บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 238 จี้หยกโลหิตวิญญาณ!
ตอนที่ 238: จี้หยกโลหิตวิญญาณ!
ผู้ที่นำมาคนแรกเป็นผู้ชายสวมชุดเขียวผู้หนึ่ง ใบหน้าแคบยาว บนหัวสวมหมวกสูง
ผิวของเขาขาวซีด เบ้าตาลึก ในมือถือโคมไฟกระดาษสีดำ มีกลิ่นอายเยือกเย็นและลึกลับ ประหนึ่งเดินออกมาจากนรกก็ไม่ปาน
ด้านหลังชายที่สวมชุดเขียว มีกลุ่มศพมีชีวิตที่มีใบหน้าแข็งทื่อ แววตาเลื่อนลอย มีทั้งชายทั้งหญิง ทั่วร่างมีไอชั่วร้ายสีดำเข้มข้นลอยขึ้นมา
ผู้คุมศพ จงเหยา!
หนึ่งในเก้าผู้อาวุโสพรรคมารหยิน เชี่ยวชาญเคล็ดวิชาคุมศพ มีการบำเพ็ญสูงสุดระดับปรมาจารย์ขั้นสี่
“ไอ้แก่ หรือว่ามีเจ้าเพียงผู้เดียวที่อยู่ที่นี่?”
แววตาของมู่ซีดั่งสายฟ้า เอ่ยด้วยเสียงก้องกังวานออกมา
“แค่จัดการพวกเจ้า มีจงผู้นี้คนเดียวก็พอแล้ว”
จงเหยายิ้มออกมาเล็กน้อย น้ำเสียงที่แหลมเล็กราวกับมีดเลื่อยเสียดสีกันจนแสบหู “แน่นอนว่า หากพวกเจ้าออกไปตั้งแต่ยามนี้ จงผู้นี้จะอดทนไม่ลงมือฆ่า”
มู่ซีหัวเราะขึ้นมา “ตัวข้ากลับอยากจะลองดูว่า คนเลวที่เป็นคนก็มิใช่ผีก็มิใช่อย่างเจ้ามีความสามารถเท่าใดกัน ถึงได้ริอาจคุยโวโอ้อวดอย่างไม่รู้สึกกระดากอายเช่นนี้!”
น้ำเสียงดั่งสายฟ้าฟาด ดังกังวานไปทั่ว
เขาสวมเสื้อผ้าขาวสะอาด มือกุมหอกสู้รบสีทองไว้ พร้อมกับเร่งรัดการบำเพ็ญทั่วร่าง พลันอานุภาพที่แข็งแกร่งก็แผ่ขยายออกมา อานุภาพยิ่งใหญ่เกรียงไกรยิ่ง
“เหอะ! ยากที่จะเกลี้ยกล่อมผีสางด้วยคำพูดดี ๆ ได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จงผู้นี้จะส่งเจ้าเดินทางไปอีกโลกหนึ่งในตอนนี้เลย!”
จงเหยาพ่นเสียงเย็นออกมา พลิกมือซ้ายที่ว่างอยู่ พลันแผ่นทองแดงวงกลมดั่งกระดองเต่าก็ปรากฏออกมา
เขาใช้นิ้วขีดเส้นอยู่บนแผ่นทองแดงนั้นทันที
ฮึ่ม!
ภายใต้ท้องนภา ‘บัวมารโลหิต’ ขนาดใหญ่เก้าดอกส่งเสียงประหลาดออกมาทันที
จากนั้น แท่นบูชาหนึ่งร้อยแปดแท่งทั้งสองด้านที่อยู่บนผืนดินก็สั่นไหว เกิดรอยแตกร้าวขนาดใหญ่ ประหนึ่งฟื้นคืนชีพขึ้นมาจากความเงียบสงัด
ตูม!
พื้นดินสนั่นสั่นไหวไปทั่ว
พลันมีเสียงพึมพำคลุมเครือดังขึ้นมา ราวกับเสียงกระซิบของผี และเหมือนกับเสียงกรีดร้องที่แปลกของผีดุร้าย
พลังแปลกประหลาดที่มองไม่เห็นนั้น ประหนึ่งกระแสน้ำแผ่กระจายออกมา
“มันคือพลังของคลื่นค่ายกลต้องห้ามนั่น!”
ใบหน้าน่ารักของหนิงซือฮวาเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เสียงพึมพำที่เกิดขึ้นในยามนี้แตกต่างกับเสียงพึมพำที่พบระหว่างทางก่อนหน้า เสียงพึมพำในยามนี้คล้ายกับคลื่นมรสุมของทะเลโหมซัดกระหน่ำ ดังกังวานประหนึ่งสายฟ้าฟาด ช่างน่าหวาดกลัวยิ่งนัก
“ไม่ดีแน่!”
ยามนี้ ผูอี้ รองเจ้าตำหนักซิงหยา เจียงถานอวิ๋น ผู้อาวุโสใหญ่ตำหนักคงต้ง ผู้อาวุโสรองหลูฉางเฟิง รวมถึงเชินจิ่วซงเหมือนถูกโจมตีด้วยสายฟ้า เจ็บปวดรุนแรงประหนึ่งจิตวิญญาณถูกฉีกขาด บนใบหน้าเผยความเจ็บปวดอย่างสุดขีดออกมา
แม้แต่หนิงซือฮวาก็อดพ่นเสียงต่ำออกมาไม่ได้ ทั้งร่างสั่นไหว ใบหน้าที่อ่อนเยาว์เผยความขาวซีดออกมา
และด้วยการโจมตีของเสียงพึมพำนั่น ทำให้พวกเขาแต่ละคนเหมือนกับมึนเมา ทั้งร่างซวนเซ และกุมหัวร้องด้วยความเจ็บปวดด้วยความทุกข์ทรมาน
แม้มีการบำเพ็ญ ทว่าไร้ประโยชน์มิอาจโจมตีคลี่คลายและต้านทานเสียงพึมพำเหล่านั้นได้!
ไม่แปลกใจนักที่สิ่งนี้จะน่าหวาดกลัวมาก
“ราชาสะกดขุนเขา เห็นแล้วหรือยัง ภายใต้ ‘เก้าวังคุมขังมาร’ ของพรรคมารหยินข้า ผู้ช่วยเหล่านั้นของเจ้าล้วนอ่อนแอ!”
พลันมีเสียงหัวเราะอย่างลำพองใจที่เล็กแหลมของผู้คุมศพดังเข้ามาจากที่ไกล “จงผู้นี้มิได้คุยโวโอ้อวด แม้แต่เทพเซียนเดินดินที่เข้ามา ก็มิอาจทนรับการโจมตีของสิ่งนี้ได้!”
ภายใต้ท้องฟ้า บัวมารโลหิตขนาดมหึมาเก้าดอกก็สั่นไหวไปมา เชื่อมโยงกับแท่นบูชาที่อยู่บนพื้นทั้งหนึ่งร้อยแปดแท่ง ปลดปล่อยเสียงพึมพำที่คลุมเครือออกมา ราวกับคลื่นกระแสน้ำแผ่กระจายทั่ว
เมื่อเผชิญหน้ากับพลังค่ายกลต้องห้ามที่น่าหวาดกลัว ซึ่งทรงพลังเพียงพอสยบยอดยุทธ์ มันก็ทำให้ทุกคนเขม็งตึง ทว่าขณะเดียวกัน ค่ายกลที่ว่าก็คล้ายจะเปราะบางมากทีเดียว!
“ทุกท่านอดทนไว้ ข้าจะไปฆ่าเจ้าหน้าตาอัปลักษณ์นี้เอง!”
มู่ซีร้องตะโกนเสียงดังออกมา ร่างที่เหมือนกับสายฟ้าแลบ พุ่งไปในอากาศจู่โจมผู้คุมศพที่อยู่ไกลออกไป
เคร้ง!
แขนเสื้อเขาปลิวไสว หอกสู้รบสีทองที่อยู่ในมือกวัดแกว่งไปในอากาศ ใบหน้าที่หล่อเหลาเต็มไปด้วยจิตสังหาร คล้ายกับเทพเจ้าแห่งสงครามชำเลืองมองลงมา อานุภาพช่างน่าหวาดกลัวยิ่ง
“ที่แท้ ชายหนุ่มนี้ก็มีไพ่ตายอีกใบหนึ่ง จิตวิญญาณถึงไม่ได้รับการโจมตี…”
เมื่อเห็นมู่ซีโจมตีเข้ามา คล้ายกับว่าผู้คุมศพจะไม่แปลกใจ แต่กลับส่ายหน้าอย่างเหยียดหยาม
“ราชาสะกดขุนเขา เจ้าคิดจริงรึว่าที่แห่งนี้มีจงผู้นี้เพียงผู้เดียว?”
คำพูดยังไม่ทันจบ
ตูม!
ท่ามกลางเสียงดังสนั่นคล้ายฟ้าร้อง มีชายชาตรีที่มือหนึ่งกุมค้อนคู่ไว้ รูปร่างสูงใหญ่ ผมสีแดงราวกับเลือดพุ่งออกมาจากอากาศ
ถูหง
หนึ่งในเก้าผู้อาวุโสพรรคมารหยิน แกร่งกล้าสามารถ ชอบฆ่าจนติดเป็นนิสัย โหดเหี้ยมและดุร้าย มีชื่อเสียงชั่วร้ายว่า ‘มืออาบโลหิต’
ทันทีที่ถูหงปรากฏตัวออกมา ก็ส่งเสียงร้องตะโกนออกมาครู่หนึ่ง กวัดแกว่งค้อนคู่ขนาดใหญ่ในมือทุบไปทางมู่ซีอย่างโหดเหี้ยม
ตูม!
ค้อนมหึมาดุจเขาลูกใหญ่ นำพากระแสอานุภาพมหาศาลปะทุอย่างบ้าคลั่งไร้เทียมทาน
“หลีกไป!”
มู่ซีพ่นเสียงเย็นออกมา แกว่งหอกสู้รบสีทองในมือออกไปทันที นำพากระแสแห่งการทำลายล้างสีทองออกมา
เคร้ง!!!
ท่ามกลางเสียงกระทบกันที่ดังสะเทือนเลือนลั่น ร่างของถูหงที่สูงใหญ่ผมแดงก็ถูกกระแทกลอยออกไป ทำให้ผืนดินยุบเป็นหลุมขนาดใหญ่ เช่นเดียวกับแขนขวาที่กระเด็นกระดอนออกไป
บุคคลโหดร้ายป่าเถื่อนอย่างปรมาจารย์ขั้นสี่ผู้นี้ ในระหว่างที่เผชิญหน้ากันโดยตรง ไม่นึกว่ามิอาจรับการโจมตีนี้ของมู่ซีได้!
และมู่ซีก็ไม่รอช้า พุ่งไปโจมตีผู้คุมศพทันที
เขามองออกว่า แผ่นหินค่ายกลที่อยู่ในมือผู้คุมศพ คือส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดเสียงพึมพำแปลกประหลาดนั่น
เพียงแค่ทำลายแผ่นหินค่ายกลนั้นทิ้ง สถานการณ์ก็จะพลิกกลับอย่างแน่นอน
ทว่ามู่ซียังไม่ทันได้เข้าไปใกล้
จู่ ๆ ก็มีผู้หญิงที่สวมชุดสีดำปรากฏตัวออกมาในอากาศอย่างแปลกประหลาด ขวางทางเขาไว้
ผู้หญิงชุดดำนี้มีผิวที่ขาวผ่อง หน้าตางดงาม ทว่านัยน์ตาคู่นั้นกลับปรากฏแสงสีครามแปลก ๆ ออกมา
ฉับพลันที่มือทั้งสองของนางเคลื่อนไหว
ครืน
วายุใบมีดสีเลือดเต็มท้องฟ้าแผดเสียงคำรามออกมา พลันม้วนกวาดขึ้นไป
อากาศที่ราวกับผ้าไหม ถูกฉีกออกจากกันด้วยวายุใบมีดสีเลือดนับไม่ถ้วนและเกิดรอยแตกที่ยาวแคบ
นัยน์ตาของมู่ซีแข็งกร้าวขึ้นเล็กน้อย เขาสูดหายใจเข้าลึก พลันกวัดแกว่งหอกสู้รบสีทองออกไปอีกครั้ง
ฉึก!
ตูม!
ประจุไฟฟ้าสีทองปรากฏออกมานับไม่ถ้วน ดั่งฟ้าร้องวันโลกาพินาศ ด้วยพลังทำลายล้างดังกล่าว ผ่าวายุใบมีดสีเลือดนับไม่ถ้วนนั่นแหลกละเอียด เกิดเสียงดังระเบิดขึ้นมา แสงฝนสาดกระจาย
“เริ่ม!”
หญิงสวมชุดดำแผดเสียงเล็กแหลมออกมาจากปาก พลันพายุโลหิตสูงหลายสิบจั้งก็ปรากฏอยู่ต่อหน้าเขา ฉีกแยกท้องฟ้าเป็นสองส่วน
ตู้ม!
ร่างของมู่ซีถูกม้วนเข้าไปในพายุโลหิตทันที ร่างเขาสั่นไหวไปมา ประหนึ่งถูกใบสนจู่โจมเข้ามาจนฉีกขาด ช่างอันตรายยิ่งนัก
ทว่าแค่พริบตาหนึ่ง ร่างของมู่ซีก็ระเบิดแสงเทพสีทองเจิดจ้าแวววาวออกมา หอกสู้รบสีทองที่อยู่ในฝ่ามือก็กวาดออกไป
ตูม!!
เกิดเสียงระเบิดดังขึ้น พายุโลหิตหลายสิบจั้งก็ระเบิดแตกออก
ผู้หญิงชุดดำพ่นเสียงต่ำออกมา ร่างกายสั่นไหว รูม่านตาสีฟ้าแปลก ๆ นั้นเผยความตกใจออกมา
เจ้าราชาสะกดขุนเขานี่ แข็งแกร่งยิ่งนัก!!
ท่ามกลางแสงฝนที่กระจายไปทั่ว ร่างของมู่ซีเคลื่อนไหวฉับไว ถือหอกสู้รบสีทองจู่โจมเข้าไป
หญิงชุดดำมิอาจลังเล จึงยกมือเขย่ากระดิ่งสีเลือดขึ้น
กริ๊ง
ไอชั่วร้ายสีดำกลิ้งตลบออกมาจากอากาศ ประหนึ่งประตูแห่งนรกเปิดออก กลุ่มผีดุร้ายมากมายพุ่งออกมา
พวกมันโห่คำราม แผดเสียงดังก้อง พุ่งเข้ามาหามู่ซีด้วยพลังที่ล้นหลาม
ในขณะเดียวกัน ถูหงที่ร่างสูงใหญ่ผมแดงก็จู่โจมขึ้นมาอีกครั้ง เขาแกว่งค้อนขนาดใหญ่ไปทางมู่ซีจากทางด้านหลัง
มู่ซีขมวดคิ้ว พลางเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา “พวกเจ้ารนหาที่ตายเองนะ!”
แขนเสื้อเขาสั่นไหว ฝ่ามือซ้ายปรากฏจี้หยกสีแดงสดราวกับไฟเผาออกมาอย่างเงียบ ๆ
ชั่วพริบตาหนึ่ง พลังทั่วร่างของมู่ซีก็พุ่งสูงขึ้น แข็งแกร่งกว่าเมื่อครู่ไม่รู้กี่เท่า!
ภาพเหตุการณ์นี้ ถูกซูอี้ที่สนใจการต่อสู้อยู่ตลอดจับจ้องได้พอดี พลันนัยน์ตาก็เผยความประหลาดใจออกมา
จี้หยกซึ่งแปรสภาพจากโลหิตวิญญาณที่แท้จริง?
มิน่าเล่า เขาถึงสามารถเป็นราชาต่างสกุลได้ตั้งแต่อายุยังน้อยในโลกใบนี้!
ก่อนหน้านี้ ซูอี้ก็มีการคาดเดา และสงสัยว่ามู่ซีมีของล้ำค่าหายากชิ้นหนึ่งซ่อนอยู่บนร่างเขา
และยามนี้ เมื่อเห็นจี้หยกที่เต็มไปด้วยวิญญาณอยู่ในฝ่ามือซ้ายของมู่ซี ซูอี้ก็เข้าใจในทันที
ที่เรียกว่าโลหิตวิญญาณแท้ เพราะมาจากเลือดของสัตว์วิญญาณที่แท้จริง ซึ่งมีพลังที่น่าสะพรึงกลัวอย่างหาที่เปรียบมิได้
ในมหาทวีปคังชิงที่ทุรกันดาร จี้หยกที่แปรสภาพจากโลหิตวิญญาณแท้จริงอย่างชิ้นนี้ ย่อมถูกเรียกว่าเป็นสมบัติล้ำค่าหายาก สามารถดึงดูดความกระหายและการแย่งชิงของบุคคลที่มีขอบเขตสูงส่งได้!
ไม่แปลกใจเลย จี้หยกชิ้นนี้เป็นของแข็งแกร่งที่สุดซึ่งราชาสะกดขุนเขามู่ซีพึ่งอาศัย!
แต่ว่า สำหรับซูอี้ ที่เขาอยากรู้มากที่สุดก็คือ มู่ซีนำจี้หยกชิ้นนี้มาจากที่ใดกัน
ถึงอย่างไรบนโลกใบนี้ ภายใต้พลังวิญญาณของโลกที่เหือดแห้ง มิอาจเกิดสัตว์วิญญาณแท้จริงที่น่าหวาดกลัวเติบโตขึ้นบนโลกได้
“ร่างของชายหนุ่มผู้นี้ ต้องมีความลับอย่างอื่นอีกแน่”
ซูอี้แอบพึมพำในใจ
ตูม!
ในการต่อสู้ การประลองได้ปะทุขึ้น และหลังจากพลังของจี้หยกพุ่งสูง มันก็ราวกับว่ามู่ซีมีทวยเทพช่วยเหลือ แค่ไม่กี่พริบตาเท่านั้น ก็สกัดกั้นการโจมตีของถูหงและหญิงสวมชุดดำได้
หญิงสวมชุดดำบาดเจ็บกระอักเลือด เส้นผมกระจัดกระจาย
หน้าอกของถูหงปรากฏรอยเลือดเป็นทางยาวแคบออกมา เนื้อหนังปริแตก เลือดแดงฉานไหลหยดลงมา
สายตาของทั้งสองมองไปที่มู่ซี เผยความหวาดผวาออกมา ไม่นึกเลยว่า ราชาต่างสกุลที่อายุน้อยที่สุดแห่งต้าโจวผู้นี้จะแข็งแกร่งเช่นนี้
“สังหาร!”
แขนเสื้อมู่ซีปลิวไสว กวัดแกว่งหอกสู้รบ และจู่โจมเข้าไปอีกครั้ง
ในตอนนี้เอง ก็มีเสียงทอดถอนใจดังขึ้นมา “ไม่เสียทีที่เป็นราชาสะกดขุนเขา หากให้เวลาสิบปีแก่เจ้าอีกครั้ง เกรงว่าในต้าโจวแห่งนี้คงมีหงเซินชางปรากฏตัวออกมาอีกคนหนึ่ง”
เสียงถอนหายใจดังลอยอยู่ในอากาศ ชายชุดขาวผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวออกมา
หนวดเคราผมเผ้าเขามีสีเทาขาว ใบหน้าผอมแห้ง นัยน์ตาราวกับผ่านโลกมาอย่างโชกโชน ชั่วพริบตาที่ปรากฏออกมานั้น ก็กวัดแกว่งมือขวาเบา ๆ
ตูม!
พายุที่โหมกระหน่ำ เมฆโลหิตม้วนกลับ รวมตัวกันเป็นรอยฝ่ามือขนาดใหญ่ ทุกนิ้วล้วนหนาใหญ่ราวกับหินเสา เปล่งประกายด้วยแสงโลหิตที่แสบตา และโจมตีเข้ามา
มุทรามารโลหิต!
สิ้นเสียง ‘ตูม’ ที่ดังออกมา ร่างของมู่ซีสั่นไหว ถูกกระแทกจนถอยกลับไปหนึ่งก้าว
เมื่อตระหนักถึงฐานะตัวตนของอีกฝ่าย รูม่านตาของมู่ซีหดแคบ สีหน้าปรากฏความเคร่งขรึมที่หาได้ยากออกมา “รองประมุขพรรคมารหยิน ฮวาหลิวเยว่?”
ชายสวมชุดขาวยิ้มออกมาเล็กน้อย “ไม่นึกเลยว่า ราชาสะกดขุนเขาก็รู้ชื่อข้าด้วย”
มีแสงดาวเปล่งประกายอยู่ในตามู่ซี “ผู้คนล้วนคิดว่าเจ้าถูกราชครูหงเซินชางสังหารไปแล้วเมื่อสิบปีก่อน ดูเหมือนยามนี้ ผู้คนคงถูกเจ้าหลอกแล้ว”
ฮวาหลิวเยว่ เป็นผู้ที่มีจิตใจทะเยอทะยานทำเรื่องชั่วร้าย และก็เป็นบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ที่มีชื่อเสียงไปทั่วหล้าผู้หนึ่ง!
ชื่อเสียงความชั่วร้ายของเขา ดังขจรไปทั่วเมื่อหลายสิบปีก่อน และถูกรู้จักในนามปีศาจเฒ่าที่แข็งแกร่งเคียงบ่าเคียงไหล่กับราชครูหงเซินชางได้
สิบปีก่อน หงเซินชางนัดฮวาหลิวเย่วประลองที่ยอดเขา ‘ภูเขาเจินอู่’ ในต้าโจว
สุดท้ายการประลองในครานั้นก็จบลงด้วยชัยชนะของราชครูหงเซินชาง
และสำหรับผู้ที่ดูการประลอง ในศึกสุดท้าย ฮวาหลิวเย่วได้ถูกราชครูหงเซินชางใช้ดาบแทงทะลุร่าง ตายในทันที ร่างศพของเขาถูกหงเซินชางทิ้งเข้าไปในแม่น้ำเทียนหลานใต้หน้าผาสูง
ทว่ามู่ซีกลับไม่นึกเลยว่า สิบปีต่อมา กลับเจอปีศาจเฒ่าฮวาหลิวเยว่ในส่วนลึกของหุบเขามารบุปผาโลหิตอีกครั้ง!
หากข่าวนี้ถูกเผยแพร่ออกไป จักต้องสั่นสะเทือนไปทั้งต้าโจวแน่
อีกอย่าง ชื่อเสียงชั่วร้ายของฮวาหลิวเยว่นั้นขจรไปทั่ว หลายสิบปีก่อนเป็นบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ที่ไม่มีผู้ใดต่อกรด้วยได้ และเคยริเริ่มพายุการนองเลือดไม่รู้ตั้งกี่ครา!