บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 21 เพียงมองอย่างใจเย็น และเลือนหาย
ตอนที่ 21 เพียงมองอย่างใจเย็น และเลือนหาย
สีหน้าเหวินฉางจิ้งมืดหม่น
วันนี้ครบรอบปีเกิดที่แปดสิบของนายหญิงเฒ่า แขกเหรื่อจากทั่วสารทิศจึงมารวมตัวกัน ทั้งผู้คนจากภายนอกและภายในเมืองกว่างหลิงต่างมาเข้าร่วม
ในครั้งนี้ ไม่ว่าเรื่องราวใดเกิดขึ้น มันจะแพร่กระจายสู่โลกภายนอกในเวลาอันสั้นที่สุดเท่าที่เคยมี
ครั้งหลี่เทียนหานมาที่นี่ เบื้องหน้ามาเพราะงานวันเกิด แต่ในความเป็นจริงหาได้ใช่เช่นนั้นไม่!
นายหญิงเฒ่าแห่งตระกูลเหวิน ผู้อาวุโสรองเหวินฉางชิง และตัวตนใหญ่โตทั้งหลายของตระกูลเหวินต่างได้ตระหนักว่าเรื่องราวครั้งนี้ไม่ดีเสียแล้ว สีหน้าขณะนี้จึงกลับกลายเป็นอัปลักษณ์
หลี่เทียนหานราวกับพึงพอใจต่อผลลัพธ์ ถ้อยคำอันเฉยชาได้กล่าวออกมา “ทุกคนอย่าได้กังวลใจไป หลังสองเรื่องราวเล็กน้อยที่ตัวข้าจะกล่าวคลี่คลาย หลี่ผู้นี้จะรีบจากไปโดยทันที และไม่คิดรบกวนพวกท่าน”
โดยไม่เปิดโอกาสให้เหวินฉางจิ้งหรือผู้อื่นกล่าวตอบ หลี่เทียนหานเอ่ยคำต่อ
“เรื่องแรก ข้าสกุลหลี่มีความคิดเห็นว่า ขณะนี้อิทธิพลของตระกูลเหวินด้อยลงอย่างยิ่งยวด ไม่เหมาะควรที่จะครอบครองกิจการสมุนไพรของเมืองกว่างหลิงไว้แต่เพียงผู้เดียว วันนี้ครึ่งหนึ่งของกิจการจะต้องถูกส่งมอบ!”
“ครึ่งหนึ่ง? หลี่เทียนหาน เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรือ!” เหวินฉางจิ้งเผยหน้าผากเหี่ยวย่น กระทั่งแทบจะกระทืบเท้าด้วยความโกรธ
คนใหญ่คนโตในตระกูลคนอื่น ๆ ต่างโกรธเคืองเช่นกัน
แหล่งเงินอันยิ่งใหญ่ที่สุดของตระกูลเหวิน ก็คือการค้าสมุนไพร ซึ่งนับได้ว่าเป็นรากฐานของตระกูล
หลี่เทียนหานอ้าปากกว้างราวราชสีห์ คิดฮุบกลืนกิจการสมุนไพรครึ่งหนึ่งเป็นของตนเอง เรื่องนี้เทียบเท่าได้กับการประหารตระกูลเหวิน!
บรรดาคนใหญ่คนโตในที่นี้ต่างสูดลมหายใจเย็นเยือก ใจพวกเขาสั่นสะท้าน ตระกูลหลี่ช่างโหดเหี้ยม!
หลี่เทียนหานกล่าวคำเฉยชา “พี่เหวินอย่าได้เข้าใจผิด ข้าได้หารือเรื่องนี้กับพี่หวงอวิ๋นชงมาก่อน ครึ่งหนึ่งของกิจการสมุนไพรที่ตระกูลเหวินแบ่งมา ตระกูลหลี่ของข้าจะรับไว้ที่สามส่วน ขณะที่ตระกูลหวงจะรับไว้สองส่วน
ขณะนี้ทุกคนต่างชะงักงัน พวกเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกใจสั่น ทั้งยังตระหนักถึงการลงมือของหลี่เทียนหาน ที่อาศัยทั้งอำนาจตระกูลหลี่และตระกูลหวงบีบบังคับให้ตระกูลเหวินต้องยอมก้มศีรษะ!
การเตรียมการเช่นนี้ หากตระกูลเหวินเอ่ยปฏิเสธ เรื่องราวปัญหาเลวร้ายย่อมเกิดไม่จบไม่สิ้น
อย่างไรแล้ว ด้วยเบื้องหลังและอำนาจของตระกูลเหวินตอนนี้ มันไม่มีทางเทียบเคียงกับอีกสองตระกูลได้!
เหวินฉางจิ้ง เหวินฉางชิง รวมถึงผู้อื่นต่างตระหนักรู้อย่างชัดเจนว่าพวกตนเองเสียเปรียบ ความเย็นเยือกบังเกิดขึ้นในใจพวกเขา ทั้งยังอับจนหนทาง
“พี่หวงก็อยู่ที่นี่เช่นกัน หากไม่เชื่อข้า เช่นนั้นลองสอบถามพี่หวงโดยตรงได้”
หลี่เทียนหานกล่าวบอก พลางมองยังหวงอวิ๋นชงผู้นั่งอยู่ใกล้เคียง
“พี่หวง เรื่องจริงหรือ?” เหวินฉางจิ้งเอ่ยคำถามเสียงเคร่งเครียด
ผู้คนภายในห้องต่างมองยังหวงอวิ๋นชง
แต่แล้วผู้คนกลับเห็นสีหน้าหวงอวิ๋นชงแปรเปลี่ยนฉับพลัน ราวกับตัดสินใจบางอย่างได้ เขาพลันยืนขึ้น กล่าวถ้อยคำอันหนักแน่นออกมา “ข้าไม่เคยกล่าววาจาอันไร้สาระเช่นนั้น ทั้งหมดล้วนไม่จริง!”
ปฏิเสธหนักแน่น!
ฝูงชนชะงักงันและสับสน นี่… มันเรื่องราวใดกัน?
เหวินฉางจิ้งและผู้อื่นต่างยินดี เพราะดูเหมือนหวงอวิ๋นชงหาได้ตกลงร่วมมือกับหลี่เทียนหานแต่อย่างใด!
“พี่หวง กล่าวคำเช่นนี้คืออะไร? ลืมเลือนข้อตกลงก่อนหน้าของพวกเราแล้วหรือ?” หลี่เทียนหานเผยสีหน้าแปรเปลี่ยน ราวไม่คาดคิดมาก่อน
“ข้อตกลงอะไร วาจาเลื่อนลอยทั้งสิ้น!”
หวงอวิ๋นชงสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะกล่าวด้วยสีหน้าอันเรียบเฉย “พี่หลี่ ข้าขอย้ำเตือน วันนี้คืองานเลี้ยงวันเกิดนายหญิงเฒ่าแห่งตระกูลเหวิน ท่านควรยับยั้งการกระทำของตนเองบ้าง!”
“เจ้า!!” หลี่เทียนหานเผยสีหน้ามืดหม่น
อย่างไรแล้ว เขาก็เป็นผู้ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก ขณะนี้ได้ตระหนักว่าสถานการณ์ผิดปกติไป หวงอวิ๋นชงผู้มักคิดถึงแต่ผลประโยชน์ เวลานี้กล้าหักหลังข้อตกลงซึ่งหน้า หรือจะมีเรื่องราวใดที่ทำให้ผู้สกุลหวงกล้ากลับคำ?
“พี่หลี่ ยังมีอะไรคิดกล่าวอีกหรือไม่?” เหวินฉางจิ้งแค่นเสียงเย็นชา ในใจขณะนี้คลายกังวลลง หากไร้ซึ่งตระกูลหวงมีส่วนร่วม เพียงเผชิญหน้าแค่ตระกูลหลี่ เขายังพอมีความมั่นใจ
หลี่เทียนหานตั้งสติได้รวดเร็ว ก่อนจะกล่าวคำจริงจังออกมา “ช่างมัน ถือว่าไม่เคยกล่าวถึงเรื่องราวนี้มาก่อน กล่าวถึงเรื่องที่สองก็ได้!”
ผู้คนในโถงต่างรู้สึกกังวลกันขึ้นมา เพียงเรื่องแรกยังทำเคร่งเครียดขนาดนี้ เรื่องที่สองนั้นจะชวนสะพรึงเช่นไร?
หลี่เทียนหานกล่าวบอกต่อหลี่โม่อวิ๋นที่ข้างกาย “โม่อวิ๋น เจ้าแจ้งออกไป!”
หลี่โม่อวิ๋นก้าวเดินออก สำรวจมองโดยรอบ และกล่าวคำเสียงดัง “ได้ยินมาว่า ซูอี้และแม่นางหลิงเจาเป็นคู่ครองเพียงในนาม และแม่นางหลิงเจาก็แต่งงานแต่เพียงในนามด้วย ดังนั้น… ซูอี้ผู้น่ารังเกียจเอ๋ย ข้าคาดหวังให้ผู้อาวุโสตระกูลเหวินเพิกถอนสถานะแต่งงาน และปล่อยแม่นางหลิงเจาเป็นอิสระเสีย!”
ประโยคที่อหังการนี้ทำให้ทั้งห้องโถงกลายเป็นฮือฮา
เหวินฉางจิ้ง เหวินฉางชิง รวมถึงผู้อื่นต่างชะงักงัน
ผู้ใดกันจะคาดคิด ว่าเรื่องที่สองของหลี่เทียนหานซึ่งเดินทางมา จะเพื่อโต้แย้งเรื่องการตบแต่งของซูอี้และภรรยา?
“เรื่องนี้…” เหวินฉางไท่และฉินชิ่งต่างมองหน้ากันเอง คนทั้งสองชะงักเล็กน้อย ราวนึกย้อนถึงเรื่องราวที่คุ้นเคย
เมื่อเจ็ดวันก่อน เว่ยเจิงหยางจากตระกูลเว่ยแห่งเขตปกครองอวิ๋นเหอ ได้กล่าวคำเช่นเดียวกันนี้ออกมา เพื่อบุตรีของพวกเขา!
เวลานั้นพวกเขาแทบอยากเอาศีรษะโขกพื้นให้แตก เพราะไม่คาดคิดว่าบุตรีซึ่งแต่งงานไปแล้ว จะยังเป็นที่รักชอบถึงเพียงนี้…
ขณะเดียวกัน ที่ภายนอกโถงหลัก
สิ้นคำหลี่โม่อวิ๋น สายตานับไม่ถ้วนอันแปลกประหลาด ต่างมองที่ซูอี้
เรื่องราวที่เกิดขึ้นที่โถงหลักตระกูลต่างได้ยินถึงโถงภายนอก พวกเขากระทั่งประหลาดใจ เพราะหาได้คาดคิดถึงคำร้องขอนี้จากหลี่โม่อวิ๋น!
หลายผู้คนต่างคาดเดา วันนี้อาจถึงคราวที่ซูอี้ถูกขับไล่!
อย่างไรแล้ว ครั้งนี้ผู้นำตระกูลหลี่ก็มาด้วยตนเอง มีหรือตระกูลเหวินจะยอมมีปัญหาด้วยเรื่องของบุตรเขยที่ตนเองชิงชังอยู่แล้วกับตระกูลหลี่?
“บัดซบ!” ดวงตาเหวินหลิงเสวี่ยเบิกกว้างและกราดเกรี้ยว
“ตาแก่นั่นรนหาที่ตายโดยแท้!” หวงเฉียนจวินพ่นลมหายใจอย่างเย้ยหยัน
เขาแสร้งทำเป็นมองไปเรื่อย ก่อนจะพบหว่างคิ้วของซูอี้ที่อยู่ข้างกายขมวดเล็กน้อย!
เรื่องนี้ทำหวงเฉียนจวินได้ตระหนัก ว่ากำลังจะมีเรื่องดีให้รับชม!
“เรื่องนี้…” ที่ภายในโถงตระกูลขณะนี้ เหวินฉางจิ้ง เหวินฉางชิง รวมถึงผู้อื่นต่างลังเล พวกเขาต่างมองไปยังนายหญิงเฒ่าแห่งตระกูลเหวิน
การแต่งงานระหว่างซูอี้และเหวินหลิงเจา นายหญิงเฒ่าเป็นผู้ตัดสินใจ หาได้เกี่ยวข้องใดกับผู้อื่นของตระกูลเหวิน
หากไม่ใช่เพราะนายหญิงเฒ่า เหวินฉางจิ้งและคณะคงขับไล่ซูอี้ออกไปให้พ้นจากตระกูลนานแล้ว!
ขณะนี้ทุกสายตามองไปยังนายหญิงเฒ่า ซึ่งนางตระหนักว่าครั้งนี้นางคงต้องออกหน้าเองแล้ว
นางสูดลมหายใจเข้าลึก ถ้อยคำกล่าวออกชัดเจน “ไม่ว่าเป็นผู้ใดเอ่ยปาก สถานะสมรสก็ไม่อาจถูกเพิกถอน!”
ชัดเจน ไร้ช่องให้ต่อรอง!
เหวินฉางจิ้ง รวมถึงเหวินฉางชิงต่างใจดิ่งฮวบ พวกเขาเกิดสงสัย ทั้งยังไม่เข้าใจ ว่าเหตุใดนายหญิงเฒ่าจึงยืนกรานรักษาสถานะสมรสจนถึงเวลานี้
กระทั่งฉินชิ่งยังร้อนใจ นับตั้งแต่แรก นางคือผู้เห็นแย้งการสมรสถึงที่สุด กระทั่งเอ่ยปากขอให้ขับไล่ซูอี้ถึงหลายครั้งครา
และขณะนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นโอกาสอันดี
กระนั้นนายหญิงเฒ่ากลับยังปฏิเสธ!
หลี่โม่หวิ๋นขมวดคิ้ว รู้สึกได้ถึงความไม่สบายใจ สายตาหันมองหลี่เทียนหานผู้เป็นบิดา
แต่ก่อนหลี่เทียนหานจะเอ่ยคำใดขึ้น หวงอวิ๋นชงกลับถอนหายใจกล่าวคำออกมา
“คนนอกผู้หนึ่งต้องการแทรกแซงการสมรสของผู้อื่น หลานโม่อวิ๋น ตาเฒ่าผู้นี้ขอให้คำแนะนำ เจ้าควรรีบเปลี่ยนใจโดยเร็ว!”
นัยน์ตาหลี่เทียนหานหดเล็กลง “พี่หวง ท่านหมายความว่าอย่างไร?”
“ยังมีอะไรได้อีก?”
หวงอวิ๋นชงมองผู้คนรอบด้าน ก่อนจะกล่าวคำเสียงหนักแน่น “เห็นแก่ที่เราเป็นมิตรต่อกันเสมอมาข้าขอกล่าวเตือนเจ้าสักเรื่องหนึ่ง หยุดความคิดที่มีต่อเหวินหลิงเจาของบุตรชายเจ้าเสีย หากไม่ หายนะจะตกแก่ตระกูลหลี่ทั้งหมด!”
หลี่เทียนหานพลันเผยสีหน้าแปรเปลี่ยน
ผู้อื่น ณ ที่นี้ต่างรู้สึกเคว้ง เดิมเรื่องราวนี้เป็นของตระกูลเหวินและตระกูลหลี่ แต่หวงอวิ๋นชง ผู้นำตระกูลหวงถึงขั้นเข้าแทรกแซงด้วยตนเอง
ไม่แปลกหากผู้คนจะสับสน
หลี่โม่อวิ๋นไม่พอใจ แก้มของใบหน้าอันหล่อเหลาถึงกับขึ้นสี “ลุงหวง ท่านคงไม่คิด ว่าข้าไม่อาจเทียบเปรียบซูอี้กระมัง?”
หวงอวิ๋นชงเผยสายตาเวทนา และส่ายศีรษะกล่าวตอบ “เจ้ากำลังแสวงหาความเสื่อมเสียสู่ตนเอง!”
แสวงหาความเสื่อมเสีย!
ไม่กี่ถ้อยคำ แต่กลับทำผู้คนชะงัก กระทั่งคิดว่าได้ยินผิดพลาด
บุคคลเช่นหลี่โม่อวิ๋นเป็นใคร? เป็นรุ่นเยาว์ที่โดดเด่นที่สุดของเมืองกว่างหลิง ทั้งยังเป็นศิษย์สายในของสำนักดาบชิงเหอ
“พี่หวง เหตุใดวันนี้ท่านแปรเปลี่ยนไปขนาดนี้? ไม่เพียงทำข้าอับอาย แต่ยังเข้าแทรกแซงเรื่องของบุตรชายข้า!”
สายตาหลี่เทียนหานเย็นเยือก ในใจเริ่มกราดเกรี้ยว
เดิมเขาคิดจะมาสร้างปัญหาแก่ตระกูลเหวิน หาได้นึกคิดไม่ ว่าจะถูกหวงอวิ๋นชงทำลายแผนการครั้งแล้วครั้งเล่า!
ขณะหวงอวิ๋นชงกำลังคิดกล่าวต่อ เสียงอันลุ่มลึกพลันดังจากภายนอกโถงดึงดูดความสนใจของผู้คน
“พี่หวงกล่าวได้ถูกต้องแล้ว หากพวกเจ้ายังดึงดัน ไม่นานพวกเจ้าจะมอดไหม้เหลือแต่เถ้า!”
ผู้ซึ่งเปล่งเสียงมา คือเนี่ยเป่ยหู่ผู้บัญชาการกองทหารองค์รักษ์จวนเจ้าเมือง ร่างสูงนั้นก้าวเดินเข้ามารวดเร็ว
ฝูงชนตื่นตะลึง ผู้คนโดยรอบต่างชะงัก พวกเขาสับสนกับสถานการณ์ตรงหน้าเป็นอย่างมาก
เหวินฉางจิ้ง เหวินฉางชิง รวมถึงผู้อื่นต่างเป็นเช่นเดียวกัน พวกเขาไม่นึกคิดว่าเนี่ยเป่ยหู่ ผู้บัญชาการทัพของจวนเจ้าเมืองจะเข้ามาแทรกแซงเรื่องราวภายในตระกูลของพวกเขาเช่นนี้
และที่แปลกประหลาดยิ่งกว่า คือการที่เนี่ยเป่ยหู่ผู้ซึ่งมาถึงทีหลังชี้นิ้วใส่หลี่เทียนหานและบุตรชาย!
“เนี่ยเป่ยหู่ เจ้าหมายความว่าอะไร?” หลี่เทียนหานรู้สึกว่าเรื่องราวผิดคาดอย่างยิ่งยวด ใบหน้าพลันกลายเป็นดำมืด เขาไม่คาดฝันมาก่อนว่าวันนี้เขาจะตกเป็นเป้าถูกกลุ่มรุมซะเอง!
ท่าทีหวงอวิ๋นชงที่ผิดแปลกไปว่าแย่แล้ว แต่การมาถึงของเนี่ยเป่ยหู่นั้นยิ่งทำให้เรื่องราวมันกลับตาลปัตรไปอย่างสิ้นเชิง!
คนเหล่านี้กล้าดีอย่างไรปฏิบัติตัวเช่นนี้ต่อเขา?
แต่ก่อนหลี่เทียนหานจะตอบสนอง อีกหนึ่งเสียงพลันดังจากภายนอกโถง
“ผู้บัญชาการเนี่ยหมายความว่า วันนี้คือวันเกิดของนายหญิงเฒ่าแห่งตระกูลเหวิน ทางที่ดีพวกเจ้าพ่อลูกจงรีบกลับไป อย่าได้รบกวนงานเลี้ยงของผู้อื่น!”
ภายนอกห้องโถงหลักที่เคยเงียบงัน กลายเป็นฮือฮา
ไม่ช้า ภายใต้สายตาอันตกตะลึงของผู้คน ร่างชายวัยกลางคนในชุดบัณฑิตสีขาวบริสุทธิ์พลันก้าวเดินเข้ามาภายในโถง
“ท่านเจ้าเมืองฟู่!”
ขณะได้ตระหนักถึงตัวตนอีกฝ่าย เหวินฉางจิ้งพลันยินดี พร้อมเร่งรีบเข้าไปคำนับทักทาย
“คำนับท่านเจ้าเมืองฟู่”
“ท่านเจ้าเมืองฟู่ก็มาที่นี่ด้วย?”
…ขณะเดียวกัน ฝูงชนที่รับชมต่างตื่นตะลึง ตัวตนอันสูงศักดิ์และสำคัญ คนแล้วคนเล่าได้ปรากฏขึ้นที่งานนี้
บุคคลซึ่งเพิ่งมาคือฟู่ซาน ผู้เป็นเจ้าเมืองกว่างหลิง!
“ท่านเจ้าเมืองฟู่… เหตุใดท่าน… จึงมาที่นี่?”
หลี่เทียนหานตัวแข็งค้าง อาการสงบใจไม่อาจคงสภาพ ในใจเริ่มปั่นป่วน
ตัวเขาได้ยินนานแล้วว่าฟู่ซานไม่มีกำหนดการเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของตระกูลเหวิน แต่ผู้ใดกันจะคาดคิด ว่าฟู่ซานจะมาถึงที่นี่ด้วยตนเอง!
“ข้าย่อมต้องมาแสดงความยินดีในวันเกิดแก่นายหญิงเฒ่าตระกูลเหวินอยู่แล้ว” ฟู่ซานกล่าวตอบเฉยชา สิ้นคำกล่าว เขานำกล่องอัญมณีออกจากแขนเสื้อ รอยยิ้มเผยออกพร้อมส่งมอบแก่นายหญิงเฒ่าที่นั่งอยู่ด้านหน้า “นี่เป็นของเล็กน้อยจากใจข้าผู้สกุลฟู่”
นายหญิงเฒ่ายิ้มรับ ก่อนจะกล่าวคำขอบคุณ
ฟู่ซานหันกลับ สายตามองยังหลี่เทียนหาน ด้วยสีหน้าเย็นเยือก “พี่หลี่ ข้ากล่าวคำเมื่อครู่ชัดเจนแล้ว แนะนำให้อย่าได้โต้แย้ง จงนำบุตรชายของเจ้ากลับไปเสีย!”
หลี่เทียนหานเผยใบหน้าแข็งค้าง
สายตาเขาหันมองยังหวงอวิ๋นชง เนี่ยเป่ยหู่ รวมถึงฟู่ซานทีละคน ราวกับเข้าใจถึงบางเรื่องราวได้
ความเงียบก่อตัวยาวนาน
สุดท้ายแล้วหลี่เทียนหานโค้งศีรษะและกล่าวคำ “ขออภัย ผู้สกุลหลี่ขอตัวลา!”
สิ้นคำกล่าว เขาพลันคว้าแขนหลี่โม่อวิ๋นที่เป็นบุตรชาย เร่งหันกลับไป
และไม่หันกลับมามอง
หลังทั้งสองจากไป ผู้คนในโถงต่างโล่งใจ ทว่าไม่อาจสงบใจ
ผู้ใดบ้างไม่พบเห็น ถึงสีหน้าเคร่งเครียดของผู้นำตระกูลหลี่ ที่ก่อเรื่องผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่าในวันนี้?
มาอย่างภาคภูมิ กลับอย่างอับอาย!
ที่ภายนอกโถงหลัก
ดวงตาของเหวินหลิงเสวี่ยพบเห็นหลี่เทียนหานสองพ่อลูกจากไปด้วยความอับอาย
ส่วนหวงเฉียนจวินอดไม่ได้ที่จะพ่นลมหายใจเสียงดังอีกครั้งพร้อมหันมอง นี่คือการแส่หาเรื่องเสื่อมเสียสู่ตนเองโดยแท้!
จากนั้นสายตาของเขามองไปยังซูอี้อีกครั้ง สีหน้าอีกฝ่ายยังคงเฉยชา เพียงหยิบเหยือกสุราขึ้น และรินใส่แก้วตนเองจนเต็ม และดื่มอย่างผ่อนคลาย
นับตั้งแต่ต้นจนจบเรื่องราว ชายหนุ่มเพียงนั่งที่นี่ร่ำสุราราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น