจะขัดขืนสุดกำลัง เขาก็ยังถูกดาบนี้ฟันกระเด็นกระอักเลือด
พ่ายในดาบเดียว!
“แย่แล้ว!”
เหล่าเซียนจากสำนักเซียนเมฆาโปรยล้วนตะลึงงัน
แม้พวกเขาจะมีจำนวนมาก แต่พวกเขาก็ล้วนเป็นผู้ฝึกตนในขอบเขตจักรวาล ไร้หวังชนะเมื่ออยู่ต่อหน้ากลุ่มเซียนแท้ขอบเขตสุญตา!
พวกเขาทะยานสู่แดนบรรลุสรวงจากทุกทิศทางโดยไร้ลังเล
ยามนี้ หลิ่วอวิ๋นจิ้งตาถลน ไร้สิ่งใดที่เขาทำได้
ขณะนี้เอง อวี่เฉิน ฉินซู่ซิน เริ่นฉางชิง และผู้จุติสรวงคนอื่น ๆ ล้วนขวัญหาย เผลอหันมองซูอี้เป็นตาเดียว
สำหรับพวกเขา ขณะนี้ซูอี้ได้กลายเป็นผู้ช่วยชีวิตหนึ่งเดียวของพวกเขา แม้พวกตนจะมิได้เชื่อมั่นในตัวซูอี้มากนัก แต่พวกเขาต่างก็หวังว่าปาฏิหาริย์จะบังเกิด ให้ซูอี้พลิกกระแสตาลปัตรได้!
ยามนี้ ซูอี้จิบสุราในไหอย่างสบายใจราวกับมิรับรู้ว่ามีเซียนแท้ขอบเขตสุญตาเจ็ดผู้โจมตีเข้ามาใกล้
ทันใดนั้นเอง
หนึ่งวจีดาบสนั่นลั่นพลันระเบิดทั่วฟ้าดิน
วจีดาบนั้นไหลลื่นเยี่ยงกระแสวารี ยามกระทบโสตเจ้าหุบเขาเบญจพิษ เซียนปีศาจเหลียงถูและพรรคพวก จิตวิญญาณของพวกเขาก็ราวถูกค้อนใหญ่ทุบตี สั่นสะท้านทั้งกายใจอย่างร้ายแรง
พวกเขาล้วนเปลี่ยนสีหน้า ร่างชะงักค้างกลางอากาศ และมองไปยังที่เดียวกันโดยพร้อมเพรียง…
ริมสระแปรเซียน!
ไม่อาจทราบได้ว่าชายชราผู้นั่งขัดสมาธิถือน้ำเต้าสุราในมือลุกขึ้นแต่ยามใด
ร่างผอมแห้งของเขามีเสื้อคลุมเก่า ๆ สีเทาเป็นเพียงหนึ่งอาภรณ์ เส้นผมกระเซอะกระเซิงพลิ้วไหวในสายลม
และภาวะดาบอันน่าสะพรึงกลัวก็แผ่ออกจากดาบสีดำเล่มยาวในมือขวาของเขา
นี่มันดาบประเภทใดกัน?
ใบดาบดำสนิทเยี่ยงหมึก คมดาบสะท้อนประกายสีแดงเลือดจาง ๆ
เมื่อมองมา หัวใจคนทุกผู้ล้วนเจ็บแปลบ!
“นี่…”
หลิ่วอวิ๋นจิ้ง หลัวอวิ๋นจงและพรรคพวกล้วนผงะ ไฉนเขาถึง…
อวี่เฉิน ฉินซู่ซิน และเหล่าผู้จุติสรวงเองก็ผงะไปเช่นกัน
นับแต่ยามพวกเขาก้าวออกจากสระแปรเซียน พวกเขาก็ได้พบชายชราผู้นี้นั่งถือน้ำเต้าสุราอยู่ ทว่ายามนั้นหามีผู้ใดใส่ใจเขาไม่ คิดว่าเป็นเพียงผู้อารักขา
แต่ใครเล่าจะคิดว่ายามมหาวิกฤติปรากฏ ชายชราผู้ดาษดื่นเช่นนี้จะสามารถทำให้เจ็ดเซียนแท้ขอบเขตสุญตาผงะได้เพียงใช้ภาวะดาบจากดาบในมือ?
ช่างน่าอัศจรรย์อย่างจริงแท้!
เจ้าหุบเขาเบญจพิษขมวดคิ้ว ดูประหลาดใจ
เซียนปีศาจเหลียงถูและพรรคพวกต่างสัมผัสได้ถึงความผิดปกติเช่นกัน
ภาวะดาบของชายชราร่างผอมนั้นดุดันร้ายกาจเกินไป และยังมีจิตสังหารกระหายเลือดรุนแรง ทำให้พวกเขาล้วนรู้สึกใจสั่นกระสับกระส่าย
“ขอบังอาจถามว่าท่านคือใครหรือ?”
ติงหานชิวขมวดคิ้วถาม
ชายชราร่างผอมหาสนใจไม่
ดวงตาของเขามัวหมอง มือขวาถือดาบ ชี้คมดาบดิ่งลงพื้นขณะก้าวสู่อากาศ
เพียงหนึ่งก้าวเท่านั้น สุรเสียงก็สนั่นกัมปนาทราวท้องนภาถล่มสลาย แดนดินทั่วทศทิศมลายสิ้น
อำนาจร้ายกาจเกินบรรยายปรากฏขึ้นจากชายชราร่างผอม วาตะเมฆาแปรปรวนทั่วโลกหล้า
“ไอ้แก่นี่ ไฉนจึงมีปราณร้ายกาจเพียงนี้?”
เจ้าหุบเขาเบญจพิษอุทาน
ตู้ม!
เซียนปีศาจเหลียงถูตัดสินใจเฉียบขาดที่สุด เขาเร่งดาบยาวสีฟ้าครามใต้เท้าของตนให้หันหลังเผ่นหนีไปอย่างสุดกำลัง
รวดเร็วเหลือเชื่อ!
ทว่าชายชราร่างผอมดูจะคาดการณ์ไว้แล้ว ดาบในมือของเขาพลันฟาดลงบนอากาศ
ไกลออกไปหลายพันจั้ง สุญญะระเบิดเปิดออก
ร่างของเซียนปีศาจเหลียงถูแหลกสลายไปกับปราณดาบสีเลือดอันทรงพลัง ร่วงลงเป็นเสี่ยง ๆ!
หนึ่งดาบ สังหารปีศาจเฒ่าขอบเขตสุญตาลงอย่างง่ายดาย!
เจ้าหุบเขาเบญจพิษ ติงหานชิวและคนอื่น ๆ แทบทึ่มทื่อมิไหวติง ตื่นตะลึงหวาดผวาอย่างยิ่ง
เจ้าแก่นี่เป็นราชันเซียนหรือ!?
ตู้ม!
ชายชราร่างผอมก้าวเดินบนอากาศไปหาเซียนแท้ขอบเขตสุญตาเหล่านั้น
ปราณขอบเขาน่าสะพรึงยิ่งนัก มันแพร่ไปทั่วนภาอย่างรวดเร็ว และทั่วทั้งแดนบรรลุสรวงก็เปี่ยมด้วยอำนาจดาบทรงพลังทุกแห่งหน
เมื่อเผชิญภัยคุกคามเช่นนี้ ติงหานชิวลงมือชิงโจมตีราวขับเคลื่อนด้วยสัญชาตญาณ
“สับ!”
ติงหานชิวเร่งใช้ดาบเซียนสีเงิน ฟาดฟันปราณดาบสีขาวกวาดออกไป
ชายชราร่างผอมฟาดดาบเป็นแนวทแยงโดยมิได้มอง
เคร้ง!!!
ดาบเซียนสีเงินหักจากกัน
ไกลออกไป ร่างอรชรของติงหานชิวขาดสะพายแล่ง เลื่อนหลุดจากกันเป็นสองส่วน
ตู้ม~
โลหิตหลั่งริน
หนึ่งเซียนแท้ผู้ก้าวสู่ขอบเขตสุญตากลับมิอาจหยุดอำนาจดาบนั้นได้ และถูกสังหารลงคาที่!
“หนี! หนีเร็ววว!”
เจ้าหุบเขาเบญจพิษคำราม
ไม่ต้องให้เขาเตือนสติ คนทุกผู้ได้ลงมือหันหลังเผ่นหนีไปกันหมดแล้ว
ยามพวกเขามา แต่ละผู้ล้วนทรงอำนาจกดดัน
ทว่ายามหนี กลับเหมือนฝูงสุนัขขี้แพ้!
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะวิถีเต๋าที่ชายชราร่างผอมแสดงนั้นร้ายกาจเกินไป!
และชายชราร่างผอมหาหยุดมือไม่
สีหน้าของเขายังคงเฉยชาเช่นกาลก่อน ร่างผอมยืนตระหง่านกลางเวหา และเมื่อเคลื่อนแขนสะบัดข้อมือ ดาบยาวสีดำในมือก็ทะยานออกไป
ตู้ม!
ปราณดาบสีเลือดอันน่าสะพรึงกลัวพลันถูกปลดปล่อย
แสนไกลออกไป แมงมุมสีเลือดตัวเท่าภูเขาส่งเสียงกรีดร้อง ร่างของมันแหลกสลายโปรยปรายเยี่ยงพิรุณ
และเจ้าหุบเขาเบญจพิษซึ่งยืนอยู่บนหลังมันก็แหลกสลายเป็นกองเลือดนับไม่ถ้วน
เหตุนองเลือดเช่นนี้เกิดขึ้นกับเซียนแท้ขอบเขตสุญตาคนอื่น ๆ อีกสี่ผู้แทบจะพร้อม ๆ กันด้วย
แต่ละผู้ล้วนตายตกอย่างอนาถจากปราณดาบสีเลือดสายนั้นราวทำจากกระดาษ
ไม่เหลือผู้รอดชีวิต!
ยามนี้ เจ็ดเซียนแท้ขอบเขตสุญตาซึ่งดาหน้าเข้ามาล้วนตายตก
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพียงในชั่วไม่กี่พริบตา!
เงียบกริบทั่วแดนดิน
คนทุกผู้ล้วนตะลึงนิ่ง
หายนะถูกสลายไปเพียงแค่นี้หรือ?
มิเพียงเหล่าผู้จุติสรวงอย่างอวี่เฉินและฉินซู่ซินเท่านั้น แต่เซียนเช่นหลิ่วอวิ๋นจิ้งเองก็ล้วนผงะตะลึง
“ตาแก่นั่นแข็งแกร่งยิ่งนัก…”
หลัวอวิ๋นจงตัวสั่น
ณ แดนบรรลุสรวงนี้ พวกเขาคือทูตแรกเยือนใต้บัญชาลัทธิไร้มลทิน
ทว่าพวกเขาหารู้ตัวตนของชายชราร่างผอมไม่ รู้เพียงว่าชายชราร่างผอมผู้นี้ฟังคำสั่งลัทธิไร้มลทินเหมือนพวกเขา ทำตัวเช่นผู้อารักขา และได้รับคำสั่งให้พิทักษ์สระแปรเซียน
ทว่ายามนี้ หลัวอวิ๋นจงและพรรคพวกตระหนักแล้วว่าชายชราผู้เหมือนยามอารักขาผู้นี้เป็นตัวตนร้ายกาจเพียงไร!
ทว่าเหตุการณ์ต่อไปก็ลบล้างความเข้าใจของหลัวอวิ๋นจงไปอีกหน
กระทั่ง…
ทำให้เขารู้สึกงุนงง!
ชายชราร่างผอมเก็บดาบยาวสีดำไปบนอากาศ จากนั้นก็หันเดินกลับลงมาสู่แดนดินในก้าวเดียว และมาหยุดตรงหน้าซูอี้สิบจั้ง
จากนั้น ขณะที่คนทุกผู้กำลังจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าชายชราร่างผอมจะทำอันใดนั้นเอง
ชายชราผู้อหังการเยี่ยงเทพเมื่อครู่พลันจัดอาภรณ์ของตนอย่างเคร่งขรึม แล้วคุกเข่าลงข้างหนึ่งตรงหน้าซูอี้!
“ผู้น้อยชีฝูเฟิง รับคำสั่งจากบิดาให้มาต้อนรับการกลับมาของใต้เท้าจอมราชันขอรับ!”
ชายชราร่างผอมเอ่ยปากราวต้องการระบายอารมณ์ในใจอันเดือดพล่าน เขาเปล่งเสียงตะโกนลั่นเยี่ยงอัสนีสะท้อนก้องทั่วฟ้าดิน