บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1539: เสียมารยาท!
ตอนที่ 1539: เสียมารยาท!
รัตติกาลย่างเข้าดึกสงัด
ซูอี้เดินออกมาจากหอน้อยสมปรารถนา จากนั้นก็กลับที่พำนักตน
ชิงเวย เว่ยหมิง และคณะล้วนออกมายืนส่งที่ประตูหอน้อยสมปรารถนา มองร่างของซูอี้ค่อย ๆ หายลับไปในราตรีแล้วจึงละสายตา
“ใต้เท้า ท่านผู้นั้นคือ…”
เว่ยหมิงเอ่ยถามเสียงเบาเมื่อรวบรวมความกล้าได้มากพอ
วาจานั้นแม้ไม่ครบประโยค ทว่าทุกผู้ต่างเข้าใจว่าเว่ยหมิงพูดถึงใครอยู่ และอดกลั้นใจรอฟังมิได้”
“ถูกต้อง”
ชิงเวยพยักหน้า ดวงตาเหม่อลอย พึมพำเบา ๆ “พบข้าประหนึ่งพบสวรรค์ เซียนอันดับหนึ่งแห่งวิถีดาบ…”
หัวใจของทุกผู้สั่นสะท้าน หดคอก้มหัวลงโดยเผลอไผล
แม้จะคาดการณ์ทำนายกันไว้แล้ว แต่เมื่อยืนยันได้ว่าเป็นความจริง เซียนเหล่านี้ก็ยังตัวสั่นอย่างเกินหลีกเลี่ยง
“ไปกันเถอะ”
ชิงเวยหันหลังเดินกลับ “เว่ยหมิง เจ้าไปบอกเจ้าของหอน้อยสมปรารถนาอีกสิบเอ็ดคน ณ แคว้นจิ่งเสียเดี๋ยวนี้ ให้พวกเขารวบรวมโอสถเซียนที่ใต้เท้าจอมราชันย์ต้องการโดยเร็วที่สุด ผู้ใดกล้าโอ้เอ้ เดี๋ยวได้เห็นดีกัน!”
ยามนี้ ใบหน้าหยกงามสะกดใจของชิงเวยเย็นชาสุดขีดเยี่ยงคมดาบ
“ขอรับ!”
เว่ยหมิงรับคำสั่งและรีบร้อนลงมือ
ขณะเดียวกัน ชิงเวยกลับที่พำนักตน พลิกฝ่ามือ และม้วนหยกชิ้นหนึ่งก็ปรากฏขึ้น
ม้วนหยกชิ้นนี้ ซูอี้ทิ้งไว้ก่อนจาก ชิงเวยยังไม่ได้อ่านมันเลย
“เจ้าช่วยข้าทั้งที ข้าจะรับไว้เฉย ๆ มิได้ หาไม่ หากให้ใต้เท้าจักรพรรดิปีศาจเซียวหรูอี้ของพวกเจ้ารู้ ข้าเกรงว่าคงหัวเราะข้าตายประไร เจ้ารับม้วนหยกนี้ไว้ เป็นน้อยใจเล็ก ๆ น้อย ๆ จากข้า”
“ไม่รู้เลยว่าสิ่งใดอยู่ในม้วนหยกนี้กันแน่”
นางไม่อาจรั้งความใคร่รู้ในใจได้อีก และใช้จิตสัมผัสเข้าตรวจสอบ
เพียงครู่ต่อมา ชิงเวยก็ตะลึงจังงัง ร่างสูงสง่าราวต้องสายฟ้า มิอาจหยุดสั่นสะท้านน้อย ๆ ได้
ภูผาตระหง่านทั้งสองซึ่งถูกพันด้วยผ้าขาวกระเพื่อมละเอียดอ่อน
คลื่นความหฤหรรษ์อันมิอาจสะกดกลั้นพลุ่งพล่านทั่วร่างของชิงเวย ทำให้อารมณ์ของนางหลุดการควบคุมเล็กน้อย
ตลอดกาลนานมา การฝึกฝนของนางค้างที่คอขวด มิอาจขยับได้แม้เพียงคืบมาตลอด ไม่ว่านางจะครุ่นคิดเสาะหาหนักหน่วงเพียงไร ก็มิอาจขยับเคลื่อนมันได้เลย
นางรู้ว่าหากไม่อาจทะลวงคอขวดนี้ได้ ชั่วชีวิตของนางจะค้างบนวิถีที่นี่!
แต่เดิม เหตุที่นางรวบรวมความกล้าเสนอตัวปรณนิบัติซูอี้ด้วยการฝึกฝนคู่นั้นมิใช่เพื่อฉวยโอกาสสร้างสัมพันธ์กับซูอี้แต่อย่างใด
แค่ว่า…
ชิงเวยไม่คาดเลยว่าแม้ท้ายที่สุดนางจะมิอาจปรณนิบัติซูอี้ได้ แต่ซูอี้ก็ดูจะตระหนักถึงวิกฤติที่นางพบบนวิถี ก่อนจาก เขาจึงทิ้งวิธีเปลื้องคอขวดไว้ให้นาง!
ในม้วนหยกนี้มีประสบการณ์ ความรู้ความเข้าใจในขอบเขตศักดิ์สิทธิ์จารึกไว้ ซึ่งช่วยให้นางทะลวงคอขวดอันคาราคาซังแสนนานนี้ได้!
“ก่อนหน้านี้ เกรงว่าจุดประสงค์ของข้าคงถูกใต้เท้าจอมราชันย์มองออกแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้โทษข้า กลับให้เคล็ดวิชาช่วยข้าแก้วิกฤติอีก…”
หัวใจของชิงเวยสั่นสะท้าน “ข้าจะตอบแทนบุญคุณนี้ชั่วชีวิต!”
……
“ศิษย์พี่หญิง”
ฉางเล่อสิงเดินเข้ามาพบอาหนิงในห้อง
“เป็นเช่นไร เจ้าพบอันใดบ้าง?”
อาหนิงรออยู่เนิ่นนาน ถามออกมาตรง ๆ
ฉางเล่อสิงส่ายหน้า “ไม่เลย”
เมื่อได้ยินคำตอบเช่นนี้ อาหนิงก็ลอบถอนใจอย่างโล่งอก ขอเพียงไม่เกิดปัญหากับซูอี้ก็ดีแล้ว
“ศิษย์พี่หญิง”
ฉางเล่อสิงลังเลชั่วขณะ ก่อนจะกล่าวเสียงเบา “ในความคิดข้า สหายเต๋าซูไม่มีทางเป็นผู้น้อย แต่การที่แม่นางอาหลีได้สหายเต๋าซูสอนสั่งวิถีนั้นต้องเป็นวาสนาเลิศล้ำ มิใช่เคราะห์กรรมอย่างแน่นอน!”
กล่าวจบ เขาก็หันหลังจากไป
ราวกับกลัวอาหนิงจะถามต่อ
อาหนิงนิ่งไป นางรู้สึกงุนงงประหลาดอย่างยิ่ง
ต้องทราบว่าระหว่างทางมายังนครเซียนเทียนติ่ง ฉางเล่อสิงพูดอยู่มากกว่าหนว่าซูอี้มีภูมิหลังประหลาด เห็นได้ชัดว่าต้องคิดร้าย ควรระวังตัวไว้
ทว่ายามนี้ ฉางเล่อสิงดูจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน!
“หรือฉางเล่อสิงจะพบบางอย่างในคืนนี้ และเปลี่ยนความคิดต่อซูอี้ไป?”
อาหนิงขมวดคิ้ว
“เอาเถอะ ขอเพียงซูอี้ผู้นั้นมิใช่คนร้ายก็พอแล้ว”
อาหนิงส่ายหน้า มิคิดมากอีกต่อไป
สิ่งที่นางเป็นกังวลที่สุดในยามนี้คือ น้องสาวของนางอาหลีจะผ่านการประเมินคัดกรองวันพรุ่งหรือไม่
“ข้าขอให้ท่านอาจารย์เจรจาให้แล้ว และผู้ที่รับหน้าที่ประเมินก็เป็นผู้อาวุโสบางท่านจากสำนักดาบอุดรยะเยือก หากพวกเขาไว้หน้ากันบ้าง ก็คงไม่ทำให้อาหลีเสียหน้าหรอกกระมัง…”
อาหนิงครุ่นคิด
เหมือนเช่นซูอี้ว่า อาหนิงรู้สึกผิด อยากหาทางชดเชยแก่น้องสาวของนางอาหลีอย่างสุดกำลัง ดังนั้นในชุมนุมเซียนเจ็ดดาราหนนี้ นางจึงจะทำทุกสิ่งที่ทำได้เพื่อช่วยค้นหาวาสนายิ่งใหญ่แก่น้องสาวนาง!
……
หลังฉางเล่อสิงกลับถึงห้อง ร่างของเขาก็ทรุดฮวบลงบนเตียง
บางทีเขาอาจเหนื่อยเกินไป ไม่นานเขาก็หลับสนิท
ทว่าไม่นานนัก เขาก็ฝันร้าย
ในความฝันของเขา เซียนกลุ่มหนึ่งทอดสายตาลงมองเขาซึ่งเป็นตัวตนเยี่ยงมด
ขณะเดียวกัน ซูอี้นั่งตระหง่านเหนือท้องนภา อยู่เบื้องบนเหล่าเซียนพวกนั้น!
ความสิ้นหวังไร้หนทางอย่างมิอาจบรรยายเอ่อล้นในใจฉางเล่อสิงเยี่ยงทะเลคลั่ง ทำให้เขาแทบลืมหายใจ!
จากนั้น เขาก็ตื่นจากฝัน!
เขาหอบฮั่ก ทั่วร่างอาบเหงื่อเย็นเฉียบ ใบหน้าซีดขาวบิดเบี้ยวยิ่งกว่าเก่า
“ข้า… นี่ข้าไปล่วงเกินตัวตนร้ายกาจใดเข้ากัน?”
ดวงตาของฉางเล่อสิงสับสน
ทั่วสำนักเซียนนภาหยกของพวกเขา บรรพชนผู้แข็งแกร่งที่สุดเป็นเพียงเซียนแท้ขอบเขตสุญตาผู้หนึ่ง
ทว่าคืนนี้ ไม่เพียงเขาได้พบเซียนแท้ขอบเขตสุญตา เขายังได้พบราชันย์เซียนผู้หนึ่ง เพียงพอจะทำให้สรรพชีวิตตะลึงอึ้งได้!
เรื่องน่าเหลือเชื่อที่สุดคือ ราชันย์เซียนผู้นั้นยังพินอบพิเทาต่อซูอี้…
มีหรือฉางเล่อสิงจะยังมิเข้าใจ?
การที่เขายังรอดชีวิตอยู่ในคืนนี้ทำให้เขารู้สึกแสนโชคดี
เพราะเหตุนี้เอง เขาจึงฝังเรื่องทั้งหมดที่เกิดในคืนนี้ไว้ ณ ส่วนลึกของหัวใจ มิกล้าแพร่งพรายเรื่องใด ๆ ออกไปทั้งสิ้น ด้วยกลัวว่าจะถูกตามคิดบัญชีในภายหลัง!
“ข้าหวังเพียงว่าศิษย์พี่หญิงอาหนิงจะเข้าใจสิ่งที่ข้าพูด ตัวตนที่ทำให้ราชันย์เซียนยังต้องโอนอ่อนนอบน้อม มีหรือจะมาคิดใช้แม่นางน้อยอย่างอาหลี?”
ฉางเล่อสิงครุ่นคิด
……
เช้าตรู่รุ่งขึ้น
ก่อนรุ่งสาง อาหนิงพาอาหลีออกจากที่พำนัก เข้าเมืองไปร่วมการประเมินคัดกรอง
และวันเดียวกันนั้น หอบุหลันฟ้าก็ออกประกาศประมูลสูตรโอสถวิถีเซียนสูตรหนึ่ง!
ทันทีที่ข่าวถูกประกาศ นครเซียนเทียนติ่งก็แตกฮือ เกิดเสียงวิพากษ์มากมายทั่วไปหมดถึงเรื่องนี้
“ผู้ใดกันสิ้นหวังจนเอาสูตรโอสถมาออกประมูล หากลองเปลี่ยนเป็นพ่อข้าสิ ต่อให้ต้องสะบั้นญาติก็คงมิยอม!”
“คงสิ้นหวังจริง ๆ นั่นแหละ แต่ก็เพราะเช่นนี้ เมืองจึงปั่นป่วนไปหมด ข้าได้ยินว่าขุมกำลังเซียนซึ่งเข้าร่วมชุมนุมเซียนเจ็ดดาราพวกนั้นก็เล็งสูตรโอสถเซียนนี้อยู่แล้ว”
“งานประมูลของหอบุหลันฟ้าจะเกิดขึ้นในอีกสองวัน และถึงยามนั้น ชุมนุมเซียนเจ็ดดาราก็จบลงแล้ว เราก็ไปดูด้วยสิ”
เหล่าคนใหญ่คนโตจากสำนักเซียนนภาหยกเสวนา
แม้จะกล่าวว่าเป็นคนใหญ่คนโต ทว่าแท้จริงก็แค่ยอดฝีมือวิถีจุติสรวงกลุ่มหนึ่ง
ผู้มีการฝึกฝนสูงสุดเป็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่งนามหม่าสิงคง เป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งในสำนักเซียนนภาหยก
ในฐานะหนึ่งในเจ็ดสำนักเซียนแห่งแคว้นจิ่ง ปกติแล้ว เซียนทั้งหลายน้อยหนจะออกจากแดนด้วยตนเอง
ส่วนเซียนแท้ขอบเขตสุญตานั้นเป็นตัวตนดุจเสาหลัก มังกรทิพย์อันมิอาจมองเห็นหัวและหางได้
เหมือนเช่นชุมนุมเซียนเจ็ดดาราในหนนี้ แม้การคัดกรองจะสูงลิ่ว ที่ผู้เข้าร่วมแข่งขันในชุมนุมเซียนนี้ก็เป็นเพียงบุคคลรุ่นเยาว์ในวิถีราชันแห่งภูมิ
มีเพียงสำนักดาบอุดรยะเยือกผู้เป็นเจ้าบ้านเท่านั้นที่จะเชิญเซียนมาพิทักษ์ดูแลสถานการณ์
“ทุกท่าน พวกเจ้าคิดว่าน้องสาวของอาหนิงผู้นั้นมีศักยภาพฝึกตนหรือไม่?”
ทันใดนั้นก็มีผู้เปลี่ยนประเด็นไปพูดถึงอาหลี
“ยากมาก”
บางผู้กระซิบ “ข้าตรวจสอบแล้วด้วยตนเอง รากกระดูก ศักยภาพและภูมิหลังของนางบอกได้เพียงดาษดื่น ทั้งยังร่างกายอ่อนแอในวัยเยาว์ บกพร่องโดยกำเนิด แม้นางจะฝืนดำเนินสู่วิถีฝึกฝน นางก็มิอาจไปได้ไกลอยู่ดี”
“หากอาหนิงดึงดันให้น้องสาวของนางเข้ามาฝึกฝนในสำนักเซียนนภาหยกจะดีหรือ?”
“การจะทำเช่นนั้น จากกฎสำนัก หากมีคุณสมบัติดาษดื่นและอยากฝึกฝน นางก็ทำได้เพียงสิ้นเปลืองวัตถุดิบฝึกฝนของสำนัก! หากให้แม่หนูนั่นเข้าร่วมสำนักจากเส้นสาย มันจะยุติธรรมต่อศิษย์อื่นหรือ? เรื่องเลวร้ายเช่นนั้นยอมรับมิได้หรอก!”
“อย่าไปพูดเรื่องนี้ต่อหน้าอาหนิงนะ”
“แน่สิ”
…ระหว่างผู้ทรงอำนาจเหล่านั้นสนทนา พวกเขาหาปิดบังใดไม่ และฉางเล่อสิงผู้ยืนอยู่นอกห้องก็ได้ยินชัดถ้อย ชั่วขณะนั้นเขาอดหัวเราะมิได้
สาบานต่อสวรรค์ได้ เขาเคารพผู้อาวุโสในสำนักเหล่านี้อย่างยิ่ง
ทว่ายามเขาได้ยินคนเหล่านั้นวิจารณ์อาหลี และการตั้งแง่ปฏิเสธมิให้อาหลีเข้าร่วมสำนักเซียนนภาหยก ฉางเล่อสิงพลันรู้สึกว่าผู้อาวุโสเหล่านี้ช่างโง่งม!
ไม่สิ มีตาไร้แววต่างหาก!
อาหลีจะมีคุณสมบัติดาษดื่นได้เช่นไร?
ด้วยที่มาลึกลับของซูอี้ จุดเริ่มต้นของนางก็เพียงพอให้พวกเจ้า ตัวตนวิถีจุติสรวงทั้งหลายละอายต่อตนได้แล้ว!
“เล่อสิง เจ้าไปเรียกพ่อหนุ่มแซ่ซูนั่นมาที”
ผู้ฝึกตนสูงสุดหม่าสิงคงพลันกล่าวขึ้น
ฉางเล่อสิงตะลึงไป เขาพลันฟื้นสติและอดกล่าวมิได้ว่า “ผู้อาวุโส ท่านจะเรียกสหายเต๋าซูมาเพื่อการใดหรือขอรับ?”
หม่าสิงคงกล่าวอย่างไม่พอใจเล็กน้อย “บอกให้ไปก็ไปสิ อย่ามัวพูดไร้สาระ”
ฉางเล่อสิงรู้สึกขื่นขมในใจ นี่เขาต้องไปพบคนลึกลับผู้ร้ายกาจนั่นอีกแล้วหรือ…
ท้ายที่สุด เขาก็หันหลังจากไปอย่างทึ่มทื่อ
เมื่อพบซูอี้ อีกฝ่ายกำลังทอดกายบนเก้าอี้หวาย หรี่ตามองฟ้าดูเกียจคร้านเหม่อลอย
หัวใจของฉางเล่อสิงรัดตัว ร่างเกร็งนิ่ง
ก่อนเขาจะทันได้พูด เสียงของซูอี้ก็ดังขึ้น “ไฉนเจ้าจึงมาที่นี่อีก?”
วิญญาณของฉางเล่อสิงสะท้าน พยักหน้ากล่าวว่า “เรียนผู้อาวุโส ผู้น้อยรับคำสั่งจากผู้อาวุโสหม่าสิงคง มาเชิญผู้อาวุโสไปพบขอรับ”
ซูอี้ถามอย่างใจลอย “เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ?”
“มิกระจ่างขอรับ”
“งั้นไม่ไป”
ฉางเล่อสิงตะลึง ปฏิเสธกันง่าย ๆ เช่นนี้เลยหรือ?
แต่เมื่อคิดดูอีกที ตัวตนลึกลับนี้ทำให้ราชันย์เซียนนอบน้อมได้ มีหรือจะเป็นฝ่ายไปพบตัวตนในวิถีจุติสรวงเอง?
“ขอรับ!”
ฉางเล่อสิงหันหลังจากไป
เมื่อเขารายงานการปฎิเสธเข้าพบของซูอี้ต่อหม่าสิงคง ผู้อาวุโสจากสำนักเซียนนภาหยกก็ใบหน้ามืดดำ
“ไอ้หนูนี่ กล้าเสียมารยาทเพียงนี้หรือ?!”
หม่าสิงคงเดือดดาล
ตัวตนทรงอำนาจอื่น ๆ ต่างก็ขมวดคิ้ว ไฉนชายหนุ่มผู้ติดตามอาหนิงจึงกล้าปฏิเสธการเชิญของพวกเขา!
………………..