บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 241 ไม้ดำศักดิ์สิทธิ์
ตอนที่ 241: ไม้ดำศักดิ์สิทธิ์
โครงดาบ?
มู่ซีประหลาดใจ เหตุใดเพียงแค่โครงดาบจึงทรงพลังถึงเพียงนี้
แล้วถ้าโครงดาบถูกตีขึ้นมาเป็นดาบจริง ๆ พลังของมันจะน่าสะพรึงกลัวเพียงใด?
“น่าแปลกใจจริง ๆ ที่ปีศาจเฒ่าฮวาหลิวเยว่สามารถหลอมสร้างสมบัติดังกล่าวได้”
มู่ซีบ่น
ซูอี้ส่ายหัว กล่าวว่า “ด้วยความสามารถอันน้อยนิดนั่น เขาจะหลอมสร้างศาสตราวุธวิญญาณได้อย่างไร หากข้าคาดเดาถูก ผู้ที่ทำโครงดาบนี้น่าจะเป็นคนคนเดียวกับที่จัดเตรียมแท่นบูชาร้อยแปดแท่น”
ทุกคนต่างตกตะลึง
เมื่อคิดให้ถี่ถ้วน การคาดเดานี้นับว่าสมเหตุสมผลอยู่
เพราะทุกคนต่างเห็นกับตา ว่าด้วยโครงดาบนี่… ทำให้ฮวาหลิวเยว่สามารถหยิบยืมพลังต้องห้ามได้
หนิงซือฮวาอดไม่ได้ที่จะถาม “สหายเต๋าดูออกหรือไม่ว่าการประลองนี้ใครคือผู้แข็งแกร่ง?”
ซูอี้คิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า “ในแง่ของค่ายกลและลวดลายยันต์ที่สลักลงไป พลังต้องห้ามนี่เพียงพอแล้วที่จะฆ่าตัวตนในขอบเขตวิถีวิญญาณ ดังนั้นคนหลอมสร้างมันขึ้นมาย่อมมีระดับการฝึกฝนบำเพ็ญที่สูงกว่า!”
วิถีวิญญาณ!
นัยน์ตาของหนิงซือฮวาและมู่ซีหดตัวลงอย่างฉับพลัน
เชินจิ่วซงสูดลมหายใจ ก่อนหน้านี้ระหว่างทางเคยได้ยินซูอี้และหนิงซือฮวาพูดถึงวิถีวิญญาณ
เป็นธรรมดาที่เห็นได้ชัดว่าการดำรงอยู่ของ ‘มหาปราชญ์สวรรค์’ นั้นน่ากลัวเพียงใด!
ผูอี้ เจียงถานอวิ๋น และหลูฉางเฟิงต่างก็งงงวย
อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นความตระหนกตกใจฉายบนใบหน้าของหนิงซือฮวาและมู่ซี พวกเขาก็ตระหนักว่าตัวตนที่หลอมสร้างแท่งบูชาขึ้นมา น่าจะเป็นตัวตนที่ทรงพลังเหนือจินตนาการ!!
อย่างไรก็ตาม ซูอี้กลับดูคล้ายไม่สนใจเรื่องนี้นัก ทำให้ผูอี้และคนอื่น ๆ ยำเกรงเขามากยิ่งขึ้น
ชายหนุ่มไม่อธิบายให้มากความ เพียงเหลือบมองไปรอบ ๆ ก่อนลงมือ ร่างของซูอี้พลิ้วไหวผลุบโผล่ เคลื่อนไปมาระหว่างแท่นบูชาต่าง ๆ
เมื่อกลับมา ในมือเขามีธงสีเลือดอยู่เก้าผืน
ธงมีขนาดเท่าฝ่ามือ ตัวเสาบางดั่งตะเกียบไม้ไผ่ ขณะที่ผืนธงถูกสลักด้วยลวดลายเมฆาบิดเบี้ยวน่าสยดสยอง
‘เก้าวังคุมขังมาร’ ที่ถูกใช้โดยคนพรรคมารหยิน ที่แท้ถูกใช้ออกผ่านธงสีเลือดทั้งเก้านี้
รากฐานสำคัญของค่ายกล คือการ ‘ฉกฉวย’ พลังที่เคลื่อนผ่านแท่นบูชาทั้งร้อยแปดแท่น
เช่นเดียวกับบัวมารโลหิตขนาดมหึมาทั้งเก้าดอกที่สะท้อนอยู่ใต้ท้องฟ้า ที่ก็อาศัยการไหลวนของพลังต้องห้ามจากแท่นบูชา
ในสายตาของซูอี้ ‘เก้าวังคุมขังมาร’ นี้ถือได้ว่าเป็นรูปแบบค่ายกลขนาดใหญ่ที่พบได้บ่อยที่สุด
อย่างไรก็ตาม ในโลกสามัญแห่งนี้ หายากนักที่จะสามารถปรับแต่งรูปแบบขนาดใหญ่เช่นนี้ได้!
“เพียงการกระตุ้นเล็กน้อย ก็มากพอแล้วที่ธงทั้งเก้าจะก่อตัวเป็น ‘เก้าวังคุมขังมาร’ ดึงพลังต้องห้ามมาใช้กีดกันฟ้าดิน กักขังศัตรูและฆ่าภายใต้แรงกดทับ…”
ซูอี้กล่าวเบา ๆ
วัตถุที่ใช้หลอมสร้างธงชุดนี้ค่อนข้างดี สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นวัตถุวิญญาณระดับสี่ที่หายากในโลกสามัญ
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ในพรรคมารหยิน ธงดังกล่าวสามารถเรียกได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่า
แต่ตอนนี้ มันตกอยู่ในกระเป๋าของซูอี้ไปแล้ว
แน่นอนว่าสำหรับซูอี้ กำไรที่พอจะเรียกว่าน่าสนใจจากการออกแรงขยับข้อนิ้วในครานี้ คือโครงดาบอย่างไม่ต้องสงสัย
โครงดาบนี้ยาวสี่เชียะ กว้างสามชุ่น ใบมีดหนาและเรียบง่าย ตัวดาบมีสีดำราวกับหมึก หลอมสร้างจาก ‘ไม้ดำศักดิ์สิทธิ์’
ไม้ดำศักดิ์สิทธิ์ ลือกันว่าถือกำเนิดในเก้าแดนคุมขัง เป็นวัตถุวิญญาณจากใต้พิภพ
ทุก ๆ พันปี ไม้ดำศักดิ์สิทธิ์จะถูกโจมตีโดย ‘สายฟ้าหยิน’ มีเพียงไม้ดำศักดิ์สิทธิ์ที่รอดจากภัยพิบัติสายฟ้านี้เท่านั้นที่สามารถเติบใหญ่จนกลายเป็นวัตถุวิญญาณ
ทุกหมื่นปี ไม้ดำศักดิ์สิทธิ์จะต้องเผชิญ ‘ทัณฑ์โลกันตร์’ หากสามารถอยู่รอด ‘จิตวิญญาณแห่งไม้’ จะถือกำเนิดขึ้น!
น่าเสียดาย… ไม้ดำศักดิ์สิทธิ์ตรงหน้าไม่ใช่เช่นนั้น มันยังไม่เคยเผชิญการเผาไหม้จาก ‘ทัณฑ์โลกันตร์’ ยังอีกยาวไกลนักกว่าที่มันจะกลายเป็นวัตถุสูงล้ำค่า
อย่างดีที่สุด มันถือได้ว่าเป็นเพียงวัตถุวิญญาณที่หายากเพียงเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ซูอี้พึงพอใจมากแล้ว เพราะโครงดาบดังกล่าวนับได้ว่าดีกว่าวัตถุวิญญาณอื่น ๆ มากนัก
ในโลกสามัญ สิ่งนี้ย่อมเรียกได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างไม่ต้องสงสัย!!
อันที่จริง ซูอี้กำลังคิดหลอมสร้างตีดาบเล่มใหม่ขึ้นมา เขาจึงรวบรวมวัตถุเอาไว้มากมาย และขณะนี้… เขาก็ได้โครงดาบมาครอบครอง จึงกล่าวได้ว่า ทุกอย่างพร้อมสรรพสำหรับการตีหลอม ขาดแค่เพียงสถานที่!
ในเวลานี้ มู่ซีมีท่าทีลังเล เอ่ยถามว่า
“คุณชายซู เนื่องจากตอนนี้ท่านสามารถควบคุมบงการแท่นบูชาทั้งร้อยแปดได้ เช่นนั้นมีวิธีใดบ้างที่จะเผยให้เห็นสิ่งซึ่งซ่อนอยู่ในส่วนลึกของรอยแยกเหล่านี้?”
สายตาของคนอื่นพากันหันมองผู้ถูกเอ่ยถึง
คนเหล่านี้มาที่หุบเขามารบุปผาโลหิตในครั้งนี้เพื่อคว้าโอกาส
ตอนนี้ทุกคนล้วนทราบแล้วว่า แท้ที่จริงปรากฏการณ์ฝูงสัตว์อสูรคลั่งในหุบเขามารบุปผาโลหิต สาเหตุมาจากส่วนลึกของรอยแตกลึกลับขนาดใหญ่ที่ไม่รู้จักตรงหน้านี้!
“ภายใต้รอยร้าวนี้ เมื่อพลังที่แท้จริงของมันถูกผนึกไว้ ย่อมยากที่จะบอกกล่าวว่าแท้ที่จริงของที่อยู่ข้างใต้เป็นพรหรือคำสาปกันแน่”
ซูอี้เก็บโครงดาบและธง
“ถูกผนึก?” มู่ซีประหลาดใจ
หนิงซือฮวาอธิบาย “ระหว่างทางมาที่นี่ สหายเต๋าซูได้คาดเดาว่าแท้ที่จริงแล้วแท่นบูชาทั้งร้อยแปด มีจุดประสงค์เพื่อปิดกั้นพลังซึ่งอยู่ลึกลงไปในพื้นดิน พวกท่านจำได้หรือไม่ เสียงพึมพำนั่นจากเมื่อก่อนหน้านี้?”
ทุกคนตกใจ การแสดงออกของพวกเขาเปลี่ยนไป คล้ายจะเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาบ้างแล้ว
เสียงพึมพำที่ว่านั่น เป็นไปได้มากว่าเกิดจากพลังลึกลับที่ถูกผนึกไว้ในส่วนลึกของรอยแตกนี้!
“ดังนั้นฮวาหลิวเยว่และคนอื่น ๆ จากพรรคมารหยินจึงพยายามเปิดผนึก… พวกเขาหมายปล่อยพลังลึกลับที่ถูกผนึกไว้ใต้ดินออกมา?”
เชินจิ่วซงกล่าวด้วยความประหลาดใจ
ทุกคนตกใจอ้าปากค้าง
หากพลังลึกลับนั้นเป็นพร นั่นย่อมเป็นสิ่งที่วิเศษ
แต่ในกรณีที่เป็นหายนะ เมื่อผนึกแตก มันคงไม่ต่างจากการเปิดประตูสู่หายนะ!
“มันจะเป็นพรหรือคำสาป แค่ไปดูแล้วก็จะรู้” ดวงตาของมู่ซีเป็นประกาย
“ที่นี่อันตรายเกินไปสำหรับเจ้า ข้าแนะนำให้เจ้าหยุดที่นี่ถ้าไม่แน่ใจ”
ซูอี้เอามือไพล่หลัง เดินมาถึงขอบของรอยแตกขนาดใหญ่แคบราวกับหุบเหว และมองลงไป
มู่ซีพยักหน้า เหลือบมองไปทางผูอี้และคนอื่น ปากพูดว่า “พวกเจ้ารออยู่ที่นี่ ข้าและคุณชายซูจะลงไปข้างล่างนี่ด้วยกัน”
ผูอี้และคนอื่น ๆ ย่อมไม่มีความเห็น
“ข้าก็จะไปเช่นกัน” หนิงซือฮวากล่าว
ซูอี้ไม่ได้คัดค้าน พลางกล่าวว่า “มาคุยกันก่อน ข้างใต้นั่นอาจมีอันตรายซ่อนอยู่ ถ้าพวกเจ้าอยากจะไปด้วย พวกเจ้าจำเป็นต้องฟังข้า”
หนิงซือฮวารับปากอย่างมีความสุข
มู่ซียิ้มเล็กน้อยและพูด “คุณชายซูไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่ทำตัวเป็นภาระ”
น้ำเสียงนั้นมั่นใจ
ซูอี้ไม่พูดมากแล้วดีดนิ้ว
เป๊าะ!
แรงนิ้วอันรุนแรง กระแทกแท่นบูชาจนห่างออกไปหลายฉื่อ
ทันใดนั้นก็มีเสียงคำรามดังขึ้น แท่นบูชาทั้งร้อยแปดแท่นพลันเกิดความผันผวน ก่อให้เกิดแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัว พุ่งไปที่ส่วนลึกของรอยแยกใต้ดิน!
จะเห็นได้ด้วยตาเปล่า ว่าหมอกสีโลหิตที่พุ่งออกมาจากส่วนลึกของรอยแตกนั้นค่อย ๆ ถูกระงับไป!
“ไปกันเถอะ”
ซูอี้มุ่งหน้าเดินนำไปก่อน
ส่วนหนิงซือฮวาและมู่ซีติดตามไปอย่างใกล้ชิด
ในไม่ช้า ร่างทั้งสามก็หายวับไปในความมืดมิดในหุบเขาลึก
“พวกเจ้าทุกคน มารอที่นี่กันเถอะ”
เชินจิ่วซงเหลือบมองคนอื่น ๆ จากนั้นจึงเดินไปยังแท่นบูชาและนั่งไขว่ห้าง
เจียงถานอวิ๋น ผู้อาวุโสจากตำหนักคงต้งลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงก้าวไปข้างหน้า โค้งคำนับและกล่าว “จวิ้นอ๋องอวิ๋นกวง ใช้โอกาสนี้คุยกับข้าเกี่ยวกับคุณชายซู… ซูอี้ได้หรือไม่?”
เชินจิ่วซงหัวเราะ ก่อนหน้านี้ระหว่างทางเจ้าอวดเก่งและตำหนิคุณชายซู แต่ตอนนี้กลับลดท่าทีลงแล้ว?
“เมื่อพูดถึงคุณชายซู ข้าก็พลันมีข้อสงสัยมากมายในใจ ดังนั้นมันคงจะดีถ้าท่านสามารถไขความกระจ่างให้ข้าได้”
“ได้โปรดให้คำแนะนำแก่ข้าด้วย!”
ในเวลานี้ผูอี้และหลูฉางเฟิง สองผู้อาวุโสจากตำหนักซิงหยาเองก็เข้ามาร่วมวงด้วยเช่นกัน
เมื่อเห็นว่าเหล่าผู้เฒ่าที่หยิ่งผยอง มาตอนนี้กลับเปลี่ยนท่าทีเป็นนอบน้อมถ่อมตน เชินจิ่วซงก็พอใจอย่างมากเช่นกัน
เขากระแอมเบา ๆ พูดว่า “ทุกท่าน ข้าไม่ใช่คนไร้น้ำใจ ทว่าข้าพูดได้แค่เรื่องที่ควรพูด ส่วนเรื่องไม่ควรพูด พวกท่านก็อย่าทำให้ข้าลำบากใจเลย”
เจียงถานอวิ๋นและคนอื่น ๆ พยักหน้า “นี่คือเรื่องปกติ นี่คือเรื่องปกติ”
หลังจากนั้นเชินจิ่วซงก็เล่าเรื่องของซูอี้ทีละเรื่อง
ตามที่สัญญาไว้ก่อนหน้านี้ เขาพูดแค่ในสิ่งที่ควรจะพูด สิ่งที่ไม่ควรพูดเขาก็ไม่เอ่ยถึง
แต่ถึงกระนั้นเจียงถานอวิ๋นและคนอื่น ๆ ยังคงประหลาดใจเมื่อได้ยินเรื่องเหล่านี้ กระทั่งอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเป็นครั้งคราว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขารู้ว่าแม้แต่ฉินฉางซาน ปรมาจารย์อันดับยี่สิบเจ็ดในรายนามแห่งต้าฉาง ก็ยังถูกฆ่าโดยซูอี้! เรื่องนี้ทำให้เจียงถานอวิ๋นและคนอื่น ๆ ต่างก็ตกใจและขมขื่น
หากพวกเขารู้เรื่องนี้มาก่อน พวกเขาจะกล้าดูถูกซูอี้ระหว่างทางได้อย่างไร?
ทว่าสิ่งที่ทำให้พวกเขามึนงง คือเรื่องที่ซูอี้เป็นบุตรชายของตระกูลซูแห่งนครหลวงอวี้จิง แต่เจ้าตัวกลับมีความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดกับตระกูลซู …เรียกได้ว่าเปรียบดั่งน้ำกับไฟที่ไม่มีวันเข้ากันได้!
และสิ่งที่ทำให้พวกเขาเหลือเชื่อยิ่งกว่านั้น ก็คือความสามารถที่คาดเดาไม่ได้ของซูอี้ ที่ดูเหมือนจะไม่ใช่สิ่งที่ได้รับมาจากตระกูลซู…
น่าเสียดายที่เชินจิ่วซงไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ และปากของเขาก็แข็งมาก
ทำให้เหล่าผู้ฟังแม้จะอยากรู้ แต่ก็ทำอันใดไม่ได้ ได้แต่เพียงส่ายหัวและฝืนยิ้ม
ในขณะเดียวกัน
ลึกลงไปใต้ดินราวสามร้อยจั้ง
ตูม!
ซูอี้ออกแรงที่ปลายเท้า กระโดดไปมาระหว่างขอบผา จากนั้นร่างของเขาก็ลงสู่พื้นอย่างมั่นคง
สิ่งแรกที่ดึงดูดสายตาของชายหนุ่มคือหมอกโลหิตรอบกาย และเมื่อวิสัยทัศน์ของเขาชัดเจนขึ้น…
ที่แท้ใต้รอยแยก มีดินแดนใต้พิภพคงอยู่!
มีโขดหินแปลกประหลาดและป่าหินกว้างสุดลูกหูลูกตา และหมอกสีเลือดเข้มก็ปกคลุมไปทั่ว ทำให้มองไม่ออกว่าโลกใต้ดินแห่งนี้กว้างใหญ่เพียงใด
ซู่~~
เสียงกระแสน้ำไหลเชี่ยวดังขึ้นท่ามกลางหมอกสีเลือดที่ปกคลุมไปทั่ว คล้ายว่าในที่ไกลออกไปมีแม่น้ำไหลผ่าน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาได้ยินเสียงที่ไหลเชี่ยวของกระแสน้ำ รูม่านตาของซูอี้พลันเบิกกว้างทันใด!