บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 22 นายหญิงเฒ่ากรุณา
ตอนที่ 22 นายหญิงเฒ่ากรุณา
ตั้งแต่เนี่ยเป่ยหู่และฟู่ซานปรากฏตัวคนแล้วคนเล่า หวงเฉียนจวินคาดเอาไว้แล้วว่าจะบังเกิดเรื่องราวน่าชม
ท้ายที่สุด เพียงแค่ชั่วครู่ หลี่เทียนหานกับบุตรชายพลันเสียหน้า พร้อมกลับไปด้วยความสิ้นหวัง!
‘ท่านพ่อกล่าวได้ถูกต้อง ซูอี้ผู้นี้น่าจะมีความลับบางประการไม่เช่นนั้นคงไม่ซุกซ่อนอิทธิพลของตนเองไว้เช่นนี้ อาศัยเพียงแต่เส้นสายที่เผยในภัตตาคารรวมเซียนเมื่อวาน ชายผู้นี้ไม่จำเป็นที่จะต้องทนเป็นบุตรเขยไร้ค่าอยู่ในจวนตระกูลเหวินเลย’ หวงเฉียนจวินคิดในใจ
หลังกลับจากภัตตาคารรวมเซียนเมื่อวานนี้ ทั้งเขาและบิดาเช่นหวงอวิ๋นชง ต่างต้องพูดคุยกันยาวอยู่ทั้งค่ำคืน
สุดท้าย สองพ่อลูกต่างได้ข้อสรุปเดียวกันออกมา
ในเมื่อซูอี้มีอิทธิพลยิ่งใหญ่เช่นนั้น แต่กลับยังเลือกอยู่ในจวนตระกูลเหวินต่อ นั่นย่อมหมายถึงต้องมีความลับเบื้องหลังบางอย่างซ่อนอยู่!
ด้วยเหตุนี้ ยามเมื่อเขาและบิดาเช่นหวงอวิ๋นชงมาร่วมงานวันนี้ เขาจึงแทบไม่พูดกล่าวกับซูอี้ให้มากความแต่อย่างใด เพราะเขาหวาดเกรง ว่าเรื่องราวใดของซูอี้จะถูกเปิดเผยออกมา
ดังนั้นเมื่อตอนที่พ่อของเขาส่งมอบ ‘โสมราชันเก้าใบ’ ให้เหวินฉางไท่และภรรยา พ่อของเขาจำเป็นต้องเอ่ยอ้างว่าอยากจะส่งมอบของขวัญนี้ให้กับซูอี้และภรรยา
แน่นอนว่า การมอบให้เหวินหลิงเจาเป็นเพียงฉากบังหน้าให้ผู้คนไม่สงสัย คนที่เขาต้องการมอบให้จริง ๆ มีเพียงซูอี้ เท่านั้น! แต่เพื่อความแนบเนียนจึงได้ทำไปเช่นนั้น
หวงเฉียนจวินยังได้ตระหนัก ว่าเนี่ยเป่ยหู่และฟู่ซาน ต่างก็คาดเดาได้เช่นกันว่าซูอี้ไม่ต้องการเปิดเผยตัวตน ดังนั้นยามเข้าร่วมงานเลี้ยงจึง ‘แสดง’ อย่างมีชั้นเชิง!
‘เกรงว่าทุกคนในตระกูลเหวินคงไม่คาดคิดว่าข้าและบิดา รวมถึงสองตัวตนใหญ่โตเช่นเนี่ยเป่ยหู่และฟู่ซาน แท้จริงมาที่นี่ก็เพราะเห็นแก่หน้าซูอี้… เหอะเหอะ น่าสนใจดียิ่งนัก!’
หวงเฉียนจวินนึกสนุก
ซูอี้หาได้ทราบไม่ว่าหวงเฉียนจวินผู้เป็นคนหนุ่มอหังการจากภายนอก …ภายในศีรษะของเขาจะมีความคิดจินตนาการไปไกลถึงเพียงนี้
หากชายหนุ่มทราบเรื่องนี้คงไม่พ้นต้องหลุดขบขันออกมาเป็นแน่
แต่สิ่งหนึ่งที่ซูอี้รู้แน่นอนคือ สองพ่อลูกตระกูลหวง ฟู่ซาน และเนี่ยเป่ยหู่ ต่างมาที่นี่เพราะเห็นแก่หน้าเขา
“ไม่สิ พวกเขามาก็เพราะเห็นแก่หน้าตาเฒ่าแซ่เซียวและจื่อจิ่นต่างหาก” ซูอี้ลอบพึมพำ
ด้วยประสบการณ์ดำรงอยู่มาเป็นแสนปี มีหรือเขาจะไม่เข้าใจในเรื่องนี้ แต่เขาก็ไม่ชื่นชอบการหยิบยืมอิทธิพลผู้อื่นเพื่อแก้ปัญหาสักเท่าไหร่
ที่โถงหลักตระกูล
เมื่อหลี่เทียนหานและบุตรชายกลับไปแล้ว สภาวะตึงเครียดและหมองหม่นพลันคลายตัวออก
เหวินฉางจิ้งยิ้มบางอบอุ่น กล่าวเชื้อเชิญฟู่ซานและเนี่ยเป่ยหู่ไปหาที่นั่ง
วันนี้สองผู้ยิ่งใหญ่ได้ช่วยเหลือพวกเขารอดพ้นจากอันตรายภายในไม่กี่ประโยค!
“ครั้งนี้ ผู้สกุลฟู่ยังมีเรื่องสำคัญอื่นต้องกระทำ ดังนั้นคงไม่อาจเข้าร่วมงานเลี้ยง” ฟู่ซานเผยยิ้มพร้อมโบกมือ
ถัดจากนั้น เขาจึงหันและเดินไปยังเหวินฉางไท่และภรรยา พร้อมกล่าวบอกด้วยรอยยิ้ม
“น้องฉางไท่ ฮูหยิน ก่อนข้ามามีสุภาพบุรุษท่านหนึ่งกล่าวบอกให้ข้าส่งต่อของขวัญไปยังซูอี้และภรรยา” กล่าวคำจบ เขาเผยท่าทีจริงจังนำเอากล่องที่ถูกบุด้วยผ้าราคาแพงออกมาและส่งมอบ “ขอจำไว้ด้วย มีเพียงซูอี้และภรรยาจึงจะเปิดกล่องผ้าใบนี้ได้”
เหวินฉางไท่และฉินชิ่งพลันลุกขึ้นและโค้งกายจนเกือบสุด ทั้งสองหาได้คาดคิดไม่ว่าเจ้าเมืองกว่างหลิงจะให้เกียรติ ถึงขนาดมอบของขวัญให้ครอบครัวพวกเขาด้วยตนเอง!
ผู้อื่นภายในโถงต่างชะงักงันเช่นกัน กระทั่งหันมองหน้ากันเอง
เมื่อครู่นี้หวงอวิ๋นชง ผู้นำตระกูลหวง ได้มอบ ‘โสมราชันเก้าใบ’ ด้วยตนเองแก่เหวินฉางไท่และครอบครัว ก็ถือว่าน่าทึ่งมากพอแล้ว
แต่ตอนนี้กระทั่งผู้ยิ่งใหญ่เช่นเจ้าเมืองก็ยังมอบให้ด้วย?
เหวินฉางจิ้งและผู้ยิ่งใหญ่คนอื่นต่างชะงักงัน เรื่องราววันนี้มันคือสถานการณ์ใดกันแน่?
เหตุใดสามผู้ยิ่งใหญ่… ถึงเผยท่าทีอบอุ่นด้วยถึงเพียงนี้?
“ขอบ…ขอบพระคุณท่านเจ้าเมือง!”
เหวินฉางไท่เกิดตื่นเต้นยินดี กระทั่งไม่อาจควบคุมอารมณ์ จนน้ำเสียงสั่นเครือ
ใบหน้าฉินชิ่งเปล่งประกาย นางรู้สึกราวกับความโศกศัลย์ที่สะสมในใจตลอดหลายปีได้รับการปลอบประโลม!
นางสูดลมหายใจเข้าลึก เผยยิ้ม และโค้งศีรษะนอบน้อม “ด้วยฐานะตัวแทนบุตรสาวและบุตรเขย ขอบพระคุณท่านเจ้าเมืองที่เมตตา!”
สิ้นคำกล่าว นางจึงเหลือบมองท่าทีผู้คนภายในโถง ในใจขณะนี้นึกภาคภูมิ มุมปากอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
ในที่สุดก็มีวันที่มารดาเช่นนางภาคภูมิใจ!
ฟู่ซานกล่าวตอบ “ไม่ต้องขอบคุณข้า ของขวัญนี้ได้รับจากบุคคลผู้สูงศักดิ์ท่านหนึ่ง ข้าเพียงเป็นตัวแทนนำมาส่งมอบ”
“ขอบังอาจถามนายท่านฟู่ ผู้ใดฝากส่งมอบกันหรือ?” ฉินชิ่งเกิดความสงสัย
ผู้อื่นภายในโถงแทบจะตั้งหูรับฟัง
ถึงกับเรียกใช้เจ้าเมืองฟู่ซานนำมาส่งมอบด้วยตนเอง มีหรือผู้สูงศักดิ์ท่านนั้นจะธรรมดา?
หวงอวิ๋นชงลอบตระหนัก หัวใจอดไม่ได้ที่จะสะท้านขึ้น ตัวตนอันทรงเกียรติพลันปรากฏในใจเขา
ท่านเจ้าแห่งเขตปกครองหลิงเหยา!
เมื่อฟู่ซานได้ยินคำถามกลับนี้ยิ้มและส่ายศีรษะกล่าวตอบ “ตัวตนของผู้สูงศักดิ์ท่านนั้นไม่อาจเปิดเผย ฟู่ผู้นี้ขออภัยที่ไม่สะดวกตอบคำถาม ตราบเท่าที่ทั้งสองจดจำได้ว่าของขวัญนี้ต้องมอบให้ซูอี้และภรรยานั้นก็มากพอแล้ว”
ฉินชิ่งเร่งรีบกล่าวรับคำ “ข้าจะส่งมอบให้พวกเขาด้วยตนเองอย่างแน่นอน”
ทุกคนต่างเผยสีหน้าเคร่งเครียด
ฟู่ซานย้ำเตือนแล้วเตือนอีก ว่าของขวัญนี้มอบให้ซูอี้และภรรยา ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันจะต้องมีความหมายอย่างแน่นอน!
“เป็นเพราะหลิงเจาขณะนี้เป็นศิษย์ของตำหนักเทียนหยวนงั้นหรือ ถึงได้เกิดสถานการณ์เช่นนี้?”
เหวินฉางจิ้ง เหวินฉางชิง รวมถึงผู้ยิ่งใหญ่คนอื่นภายในที่นี้ต่างมองหน้ากันเอง พวกเขาต่างเดากันไปว่านั่นเป็นของขวัญแก่เหวินหลิงเจาเป็นแน่
หาได้มีผู้ใดนึกถึงซูอี้แต่อย่างใดไม่
“ข้ามีเรื่องราวสำคัญต้องไปทำ ผู้บัญชาการเนี่ย เจ้าอยู่ที่นี่เป็นตัวแทนข้าที” ฟู่ซานหันไปกล่าวบอกเนี่ยเป่ยหู่ ก่อนจะกลับไป
เหวินฉางจิ้งและผู้อื่นต่างเร่งรีบตามไปส่ง
ภายนอกโถง ยามที่ผ่านซูอี้ ฟู่ซานหยุดชะงัก ก่อนจะเผยยิ้มกล่าวบอก “คุณชายซู ผู้สกุลฟู่ขอตัวก่อน”
ซูอี้พยักหน้ารับ
ภาพนี้แม้ว่าผู้พบเห็นจะรู้สึกประหลาดใจถึงขีดสุด แต่กระนั้นพวกเขาก็เชื่อว่าซูอี้อาศัยแสงไฟของเหวินหลิงเจา จึงได้รับการปฏิบัติอย่างดีจากฟู่ซาน
จนกระทั่งร่างของฟู่ซานเดินเลือนหายไป หวงเฉียนจวินอดไม่ได้ที่จะเอ่ยคำนับถือเสียงเบา “พี่ซู ที่นี่วันนี้ ท่านถือว่ามีหน้ามีตาที่สุดแล้ว!”
ซูอี้เอ่ยคำไร้อารมณ์ “ไม่เกลียดชังข้าแล้วหรือไร?”
หวงเฉียนจวินชะงักไปครู่ ท่าทีเผยความละอาย กระทั่งกล่าวคำออกมา “บิดาข้าสั่งสอนบทเรียนอันหนักหนาให้แล้ว ทำให้ข้าได้เข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างตนเองกับพี่ซู… ข้า… ในใจข้ามีเพียงความสำนึกและกริ่งเกรง หาได้มีความเกลียดชังไม่”
ซูอี้แค่นเสียงเบาก่อนจะรับคำ “เจ้าคิดได้เช่นนั้นก็ดี”
รับฟังบทสนทนาระหว่างคนทั้งสอง เหวินหลิงเสวี่ยยิ่งสับสนมากขึ้น เรื่องราวสารพัดที่เกิดขึ้นวันนี้ล้วนแปลกประหลาดเกินไป…
ที่ภายในโถงใหญ่ตระกูล บรรยากาศกลับมาคึกคักอีกครั้ง แขกเหรื่อทั้งหลายต่างลุกเดินเข้าหา และฉลองให้กับเหวินฉางไท่และภรรยา
แม้ว่าเหวินฉางไท่จะค่อนข้างไร้เล่ห์เหลี่ยม ทว่าไม่ใช่คนโง่ เขาทราบว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร ในใจตอนนี้ยิ่งมีความสุขยินดี
ฉินชิ่งยิ่งตื่นเต้นกว่า รอยยิ้มเปล่งประกายเจิดจรัสบนใบหน้า
เหวินฉางจิ้ง เหวินฉางชิง รวมถึงผู้ยิ่งใหญ่ท่านอื่นในที่นี้ต่างร่วมยินดี ที่หลี่เทียนหานและบุตรชายกลับไปด้วยความผิดหวัง วิกฤตล้วนคลี่คลายลงแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น ตัวตนยากพบเช่นฟู่ซาน และเนี่ยเป่ยหู่ยังให้การสนับสนุน แขกเหรื่อที่นี่ล้วนได้เห็นกันถ้วนหน้า
ท่าทีของพวกเขาจึงแปรเปลี่ยนไปอย่างมีนัยยะ
มันราวกับมีการเขียนบท ให้เรื่องดีปรากฏหลังเรื่องเลวร้าย!
“พี่หวง คิดได้แล้วกระมัง?”
เนี่ยเป่ยหู่และหวงอวิ๋นชงนั่งไม่ห่างกันเท่านัก เขาเอ่ยถามเสียงเบา
“เมื่อวานผู้สกุลหวงไร้ดวงตาไม่รู้ความ หาเรื่องต่อคุณชายซู ข้าจะยังมีความเกลียดชังเช่นเดิมได้อย่างไร?”
หวงอวิ๋นชงยิ้มและกล่าวคำ “ต้องขอบคุณที่เมื่อวานนี้คุณชายซูมีเมตตา บุตรชายข้าจึงได้รับการละเว้นรอดพ้นหายนะภัยอันยิ่งใหญ่ ข้านึกขอบคุณ ดังนั้นจึงมาที่นี่ในวันนี้ด้วยตนเอง หนึ่งเพื่อแสดงความยินดีในวันเกิดแก่นายหญิงเฒ่าตระกูลเหวิน และสองเพื่อนำของขวัญมาส่งมอบเป็นการขออภัย”
เนี่ยเป่ยหู่ชะงักงันไปครู่ ก่อนจะจับจ้องหวงอวิ๋นชงและกล่าวบอก “ข้าขอคาดเดาสิ่งที่พี่หวงยังไม่ทันได้เอ่ยออกมาได้หรือไม่?”
หวงอวิ๋นชงเลิกคิ้วตอบรับ “ข้าคิดอยากได้ยินนัก”
เนี่ยเป่ยหู่มองไปยังภายนอกโถงใหญ่ หยุดลงยังหวงเฉียนจวินผู้ซึ่งนั่งเคียงข้างซูอี้ คำกล่าวออกอย่างมีความหมาย
“ข้าขอเดาว่าท่านเห็นถึงเส้นสายของคุณชายซู ที่ภายหน้ามีชะตาอันไร้ขีดจำกัดรอคอยอยู่ ดังนั้นจึงวางแผนพลิกหายนะที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้เป็นโอกาส ใช้ของตอบแทนและคำขออภัย เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับคุณชายซูในภายหน้าถูกต้องหรือไม่?”
หวงอวิ๋นชงหรี่ดวงตาลงเล็กน้อย ไม่ช้าจึงยิ้มตอบรับ “บุตรชายของข้าแม้จะทำตัวเหลวไหลอยู่บ้างแต่ก็หาได้โง่เขลาไม่ ข้าเชื่อว่าในอนาคตเขาจะมีอนาคตที่ยาวไกลหากอยู่ใกล้กับบุคคลที่ถูกต้อง อันที่จริงน้องเนี่ยเองก็คิดแบบเดียวกันด้วยกระมัง?”
เนี่ยเป่ยหู่ยกแก้วขึ้นก่อนจะหัวเราะ “ฮ่าฮ่า ในเมื่อคุยกันถูกคอเช่นนี้ งั้นมาร่วมดื่มกันหน่อยเถอะพี่หวง!”
นายหญิงเฒ่าตระกูลเหวินผู้นั่งอยู่ตำแหน่งเจ้าภาพโดยตลอด นางได้เห็นถึงภาพมุมกว้างของโถงแห่งนี้ ความรู้สึกแตกต่างกำลังผสมปนเปภายในใจ
วันนี้ คืองานเลี้ยงครบรอบวันเกิดปีที่แปดสิบ
หลากหลายเรื่องราวได้เกิดขึ้นวันนี้
กระนั้นนางก็ทราบว่าการที่ตระกูลเหวินได้พลิกกลับรอดพ้นจากอันตรายในวันนี้ได้เป็นเพราะหยิบยืมอิทธิพลของผู้อื่น
เมื่อนึกได้เช่นนี้ นายหญิงเฒ่าตระกูลเหวินก็สำรวจมองแขกเหรื่อมากมายในโถง กระทั่งมองไปยังร่างที่อยู่ภายนอกโถง
เป็นบุรุษหนุ่มคนหนึ่งในชุดคราม ร่างผอมบาง นั่งอย่างนิ่งเฉย ราวกับตัดขาดจากโลกทั้งใบ ประหนึ่งไร้ซึ่งผู้ใดอยู่ใกล้เคียง
หลังสูดลมหายใจเข้าลึก นายหญิงเฒ่าจึงกล่าวกับหญิงรับใช้ข้างกาย “ไปเรียกให้สะใภ้สามเข้ามาหาข้า!”
หญิงรับใช้เร่งรีบรับคำ
ไม่ช้า ฉินชิ่งเร่งรีบมา เอ่ยคำถามด้วยสีหน้าสับสน “นายหญิงเฒ่าเรียกข้าหรือ?”
นายหญิงเฒ่ากล่าวบอกด้วยสีหน้าจริงจัง “เจ้าจะต้องไม่เก็บของขวัญที่เจ้าเมืองฟู่และผู้นำตระกูลหวงมอบให้ในวันนี้ไว้กับตัวเอง ยามที่งานเลี้ยงวันเกิดนี้จบลง จงมอบให้แก่ซูอี้เสีย!”
ฉินชิ่งเผยสีหน้าแปรเปลี่ยน ทว่าก็ฝืนยิ้ม “นายหญิงเฒ่ากังวลเกินไปแล้ว ข้าไม่ใช่คนโลภเช่นนั้น แต่เพียง… ของขวัญนี้เป็นของบุตรสาวและบุตรเขยของข้า การมอบให้เพียงแต่ซูอี้ หาก…”
นายหญิงเฒ่าแค่นเสียง “อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าสันดานเจ้าเป็นเช่นไร! หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่นมอบพวกมันมา ข้าก็คร้านจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวสนใจ แต่สิ่งของที่เจ้าได้รับเมื่อครู่นี้แตกต่างออกไป เจ้าจงกระทำตามที่ข้ากล่าวบอกอย่าได้มีข้อแม้ใด!”
ฉินชิ่งชะงักแข็งค้าง อันที่จริงนางคิดจะเก็บของขวัญทั้งสองไว้โดยส่วนตัวจริง
หลังได้รับคำสั่งจากนายหญิงเฒ่า สุดท้ายนางก็ต้องละทิ้งความคิดและตอบรับอย่างหมองหม่น “เจ้าค่ะ”
หลังไล่ฉินชิ่งกลับไป นายหญิงเฒ่าก็ค่อยลุกขึ้น และกล่าวบอกหญิงรับใช้ข้างกาย “ไปกล่าวบอกซูอี้ ให้เขาไปพบข้าที่โถงยอดอ่อนบุปผา”
“เจ้าค่ะ” หญิงรับใช้ตอบรับคำ
ที่ภายนอกโถงใหญ่
เมื่อซูอี้ได้ทราบถ้อยคำของหญิงรับใช้ เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ หรือหญิงชรานั่นไม่อาจอดทนแล้ว?
ก็อาจเป็นเช่นนั้น
สาเหตุว่าทำไมเขามาเยือนงานเลี้ยงวันนี้ ก็เพราะต้องการคุยถึงเรื่องราวในอดีตกับนาง
“นำทางไปได้”
ซูอี้ดื่มสุราหมดจอก ก่อนจะลุกขึ้นด้วยท่าทีผ่อนคลาย และมุ่งไปยังโถงยอดอ่อนบุปผาพร้อมหญิงรับใช้