บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 197 เก็บกวาดที่นี่ให้ราบเรียบ
ตอนที่ 197: เก็บกวาดที่นี่ให้ราบเรียบ
จู้กู่ชิงมีสีหน้าไร้ความรู้สึก ไม่เอ่ยสิ่งใดออกมา
แต่เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของอูหวนสุ่ยจวิน ซูอี้ก็เลิกคิ้วขึ้น ในใจสั่นสะท้านขึ้นมาเบา ๆ จู้กู่ชิงเสนอตัวคิดตายแทนเหวินหลิงเสวี่ยอย่างนั้นหรือ?
เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ ซูอี้จึงเอ่ยกับหนิงซือฮวาที่อยู่ด้านข้าง “เจ้าจัดการอูหวนผู้นั้น ข้าจะหาทางเก็บกวาดที่นี่ให้ราบเรียบ”
“เก็บกวาดให้ราบเรียบ?!”
เถาชิงซานกับเถิงหย่งสูดหายใจเย็น ตกใจเสียจนทั่วร่างมีเหงื่อเย็นผุดขึ้นมา
เหตุใดจะไม่เข้าใจ ผู้หญิงผมขาวที่ถูกจับอยู่ตรงกลางลานพิธีไกล ๆ นั่น คือคนข้างกายที่ท่านเซียนอมตะท่านนี้หาอยู่?
“อูหวนเจ้าปีศาจเฒ่าจบเห่แน่!”
เถาชิงซานกับเถิงหย่งเหลือบมองหน้ากัน
“ตกลง”
หนิงซือฮวาพยักหน้า ลุกขึ้น เอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “อูหวน ข้าให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง ปล่อยนางเสีย แล้วข้าจะทำให้เจ้าได้สนุกสนานถึงใจเลยล่ะ”
คำพูดนางนั้นไพเราะน่าฟัง ทว่าในน้ำเสียงกลับมีความน่าเกรงขามแฝงไว้เล็กน้อย และดังเข้าไปในหูภูตผีปีศาจที่อยู่ในลานทุกตัวอย่างชัดเจน
แม้น้ำเสียงนั้นจะไม่ได้ดังมาก แต่กลับกลบเสียงทั้งหมดที่อยู่ในลานพิธี ทำให้บรรยากาศเปลี่ยนเป็นเงียบสงัด
หลายสายตามองมาที่นางด้วยความงงงันและความไม่แน่ใจ
แลเห็นหนิงซือฮวาที่มีสีหน้าเย็นชา ดวงตาที่บริสุทธิ์ของนางจ้องมองอูหวนสุ่ยจวินเขม่น “ข้าแนะนำว่าจะดีที่สุดหากเจ้าไม่ทำตัวเสียสติ และตัดสินใจอย่างชาญฉลาด”
ยามนี้ จู้กู่ชิงที่มีสีหน้าไร้ความรู้สึก สั่นสะท้านไปทั่วร่าง จากสายตาที่ว่างเปล่าในตอนแรก พลันเปล่งประกายเจิดจรัสขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อจำฐานะของหนิงซือฮวาได้ นางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมา
อูหวนสุ่ยจวินขมวดคิ้ว รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
สายตาดุจสายฟ้าฟาดของเขากวาดมองไปทั่วทั้งลาน พลางเอ่ยเสียงต่ำ “ใครรู้จักผู้หญิงที่คุยโวโอ้อวดอย่างไม่กระดากอายนี้บ้างว่าเป็นผู้ใดกัน?”
เขาตั้งใจลองสืบค้นเบื้องหลังของหนิงซือฮวา
“ข้ารู้ นางคือคนที่มากับเถาชิงซาน!”
คางคกสิบสามตะโกนเสียงดังออกมา “สุ่ยจวิน ข้าสงสัยนัก ว่าที่เถาชิงซานมาในครั้งนี้มีเจตนาไม่ดีแน่!”
“ถูกต้อง คนแก่อย่างข้ายืนยันเรื่องนี้ได้ ”
พังพอนเฒ่าส่งเสียงสนับสนุนออกมา มองไปทางเถาชิงซานด้วยนัยน์ตาที่แฝงไว้ด้วยความดีใจบนความทุกข์ผู้อื่นเล็กน้อย
เถาชิงซานลุกขึ้น มีสีหน้าเคร่งขรึม เอ่ยด้วยเสียงต่ำ “ปีศาจเฒ่าอูหวน อย่าหาว่าข้าไม่เตือนเจ้า จะดีที่สุดหากตอนนี้เจ้าปล่อยผู้หญิงคนนั้นไป ไม่เช่นนั้น วันนี้เมืองเก้าคดจะถูกกวาดล้างด้วยเลือด!”
บรรยากาศที่เงียบสงัดในตอนแรก พลันเสียงดังอื้ออึงขึ้นทันที เมื่อถ้อยคำดังกล่าวถูกเอ่ยออกมา
ภูตผีบางส่วนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะขบขันกับวาจาดังกล่าว
“ฮ่า ๆๆ เกรงว่าเถาชิงซานผู้นี้จะบ้าไปแล้ว?”
“กวาดล้างเมืองเก้าคดทั้งหมด? แม้แต่เทพเซียนเดินดินมา ก็ยังทำไม่ได้เลย!”
“ไม่ใช่ มันแปลกเกินไปแล้ว เถาชิงซานไม่เหมือนกับคนที่โง่และอวดดีเช่นนี้ หรือว่าเขากำลังตั้งใจยั่วยุอยู่ และคิดที่จะทำลายพิธีเซ่นไหว้ในครั้งนี้?”
…เวลานี้ ราวกับว่าอูหวนสุ่ยจวินถูกหยอกเย้าให้ขำขัน จนโมโหมากและเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“อูผู้นี้ใจกว้างเชิญจ้าวบรรพตเถามาเข้าร่วมการประชุมครั้งใหญ่นี้ แต่เจ้ากลับเอ็ดตะโรว่าจะทำลายเมืองเก้าคดของอูผู้นี้ทิ้ง ก็ได้ เจ้าลองไปทำลายดู จะได้เปิดหูเปิดตาพวกข้าเสียบ้าง”
เสียงหัวเราะหยอกล้อดังไปทั่วลานพิธี พวกภูตผีบางส่วนหัวเราะจนหัวจะหลุด
เถาชิงซานขมวดคิ้ว
เป็นในตอนนี้ ซูอี้ส่ายหน้าอยู่ครู่หนึ่ง “พูดเรื่องไร้สาระไปจะได้ประโยชน์อันใด? ลงมือเถิด”
หนิงซือฮวาพยักหน้า ก้าวเดินตรงไปกลางลานพิธี
เรือนร่างงดงาม สวมชุดกระโปรงยาวสีขาวลายก้อนเมฆ หน้าตาอ่อนเยาว์ ดูราวกับเด็กผู้หญิงที่มีอายุสิบสามปี
แต่เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาที่เย็นชาของนาง ในใจของอูหวนสุ่ยจวินกลับมีความกดดันพรั่งพรูออกมาอย่างอธิบายไม่ได้ จึงอดไม่ได้ที่จะตกใจระคนแปลกใจ
“ผู้หญิงไร้ยางอาย หน้าด้านหน้าทน? ไสหัวกลับไปเสีย!”
พลันสนมซานซิ่วลุกขึ้นทันที นางเข้ามาขวางทางหนิงซือฮวาไว้ ยกมือขึ้นไปจับคอหนิงซือฮวา หวังว่าจะยกอีกฝ่ายขึ้นมาและโยนกลับไปที่เดิม
ทว่ายื่นแขนขวาไปไม่ถึงครึ่งทาง ก็ถูกมือเรียวเล็กดุจหยกจับเอาไว้อย่างแน่นหนา
“ตายไปก็ไม่น่าเสียดาย”
หนิงซือฮวาเอ่ยเสียงเบา
ดวงตาสนมซานซิ่วมืดลง ร่างกายบิดเบี้ยวทรุดตัวลงราวกับถูกบีบรัดอย่างน่าหวาดกลัว ภายในร่างเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นและแตกเป็นเสี่ยง ๆ ทันที
ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกคนที่จ้องมองมา สนมซานซิ่วถูกบีบแน่นราวกับลูกบอลที่ถูกบีบอัดอย่างขีดสุด ก่อนเกิดระเบิดเสียงดังตูมขึ้นมา กลายเป็นเศษเนื้อที่กระจายไปทั่ว
ทั้งลานล้วนเงียบสงัด
พลันสีหน้าเหล่าภูตผีและปีศาจก็เปลี่ยนไป
สนมซานซิ่วนามว่า ‘ซานซิ่ว’ ร่างเดิมเป็นผีร้ายร้อยปี แม้จะไม่แข็งแกร่งอย่างปรมาจารย์ผู้นั้น ทว่าพอที่จะฆ่าผู้สำเร็จวิถียุทธ์ขอบเขตรวบรวมลมปราณได้
แต่ยามนี้ กลับไม่คิดเลยว่าเพียงแค่พบหน้าก็ถูกฆ่าตายแล้ว!!
“หึ!”
สีหน้าอูหวนสุ่ยจวินครึ้มลง ตะโกนออกมาเสียงดัง “ทหารผีอยู่ที่ใด ไปเอาชีวิตผู้หญิงคนนั้นกับเถาชิงซานและคนอื่น ๆ ทั้งหมดมาให้ข้า!”
ตูม!
ทั่วทุกสารทิศในลานพิธีแห่งนี้ พลันมีกลุ่มผีร้ายพุ่งออกมาทีละกลุ่ม มากมายนับพันนับหมื่น พลังสังหารนั้นรุนแรง บ้างก็พุ่งเข้าไปหาหนิงซือฮวา
บ้างก็พุ่งไปทางจ้าวบรรพตเถา เถิงหย่ง และซูอี้
กลิ่นอายมืดทึมเยือกเย็น ตลบอบอวลไปทั่วทั้งลาน
“ทุกท่านโจมตีพร้อมกัน เอาชีวิตเถาชิงซานกับคนอื่น ๆ มาให้ได้!”
คล้ายกับคางคกสิบสามกลัวจะไม่วุ่นวายพอ จึงร้องตะโกนเสียงดังออกมา
เวลานี้ พวกภูตผีปีศาจที่ร่วมงานเลี้ยงเหล่านั้นพากันลุกขึ้น สีหน้าดูตื่นเต้นยินดี ทั้งหมดเข้ามาล้อมไว้และลงมือ
ฝีมือการต่อสู้ของภูตผีปีศาจเหล่านั้นแปลกประหลาดมาก บ้างก็ควบคุมพลังหยินชั่วร้าย บ้างก็กลืนคายเปลวไฟพิษ บ้างก็กลายร่างเป็นร่างเดิม และโถมเข้ามาฆ่า
ตัวหนึ่งโหดเหี้ยมกว่าอีกตัวหนึ่ง กลิ่นอายช่างน่าทึ่งมาก
ในสถานการณ์เช่นนี้ หากสับเปลี่ยนเป็นตัวตนขอบเขตปรมาจารย์ทั่วไปคนอื่น พวกเขาเกรงว่าจะรู้สึกได้ถึงความสิ้นหวัง
แต่ไม่ว่าจะเป็นหนิงซือฮวา หรือซูอี้ ราวกับว่าไม่รู้สึกอะไร และสีหน้ายังคงเหมือนเดิม
ตูม!
จู่ ๆ ลมปราณบนร่างหนิงซือฮวาเปลี่ยนไปทันที แสงแวววาวปรากฏออกมารอบร่างบางนั่น สว่างไสวดั่งสายรุ้งกับดวงอาทิตย์ขนาดใหญ่
เหล่าผีดุร้ายที่กำลังจะพุ่งเข้ามาโจมตี และยังไม่ทันเข้ามาใกล้ ต่างตะโกนเสียงแหลมหวาดกลัวอย่างน่าสงสารออกมา ร่างของพวกมันกลิ้งไปมา ก่อนละลายกลายเป็นควันสีดำแผ่กระจายไปทั่ว
ทว่าเหล่าผีดุร้ายพวกนี้ราวกับว่าไม่รู้จักกลัวสิ่งใด ยังพุ่งเข้ามาโจมตีอย่างไม่ขาดสาย พลังสังหารนั้นรุนแรงมาก
เมื่อภูตผีและปีศาจที่เก่งกาจบางส่วนได้เห็น ก็ถือโอกาสเข้าไปจู่โจมทันที
แต่เมื่อหนิงซือฮวาเผยพลังให้เห็นต่อหน้าอีกครา ก็ทำให้พวกมันรู้สึกได้ว่าอะไรคือความสิ้นหวังและความน่ากลัว
กระโปรงนางพลิ้วไหว ก้าวเดินไปข้างหน้า ใช้ฝ่ามือหนึ่งตบออกไป กลุ่มผีร้ายเหล่านั้นก็ถูกตีจนแตกออก ร่างกายที่กลิ้งไปมาระเบิดกลางอากาศ
ส่วนภูตผีปีศาจเก่งกาจบางส่วนซึ่งถืออาวุธเดินเข้ามา ก็ถูกนางกำจัดทิ้งในระหว่างอารมณ์ที่ผ่อนคลาย ราวกับบีบฆ่ามดปลวกตัวจ้อยก็ไม่ปาน
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เหล่าภูตผีปีศาจไม่น้อยที่อยู่ในลานตกใจ พลันสีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร
ในขณะเดียวกัน
ซูอี้ได้ลุกขึ้นนานแล้ว เขาเอ่ยด้วยสีหน้าสงบ “พวกเจ้าตามมาอยู่ด้านหลังข้า”
ขณะเอ่ยอยู่ เขาก็เดินไปทางเสาทองสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ต้นหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล
ใกล้ ๆ นั้นมีผีร้ายพุ่งเข้ามาทั่วทุกทิศทุกทาง ทั้งหมดล้วนถูกเขามองข้าม หรือพูดง่าย ๆ คือไม่ได้อยู่ในสายตาชายหนุ่มเลยสักนิด
เถาชิงซานและเถิงหย่งรีบเร่งเดินตามไปด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม พวกเขาไม่คิดเลยว่า การต่อสู้ในครั้งนี้เหตุใดถึงได้กลายเป็นเช่นนี้!
แต่พวกเขายังไม่ทันได้ทำอันใดก็เป็นต้องชะงักงันไป…
สถานการณ์อันตรายเกินไป!
นี่คือเมืองเก้าคด รังของอูหวนสุ่ยจวิน และมีพวกอันธพาลโหดเหี้ยมร้อยกว่าคนมาร่วมงานเลี้ยงใกล้ ๆ ลานพิธีนี้
หากไม่มีซูอี้อยู่ล่ะก็ เกรงว่าพวกเขาทั้งสองคงจะตายไปนานแล้ว…
ยามนี้ พวกเขาทำได้แค่ฝากความหวังไว้ที่ซูอี้
ตูม ตูม
พลังสังหารไหลเชี่ยวราวกระแสน้ำ เหล่าผีร้ายแยกเขี้ยวยิงฟัง พุ่งเข้ามาอย่างมืดฟ้ามัวดิน ภาพนี้ทำให้เถาชิงซาน และเถิงหย่งจำต้องลงมืออย่างช่วยไม่ได้
แต่ที่ตอบสนองเร็วยิ่งกว่าพวกเขาก็คือแสงดาบเล่มหนึ่ง!
ฉัวะ!
ปราณดาบดุจผ้าไหมขาว ยับยั้งผีร้ายที่อยู่ด้านหน้า พวกมันต่างก็ถูกกวาดล้างออกไปทั้งหมด ควันดำลอยกระจายไปทั่ว
และยังมีปีศาจสองตนที่แฝงกายอยู่ในกลุ่มผีร้าย ทั้งคู่เป็นอันธพาลที่รุกรานอยู่ในยอดเขาอีกด้านหนึ่ง มางานเลี้ยงในฐานะแขกผู้มีเกียรติ
แต่ภายใต้ดาบเล่มนี้ ราวกับกระดาษที่เปียกยุ่ย ถูกสังหารคาที่ หลบเลี่ยงไม่ทัน!
ภาพดังกล่าวทำให้เถาชิงซานและเถิงหย่งที่มองอยู่เบิกตากว้าง ปากอ้าค้าง ภายในใจรู้สึกสั่นสะท้าน นี่คือฝีมือของเทพเซียนหรือไร?
“ไม่ดีแน่ เจ้าหนุ่มคนนี้แข็งแกร่งเกินไป รีบถอยเร็ว!”
คางคกสิบสามที่จะพุ่งเข้ามาในตอนแรก เมื่อรับชมภาพดังกล่าว ก็ตกใจจนใบหน้าอ้วนสั่นสะเทือน เร่งถอนตัวกลับไปอย่างไม่มีความลังเลเลยสักนิด
เขาไม่เคยคิดเลยว่า ชายหนุ่มชุดเขียวที่ถูกมองข้ามมาโดยตลอดก่อนหน้านี้ เมื่อลงมือแล้ว จะมีความน่าหวาดกลัวเช่นนี้
แม้แต่พังพอนเฒ่าก็ตัวสั่นไปทั่งร่าง รีบไปหลบซ่อนที่ไกลราวกับฝ่าเท้าทาน้ำมันเอาไว้
แน่นอนว่ามีพวกที่ไม่กลัวตายพุ่งมาด้านหน้า หรืออัญเชิญอาวุธออกมา ไม่ก็ร่ายเคล็ดวิชาลับชั่วร้าย
แต่ไม่มีข้อยกเว้น พวกเขาทั้งหมดถูกซูอี้ฆ่าด้วยการแกว่งดาบบงการฟ้าดิน สิ่งที่เกิดขึ้นล้วนคล่องแคล่วฉับไว ราวกับหั่นแตงกวาหั่นผักก็ไม่ปาน
ไม่นาน ซูอี้และคนอื่น ๆ ก็มาถึงด้านหน้าเสาทองสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ต้นหนึ่ง
“ฆ่า!” “ฆ่า!” “ฆ่า!” “ฆ่า!”
ผีร้ายที่ไม่กลัวตายเหล่านั้นยังคงพุ่งเข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อน พลังที่ออกมานั้นมหาศาล ทว่ายังไม่ทันได้เข้าไปใกล้ ก็ถูกสังหารไปทีละตัว
และในขณะเดียวกันที่ลงมือ มือซ้ายของซูอี้ก็ยื่นออกมา นิ้วมือดั่งคมมีด สลักยันต์ลวดลายเลือนรางเป็นแถว ๆ ลงบนเสาทองสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่อย่างรวดเร็ว
เขาจับปลาสองมือ โดยการฆ่าศัตรูไปด้วย และสลักยันต์ไปด้วย
เพียงแค่หายใจเข้าออกไม่กี่ครั้ง ภาพสลักลึกลับเลือนรางก็ปรากฏอยู่บนเสาทองสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่
ซูอี้ไม่รอช้า พาเถาชิงซานกับเถิงหย่งไปที่เสาทองสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่อีกต้นหนึ่ง
ระหว่างทาง เขายังคงสังหารไม่หยุด
แต่ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะมากเพียงใด พวกมันล้วนถูกซูอี้ฆ่าตายด้วยดาบดั่งแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ
“บุรุษและสตรีผู้นี้คือผู้ใดกันแน่?”
“ช่างน่าหวาดกลัวนัก!”
“รีบหลบเร็ว ชายแก่คนนี้มาเพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยง ไม่ใช่มาตายนะ!”
…เสียงอื้ออึงและเสียงร้องตกใจดังขึ้นทั่วลาน ขณะนี้สถานการณ์โกลาหลวุ่นวาย ยากที่จะควบคุม
แต่ว่าก็พอจะมองออก ไม่ว่าจะเป็นซูอี้ หรือว่าหนิงซือฮวา ต่างก็มีพลังที่ไม่อาจหยุดยั้ง!!
พลังน่าหวาดกลัวที่เผยออกมาจากพวกเขาทั้งสองคนนั้น ยิ่งทำให้เหล่าภูตผีปีศาจที่มาร่วมงานเลี้ยงตกใจจนตัวสั่น ตกตะลึงอย่างไม่หยุดหย่อน
ก่อนหน้านี้ ใครจะกล้าเชื่อว่าบุรุษกับสตรีคู่นี้ จะแข็งแกร่งเช่นนี้?
และใครจะกล้าจินตนาการ ว่าจะมีคนใจกล้าลงมือก่อเรื่อง ในรังของอูหวนสุ่ยจวินได้?
รับชมภาพตรงหน้า อูหวนสุ่ยจวินที่อยู่ตรงกลางลานพิธีมีสีหน้าครึ้มลง
เขาไม่ลังเลอีกต่อไป หยิบธงสีเลือดออกมาจากในแขนเสื้อ แกว่งไปมาอยู่ในอากาศอย่างโหดเหี้ยม
ตูม!
ฉับพลันประตูทองสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่เก้าบานโผล่สูงตระหง่านล้อมรอบลานพิธี มันสูงราว ๆ สิบจั้ง และทุก ๆ บานประตูมีสัญลักษณ์แปลกประหลาดสีเลือดไม่เหมือนกันอยู่บนนั้น มีทั้งลม ฟ้าร้อง ดิน ไฟ ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว และอื่น ๆ
เมื่อประตูทองสัมฤทธิ์ทั้งเก้าบานปรากฏออกมา ทันใดนั้นมันก็ติดกันเหมือนกับกำแพง ทำให้ทางหนีทั้งหมดในลานพิธีถูกปิดตาย
และก็เป็นในตอนนี้เอง ที่หนิงซือฮวาฆ่าฝ่าวงล้อมออกมาพอดี ย่างก้าวของนางชะลอเล็กน้อย อยู่ห่างจากอูหวนสุ่ยจวินไม่ถึงห้าจั้ง!
“ตายซะ!”
อูหวนสุ่ยจวินตะโกนออกมา พลางโบกธงสีเลือดที่อยู่ในมือไปทางหนิงซือฮวา
ตูม!
ทันใดนั้น ประตูทองสัมฤทธิ์ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้บานหนึ่งก็ขึ้นมาด้านหน้า ก่อนมีสายฟ้าสีเลือดพุ่งออกมาดั่งผ้าไหมผืนหนึ่ง แฝงไว้ด้วยแสงประหลาดที่ทำให้แสบตา ผ่าไปที่หนิงซือฮวาอย่างโหดเหี้ยม!