บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1526: บรรลุแปรสุญตา
ตอนที่ 1526: บรรลุแปรสุญตา
สายฟ้าอันจ้าจรัสโปรยลง
ไร้วจีเงียบงัน
ทว่าปราณอันอัดแน่นอยู่ในอสนีบาตนั้นเป็นเช่นทัณฑ์สวรรค์สั่งตาย น่าสะพรึงกลัวมหาศาลไร้ขอบเขต!
ชายในชุดคลุมยาวหน้าซีดเผือด ใบหน้าหล่อเหลาเปี่ยมความหวาดผวางุนงง
เขาหวาดผวาเมื่อพบว่ามหาภัยพิบัตินี้ทำให้กระทั่งตัวตนเช่นเขายังรู้สึกสิ้นหวังอย่างมิอาจบรรยาย
สิ่งที่ยิ่งไม่เข้าใจคือ ซูอี้บาดเจ็บหนักหน่วงเพียงนี้ เขาไปเอาความกล้ามาจากหนใดจึงมั่นใจเชิญภัยพิบัติ ณ ยามนี้?
แล้วเขาก็เข้าใจทันที
ภัยพิบัติในยามนี้หามีความตั้งใจปล่อยให้รอดชีวิตไม่ อีกฝ่ายอยากใช้อำนาจทัณฑ์สวรรค์หนนี้ตายตกไปพร้อมตน!
ชายในชุดยาวชักมือหลบออกไปโดยไม่ลังเล
ทว่าก็ช้าไปก้าวหนึ่ง
ภัยพิบัตินี้รวดเร็วร้ายกาจมากเกินไป เกินกว่าผู้ใดจะหลบเลี่ยง
เพียงพริบตา ร่างของชายในชุดคลุมยาวก็ถูกกำจัดสิ้น!
ง่ายดายเยี่ยงฆ่าแมลงวัน เด็ดใบหญ้า!
ชายชุดคลุมยาวไม่อาจเห็นได้ว่ายามภัยพิบัติจากสวรรค์กระทบร่างซูอี้ มันก็ถูกสลายไปด้วยเงาดาบลึกลับ!
ท้องนภาเปี่ยมด้วยพิรุณแสงปกคลุมทั่วร่างซูอี้
พลังชีวิตอันมิอาจหาใดเทียบหลั่งไหลเข้าไปในร่างเขา ทั้งมัดกล้าม กระดูก เนื้อเยื่อ เส้นเลือด โลหิต อวัยวะภายใน… ทุกสิ่งล้วนเริ่มแปรเปลี่ยนไปอย่างน่าอัศจรรย์!
กระทั่งการฝึกตนซึ่งสิ้นกำลังไร้แรงก็กำลังแปรเปลี่ยนไปอย่างสะเทือนโลกา
ดุจไม้แห้งคืนวสันต์!
“หากมิสิ้นก่อนก็มิก่อ ต้องสลายก่อนจึงก่อได้ แม้ศึกวันนี้จะทำให้ข้าต้องอยู่บนเส้นแบ่งเป็นตาย แต่มันก็เปิดโอกาสให้ข้าเกิดใหม่จากความล่มสลาย ฟื้นชีวิตจากเส้นแบ่งเป็นตายเช่นกัน!”
ซูอี้กล่าวกับตนเอง ดวงตาเรืองประกายโล่งใจ
เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าร่างของเขากำลังแปรเปลี่ยนเชิงคุณภาพจากภายในสู่ภายนอก!
ตู้ม!
ณ ส่วนลึกแห่งเมฆาทัณฑ์ ทัณฑ์อสนีบาตคุกรุ่มอีกสายฟาดลง
และยามนี้เอง ดาบเก้าคุมขังส่งเสียงคำรามราวตื่นขึ้นโดยสมบูรณ์ ทะยานใส่ทัณฑ์อสนีบาต ปาดคมสู่ส่วนลึกแห่งเมฆาอย่างแผ่วเบา
ฉัวะ!
เมฆทัณฑ์เหนือนภาถูกฉีกกระชาก ทัณฑ์อสนีบาตไร้สิ้นสุดแหลกสลาย หลั่งเยี่ยงน้ำท่วมทลายเขื่อนในทันที
ร่างของซูอี้ถูกอาบด้วยพลังชีวิตหลั่งริน แปรเปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง…
ก่อนหน้านี้ ไฉนเขาจึงตัดสินใจแยกทางกับชีฝูเฟิง?
ง่าย ๆ เลย เพราะหากมีชีฝูเฟิงอยู่อาจสลายภัยพิบัติไปได้มากมาย แต่มันก็จะส่งผลร้ายต่อการฝึกฝนของเขาเองมากกว่าดี!
และย่อมไม่มีทางนำมาซึ่งการแปรเปลี่ยนอย่างสุดขั้วเหนือใดเทียบ ณ ยามนี้!
เสี้ยวชั่วยามต่อมา
พิรุณแสงเหนือนภาถูกซูอี้ดูดซับไปจนเกลี้ยง
และการฝึกฝนของเขาก็ก้าวสู่ขอบเขตแปรสุญตา!
สุญตานั้นเปรียบถึงมหาสุญตาไพศาลไร้สิ้นสุด คือความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต
ไร้พรมแดน แบกรับได้ทุกสิ่ง!
ขอบเขตนี้คือการขัดเกลาจิตทารกในกายจนถึงจุด ‘มหาสุญตาไร้ขอบเขต’
รูปลักษณ์จิตทารกของซูอี้นั้นเหมือนดาบเก้าคุมขัง
มันดูแข็งแกร่งเสมือนจริง ทว่ายามก้าวสู่ขอบเขตแปรสุญตา รูปลักษณ์เหมือนดาบเก้าคุมขังของมันก็สั่งสมการฝึกฝนและมหาวิถีทั่วกายเยี่ยงสุญตาไร้สิ้นสุด!
ขอบเขตจุติมงคลที่ผู้ฝึกตนคนอื่น ๆ ย่างกรายเข้าไปถึงนั้นก็เป็นการแปรเปลี่ยนเช่นกัน ทว่ามันใช้จิตทารกในร่างแบกรับปราณวิญญาณเซียน และใช้มันเพื่อเลื่อนขอบเขตแก่จิตทารกทีหลัง
ทว่าจิตทารกของซูอี้นั้นแตกต่างไปโดยสิ้นเชิง จิตทารกนั้นจะเลื่อนขอบเขตแปรเปลี่ยนเป็น ‘มหาสุญตาไร้ขอบเขต’ ไปก่อน แล้วจึงดึงดูดปราณวิญญาณเซียนเข้าไปสั่งสม
นี่คือความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดระหว่างสองขอบเขตนี้
นอกจากนั้น การก้าวสู่ขอบเขตแปรสุญตายังทำให้ร่างวิถีและจิตวิญญาณพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด
สิ่งพิศวงที่สุดคือนับแต่อยู่ที่ ‘แท่นแปรเซียน’ ในสนามรบแรก ซูอี้ได้ดูดซับปราณวิญญาณเซียนไปเป็นจำนวนมหาศาลชวนตะลึง
และเมื่อซูอี้เคลื่อนขอบเขต ปราณวิญญาณเซียนมหาศาลนี้ก็แปรเปลี่ยนเป็นอำนาจอันเก่าแก่สูงสุด หลอมรวมเข้ากับรากฐานมหาวิถีของซูอี้!
การพัฒนาเช่นนี้ยังทำให้ซูอี้สร้างรากฐานอันแข็งแกร่งถึงขีดสุดหลังก้าวสู่ขอบเขตแปรสุญตาได้!
เนิ่นนาน
แสงวิถีอ้อยอิ่งรอบกายซูอี้ค่อย ๆ สลายไปทีละน้อย
ร่างของเขายังคงแหว่งวิ่นชุ่มเลือด ทว่าทั่วร่างของเขาแปรเปลี่ยนจากเดิมไปโดยสิ้นเชิง
มันสุขุมเรียบง่ายมากขึ้นเรื่อย ๆ
มองจากภายนอก เขาดูเหมือนเช่นปุถุชนผู้หนึ่งในโลกหล้า มิอาจสัมผัสปราณการฝึกฝนใด ๆ ได้เลย
เมื่อสัมผัสการเปลี่ยนแปลงรอบกาย ซูอี้ก็อดยิ้มไม่ได้
“เมื่อแก่นจิตจุติสรวงในร่างของข้าถูกดูดซับสมบูรณ์ การฝึกฝนในขั้นต้นขอบเขตแปรสุญตาก็จะมั่นคงเป็นแน่แท้”
ซูอี้ครุ่นคิด
ทันใดนั้น หนึ่งเสียงก็อุทาน “อำนาจภัยพิบัตินี้มิธรรมดาอย่างจริงแท้!”
ซูอี้หันไป
และพบหนึ่งร่างเดินมาจากไกล ๆ ท่ามกลางราตรี
สวมชุดคลุมยาว มัดผมสวมมงกุฎ เขาคือชายผู้เพิ่งตายไปในทัณฑ์สวรรค์ก่อนหน้านี้!
“ก่อนหน้านี้เป็นอวตารของเจ้าหรือที่ตาย?”
ซูอี้เลิกคิ้วน้อย ๆ
ชายในชุดคลุมยาวส่ายหน้า “เปล่า นั่นร่างจริงข้า”
ท้ายที่สุด เขาก็ชี้ไปยังอกตน นัยน์ตาลึกล้ำพลุ่งพล่านด้วยความเกลียดชังเกินระงับ กล่าวขึ้นอย่างเคร่งขรึม “ข้าเจ็บใจนัก!”
“ตลอดกาลนานมา ทวยเทพคุ้มครองข้ามาเสมอ พ้นหายนะอวสานเซียน เลี่ยงหายนะ จนในที่สุดก็รอดมาจนทุกวันนี้ได้ แต่ไม่คาดเลยว่าจะสิ้นวิถีส่วนใหญ่ไปเพราะภัยพิบัติของเจ้า!”
น้ำเสียงเคืองแค้นนั้นสะท้อนทั่วรัตติกาล
ชายในชุดคลุมยาวก้าวเข้ามา ใบหน้าหล่อเหลาปกคลุมด้วยจิตสังหารอันมิปิดบัง
“แต่เจ้าวางใจได้ ข้าควบคุมโทสะมิฆ่าเจ้าได้ เจ้าคือเครื่องเซ่นที่เหล่าเทพต้องการ การจับเป็นนั้นมีค่าสูงสุด”
ขณะเดียวกัน ชายในชุดคลุมยาวก็ลงมือ
เขายกมือขวาขึ้นเล็กน้อย
หอกศึกสีดำทมิฬเล่มหนึ่งพลันปรากฏจากอากาศธาตุ
เพลิงแสงคุกรุ่นบนหอกศึกเล่มนั้น อำนาจกฎเกณฑ์ปะทุขึ้น และทันทีที่มันปรากฏ ฟ้าดินก็สะเทือนเคลื่อนเอน สุญตาบิดเบี้ยวเสียรูป
ซูอี้พลันดูเช่นเรือน้อยกลางสมุทรกว้าง รายล้อมด้วยคลื่นคลั่งเกรี้ยวกราด พร้อมพลิกจมได้ทุกยาม
สิ่งที่น่าสะพรึงที่สุดคือเขาก้าวสู่ขอบเขตแปรสุญตาแล้ว แต่ก็ยังถูกสะกดอำนาจอย่างร้ายกาจยามเผชิญการโจมตีนี้!
“สยบ!”
ชายในชุดคลุมยาวตวาดลั่น
ตู้ม!
หอกศึกสีดำทะยานเวหาพุ่งเข้าใส่ซูอี้
“อำนาจกฎเกณฑ์ระดับเทพ…”
ซูอี้เข้าใจแล้ว
ชายในชุดคลุมยาวผู้นี้คือทูตสวรรค์อย่างเห็นได้ชัด!
แตกต่างจากทูตสวรรค์ที่เขาฆ่าไปในโลกมนุษย์ การฝึกฝนของชายในชุดคลุมยาวนั้นเกินจินตนาการ
แม้เขาจะเหลือเพียงหนึ่งร่างอวตาร แต่ความแข็งแกร่งก็มิได้ด้อยไปกว่าราชันเทพขอบเขตศักดิ์สิทธิ์!!
กล่าวคือ ร่างจริงซึ่งตายไปด้วยทัณฑ์สวรรค์เมื่อครู่ของชายในชุดคลุมยาวต้องร้ายกาจกว่านั้นอย่างไร้กังขา
เมื่อคิดเช่นนี้ ซูอี้ก็ใช้อำนาจวัฏสงสารโดยไม่ลังเล
ตู้ม!
ดาบแห่งโลกากวาดเวหา ส่งม่านแสงเยี่ยงแดนวัฏสงสาร บดขยี้หอกศึกสีดำท่ามกลางเสียงคำรามเลื่อนลั่น!
“ฮึ!”
ชายในชุดคลุมยาวทะยานเวหาเข้าโจมตี
วูบ!
เขาถูมือ แล้วอำนาจกฎเกณฑ์ร้ายกาจก็ฟาดฟันเข้าใส่ร่างของซูอี้
ซูอี้ขมวดคิ้วน้อย ๆ
อันที่จริงเขาจนมุมยิ่ง ชั่วขณะนั้นเป็นทั้งตนอ่อนแอเกินไป และศัตรูที่พบก็แข็งแกร่งเกินไป
ต้องทราบว่าเขาเพิ่งก้าวสู่ขอบเขตแปรสุญตา หากเป็นช่วงสมบูรณ์พร้อม เขาคิดว่าหากไปเผชิญเซียนแท้ขอบเขตสุญตาเมื่อครู่อีกครั้ง ก็จะสามารถสังหารอีกฝ่ายลงได้โดยมิต้องใช้พลังของดาบเก้าคุมขัง
ทว่าใครเล่าจะคาดว่ายามนี้ เขาต้องเผชิญกับทูตสวรรค์ผู้หนึ่งซึ่งแข็งแกร่งเทียบได้กับราชันเซียนเสียแทน!
ขณะครุ่นคิดเช่นนี้ ซูอี้ก็ทิ้งความสนใจสิ่งใดอื่น ใช้อำนาจดาบเก้าคุมขังโจมตีออกมาสุดแรง
ตู้ม!
มหาสงครามบังเกิด
ซูอี้ฟื้นสถานการณ์ในทันใด บดขยี้การโจมตีของศัตรูเยี่ยงหักไม้ไผ่
“ไพ่ตายของเจ้ามิใช่วัฏสงสารหรือ!?”
ชายในชุดคลุมยาวประหลาดใจ
แต่เดิม เขาได้ใช้สองเคล็ดวิชาต้องห้าม ‘สืบย้อน’ และ ‘สืบสาวที่มา’ พยายามพินิจหาไพ่ตายของซูอี้ ทว่าท้ายที่สุดก็คว้าน้ำเหลว
นี่ทำให้เขาอนุมานว่าอำนาจที่กระทั่งเคล็ดวิชาต้องห้าม ‘สืบสาวที่มา’ ของเขามิอาจหยั่งมองได้มีเพียงวัฏสงสารเท่านั้น
ทว่ายามประมือกับซูอี้จริง ๆ เขากลับพบว่าตนอนุมานผิดพลาด
นอกจากวัฏสงสาร ซูอี้ยังมีอำนาจซึ่งร้ายกาจยิ่งกว่าในมืออีกอย่างหนึ่ง!
ในใจซูอี้มีเพียงความคิดจัดการคนผู้นี้ ดาบสะบัดกวัดไกว ต้องการกำชัยโดยเร็ว
ต้องกล่าวว่าชายในชุดคลุมยาวผู้นี้ร้ายกาจเกินคนโดยแท้ มิเพียงความแข็งแกร่งของเขาจะเทียบได้กับราชันเซียนขอบเขตศักดิ์สิทธิ์ แต่อำนาจวิถีเทพที่เขาใช้ยังร้ายกาจและพิสดารอย่างยิ่ง
โชคร้ายที่เขามาพบซูอี้
เพียงไม่กี่ดาบ ชายในชุดคลุมยาวก็ถูกโจมตีอย่างรุนแรง โลหิตหลั่งทะลัก
ครู่ต่อมา หนึ่งแขนของเขาก็ถูกสะบั้น อำนาจวิถีเทพของเขาถูกปราณดาบเก้าคุมขังขยี้สิ้น
มันแทบทำให้เขาสติหลุด
ต้องทราบว่ายามสมบูรณ์พร้อม เพียงหนึ่งดีดนิ้วของเขาก็ฆ่าราชันเซียนได้!
ทว่าคืนนี้เขาช่างแสนอับโชค ก่อนร่างจริงของเขาจะทันได้แผลงฤทธิ์ ก็ถูกทัณฑ์สวรรค์ทำลายสิ้นไปก่อนอย่างกะทันหัน
“ไอ้หนู ข้าจะมาตามคิดบัญชีเจ้าในภายหน้า!”
ทันใดนั้น ชายในชุดคลุมยาวก็กัดฟันหันหลังหนี
เขาเหลือเพียงหนึ่งอวตาร หากถูกทำลายไปอีกหน ต่อให้เทพจุติมายังโลกหล้าก็ยังช่วยเขามิได้
“ไฉนต้องรอวันหลัง ข้าจะฆ่าเจ้าสุนัขรับใช้เทพวันนี้แหละ!”
ซูอี้ไล่ตามอีกฝ่ายไปอย่างมาดร้ายทันที
ทั้งสองโผนทะยานไล่ล่า ฉีกกระชากท้องนภายามราตรี หายวับไปในพริบตา
ยามชายในชุดคลุมยาวใช้เคล็ดวิชาต้องห้ามเคลื่อนกายหลบหนี เขารวดเร็วเยี่ยงเคลื่อนไหวพริบตา หาทิ้งร่องรอยใดไม่
ทว่าซูอี้ยังคงตามมาเบื้องหลังอย่างกระชั้นชิด
ส่วนการแกะรอยนั้น เขามีเคล็ดวิชาอันกล่าวได้ว่าต้องห้ามอยู่เป็นร้อย ด้วยหมายมาดจะฆ่าชายในชุดคลุมยาวผู้นี้ให้จงได้ เขาจึงมิเก็บงำมันไว้อีก
ซูอี้พลันโจมตี
หนึ่งปราณดาบเป็นเช่นเส้นตรวนอันพาดผ่านมิติเวลา ฟาดเข้าใส่ชายในชุดคลุมยาวจากอากาศธาตุ
ร่างของอีกฝ่ายแทบร่วงจากอากาศ
“อยากจะแตกหักกันจริง ๆ หรือ?”
ชายในชุดคลุมยาวหันขวับกลับมา ใบหน้าแดงก่ำ ดวงตาเปี่ยมด้วยโทสะคุกรุ่น
“เป็นศัตรูข้า ไร้ผู้ใดทั่วฟ้าดินช่วยเจ้าได้ ต่อให้เทพมาเองก็ตาม!”
ซูอี้ฟาดดาบโจมตี
ตู้ม!
คมดาบกวาดผ่านนภา สะท้อนอำนาจวัฏสงสารและปราณดาบเก้าคุมขังเยี่ยงธารสายยาวเหนือเก้าสวรรค์ ฟาดฟันบดขยี้ในอากาศ
“หากข้าตาย เจ้าก็ไม่รอด!”
ชายในชุดคลุมยาวดูจะรู้ว่าตนลำบากแล้ว พลันตวาดลั่นแล้วเลิกหนี กลายเป็นฝ่ายเข้าปะทะเสียเอง
ร่างผอมเพรียวของเขาพลันแปรเปลี่ยนเป็นแรดขนาดยักษ์ใหญ่สูงหลายพันจั้ง ดำสนิททั้งกาย สี่เท้าเยี่ยงเสาค้ำสวรรค์มโหฬาร
นัยน์ตาทมิฬล้ำลึกประหลาดเยี่ยงวังวนอันมิอาจหยั่งก้นบึ้ง
“ฆ่า!”
มันคำราม ฟ้าดินเลือนลั่นเยี่ยงพังสลาย เห็นได้ชัดว่าเป็นการโจมตีอย่างสิ้นหวัง
ทว่าท้ายที่สุด มันก็ยังประเมินความน่ากลัวของดาบซูอี้ต่ำไป
ตู้ม!
ปราณดาบกระหน่ำเยี่ยงน้ำตกผ่านนภา ฟาดฟันสัตว์ร้ายซึ่งแปรเปลี่ยนจากชายสวมชุดคลุมยาวดุจดาบทัณฑ์เทวาอันมิอาจทำลาย เผยอำนาจทำลายล้างอหังการไร้ขอบเขต
ในพริบตา สัตว์ร้ายก็แผดเสียงร้องสะเทือนแดนดิน ร่างสูงหลายพันจั้งแหลกสลาย โลหิตหลั่งรินเป็นน้ำตก
ทว่าขณะเดียวกัน อำนาจร้ายกาจสั่งตายพลันระเบิดออกจากร่างของสัตว์ร้ายตัวนั้น เจาะจงกวาดเข้าใส่ซูอี้
ม่านตาของซูอี้หดตัวทันควัน
………………..