บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1524: สืบสาวที่มา
ตอนที่ 1524: สืบสาวที่มา
ท่ามกลางรัตติกาล
คู่เนตรลึกล้ำของชายในชุดคลุมยาวดูเร้นลับขณะมองไปยังร่องรอยในสมรภูมิ
ครู่ต่อมา เขาก็ขมวดคิ้วน้อย ๆ จากนั้นขยับนิ้วทั้งห้า ก่อนจะกล่าวสองถ้อยคำออกมาเบา ๆ
“สืบย้อน!”
ตู้ม~~
พิรุณแสงสีเทาเยี่ยงคลื่นกระเพื่อมแผ่ออกในแดนดิน
ไม่นานนัก ภาพซึ่งเพิ่งเกิดไม่นานนี้ในแดนดินก็บังเกิดขึ้น
ราวกับกาลเวลาถูกย้อนกลับไปยังยามเกิดศึกเมื่อครู่
ฉากที่ซูอี้ทำศึกกับสามเซียนแท้ขอบเขตสุญตาปรากฏขึ้นพร้อมรายละเอียดอันคมชัด
ชายในชุดคลุมยาวยืนนิ่ง ขณะพินิจอย่างตั้งใจ
ไม่นานนัก เขาก็ค้นพบเบาะแสที่ไม่ธรรมดามากมาย…
“ทั้งที่ถูกยอดฝีมือวิถีธนูลอบสังหาร แต่กลับสามารถขัดขืนได้ แสดงว่าเขารู้อยู่แล้วว่าคืนนี้จะมีผู้ออกมาขวาง”
“ศึกนี้เริ่มได้เจ็ดชั่วดีดนิ้วก็มีคนตาย ดูเขาจะตระหนักแล้วว่าสถานการณ์วันนี้ร้ายแรง และใช้ไพ่ตายบางอย่างออกมาทันที”
“และไพ่ตายที่ว่าก็ทำให้เขาฆ่าเซียนแท้ขอบเขตสุญตาลงทันที!”
“นอกจากนั้น ไม่ว่าจะเป็นฝีมือต่อสู้หรือความตระหนักรู้ เซียนแท้ขอบเขตสุญตาทั้งสามก็มิอาจเทียบกับเขาได้ สมกับเป็นผู้ถือครองอำนาจวัฏสงสาร ร้ายกาจจริง ๆ”
ขณะครุ่นคิดถึงเรื่องทั้งหมดนี้ ชายในชุดคลุมยาวก็มองภาพไปเรื่อย ๆ จนถึงจุด ๆ หนึ่ง
ในภาพนั้นสะท้อนตอนที่ชายหนุ่มกำลังบั่นศีรษะชายร่างยักษ์ในชุดคลุมหนังสัตว์ด้วยหนึ่งดาบ
“แค่ว่า สิ่งใดคือไพ่ตายที่เขาใช้กันแน่? ไฉนเขาซึ่งยังมิก้าวสู่วิถีเซียนจึงข้ามสามขอบเขตใหญ่ระหว่างมนุษย์และเซียน สังหารศัตรูลงในดาบเดียวได้?”
ชายในชุดคลุมยาวจ้องมองอย่างตั้งใจ โดยมิยอมพลาดรายละเอียดที่เกิดขึ้นในภาพนั้น
ทว่ากลับไม่พบสิ่งใด
หลังจากครุ่นคิดสักพัก เขาก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ และรำพึงว่า “ช่างเถอะ หากยอมลงทุนเพื่อมองไพ่ตายของเขาให้ออกได้ก็คุ้มค่า”
กล่าวจบ เขาก็กัดนิ้วชี้ขวา โลหิตหยดหนึ่งไกลออกมาจากปลายนิ้ว แล้วกดมันลงเบา ๆ บนภาพสะท้อน
จากนั้นเสียงอันเกินเข้าใจก็ถูกเปล่งจากปาก
“สืบสาวที่มา!”
ชั่วพริบตานั้น ร่องรอยสีโลหิตก็ปกคลุมไปทั่วภาพ มันได้สร้างเป็นลวดลายวิถีที่ดูประหลาดลึกลับขึ้นมา
ใบหน้าของชายในชุดคลุมยาวซีดลงเล็กน้อย สีหน้าปรากฏความเหนื่อยล้า
วิชา ‘สืบย้อน’ ก่อนหน้านี้เป็นเหมือนเช่นการย้อนเวลาสู่อดีต ขณะฉายภาพยามซูอี้ต่อสู้กับสามเซียนแท้ขอบเขตสุญตา
วิชา ‘สืบสาวที่มา’ ซึ่งชายในชุดคลุมยาวใช้ในยามนี้เป็นการค้นหาสัจธรรมอันเป็นแก่นแท้ และได้ทราบถึงความลับซุกซ่อนในภาพเหล่านั้น
ไม่ว่าจะเป็นเคล็ดวิชาใดก็นับได้ว่าเป็นเคล็ดวิชาต้องห้าม เมื่อใช้ติดต่อกันจึงทำให้ชายในชุดคลุมยาวต้องจ่ายค่าตอบแทนหนักหนา!
ขอเพียงได้แง้มไพ่ตายในมือผู้ครองวัฏสงสาร ค่าตอบแทนแค่นี้มีค่าอันใด?
ขณะคิดเช่นนี้อยู่นั้นเอง เปรี้ยง!!!
ภาพซึ่งปกคลุมด้วยลวดลายวิถีประหลาดสีเลือดพลันระเบิดเปรี้ยงดังสนั่น
“บัดซบ!”
พิรุณแสงพร่างพรมสะท้อนภาพชายในชุดคลุมยาว “หรืออำนาจวัฏสงสารจะขวางอยู่กัน?”
หลังเงียบไปครู่หนึ่ง ชายในชุดคลุมยาวก็นำยันต์ลับชิ้นหนึ่งออกมาจากในแขนเสื้อ
“ให้คนของเจ้าออกมาลงมือให้หมด!”
ชายในชุดคลุมยาวสลักคำเหล่านี้ลงบนยันต์ลับด้วยจิตสัมผัส แล้วจึงขยี้ยันต์ลับนั้น
เปรี้ยง!
ยันต์ลับแปรเปลี่ยนเป็นเพลิงแสงสีขาวพิสุทธิ์ทะยานจากไป
และร่างของชายในชุดคลุมยาวก็หายไปในแดนดิน
จากนั้น ภาพซึ่งสะท้อนขึ้นในแดนดินก็หายไปเยี่ยงฟองคลื่น
เหลือเพียงความเย็นเยียบเงียบงัน
……
ณ ริมผาแห่งหนึ่ง
ซูอี้ดื่มสุราขณะเฝ้ารอ
สายลมภูเขาพัดผ่านเรือนผมยาว และอาภรณ์สะบัดปลิว
“ต่อจากนี้ อีกฝ่ายคงลงมืออย่างความไร้ปรานี ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าเพียงเท่านี้ จบคืนนี้จะไม่มีอีกแล้ว…”
ซูอี้พึมพำในใจ
เขามีอำนาจผลกรรมแฝงอยู่ จึงถูกหมายหัวจากคนของนครเซียนโฉลกเมฆาอยู่เนิ่นนาน
ก่อนหน้านี้ พวกของชายในชุดบัณฑิตขงจื่อตายลงด้วยฝีมือของชีฝูเฟิง ขณะที่เซียนแท้ขอบเขตสุญตาทั้งสามคนต่างตายด้วยน้ำมือของเขา
ด้วยเหตุนี้ คนจากนครเซียนโฉลกเมฆาจึงเหลือเพียงสองทางเลือก
หนึ่งคือยอมแพ้แล้วถอยไป
สองคือรบเต็มกำลัง ส่งอำนาจสูงสุดมาจบศึก!
ซูอี้หวังให้เป็นอย่างหลัง
ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจรอกระต่ายออกจากโพรงอยู่ที่นี่
หากคืนนี้ศัตรูยังไม่มา เขาจะใช้อำนาจวัฏสงสารลบหายนะผลกรรมออกจากร่าง และเมินมรสุมนี้ไป
กาลเวลาเคลื่อนผ่าน
ขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะดื่มสุราจากไหหนึ่งนั้นเอง ร่างของเขาพลันทะยานสู่เวหาราวกับรู้ตัว
ตู้ม!
แสงดาบอันทรงพลังสายหนึ่งทะยานออกมาจากตีนเขา เขาทั้งลูกพลันสั่นสะท้านจากล่างขึ้นบน แล้วถล่มลงมาทันที
ผู้กระทำเป็นเซียนแท้ขอบเขตสุญตาผู้ทรงพลังคนหนึ่ง ถือมีดศึกทะยานออกมาจากใต้ดิน!
สิ่งที่ยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่คือ ทันทีที่เขาหลบหนีชขึ้นไปบนอากาศ ศรสิบเก้าดอกก็ยิงมาจากไกล ๆ!
ศรดอกนั้นรวดเร็วเยี่ยงสายฟ้า มันเข้าปกคลุมแดนดินรอบทิศ ปราศจากหนทางหลบหนี
ฉับ! ฉับ!
ซูอี้ตวัดดาบแห่งโลกาส่งปราณดาบทะยานสรวง ขยี้ศรทั้งหลายลงในทันที
เสียงระเบิดดังสนั่น พิรุณแสงโปรยปราย
ก่อนเขาจะทันไหวตัว รัศมีสมบัติก็ทะยานขึ้นจากทั่วสารทิศ ส่องสว่างทั่วทั้งแดนดินเยี่ยงทิวากาล
มันเป็นสมบัติเซียนอันทรงพลัง หอกศึก หอกยาว ดาบบิน ตราประทับวิถี แส้นักพรต… มากมายละลาน
พวกมันทั้งหลายล้วนแฝงด้วยอำนาจทลายโลกา พุ่งตรงเข้าใส่เขา!
การลอบสังหารอย่างกะทันหันนี้ อย่าว่าแต่ตัวตนในวิถีจุติสรวงเลย แม้จะเปลี่ยนเป็นเซียนแท้ขอบเขตสุญตาคนใด เกรงว่ายังไม่อาจทนได้นานเช่นกัน
ทว่าซูอี้หาแตกตื่นไม่
เขาไม่ได้สู้ยิบตา ทว่าร่างนั้นกลับวูบไหว หนึ่งคนหนึ่งดาบทะยานเยี่ยงรุ้งทิพย์มิอาจทำลาย โจมตีมาจากไกล ๆ
เปรี้ยง!
เสียงระเบิดดังสนั่นโลกา
แดนดินถิ่นนี้พังราบมิเหลือดี
ท่ามกลางคลื่นทำลายล้าง ร่างของซูอี้เคลื่อนย้ายมาอยู่บนท้องนภาเยี่ยงแสงพริบตา
เมื่อมองไปรอบ ๆ ก็เห็นว่ามีเซียนแท้ขอบเขตสุญตาสิบกว่าคนทะยานมาจากระยะไกล
พวกเขามีทั้งชายหญิง ซึ่งล้วนมีปราณร้ายกาจ ยิ่งเข้าใกล้ จิตสังหารอันรุนแรงจากร่างของพวกเขาก็มุ่งตรงมายังเขา
“ฆ่า!”
ไร้วาจายืดเยื้อ เซียนแท้ขอบเขตสุญตาเหล่านั้นลงมือทันที
ทุกผู้ล้วนทุ่มสุดกำลัง ใช้ทุกวิธีการและงัดไม้ตายก้นหีบออกมาใช้
ดังนั้น การล้อมโจมตีนี้จึงอันตรายเป็นพิเศษ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขารู้แล้วว่าซูอี้ทรงพลังเพียงไร ดังนั้นจึงลงมือสุดกำลังแต่แรก!
“ดูพวกเขาจะรีบกันจริง ๆ แค่ว่า… เหตุใดจึงไร้ตัวตนขอบเขตราชันเซียนกันหนอ?”
ซูอี้รู้สึกแปลกเล็กน้อย ทว่ามันสายเกินกว่าจะมัวคิดแล้ว
เมื่อเหล่าศัตรูล้อมเข้ามา เขาเองก็ลงมืออย่างสุดกำลังเช่นกัน
เปรี้ยง!
ฟ้าดินสนั่นหวั่นไหว ตะวันจันทราสิ้นแสง
ซูอี้ผู้ลงมืออย่างสุดกำลังเป็นเช่นดาบกล้า ทั่วร่างสูงใหญ่สะท้อนภาวะดาบอหังการ
ดวงตาของเขาเย็นชา เส้นผมยาวสะบัดพลิ้ว ดาบแห่งโลกาในมือเปล่งวจี ส่งอำนาจดาบลึกลับซึ่งดูจะริบวาสนาทั่วแดนดิน
นับแต่จากแดนมนุษย์มาจวบยามนี้ ซูอี้ก็มิได้อาละวาดอย่างเต็มที่มานานแล้ว
เพราะศัตรูที่เขาพบแต่ละหนล้วนอ่อนแอเกินไป
และยามนี้ เขาก็ได้สัมผัสจิตต่อสู้อันห่างหายไปนานอีกครั้ง
แรงกดดันถาโถม จิตสังหารทิ่มแทง ปราณอันตรายหมายชีวิตกระตุ้นจิตต่อสู้ของเขาให้ลุกโชนเต็มที่
จิตต่อสู้เป็นเช่นเพลิงโหม จิตศึกเดือดพล่านทั่วกาย!
นักดาบนั้น เดิมทีเกิดมาเพื่อต่อสู้
สถานการณ์อันตรายเช่นนี้คือสิ่งที่เขาตั้งตารอที่สุด
ตั้งแต่เริ่มสงครามโดยไร้ความลังเล เขาก็ใช้ปราณดาบเก้าคุมขังทันที ทำให้การโจมตีของเขาไร้เทียบเทียม
“ตาย!”
ซูอี้กวัดแกว่งดาบขณะทะยานสู่เบื้องหน้า
เปรี้ยง!!!
โล่ตรงหน้าเซียนแท้ขอบเขตสุญตาผู้หนึ่งแหลกละเอียด
ปราณดาบอันทรงอำนาจโหมผ่าน สลายร่างเซียนแท้ขอบเขตสุญตาผู้นั้นเป็นกองเลือดโดยพลัน
ขณะเดียวกัน ซูอี้เองก็ได้รับบาดเจ็บ เลือดเนื้อส่วนหนึ่งที่ไหล่ของเขาถูกเฉือนออก กระดูกขาวโพลนโผล่ให้เห็น โลหิตไหลย้อมอาภรณ์
ศัตรูมีจำนวนมากเกินไป พวกเขาล้วนเคยผ่านศึกมานับร้อยพัน ต่างผู้ประสานการโจมใส่ชายหนุ่ม จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะหลบการโจมตีทั้งหมด
แต่ซูอี้หาสนใจไม่
บาดเจ็บแล้วเช่นไร?
อย่างกับเขาไม่เคยประสบอย่างนั้นล่ะ!
“ฆ่า!”
ทั่วร่างของซูอี้ดูจะลุกไหมด้วยแสงวิถีจ้าจรัสเฉิดฉาย วูบวาบไปทั่วสนามรบ
แต่ก็เพราะเหตุนี้ ยามพวกเขาเริ่มลงมือ ความดุร้ายและทรงพลังจึงยิ่งทวีคูณ
ซูอี้ที่อยู่บนพื้นถูกตราประทับวิถีชิ้นหนึ่งฟาดเข้าใส่หลัง แต่ด้วยอำนาจแรงกระแทกนี้เข้าเสริม ร่างของเขาก็ฟาดดาบออกไปทันควัน
“ตาย!”
ศัตรูผู้หนึ่งส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน ก่อนจะสิ้นใจ
ภาพเช่นนี้น่ากลัวเสียจนทำให้หัวใจใครหลายผู้สั่นสะท้าน
กาลศึกต่อมา ซูอี้สิ้นคำนึงเป็นตาย ยอมบาดเจ็บเพื่อฉวยโอกาสสังหารศัตรู
ดังนั้น แม้เขาจะบาดเจ็บสาหัสขึ้นทุกเมื่อ กระทั่งโลหิตอาบย้อมอาภรณ์ ทว่าศัตรูของเขาก็ล้มตายตาม ๆ กัน!
เพียงครู่เดียว
หกเซียนแท้ขอบเขตสุญตาก็สิ้นสลาย!
พวกเขาแต่ละผู้ตายอย่างอเนจอนาถยิ่ง ฉากสะเทือนขวัญสะท้านใจเหล่าเซียนแท้ขอบเขตสุญตาที่เหลือจนหน้าเปลี่ยนสี หัวใจเย็นวาบ
นี่มันสัตว์ประหลาดชนิดใดกัน!?
เหลือเชื่อนัก!
ตู้ม!
หนึ่งศรพลันยิงออก
ยามนี้ ชายหนุ่มกำลังถูกศัตรูกลุ่มหนึ่งปิดล้อมเอาไว้ แม้จะหลบได้แต่ก็ยังมิพ้น อกของเขาถูกศรดอกหนึ่งทะลวงเป็นรูชวนตะลึง
โลหิตหลั่งรินเยี่ยงน้ำตก
บาดเจ็บสาหัสยิ่งนัก
เมื่อมองมาก็เห็นได้ทันทีว่าอาภรณ์เขียวของซูอี้ถูกย้อมด้วยโลหิต ขาดวิ่นไปหมด
เมื่อเห็นเช่นนี้ ศัตรูคนอื่นล้วนใจชื้นเผยความยินดี รีบรี่โจมตีสุดกำลัง
หลังจากเห็นเช่นนี้แววตาอันเฉยชาของซูอี้ก็เผยเค้าเยาะหยัน
บาดเจ็บสาหัสแล้วเช่นไร?
มันไม่ได้ถึงชีวิตสักหน่อย!
เพียงสามชั่วดีดนิ้วต่อมา ชายหนุ่มก็พุ่งไปเบื้องหน้า บดขยี้อุปสรรคมากมายแล้วฟาดฟันดาบแห่งโลกาเยี่ยงบรรพตถล่มใส่ศัตรูผู้หนึ่ง
ตู้ม!!
ร่างของศัตรูพลันแยกเป็นสองเสี่ยง โลหิตทะลักรินเยี่ยงห่าฝน
และร่างของซูอี้ในยามนี้ทะยานออกไปไกล
เขาจะจัดการยอดฝีมือวิถีธนูซึ่งซุ่มอยู่ก่อน!
หากปล่อยคนผู้นี้ไว้ก็เท่ากับขัดขวางทุกวิถีทาง เรื่องนี้ทำให้ชายหนุ่มขุ่นเคืองยิ่งนัก