บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 216 ท่วงทำนองของดาบเล่มนั้น
ตอนที่ 216: ท่วงทำนองของดาบเล่มนั้น
เพียงแค่สามกระบวนท่า!
ฉินฉางซานบาดเจ็บกระอักเลือด!
ไม่ว่าจะเป็นพวกเซี่ยงเทียนชิว หรือว่าพวกโจวจือหลี ต่างก็สงบนิ่งประหนึ่งรูปปั้น
ใครจะคิดล่ะว่า ปราณดาบที่พุ่งไปในอากาศของนักรบทะเลสาบมังกร ผู้เป็นปรมาจารย์ขั้นห้าที่ชื่อเสียงขจรไปทั่วอาณาจักรต้าโจว กลับไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซูอี้?
ในใจเซี่ยงเทียนชิวครึ้มลงทันที
อวี๋ไป๋ถิงมีสีหน้ามืดครึ้ม พลันมือไม้สั่นจนควบคุมไม่ได้
คังซานจิ่งรู้สึกเจ็บที่คาง และเพิ่งพบว่าในตอนที่พันหนวดอยู่นั้น ตนใช้แรงที่มือมากไป จึงดึงหนวดออกมาหนึ่งกระจุก
สีหน้าเสวียหนิงเยวี่ยนก็เปลี่ยนไปมาก
ความตกใจที่มิอาจปกปิดได้ พรั่งพรูเข้ามาในใจของบุคคลยอดเยี่ยมเหล่านี้ในมหานครกุ่นโจว
ในทางกลับกันพวกโจวจือหลี เจิ้งเทียนเหอและคนอื่น ๆ ล้วนเต็มไปด้วยความสุข ความตื่นเต้น และความฮึกเหิม
ดั่งเทพเซียนที่ตกลงมาจากสวรรค์ ทำลายศัตรูด้วยสามเพลงดาบ!
ฉางกั้วเค่อเผยสีหน้าทั้งชื่นชมทั้งตกใจออกมา
ในใจชิงจินพรั่งพรูความขมขื่นออกมาจนอธิบายไม่ได้ เพลงดาบที่สามนั้น ราวกับเซียนแสดงวิทยายุทธ และได้ทลายความหยิ่งผยองที่อยู่ส่วนลึกในใจนาง
เป็นครั้งแรกที่ในใจนางเกิดความรู้สึกสำนึกผิดที่อธิบายไม่ได้บอกไม่ถูกออกมา
พื้นที่บนยอดเขาได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง ก้อนหินแตกเป็นเสี่ยง ๆ พืชพรรณนานาชนิดถูกทำลายไปหมด ผืนดินปรากฏร่องรอยของดาบลานตามากมาย ราวกับร่องน้ำตามภูเขาที่สลับตัดกัน
หลังจากที่ฉินฉางซานกระอักเลือดแล้ว คล้ายกับทั้งร่างแก่ลงไปมาก มีรอยหยักบนหน้าผาก และมีความประหลาดใจที่อธิบายออกมาไม่ได้
วิถียุทธ์ขอบเขตรวบรวมลมปราณขั้นแปรสภาพกับปรมาจารย์ขั้นห้าแตกต่างกันมากเพียงใด?
ทว่ายามนี้ เขากลับถูกโจมตีบาดเจ็บ
และภายในยังบาดเจ็บสาหัสด้วย!
นี่ช่างน่าเหลือเชื่อมาก
“จบแล้วรึ?”
ซูอี้ที่อยู่ไม่ไกลนักส่ายหน้าอยู่ครู่หนึ่ง “ถือว่ามีความชำนาญเพลงดาบทั้งสามนี้อยู่บ้าง แต่น่าเสียดาย จุดอ่อนนั้นมีไม่น้อยเลย เอาแต่ไล่ตามชื่อเสียงและอำนาจ ทำให้พลังไม่คงที่ เจตจำนงแห่งดาบจึงมิอาจรวมกันได้ เพียงแค่ตามหาจุดอ่อนนี้และทำลายมัน ก็จะทำให้เจ้าพ่ายแพ้อย่างยับเยิน”
ฉินฉางซานยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ใบหน้าที่ขาวซีดเกิดความลังเล
จากนั้นไม่นาน เขาก็สูดหายใจเข้าลึก และเอ่ยด้วยสายตาที่เคร่งขรึมเด็ดเดี่ยว “ข้ายอมรับว่า ก่อนหน้านี้ข้าประเมินเจ้าต่ำไป แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะสามารถใส่ร้ายและทำให้ข้าอับอายบนวิถีดาบของข้าได้!”
คำพูดเหล่านี้ ยากที่จะสงบจิตสงบใจได้!
“ใส่ร้ายวิถีดาบของเจ้า?”
ซูอี้ยิ้มเยาะ “เช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้าได้เห็น เคล็ดวิชาสังหารที่แท้จริงของผู้ฝึกดาบ”
ชิ้ง!
ดาบบงการฟ้าดินถูกร่ายรำออก
พลังของซูอี้พลันเปลี่ยนทันที นัยน์ตาเย็นชาดุดันมาก ไร้ความรู้สึกราวกับเทพเซียนบนสวรรค์
ท่าทางเย้ยหยันที่มองไม่เห็นกระจัดกระจายรอบ ๆ ร่างเขา ไร้โศกไร้สุข มองเห็นความเป็นความตายประหนึ่งเป็นเรื่องปกติ มองเห็นชัยชนะและความพ่ายแพ้ราวกับเป็นความว่างเปล่า
มีเพียงจิตสังหารที่เฉียบคมสะสมอยู่ภายในร่างกายและจิตใจ
บริสุทธิ์จนถึงขีดสุด!
ใบหน้าฉินฉางซานเผยความรู้สึกหวาดผวา ในใจนั้นสั่นกลัวมิอาจหยุดได้ ความอันตรายที่หนาวสะท้านถึงกระดูกแผ่กระจายออกมา กระตุ้นให้เขาเลือกสู้สุดชีวิตโดยไม่มีความลังเล
“สังหาร!”
ฉินฉางซานตะโกนขึ้น หนวดเคราผมเผ้าปลิวไหว ดวงตาโมโหเบิกกว้าง ทั้งร่างประหนึ่งถูกไฟเผาไหม้ รีดเค้นปราณทั่วร่างรวมเข้าไปภายในดาบคีรีตระหง่าน
เมื่อดาบนี้ผ่าออกไป…
มันก็นับได้ว่าเป็นดาบที่ทรงพลังที่สุด แพรวพราวที่สุดในชีวิตเขา!
ในเวลานี้ เขายังอยากขอบคุณชายหนุ่มที่ชั่วร้ายผู้นี้ หากไม่เป็นเพราะการกระตุ้นและการบีบคั้น เกรงว่ามิอาจทำให้เขาระเบิดพลังที่ซ่อนอยู่ทั้งหมดออกมา และแสดงดาบยอดเยี่ยมเช่นนี้ออกมาได้!
เคร้ง!!!
ทว่าชั่วพริบตาหนึ่ง คมดาบดั่งพายุที่บุกไปทางไหนก็แหลกพินาศทางนั้น ผ่าทลายดาบนั้นของเขา พลันดาบคีรีตระหง่านสั่นสะเทือนและหลุดออกไปจากมือ
และคมดาบนั้นก็ทะลุร่างของเขาไป
ฉึก!
เลือดสีแดงฉานสาดกระเด็นไปทั่ว ร้อนผ่าวและแสบตามาก
ฉินฉางซานก้มมองดาบที่แทงตัวเองอย่างตกใจ ราวกับผิดหวัง ราวกับงงงัน และตกตะลึง…
สุดท้าย เขาเงยหน้าขึ้นอย่างยากลำบาก สายตามองชายหนุ่มสวมชุดสีเขียวหล่อเหลาที่อยู่ตรงข้าม พลันเผยสีหน้าที่ยากลำบากออกมา พร้อมกับเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้ง
“เมื่อเจอกับดาบนี้ เพียงแค่ได้เห็นผู้ฝึกดาบที่น่านับถือ ข้าฉินฉางซานตายด้วยดาบเล่มนี้ กลับมีความสุขและรู้สึกโล่งใจด้วยเช่นกัน”
น้ำเสียงยังคงล่องลอยอยู่ ผู้ฝึกดาบ… ปรมาจารย์ลำดับที่ยี่สิบเจ็ดในรายนามแห่งอาณาจักรต้าโจวผู้นี้ ก็ล้มลงไปบนพื้น
บนใบหน้าเขา ไม่มีความผิดหวัง ความงงงันและความตกตะลึงอีกแล้ว
มีเพียงแค่ความสงบและความว่างเปล่าหลงเหลือเอาไว้
ท่วงทำนองของดาบนั้น ช่างงดงามจริง ๆ …
นี่คือความคิดสุดท้ายก่อนที่ฉินฉางซานจะตาย
บนยอดเขาเงียบสงัด
เซี่ยงเทียนชิวและคนอื่น ๆ ตกใจจนเหงื่อผุดขึ้นมา ประหนึ่งร่วงลงไปในอุโมงค์ และตะลึงจนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ดาบเมื่อครู่นี้ของซูอี้ ทำให้พวกเขาไม่ทันได้ตอบสนอง และมิอาจจ้องหาโอกาสในระหว่างนั้น ซึ่งเมื่อจะตอบสนองกลับไป ฉินฉางซานก็ถูกแทงทะลุร่างไปแล้ว!
และดาบเล่มนี้ ก็เป็นเหมือนสายฟ้าฟาดลงบนพื้น ทำลายความมั่นใจและความอวดดีที่เหลืออยู่ในใจพวกเขาหมดไป!
ปรมาจารย์ขั้นห้าอย่างฉินฉางซานถูกฆ่าตายด้วยดาบเล่มนี้ ใครล่ะจะไม่สั่นกลัวบ้าง?
ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ การตายของฉินฉางซานบ่งชี้ว่า งานเลี้ยงน้ำชาในครั้งนี้ พวกเขาแพ้แล้ว…
โจวจือหลี เจิ้งเทียนเหอและคนอื่น ๆ ล้วนสงบนิ่งอยู่ตรงนั้น
นี่คือดาบอะไรกันแน่?
มันไม่ใช่สิ่งที่โลกนี้ควรจะมี!
ชั่วครู่หนึ่ง เซี่ยงเทียนชิวถึงได้สติกลับมา สีหน้ามืดครึ้ม และเอ่ยด้วยน้ำเสียงกดต่ำ “ฝ่าบาทช่างยอดเยี่ยมนัก เซี่ยงผู้นี้… ขอชื่นชม!”
คำพูดดังกล่าวแฝงไว้ด้วยความไม่พอใจและความห่อเหี่ยว
พวกเขาพ่ายแพ้แล้ว
แผนการที่วางไว้หมดแล้ว ไพ่ไม้ตายก็เปิดไปหมดแล้ว ก็มิอาจเป็นคู่ต่อสู้ของอีกฝ่ายที่มีเพียงคนเดียวและดาบเดียวได้!
ผลลัพธ์นี้ คือสิ่งที่เซี่ยงเทียนชิวไม่เคยนึกถึงมันมาตั้งแต่แรก
อวี๋ไป๋ถิงและคนอื่น ๆ ก็กลัดกลุ้มจนใกล้จะกระอักเลือด พลันใบหน้าแต่ละคนก็ไม่น่าดูขึ้นมา
โจวจือหลีแค่ตกใจไปชั่วครู่หนึ่ง ภายในใจที่หดหู่ในตอนแรกพลันตื่นเต้นขึ้นมา เขาอธิบายความดีใจจนแทบบ้ากับความฮึกเหิมที่ทะลักออกมาจากทั้งร่างไม่ได้ ทำให้องค์ชายหกแห่งอาณาจักรต้าโจวผู้นี้เสียกิริยาไปเล็กน้อย
ชนะแล้วรึ?
ฮ่า ๆ ชนะแล้วจริง ๆ!?
หากไม่ใช่เพราะฐานะเหนี่ยวรั้ง โจวจือหลีก็คงหัวเราะเสียงดังระบายความรู้สึกที่เดือดพล่านในหัวใจออกมาอย่างห้ามไว้ไม่อยู่
ช่างยากเหลือเกิน
ท่ามกลางฉางกั้วเค่อและชิงจินที่ยื่นมือเข้าไปแทรกไม่ได้ เสวียหนิงเยวี่ยนที่ทรยศหักหลัง และเจิ้งเทียนซึ่งเหอพะว้าพะวงกับฐานะครอบครัว…
ทว่าความเลวร้ายในตอนสุดท้าย ก็พลิกกลับมาทันที!!
แล้วผู้ใดจะกล้าเชื่อสิ่งนี้ล่ะ?
เจิ้งเทียนเหอ ฉางกั้วเค่อ มู่จงถิงและคนอื่น ๆ เผยสีหน้าที่มีความสุขออกมา พลันในใจถูกปลุกความฮึกเหิมขึ้นมา
ผลลัพธ์เช่นนี้ ทำให้พวกเขาสั่นเทาและแปลกใจ
สายตาที่มองไปยังซูอี้ แฝงไว้ด้วยกลิ่นอายความชื่นชมศรัทธาอย่างบ้าคลั่ง
นี่สิถึงจะเรียกว่าของจริง อาศัยเพียงแค่คนเดียวดาบเดียว เพื่อพลิกสถานการณ์!
อวี๋ไป๋ถิง คังซานจิ่งพวกเขาเงียบไม่เอ่ยสิ่งใด การเผชิญหน้ากับการโจมตีที่หนักหน่วงในครั้งนี้ ทำให้พวกเขามิอาจฟื้นตัวกลับมาเป็นเวลานาน
“ยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท และยินดีกับนายท่านที่น่าเคารพ จากนี้ต่อไป หน้าที่ของเจ้าแคว้นกุ่นนี้ คงต้องให้พวกนายท่านรับหน้าที่แทนแล้ว”
เซี่ยงเทียนชิวเอ่ยด้วยรอยยิ้มแข็งทื่อ
ข้าง ๆ เขา คือจางหลิงอวี่ ผู้ว่าการเขตปกครองฮ่วยอันที่เขาหวังให้รับหน้าเป็นเจ้าแคว้นในตอนแรก พลันสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นสีเหลืองราวกับสีดิน ความรู้สึกในใจพลันมอดดับไป
“หึ ข้าไม่สนความยินดีของเจ้า ภายในสามวันนี้ ข้าต้องการให้เจ้านำงานทุกอย่างในจวนผู้บัญชาการส่งมอบออกมา!”
โจวจือหลีพ่นลมหายใจเย็นออกมา
นัยน์ตาส่วนลึกของเซี่ยงเทียนชิวฉายประกายความโกรธออกมา เขาไม่เอ่ยสิ่งใดมาก เพียงโบกมือ “ทุกท่าน งานเลี้ยงน้ำชาจบแล้ว ถึงเวลาที่พวกข้าควรจะกลับแล้วเช่นกัน”
เขาไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อไปอีก
สภาพการณ์ที่ต้องชนะในตอนแรก พังทลายลงเพราะการตายของฉินฉางซาน การโจมตีดังกล่าว ทำให้เซี่ยงเทียนชิวไม่รู้ว่าควรจะอธิบายให้กับองค์ชายรองอย่างไร
แต่ในขณะนั้นเอง ซูอี้ก็เอ่ยอย่างเฉยเมย
“ใครให้พวกเจ้ากลับไปกัน?”
คำพูดเบา ๆ ที่ลอยมา ทว่าราวกับมีอำนาจ ทำให้เซี่ยงเทียนชิวและคนอื่น ๆ ต่างสั่นเทิ้ม พลันใบหน้าก็เปลี่ยนไป
“ซูอี้ งานเลี้ยงน้ำชาจบลงแล้ว พวกข้าก็ยอมรับความพ่ายแพ้แล้ว เจ้ายังต้องการสิ่งใดอีก?”
เสวียหนิงเยวี่ยนตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก
แม้เขาจะดูเยือกเย็น ทว่าที่จริงแล้วในใจกลับหวาดกลัวมาก และพอจะคาดเดาได้อย่างเลือนรางว่าซูอี้คิดจะทำสิ่งใด
“งานเลี้ยงน้ำชาจบแล้ว ดังนั้นคนที่สมควรตายก็ต้องถูกจัดการเช่นกัน”
ซูอี้เอ่ยด้วยสีหน้าเฉยเมย “ในเมื่อเจ้าเป็นคนเอ่ยคนแรก ก็เริ่มจากเจ้าแล้วกัน”
ขณะที่เอ่ยอยู่นั้น ดาบบงการฟ้าดินก็ปรากฏอยู่ในมือเขาอีกครั้ง จากนั้นก็กวัดแกว่งออกไปทันที
ห่างออกไปห้าจั้ง เสวียหนิงเยวี่ยนผู้นำตระกูลหนึ่ง ผู้เป็นปรมาจารย์ขั้นสาม ภายในมหานครกุ่นโจว ถึงขนาดมีสมญานาม ‘อย่าได้ยั่วยุพญายม อย่าได้ยั่วยุเสวียหนิงเยวี่ยน’
ทว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับดาบของซูอี้ที่จู่ ๆ ก็กวัดแกว่งออกมา เสวียหนิงเยวี่ยนพลันใช้ไพ่ตายในการรักษาชีวิตทันที
ชิ้ง!
โล่สีทองขนาดเล็กเปล่งประกายแสงสว่างไสวปรากฏออกมา ขวางร่างของเสวียหนิงเยวี่ยนเอาไว้ แสงสว่างสีทองเคลื่อนไหวไปทั่ว พลันปรากฏยันต์ที่เข้าใจยากและแปลกประหลาดออกมา
โล่แสงทอง!
แปรสภาพโดยยันต์ลับที่สร้างโดยผู้ฝึกฝนวิถีต้นกำเนิด พลังในการป้องกันนั้นน่าทึ่งเป็นอย่างมาก
ปั้ง!!!
ท่ามกลางเสียงระเบิดที่ดังอึกทึก ดาบที่ซูอี้กวัดแกว่งออกไปกับโล่สีทองขนาดเล็กก็ระเบิดออก และสาดกระเด็นไปทั่วทุกทิศทุกทาง
เมื่อต้องเจอกับการโจมตีนี้ ร่างเสวียหนิงเยวี่ยนถูกกระแทกจนซวนเซ เสียใจจนอยากจะกระอักเลือดออกมา
ไม่รอให้เขาได้ยืนอย่างมั่นคง ซูอี้ก็กวัดแกว่งดาบเป็นครั้งที่สอง
“ไม่!”
เสวียหนิงเยวี่ยนขนลุกขนพอง หวาดกลัวจนวิญญาณเกือบออกจากร่าง
และท่ามกลางสายตาของทุกคน เสวียหนิงเยวี่ยนที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว หัวของเขาก็ลอยขึ้นไปในอากาศทันที
รอยที่คอของเขานั้นราบเรียบ และเลือดสดก็พุ่งกระเด็นออกมาราวกับน้ำพุ
ในหัวของผู้คนนั้นสับสนมึนงง ตกใจจนเปียกโชกไปด้วยเหงื่อเย็น
เสวียหนิงเยวี่ยน หนึ่งในห้าผู้นำตระกูลเก่าแก่แห่งมหานครกุ่นโจว มีอำนาจมากมายในหกเขตการปกครองแห่งแค้วนกุ่น
แต่กลับถูกตัดหัวเช่นนี้!!!
โจวจือหลี เจิ้งเทียนเหอและคนอื่น ๆ ต่างก็หวาดกลัว เพราะถูกภาพการเข่นฆ่าอย่างทารุณนี้กระตุ้นขึ้นมา
…แม้แต่พวกเขาก็ไม่นึกเลยว่า หลังจากที่จบงานเลี้ยงน้ำชาแล้ว ซูอี้ยังคงไม่เกรงใจและสังหารเสวียหนิงเยวี่ยนเช่นนี้อีก
เพียงแต่…
มันช่างมีความสุขจริง ๆ!
เมื่อโจวจือหลีนึกถึงสิ่งที่เสวียหนิงเยวี่ยนหักหลังก่อนหน้านี้ นึกถึงภาพเหตุการณ์ที่ซูอี้กับตัวเองเคยถูกเขาหัวเราะเยาะ และเมื่อมองร่างเสวียหนิงเยวี่ยนที่ส่วนบนถูกตัดเป็นสองท่อนและตายอย่างน่าอนาถอีกครั้ง พลันในใจก็รู้สึกมีความสุขประหนึ่งได้ดื่มน้ำเย็นถังหนึ่งในวันที่อากาศร้อน
“ซูอี้ เจ้ามันบ้าไปแล้ว!”
คังซานจิ่งที่มาจากสำหนักดาบมังกรเร้นตวาดอย่างตำหนิ และเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เฉียบขาด “งานเลี้ยงน้ำชาได้จบลงแล้ว การแพ้ชนะก็แบ่งออกมาชัดเจนแล้ว เหตุใดถึงยังต้องฆ่าคนอีก? เจ้ารู้ผลลัพธ์ที่จะตามมาหลังจากที่เจ้ากระทำเช่นนี้หรือไม่?”
ท่ามกลางผู้คนที่อยู่ในสนาม มีเขาเพียงผู้เดียวที่มีฐานะพิเศษ มาจากสำนักดาบมังกรเร้น และเป็นบุคคลที่โอ้อวดว่าตนนั้นเป็นบุคคลที่อยู่เหนือโลก
ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าเขาจะตกใจกับวิธีการที่ไร้ความรู้สึกและรุนแรง ทว่าเขากลับไม่กลัวเลยสักนิด
แต่เมื่อได้ยินเขาตะโกนตำหนิ ฉางกั้วเค่อกับชิงจินต่างก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไป พวกเขานั้นเข้าใจดี หากซูอี้ต้องการฆ่าคน ก็ไม่สนว่าผู้นั้นจะเป็นใคร
เหมือนกับตอนนั้นหลิ่วหงฉี ผู้อาวุโสสายนอกที่มาจากสำนักวงเดือน ก็ถูกเขาฆ่าตายโดยไม่มีความเกรงใจเลยสักนิด คนเช่นนี้ จะสนใจชื่อสำนักดาบมังกรเร้นได้อย่างไร?
เพียงแต่ ฉางกั้วเค่อกับชิงจินต่างก็เงียบ และไม่ได้เตือนเขา
ในความเป็นจริงแล้ว ถึงพวกเขากับคังซานจิ่งจะมาจากสำนักดาบมังกรเร้น ทว่าความสัมพันธ์กลับเป็นเหมือนไฟกับน้ำ สาเหตุนั้นเป็นเพราะ พวกเขาเป็นฝ่ายสนับสนุนองค์ชายหก
และคังซานจิ่งเป็นฝ่ายสนับสนุนองค์ชายรอง
ค่ายไม่เหมือนกัน แม้จะเป็นศิษย์สำนักเดียวกัน ก็มิอาจหันหน้าเข้าหากันได้
เมื่อเห็นคังซานจิ่งโมโห เซี่ยงเทียนชิวและคนอื่น ๆ ก็มีจิตใจที่ฮึกเหิมขึ้นมา
ที่น่าสนใจก็คือ สำนักดาบมังกรเร้นเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อันดับหนึ่งในอาณาจักรต้าโจว และมีกำลังในการฝึกฝนเหนือกว่าโลกสามัญแห่งนี้
ซูอี้ริอาจฆ่าเยว่จางหยวนแห่งตระกูลซูในมหานครหลวงอวี้จิง ริอาจฆ่าฉินฉางซานที่องค์ชายรองส่งมา และริอาจฆ่าเสวียหนิงเยวี่ยนผู้นำตระกูลเสวีย แต่ว่า…
เขายังริอาจฆ่าคนในสำนักมังกรเร้นอยู่อีกรึ?